ภาค 3 : ตราศักดิ์สิทธิ์
ท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงัด หมู่เมฆรวมตัวกัน เมฆดำจำนวนมากจับตัวกันหนาแน่นบดบังแสงสว่างของดวงจันทร์
ในที่สุดก็มีฟ้าผ่าลงมาท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงัดและตามมาด้วยสายฝนที่สาดกระจายลงมา........... เวลาผ่านไปไม่นานสายฝนที่โปรยปรายลงมาก็หลายเป็ห่าฝนที่โหมกระหน่ำ
ตอนนี้เป็เวลาเที่ยงคืนแล้ว เสียงเม็ดฝนที่ตกลงมาและเสียงสายฟ้าที่ผ่าลงมาเป็แสงสว่างวูบวาบดังขึ้นเรื่อยๆทำลายค่ำคืนอันเงียบสงบไปจนหมดสิ้น
กั่วกัวที่ถูกเสียงฟ้าผ่าปลุกให้ตื่นขึ้นมาเอนตัวลงข้างหน้าต่าง ใบหน้าเล็กๆนั่นแนบติดไปกับกระจก ดวงตาทั้งสองข้างเป็ประกายระยิบระยับ เธอมองดูสายฟ้าที่แลบแปลบปลาบด้านนอกไม่หยุดอย่างตื่นเต้น
“ว๊าว! สวยมากเลย”
เสียงฟ้าร้องแบบนี้สามารถทำให้เด็กในวัยเดียวกันใกลัวจนร้องไห้จ้าได้ แต่มันกลับกลายเป็ความรู้สึกตื่นเต้นสำหรับกั่วกัวแทน
เย่เทียนเซี่ยซุกหัวอยู่กับผ้าห่มแน่นพยายามที่จะหลบเลี่ยงเสียงฟ้าผ่าและเสียงฝนที่รบกวนการนอนของเขา เมื่อมีประสาทััที่ละเอียดอ่อนเกินไปก็ไม่ใช่เื่ที่ดีสักเท่าไร เพราะเพียงแค่ทำอะไรเล็กๆน้อยๆก็สามารถทำให้เขาตื่นขึ้นมาได้แล้ว ดังนั้นจึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานการณ์เช่นนี้เลย
“นายท่าน นี่คือฟ้าผ่าหรือเ้าคะ.........”
“ใช่” เย่เทียนเซี่ยตอบกลับไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
“นายท่าน ทำไมบนฟ้าถึงได้มีสายฟ้าตกลงมาล่ะเ้าคะ แปลกมากเลยนะเ้าคะ”
“.........ไม่รู้เหมือนกัน”
“นายท่าน ข้าอยากออกไปดูจังเ้าค่ะ.......”
“อืม............” เย่เทียนเซี่ยพึมพำเสียงเบาโดยไม่รู้ตัว
ครืด.......
หน้าต่างถูกกั่วกัวเปิดออก สายลมเย็นเยียบพัดหยาดน้ำฝนกระเด็นเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็ว เตียงนอนของเย่เทียนเซี่ยอยู่ใกล้หน้าต่างมาก ดังนั้นน้ำฝนที่ถูกพัดเข้ามาจึงสาดกระเซ็นไปทั่วศีรษะและร่างของเย่เทียนเซี่ยทำให้เขารู้สึกตื่นตัวขึ้นมาแปดส่วนภายใต้แรงกระตุ้นอันหนาวเย็นนั้น
เสียงปิดหน้าต่างดัง “ปั้ง” เย่เทียนเซี่ยรวบเอาเอวเล็กๆของกั่วกัวเอาไว้แล้วดึงเธอกลับมา จากนั้นก็โยนเธอลงไปบนที่นอนแล้วพูดออกมาอย่างเด็ดขาด “กั่วกัว นอนได้แล้ว!”
