ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงทักทายดังขึ้นจากด้านข้างของเขา
“สวัสดีครับ”เสียงนุ่มนวลกล่าวทักทายออกมา
ฝูซินอี๋หันไปมองเ้าของเสียงนุ่มนวล เห็นชายหนุ่มใบหน้าสวยคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆที่นี่ของเขา ชายหนุ่มคนนี้สวมเสื้อผ้าที่ดูเรียบร้อย ยืนส่งยิ้มหวานให้กับเขาอยู่
“สวัสดีครับ”ฝูซินอี๋ยิ้มและตอบกลับไปเบาๆ
“ผมชื่อหวังจุน พวกเราเป็ยุวชนที่ถูกส่งไปชนบทด้วยกันครับ มาเป็สหายกันเถอะ”หวังจุนที่แนะนำตัวเองเสร็จและขอเป็เพื่อนทันที
“ครับ ผมฝูซินอี๋ครับ”ฝูซินอี๋ตอบกลับไปงง กับความเป็มิตรของชายหนุ่มหน้าหวานตรงหน้า
หวังจุนยิ้ม"ฝูซินอี๋หรือ..ชื่อเพราะนะ"
ฝูซินอี๋ยิ้มและพยักหน้าตอบรับ ที่มีคนชมว่าชื่อของตัวเองว่าเพราะ
"จริงสิ คนนี้สหายของฉันเอง ชื่อหลี่ิ พวกเราเป็สหายสมัยเด็กกัน เราสามคนมาสนิทกันเอาไว้เถอะนะ” หวังจุนกล่าวและดึงสหายสมัยเด็กของตนเข้ามากอดคออย่างสนิทสนม
หลี่ิปล่อยให้หวังจุนกอดคอ และมองฝูซินอี๋และส่งรอยยิ้มเล็กน้อยไปให้ ก่อนที่จะเอ่ยทักทาย“สวัสดีครับ สหายฝูซินอี๋”
“สวัสดีครับ สหายหลี่ิ”ฝูซินอี๋ตอบกลับ
หวังจุนพูดต่อ“ั้แ่ขึ้นรถไฟมา พวกเราอยากมาทำความรู้จักกับนายแล้ว แต่เห็นว่านายขึ้นรถไฟมาได้ ก็หลับมาตลอดทางเลย เลยไม่ได้มาทำความรู้จัก นายคงไม่โกรธใช่ไหม”
ฝูซินอี๋หัวเราะเบาๆกับความเป็มิตรของชายหนุ่มตรงหน้า“ผมจะได้ยังไงละครับ พอดีเมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย พอขึ้นรถได้เลยง่วงนะ”
หลี่ิพูดกับหวังจุน“เห็นไหม ฉันบอกนายแล้วว่าอย่าเพิ่งมารบกวนคนอื่นเขา นายก็ยังอยากจะมารบกวนอีก รออีกหน่อยค่อยมาก็ได้”
หวังจุนยิ้ม ก่อนจะทำแก้มป่องๆใส่สหายในวัยเด็ก“แต่ว่าตอนนี้สหายฝูซินอี๋ตื่นแล้วนี่นา ฉันก็ไม่ได้มารบกวนด้วย ใช่ไหมสหายฝูซินอี๋"
“นายไม่ได้มารบกวน..ฉันตื่นแล้วนะ”ฝูซินอี๋กล่าวและมองทั้งสองคนตรงหน้าที่ดูสนิทกันมาก ทำให้ให้พระพายคิดไปถึงเพื่อนสนิทในวัยเด็กคนนั้น
"ฝูซินอี๋ นายมาคนเดียวเหรอครับ?ไม่มีคนรู้จักมาด้วยเหรอ?”หวังจุนถาม
“ผมมาคนเดียวนะ ไม่มีคนรู้จักที่ถูกส่งมาด้วย”ฝูซินอี๋ตอบกลับคำถามสหายใหม่
ทั้งสามคนพูดคุยกันไปตลอดทาง และคุยกันเื่ที่ไปถึงแล้วทุกคนจะทำอะไรกัน ทั้งสามพูดคุยกันและคิดว่าจะช่วยเหลือกันและกัน ทำให้เกินมิตรภาพระหว่างทั้งสามคนบนรถไฟ
…