“แต่ว่า แต่ว่าข้าอยากดูนี่เ้าคะ” กั่วกัวปีนขึ้นมาจากเตียงนอนแล้วพูดออกมาทั้งน้ำตาคลอเบ้า
“ก็แค่ฟ้าผ่าแหละน่า ต่อไปเดี๋ยวมันก็มีบ่อยๆนั้นแหละ” เย่เทียนเซี่ยเอาผ่าห่มหนาๆผืนเล็กที่เป็ของกั่วกัวห่มลงบนร่างของเธอแล้วพาเธอกลับไปบนที่นอนอีกครั้ง จากนั้นเขาก็เอาผ้าห่มของตัวเองคลุมหัวไปอีกครั้ง
ซ่าๆๆๆ..............
เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาท่ามกลางเสียงฟ้าร้องและฝนตก และเสียงเคาะของมันก็แสดงให้เห็นถึงความรีบร้อนอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกันนั้นฉากท้องฟ้าในยามค่ำคืนก็เต็มไปด้วยแสงสว่างของสายฟ้าที่ผ่าลงมา และตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องที่ดังสนั่น
เมื่อเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นมาเสียงเคาะประตูก็ชะงักไปพักหนึ่งจากนั้นก็กลายเป็เสียงที่เร่งร้อนมากยิ่งขึ้น “เทียนเซี่ย เทียนเซี่ย.........เปิดประตูเร็วเข้า เทียนเซี่ย!”
“เอ๋? เสียงพี่เฟยเฟยนี่นา?” กั่วกัวที่นอนไม่หลับลุกขึ้นมานั่งอีกครั้ง จากนั้นเธอก็ลอยขึ้นมาแล้วบินไปที่ประตูห้อง เพราะนี่คือเวลานอนร่างขาวราวหิมะที่เล็กจิ๋วของเธอจึงไม่มีเสื้อผ้าอยู่เลยสักชิ้น แต่ไหนแต่ไรเธอก็ไม่เคยมีอะไรต้องปิดบังต่อหน้าเย่เทียนเซี่ยอยู่แล้ว แต่จริงๆแล้วนี่ถือเป็เื่ที่ค่อนข้างรับได้ยากสำหรับเย่เทียนเซี่ย ดูได้ ััได้ แต่กลับไม่อาจลงมือได้.........
เย่เทียนเซี่ยลุกขึ้นมาอย่างหมดหนทางแล้วเดินไปเปิดประตูออก ด้านนอกประตูก็คือซูเฟยเฟยที่ยืนอยู่ในชุดนอนตัวบางและเอาสองมือของเธอกอดหน้าอกไว้แน่น เพียงแค่เปิดประตูออกมาเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นก็ดังขึ้นมาทันทีพร้อมกับเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความใของซูเฟยเฟย จากนั้นร่างของเธอก็พุ่งเข้ามาหาเย่เทียนเซี่ยแล้วโอบกอดร่างของเขาเอาไว้อย่างแ่าด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านไปทั้งร่าง
คืนฝนตกในฤดูร้อนยังคงมีความร้อนระอุอยู่ในอากาศดังนั้นร่างของเย่เทียนเซี่ยจึงไม่ได้สวมเสื้อผ้าเลยสักชิ้น ซูเฟยเฟยที่รีบร้อนวิ่งออกมาก็สวมเพียงชุดนอนบางๆโดยที่ไม่ได้สวมชุดคลุมเช่นเดียวกัน หน้าอกกลมกลึงสองข้างของเธอดูเหมือนจะแนบชิดไปกับหน้าอกของเย่เทียนเซี่ยโดยไร้สิ่งกีดขวางใดๆ เย่เทียนเซี่ยรับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงแรงกดดันและความอ่อนนุ่มรวมทั้งอะไรบางอย่างกลมๆสองลูกนั่นด้วย
ผู้หญิงส่วนมากล้วนหวาดกลัวเสียงฟ้าร้อง และซูเฟยเฟยเองก็เป็หนึ่งในนั้น อีกทั้งเพราะการตายของมารดาและเงามืดนับไม่ถ้วนทำให้ระดับความกลัวที่มีต่อสายฟ้าของเธอมากกว่าผู้หญิงทั่วไป ตอนที่ได้ยินเสียงฟ้าผ่าครั้งแรกเธอก็ตื่นขึ้นมาทันที จากนั้นเธอก็คิดถึงเย่เทียนเซี่ยเป็สิ่งแรกท่ามกลางความหวาดกลัว ดังนั้นเธอจึงรีบวิ่งมาหาเขาอย่างที่เห็น
“คุณหนูซู เธอมาแนบชิดไปกับร่างกายของผู้ชายแบบนี้..........มันอันตรายนะ” สองมือของเย่เทียนเซี่ยดันเธอออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงการัักับร่างของซูเฟยเฟย.......... เพราะด้วยเสื้อผ้าที่ซูเฟยเฟยสวมอยู่ตรงหน้าไม่ว่าจะััตรงไหนก็ไม่แตกต่างกับการััร่างของเธอโดยตรงเลยสักนิด และหน้าอกของเธอที่ดันเข้ามาก็ทำให้เขารู้สึกอยู่ไม่สุข และทำให้สติของเขาแตกซ่านไปเช่นกัน
ซูเฟยเฟยในตอนนี้ใช้สองแขนกอดคอของเย่เทียนเซี่ยเอาไว้แน่น ขาเรียวยาวขาวนวลของเธอแนบชิดไปกับร่างของเย่เทียนเซี่ย........... ซูเฟยเฟยที่ยืดตัวออกมาท่ามกลางความใเพิ่งพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในท่าที่ดูไม่ดีเอาซะเลย สองเท้าของเธอรีบถอยออกมาจากร่างของเย่เทียนเซี่ยอย่างทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าและลำคอของเธอขึ้นสีแดงระเรือเหมือนดอกซากุระ
“ฉัน......... ฉันกลัวฟ้าผ่า” ซูเฟยเฟยก้มหน้าต่ำแล้วพูดออกมาเสียงเบา มือข้างหนึ่งของเธอจับเข้าที่เสื้อของเย่เทียนเซี่ยโดยไม่รู้ตัว แต่สิ่งที่เธอััได้ก็คือร่างกายเปลือยเปล่าที่ไม่ได้สวมเสื้อผ้าชิ้นใดเลยของเขา ทันใดนั้นเธอก็ชักมือหลับเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตแล้วพูดออกมาตะกุกตะกัก “นาย........นายทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะ”
“อากาศร้อนซะขนาดนี้ เธอคงไม่คิดว่าฉันจะใส่เสื้อผ้านอนหรอกมั้ง” เย่เทียนเซี่ยพูดออกไปอย่างจนปัญญา ท่ามกลางความมืดมิด เขามองเห็นเพียงเงาเลือนรางของซูเฟยเฟยเท่านั้น ทว่าในสมองของเขากลับปรากฏภาพซูเฟยเฟยเปลือยกายต่อหน้าเขาลอยขึ้นมาไม่หยุด
ซูเฟยเฟยกัดริมฝีปากเบาๆแล้วพูดออกมาเสียงต่ำ “เทียนเซี่ย......... คืนนี้นายนอนเป็เพื่อนฉันหน่อยได้ไหม?”
“การควบคุมตัวเองของฉันไม่ได้ดีเลย ถ้าเธอไม่กลัวว่าจะเกิดเื่อะไรขึ้นมาล่ะก็นะ” เย่เทียนเซี่ยเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดออกไปอย่างอับจนหนทาง
ซูเฟยเฟยยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดอก เธอเงียบไปสองวินาทีจากนั้นก็พูดออกมาเบาๆ “หึ ฉันไม่สนหรอก ยังไงคืนนี้ฉันก็จะนอนกับนาย............ แต่ฉันไม่อนุญาตให้นายแตะต้องฉัน ถ้านายกล้าแตะฉัน......... ฉัน........ ฉันจะไม่ทำอาหารได้นายกิน! หึ!”