ลมหนาวพัดกระหน่ำพัดพาความเย็นะเืเข้ามา ปะทะใบหน้าของผู้คนที่กำลังลงจากขบวนรถไฟที่สถานีเฉินหยาง มณฑลเหลียวหนิง ฝูซินอี๋หอบกระเป๋าเดินทางที่ครอบครัวได้เตรียมเอาไว้ให้ลงจากขบวนรถไฟ พร้อมกับหวังจุนและหลี่ิ สหายร่วมเดินทางคนใหม่
สองเท้าก้าวลงบนพื้นคอนกรีตที่เย็นะเืของสถานีรถไฟ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางอันยาวนานผสมผสานกับความหนาวเย็น ทำให้ร่างกายของเขารู้สึกแข็งทื่อ อากาศที่นี่หนาวเย็นไม่แพ้ปักกิ่งเลย ฝูซินอี๋รู้สึกหนาวจับใจ เขาขยับตัวเล็กน้อย เพื่อให้เสื้อผ้าที่เขาใส่มีความอบอุ่นมากขึ้น
"พวกเรามาถึงมณฑลเหลียวหนิงแล้ว"หวังจุนเอ่ยขึ้นพร้อมกับยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะถูกหลี่ิช่วยจัดผ้าพันคอให้
"อยู่เฉยๆ สิ นายไม่หนาวหรือไง!"หลี่ิบ่นพลางจับมือหวังจูมาถูไถไปมา เพื่อให้มือร้อน
“หนาวสิ…แต่คนที่ถูกส่งมาพร้อมพวกเราเยอะจังเลยนะ”หวังจุนกล่าวและมองไปรอบๆสถานีรถไฟ เมืองเฉินหยาง เมืองหลวงของมณฑลเหลียวหนิง
หลี่ิพยักหน้าเห็นด้วย สายตามองไปรอบๆ สถานีที่คึกคักไปด้วยผู้คนมากมาย ที่กำลังเดินทางมาถึงเช่นเดียวกัน
ทันใดนั้นเอง ก็มีเ้าหน้าที่รัฐในชุดเครื่องแบบเดินเข้ามาประกาศชื่อยุวชนที่ถูกส่งตัวมาประจำการในมณฑลเหลียวหนิงทีละคน ฝูซินอี๋ หวังจุน และหลี่ิ ต่างก็ได้ยินชื่อของตัวเองถูกเรียก
ฝูซินอี๋และเพื่อนๆ เดินไปรวมกลุ่มกับยุวชนคนอื่นๆ ที่ถูกส่งตัวมาที่มณฑลเหลียวหนิงเช่นกัน เ้าหน้าที่รัฐในชุดเครื่องแบบเดินเข้ามาแจ้งรายละเอียดต่างๆ และถูกพาขึ้นรถไฟเดินทางไปเมืองเสิ่นหยาง ซึ่งเป็เมืองอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญของประเทศจีน
เมื่อมาถึงเมืองเสิ่นหยางโดยรถไฟแล้ว ทุกคนที่ถูกส่งมาที่เมืองเสิ่นหยางต่างพากันหอบข้าวของลงจากรถไฟอีกรอบ
"ทุกคนจะถูกแบ่งออกเป็กลุ่มย่อย เพื่อเดินทางไปยังอำเภอและหมู่บ้านต่าง ๆ"เ้าหน้าที่กล่าว และแบ่งกลุ่มยุวชน ก่อนที่จะมีเ้าหน้าที่รัฐคนอื่น ๆ พากลุ่มเยาวชนคนต่าง ๆ เดินทางไปตามอำเภอต่าง ๆ ที่ถูกส่งไป
"ตอนนี้พวกคุณจะต้องเดินทางออกจากเมืองเสิ่นหยาง เพื่อเดินทางไปที่อำเภอฟู่ซิน ที่ที่หมู่บ้านที่พวกคุณต้องอยู่อาศัยนับจากนี้"เ้าหน้าที่กล่าวและพากลุ่มยุวชนเดินทางไปขึ้นรถโดยสาร เพื่อเดินทางไปที่อำเภอฟู่ซิน
.................................................................................................................................
ในตอนที่12 ของติดถุงแดงนะคะ ของคุณทุกท่านที่ติดตามมาตลอดค่ะ ฝากนิยายเื่อื่นๆด้วยนะคะ