เธอพูดจบก็รีบวิ่งผ่านร่างของเย่เทียนเซี่ยตรงไปที่เตียงของเขา แล้วเธอก็หยิบผ้าห่มของเขาขึ้นมาแล้วห่อร่างกายอันงดงามของตัวเองเอาไว้อย่างแ่า จากนั้นก็นอนลงบนเตียงของเขาแล้วซุกตัวไว้ในผ้าห่มพร้อมกับแอบมองเงาร่างของเย่เทียนเซี่ยเงียบๆ
เย่เทียนเซี่ยกดปลายจมูกไปมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเดินกลับมาที่เตียงโดยไม่พูดไม่จาแล้วนอนลงข้างกายของซูเฟยเฟยจากนั้นก็กลับตาลงแล้วเงียบไปทันที
เมื่อสายฟ้าฟาดลงมาอีกครั้งมันก็ทำให้ร่างของซูเฟยเฟยซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มมากยิ่งขึ้น ด้วยแสงของสายฟ้าทำให้ซูเฟยเฟยมองเห็นร่างเปลือยเปล่าของผู้ชายข้างตัวได้อย่างชัดเจน แล้วหัวใจของเธอก็เต้นถี่รัวยิ่งขึ้น
ตึกตักๆๆๆๆ...........
เสียงฟ้าผ่าดังลั่นขึ้นมาอีกครั้งทำให้หัวใจของเธอสั่นสะท้าน ซูเฟยเฟยหลับตาลง ในหัวของเธอคิดย้อนไปถึงค่ำคืนที่มีสายฝนซัดกระหน่ำนั่นอีกครั้ง............ ค่ำคืนที่เธอเสียงมารดาผู้เป็ที่รักไป คืนที่มีสายฝนและฟ้าผ่าคือเวลาที่เธอหวาดกลัวมากที่สุด เงาแห่งความหวาดกลัวมักจะทำให้เธอหลับตาลงได้อย่างยากลำบาก ปกติเธอมักจะขดตัวอยู่ในผ้าห่มเพียงลำพัง............. แม้ว่าบางครั้งเธอจะสามารถหลับไปได้ด้วยความยากลำบาก แต่เธอก็มักจะฝันร้ายอยู่เสมอ
วันนี้คือครั้งแรกที่มีคนนอนกับเธอในคืนฝนตกนับั้แ่คืนนั้น และก็เป็ครั้งแรกที่เธอนอนร่วมเตียงกับผู้ชาย แต่.........เสียงลมหายใจอันสงบนิ่งของเย่เทียนเซี่ยทำให้เธอเริ่มมีความรู้สึกกังวลกดทับลงไปบนหัวใจ เธอเอื้อมมือข้างหนึ่งออกมาจากผ้าห่มที่พันตัวเองไว้แน่นแล้วสะกิดเย่เทียนเซี่ยเบาๆ “เซี่ยเทียน นายหลับแล้วหรอ?”
“อืม...........” เย่เทียนเซี่ยตอบกลับเบาๆ การมีผู้หญิงคนหนึ่งมานอนอยู่ข้างๆแบบนี้หัวใจของเขาจะแสดงออกอย่างสงบนิ่งและหลับไปจริงๆได้ยังไง
“.............หึ้ย! คนโกหก หลับแล้วจะพูดได้ยังไง”
“ละเมอ”
“นาย............. หมาป่าที่ชอบลวนลามผู้หญิงกลางถนนอย่างนาย ตอนนี้มีผู้หญิงสวยๆมานอนข้างๆอย่างนี้นาย กลับไม่ทำอะไรเนี่ยนะ หึ!” ซูเฟยเฟยเบ้ปากแล้วคิดไปถึงวันแรกที่พวกเขาพบกัน จากนั้นเธอก็ยิ้มและหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของเธอใสกังวาน รอยยิ้มของเธอในตอนนั้นก็เย้ายวนเหมือนดอกไม้ต้องแสงจันทร์ยามหมู่เมฆกระจายตัวออกไป
ดวงตาของเย่เทียนเซี่ยเปิดลืมขึ้นแล้วมองไปที่เธอ ดวงตาของเขาเปล่งประกายระยิบระยับแปลกประหลาดท่ามกลางความมืดมิด “เธอกำลังเตือนฉันอยู่เหรอว่า........... ฉันควรจะทำเื่ที่ควรทำบางอย่าง”
“นาย......... นายกล้าเหรอ!” ซูเฟยเฟยรีบห่อร่างของตัวเองกลับเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง เธอตระหนักได้ว่าตอนที่เธอรีบวิ่งเข้ามาในห้องนี้ชุดนอนของเธอก็ไม่ได้หนาพอจะปกปิดร่างกายของเธอได้........ และด้านในของมันก็โล่งโจ้งไปหมด เพียงแต่เธอที่มีเงาแห่งความกลัวต่อสายฟ้าซ่อนอยู่ลึกๆเช่นนี้ไม่มีความกล้ามากพอแม้แต่จะวิ่งไปหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน
เย่เทียนเซี่ยขยับเข้ามาใกล้เธออีกนิดแล้วยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายกึ่งจริงกึ่งหลอก “คุณหนูซู ร่างกายของเธอก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยเห็น ไม่เคยจับ ไม่เคยใช้............”
“นายๆๆๆๆๆ ห้ามพูดนะ!”
ผ้าห่มถูกเปิดออกท่ามกลางเสียงอันตื่นตระหนกของซูเฟยเฟย เธอยื่นมือทั้งของข้างออกมาแล้วประกบลงบนปากของเย่เทียนเซี่ย ซูเฟยเฟยที่อยู่ภายใต้ความอับอายแทบจะพุ่งเข้าไปหาร่างของเย่เทียนเซี่ยแล้วหยุดเสียงของเขาให้อยู่ใต้มือทั้งสองของเธอ ใบหน้าของซูเฟยเฟยดูตื่นตระหนกและยังมีความเซ็กซี่ในบางมุมอีกด้วย แต่ลึกลงไปจริงๆแล้วเธอกลับเป็เพียงหญิงสาวหัวโบราณที่แม้แต่คำพูดปลุกปั่นที่เบสิกสุดๆก็ยังยากที่จะพูดออกมา
ตอนนี้ร่างของคนทั้งสองคนแนบชิดติดกัน จมูกของเย่เทียนเซี่ยดอมดมกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ของซูเฟยเฟย แสงสว่างของสายฟ้าที่ผ่าลงมาและสาดกระทบลงบนร่างของซูเฟยเฟยเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่งดงามสมบูรณ์แบบไปทั้งร่างของเธอซึ่งเป็เสน่ห์ที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้
บรรยากาศคลุมเครือแปลกๆเกิดขึ้นระหว่างคนสองคน ในที่สุดซูเฟยเฟยก็ชักมือกลับมา แล้วกลับมานอนอยู่ในผ้าห่มของตัวเองอีกครั้งก่อนจะพูดออกมาเสียงเบา “หมาป่า............หึ นายกล้ารับผิดชอบฉันไหมล่ะ?”
เย่เทียนเซี่ยไม่พูดอะไรออกไป
เพราะประโยคนั้นคนทั้งสองคนถึงได้เงียบเสียงลงไป คนทั้งสองคนที่อยู่ในห้องเดียวกันและนอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกัน การพัฒนาของคนทั้งสองนั้นน่าจะเป็ไปอย่างธรรมชาติ.......... แต่ในความเป็จริงกลับมีช่องว่างอันกว้างใหญ่ที่ไม่อาจก้าวข้ามไปได้ หรือจะพูดให้ถูกก็คือเธอไม่อาจก้าวเข้าไปในหัวใจของเย่เทียนเซี่ยได้
สำหรับผู้หญิงที่ไม่ได้รู้จักกันเขาสามารถทำอะไรตามที่เขา้าได้......... แต่ซูเฟยเฟยที่นอนร่วมกันบนเตียงนี้ เขากลับกดความคิดที่ไม่สมควรทั้งหมดลงไปในใจ หัวใจของเขาเริ่มมีเงาของซูเฟยเฟยปรากฏขึ้นมาบ่อยยิ่งขึ้นเรื่อยๆ......... เพราะเขาแคร์ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจล่วงเกินเธอหรือทำเื่ที่อาจจะทำร้ายเธอได้
เขากำลังรอคอยเธอกลับมา................เซียนเอ๋อร์ของเขา
และซูเฟยเฟยก็บอกไว้แล้วว่าเธอจะรอเป็เพื่อนเขา จนกว่าเซียนเอ๋อร์จะกลับมา..........
ความถี่ของสายฟ้าที่ผ่าลงมาไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย แสงของมันสาดกระทบลงบนเงาร่างของคนสองคนที่อยู่บนเตียงครั้งแล้วครั้งเล่า และเสียงฟ้าผ่าก็ยังคงดังต่อเนื่องไปเป็เวลานาน แต่แล้วซูเฟยเฟยก็ค่อยๆขยับกายเข้ามาใกล้เย่เทียนเซี่ยทีละน้อย “เทียนเซี่ย พูดกับฉันหน่อยได้ไหม? ฉันยังกลัวอยู่นิดหน่อยน่ะ”
จริงๆแล้วเธออยากจะพูดว่า.......... นายกอดฉันจนกว่าจะหลับไปได้ไหม
ถ้าได้หลับตาลงท่ามกลางอ้อมกอดของเขา ความกลัวทั้งหมดก็น่าจะหายไปอย่างสิ้นเชิง แม้จะมีเสียงฟ้าร้องดังอยู่ข้างหู แต่เธอก็คงสามารถหลับลงไปได้ด้วยการปลอบโยนนั้น
เพียงแต่เธอไม่กล้า เธอกลัวว่าจะได้ยินคำปฏิเสธกลับมา
“ฮือ.........ฮือๆๆ........... กั่วกัวน่าสงสารมากเลย ที่นอนของกั่วกัวไม่มีแล้ว ไม่มีแล้ว........ฮือๆๆ..........”
กั่วกัวที่เปลือยเปล่าไปทั้งร่างบินไปบินมา้าอย่างไม่พอใจ ที่นอนของเย่เทียนเซี่ยไม่ได้ใหญ่โตอะไร สถานที่ที่ซูเฟยเฟยเข้ามาเป็ที่นอนโดยปกติของกั่วกัว และเพราะกั่วกัวชอบซูเฟยเฟยมาก (เพราะของที่ซูเฟยเฟยทำ อร่อยมาก) ดังนั้นเธอจึงไม่อยากจะไปแย่งที่นอนกับซูเฟยเฟย เธอทำได้เพียงพูดถึงความไม่พอใจของเธออยู่ข้างๆเย่เทียนเซี่ยไม่หยุด
เย่เทียนเซี่ยเอื้อมมือออกไปดึงกั่วกัวลงมาจาก้าแล้ววางลงบนหมอนของตัวเองให้เธอหลับอยู่ใกล้ๆไหล่ของเขา
ก๊อก!
ก๊อก!
ก๊อก!
ทันใดนั้นเสียงที่ไม่น่าจะดังขึ้นมาอีกก็ดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน ภายใต้การรบกวนด้วยเสียงฟ้าร้องและเสียงฝนตกที่เริ่มซาลงไปบ้างแล้วกลับยังคงมีเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหูของชายหญิงสองคนที่ยากจะหลับตาลงได้
แล้วเย่เทียนเซี่ยก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย