ร่างสูงของอัลฟ่าหนุ่มสุดหล่อเ้าของกลิ่นฟีโรโมนป่าสนเหม่อมองออกไปยังด้านนอกของตึกคณะรัฐศาสตร์ใบหูหนาได้ยินเสียงของสายฝนที่กำลังตกลงมาก็เริ่มที่จะแสดงสีหน้าไม่ชอบใจออกมา ทีปกรไม่ชอบหน้าฝน เขาไม่ชอบที่ต้องเปียก ไม่ชอบที่ทุกครั้งหลังฝนตกมันมักจะตามมาด้วยความอับชื้น รวมไปถึงสภาพการจราจรที่ติดขัดและน้ำที่ขังเจิ่งนองตามท้องถนน เวลารถสัญจรไปมาน้ำที่ขังอยู่ก็กระเด็นไปโดนคนที่กำลังเดินตามข้างทางจนเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปหมด สะท้อนให้เห็นถึงการวางผังเมืองที่ไม่เป็ระบบระเบียบ พอฝนตกหนักหน่อยก็ไม่สามารถที่จะระบายน้ำได้ทันแต่ถ้าจะให้แก้ไขก็คงจะใช้งบประมาณบานปลายและคงต้องรื้อผังเมืองออกมากางกันใหม่รัฐบาลชุดไหนก็คงไม่อยากจะทำเื่ที่มันยุ่งยากขนาดนั้น
แต่ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ปลื้มไม่เอนจอยกับฤดูฝนนั่นก็เพราะบรรยากาศตอนฝนตกมันทำให้เขารู้สึกอยากที่จะซุกตัวนอนตลอดทั้งวัน หน้าฝนทำให้ปลื้มกลายเป็คนที่ี้เี ฤดูฝนน่ะไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังน่าแปลกที่ทุกครั้งที่เขาได้กลิ่นของไอฝนมันจะมีความรู้สึกบางอย่างแทรกเข้ามาความรู้สึกที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังให้คำตอบไม่ได้ว่ามันเป็ความรู้สึกแบบไหน และมันก็ค่อยๆย้อนแย้งมากขึ้นมาเรื่อยๆเมื่อปากบอกไม่ชอบหน้าฝนแต่กลับอยากได้กลิ่นเย็นๆของไอฝนอยู่ตลอดเวลา
“ฝนจะตกทั้งวันเลยหรอวะไอ้เหี้ย” เก่งที่นั่งเรียนอยู่ข้างๆกับปลื้มบ่นขึ้นมาหลังจากที่เขาเองก็มองไปยังบรรยากาศด้านนอกตัวตึกเช่นกัน “เมื่อคืนก็ตก กูขับรถเหมือนคลานเลยกลัวถนนแม่งลื่น”
“เมื่อคืนฝนตกหรอวะ” ปลื้มถามขึ้นมาพลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ตกดิสัด ่ที่กูโทรหามึงอะกำลังตกหนักเลยด้วย”
“กูเห็นข่าวว่าพายุจะเข้าประมาณ 3 วัน” จีนบอก
“...” เพราะแบบนี้นี่เอง สงสัยว่าเมื่อคืนเขาจะลืมปิดประตูกระจกตรงระเบียงสินะตื่นเช้ามาถึงได้กลิ่นฝนจางๆอยู่ภายในห้อง
“ฮาว ง่วงสัด” เพื่อนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มปิดปากหาวก่อนจะเอนตัวลงไปนอนซบกับโต๊ะเรียนที่นั่งอยู่ เปลือกตาบางหรี่ลงทำท่าเหมือนจะหลับแต่ก็ไม่หลับ “บรรยากาศแบบนี้แม่งน่านอนฉิบหาย”
“จริง”
“อาจารย์ก็ไม่มาสักที ถ้าจะไม่สอนก็ควรแจ้งหน่อยนะจะได้ไม่ต้องถ่อร่างมา” พีคบ่นขึ้นอย่างเซ็งๆพร้อมกับก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือของตนเองหลังจากที่พวกเขานั่งรอให้อาจารย์ประจำวิชานี้เข้ามาสอนเกือบจะเป็ครึ่งชั่วโมงแล้ว
“แล้วตัวเองเป็คนนัดสอนวันนี้ด้วยนะ” เก่งเสริมขึ้นมา ความจริงแล้ววันนี้พวกเขาไม่มีเรียนเช้ากันหรอกแต่อาจารย์ขอนัดสอนเพิ่มเนื่องจากคาบที่แล้วอาจารย์ติดประชุมด่วนพอขาดไปหนึ่งคาบแกก็กลัวว่าจะสอนไม่ทันเพราะใกล้จะสอบมิดเทอมแล้วเลยขอนัดนอกตารางเอา
“อีกสิบนาทียังไม่มากูจะลงไปหาไรกินละ ยังไม่ได้กินอะไรเลยั้แ่เช้า” เก่งบอกพลางยกมือขึ้นมาลูบท้องตัวเอง
“เหมือนกันกว่าจะตื่นแม่งก็สิบโมงกว่าละ กูรีบจนต้องวิ่งผ่านน้ำเพื่อมาให้ทันเช็กชื่อตอนสิบเอ็ดโมงสุดท้ายไม่ได้เช็กเฉยเพราะอาจารย์ยังไม่มา” พีคบ่นร่ายยาว “แล้วกูจะรีบเพื่อ”
“ฝนตกแบบนี้ไปกินที่ไหนดีวะ ถ้าขับรถออกไปหาอะไรกินนอกมอแม่งรถก็ติดแน่” เก่งพาวนกลับมาที่เื่กินอีกครั้ง
“โรงอาหารคณะมั้ยล่ะ” ปลื้มเสนอ
“ก็ไม่มีที่อื่นแล้วมั้ย แต่ไอ้ปลื้มกูยังไม่ลืม” พีคเอ่ยขึ้นพร้อมกับชี้หน้าปลื้มเหมือนกำลังคาดโทษ
“อะไรของมึง”
“คนเมื่อคืนคือใคร”
“...” จีนที่ได้ยินเก่งพูดออกมาแบบนั้นก็รีบดีดตัวขึ้นมาให้ความสนใจร่วมด้วยทันที
ปลื้มมองใบหน้าของเพื่อนทั้งสามคนที่กำลังจับจ้องมาที่เขา ก่อนจะไหวไหล่ตอบเหมือนเื่ที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจนั้นไม่ได้สำคัญอะไร
“ใครก็ไม่รู้”
“ไม่รู้ได้ไง มึงเอากันขนาดนั้น”
“ไม่ได้เอา มึงหยุดพูดจาเลอะเทอะได้แล้วไอ้เก่ง”
ถึงแม้ว่าอาการเมาบวกกับอาการรัทจะพรากสติสัมปชัญญะของปลื้มไปแทบทั้งหมดแต่เขาก็ยังรู้สึกได้ว่าเมื่อคืนมันไม่ได้มีอะไรที่ลึกซึ้งมากมายขนาดนั้นเกิดขึ้น เพียงแต่ก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าอีกคนนั้นช่วยให้เขาปลดปล่อยและหายจากอาการรัทได้อย่างไร ในหัวของปลื้มมีภาพที่พอจะเรียงเป็เื่ราวได้ั้แ่ร้านเหล้าจนถึงในลิฟต์เท่านั้น แต่หลังจากที่โดนกลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าที่กำลังฮีทตีขึ้นมาในจมูกภาพหลังจากนั้นก็จำไม่ได้แล้วเรียกว่าประกันไม่ได้ต่อกันไม่ติด มีภาพอยู่ในหัวเป็บางจุดไม่ใช่บาง่เลยด้วยซ้ำ
“ก็กูได้ยินมึงพูดกับหู ว่าดีสัด เสียงกระเส่าด้วยนะ” เก่งเถียงเสียงแข็งเพราะเขาเองก็มั่นใจว่าเมื่อคืนตนไม่ได้หูฝาดหรือหูเพี้ยนไปอย่างแน่นอน
“หูมึงเพี้ยนหรือเปล่า”
“เพี้ยนก็เหี้ยละ มึงอย่ามีความลับกับกูนะปลื้มเพื่อนรัก” เก่งก็ยังคงไม่ยอมแพ้
“ใครเขาเพื่อนรักมึง ก็แค่วันไนท์พวกมึงไม่ต้องสนใจหรอก” ร่างสูงเอ่ยตอบอย่างปัดๆ
“ก็แค่บอกมาว่าใคร มันจะได้ไม่ทับไลน์กัน”
“คนนี้ไม่มีทางทับไลน์ ชัวร์” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจ “เออพีคเื่ร้านขายแผ่นเสียงที่กูให้ช่วยหาให้มึงพอจะหาได้ป่ะ” เมื่อคร้านที่จะเถียงกับเก่งปลื้มจึงตัดสินใจเปลี่ยนเื่แล้วหันไปคุยกับพีคแทน ่นี้ไม่สิที่จริงมันก็สักพักแล้วล่ะที่ปลื้มเริ่มหันมาอินและให้ความสนใจกับการฟังเพลงจากแผ่นเสียงเขารู้สึกว่ามันเพราะกว่าเปิดฟังเอาจากเครื่องเล่นดิจิตอลในยุคนี้เสียอีก แล้วเขาก็ถึงขึ้นลงทุนซื้อเครื่องเล่นแผ่นเสียงมาตั้งไว้ในห้องเลยด้วย
“ได้แล้ว เป็ร้านของอาจารย์คณะสินกำมอเราด้วย” พีคเอ่ยตอบก่อนจะทำสีหน้าหนักใจเล็กน้อยแล้วจึงพูดต่อ “แต่มึงไม่น่าจะปลื้มเท่าไรว่ะ”
“ทำไมวะ”
“เขาเป็พ่อไอ้แทน คนที่มึงเดินไปซัดหน้าเมื่อคืนอะ”
“...”
“กูว่าไม่ใช่มันที่ไม่ปลื้ม แต่น่าจะเป็ลูกชายเ้าของร้านมากกว่าที่ไม่ปลื้มขี้หน้ามัน” จีนแย้งขึ้นมา
“มึงไม่ต้องมาเปลี่ยนเื่เลยนะเหี้ยปลื้ม ตกลงมึงจะบอกกูมั้ยว่าเมื่อคืนมึงไปเอากับใครมา”
“มึงอย่าเร้าหรือได้มั้ยไอ้เก่ง ถ้ากูอยากเล่ากูก็เล่าเองแหละ” คราวนี้อัลฟ่าหนุ่มเริ่มพูดแบบใส่อารมณ์มากขึ้นทำเอาเพื่อนรักทั้งสามคนเงียบกริบทันที
เหตุผลที่เขาไม่ยอมเล่าเื่เมื่อคืนให้เพื่อนฟังไม่ใช่ว่าเขามีเจตนาที่จะปิดบังหรือ้ามีความลับอะไร เพียงแต่เขาไม่อยากจะเอาเื่นี้มาพูดเพื่อให้ตัวเองและอีกคนต้องเสียหาย ถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็เพื่อนเขาก็ตามแต่ถ้าเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนถูกพูดถึงในเชิงที่เอามาล้อเล่นหรือแซวเป็เื่ตลกเขาว่าเขาคงรู้สึกไม่โอเคสักเท่าไรนัก อีกอย่างเื่ของเขาและแทนมันก็น่าอึดอัดเกินกว่าที่จะเล่าออกมาให้ใครฟังได้ไม่ใช่เพราะเราทั้งคู่ต่างก็เป็อัลฟ่าแต่เป็เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเขา เรนและแทนต่างหากที่ทำให้เื่นี้มันน่าอึดอัด
“มึงลองหาร้านอื่นให้กูด้วยนะพีค” บางทีการที่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีกไม่ว่าจะในทางไหนคงดีที่สุด ดังนั้นอะไรที่เลี่ยงได้ก็เลี่ยงไปก่อนแล้วกัน
“เออ แต่กูว่าร้านพ่อไอ้แทนก็ดีนะเว้ย”
“ไปกินข้าวกันดีกว่ากูหิวแล้ว” ปลื้มเอ่ยขึ้นก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้องท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมคณะที่ยังนั่งรออาจารย์อยู่
“คิดถูกหรือคิดผิดวะที่จะมากินข้าวที่คณะอะ” เก่งบ่นขึ้นมาเมื่อเห็นจำนวนคนในโรงอาหารที่แน่นตาไปหมด
“พวกเราถอยตอนนี้ยังทันนะ” เป็จีนที่เสนอขึ้นมาเพราะเขาเองก็ไม่อยากที่จะแย่งชิงโต๊ะนั่งกับใครหรือต่อแถวรออาหารนานๆเช่นกัน
“เอาน่า ขับรถออกไปร้านข้าวข้างนอกกว่าจะหาที่จอดได้ กว่าจะสั่ง กว่าจะรอเขาทำก็เสียเวลาพอๆกันแหละวะ แม่งเผลอๆเสียเวลามากกว่าอีก” ปลื้มเอ่ยขึ้นอย่างมีเหตุมีผลตามนิสัยของว่าที่นักการทูต
“ก็จริงของมึง ไปเว้ยยืนอยู่ตรงนี้โต๊ะกับข้าวมันไม่ลอยมาหาเราเองหรอก” อัลฟ่าหนุ่มที่มีรูปร่างสูงใหญ่ที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวกูขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวตามไป” ปลื้มหันไปบอกกับจีน ก่อนจะเดินแยกออกไป
“เออๆ”
ผลัวะ!
ทีปกรหยุดชะงักปลายเท้าลงเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆออกมาจากบริเวณด้านในห้องน้ำ และถ้าหากเขาไม่ได้คิดมากเกินไปเขาว่ามันเป็เสียงเหมือนคนกำลังโดนต่อย
“เอาไงดีวะ” เสียงทุ้มเอ่ยพึมพำกับตัวเอง เขาควรเดินกลับไปบอกยามหรือไม่ก็ตามหาอาจารย์สักคนให้มาช่วยจัดการหรือเดินเข้าไปด้านในแล้วขู่ว่าจะเอาเื่นี้ไปแจ้งอาจารย์เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยอมเลิกรากันไป แบบไหนถึงจะดีกว่ากันนะ
“นี่คือโทษของการที่มึงไปยุ่งกับเมียชาวบ้าน” ร่างสูงได้ยินเสียงพูดแหว่วออกมา เขายิ่งค่อนข้างมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมว่าด้านในต้องเกิดเื่ขึ้นแน่ๆ
ผลัวะ!
“มึงกล้าต่อยกูหรอ”
“ทำไมกูต้องไม่กล้า ก็มึงต่อยกูก่อน” เสียงทุ้มติดใสฟังดูคุ้นหูดังขึ้น คิ้วคมเริ่มขมวดเข้าหากันเมื่อพยายามนึกว่าเป็เสียงของใครที่เขารู้จักหรือเปล่าทำไมมันถึงได้คุ้นหูขนาดนี้
“อวดดีนักนะมึง เฮ้ย ล็อกแม่งดิ้”
“ปล่อยกูไอ้สัด แน่จริงอย่าหมาหมู่ดิไอ้เหี้ย”
“กูจะทำให้มึงจำ จะได้ไม่ต้องไปยุ่งกับคนที่เขามีเ้าของแล้วอีก”
“โทษกูไม่ได้มั้ยก็ตอนที่จะเอากันเขาไม่ได้บอกกูว่ามีผัว ถ้าอยากจะโทษก็ไปโทษเมียมึงนู้นไม่ใช่มาโทษกู”
“ปากดีนักนะมึง!”
“แต่กูว่ามึงโทษตัวเองเถอะที่ไม่มีปัญญาคุมเมียตัวเองให้อยู่!”
“มึง!”
ผลัวะ!
ตุบ!
เสียงพูดคุยเริ่มดังขึ้นจนกลายเป็เสียงะโใส่กันก่อนจะตามมาด้วยเสียงต่อยตีที่หนักขึ้นเช่นกัน ปลื้มไม่แน่ใจว่าข้างในมีคนอยู่กี่คน แต่ถ้าเขาเดินกลับไปตามหายามหรือตามอาจารย์ให้มาจัดการเื่นี้อาจจะไม่ทันการและน่าจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่าเ็หนักแน่ๆ
“เอาวะ”
“เฮ้ย!” ขายาวของอัลฟ่าหนุ่มก้าวเข้าไปด้านในห้องน้ำก่อนจะเผลออุทานออกมาเมื่อพบว่าคนที่กำลังโดนรุมอยู่นั่นคือคนเดียวกับที่เขาเดินไปซัดหน้าที่ร้านเหล้าเมื่อคืนนี้ “พวกมึงทำเหี้ยไรกัน”ร่างสูงเผลอเอ่ยถามออกไปเสียงเข้ม
“ไม่ใช่เื่ของมึง” หนึ่งในคนที่มีพรรคพวกเยอะกว่าตอบขึ้น “อย่าเสือก”
“กูไม่เสือกก็ได้” เสียงทุ้มเอ่ยตอบพร้อมกับเบนสายตาไปมองหน้าของคนที่ทรุดนั่งอยู่ที่พื้นโดยถูกคนแปลกหน้าอีกสองคนล็อกแขนเอาไว้ แต่ปลื้มดันตาดีมองไปเห็นรอยเท้าที่เปื้อนอยู่บนเสื้อนักศึกษาของเขาที่อีกคนใส่อยู่ด้วย “แต่ขอเตือนอะไรไว้หน่อยแล้วกัน”
“มึงอย่ามาเล่นลิ้น” ชายแปลกหน้าเอ่ยบอกพร้อมกับชี้หน้าปลื้มอย่างหาเื่
“ความผิดตามกฎหมายอาญา มาตราที่295 ถ้านายทำร้ายคนอื่นจนเขาได้รับาเ็ นายจะมีความผิดข้อหาทำร้ายร่างกาย โทษจำคุกไม่เกินสองปี ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ” ปลื้มถอนสายตาจากร่างบางมามองหน้าของคนที่กำลังยืนชี้นิ้วใส่เขาอยู่แทน ท่อนแขนหนาทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมากอดอกเอาไว้ก่อนจะเอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วทำหน้ากวนโอ๊ยใส่คนตรงหน้าไปหนึ่งทีหลังเอ่ยจบ
โชคดีที่ไอ้พี่ชายของเขามันเรียนคณะนิติศาสตร์เลยได้ยินมันท่องประมวลกฎหมายวนซ้ำอยู่หลายครั้งจนอาศัยครูพักลักจำมาได้บ้าง แต่มีกฎหมายข้อนี้แหละที่เขาจำได้ขึ้นใจมากที่สุดเพราะมันชอบยกขึ้นมาพูดขู่เวลาที่เขาเจอมันกวนตีนแล้วอยากจะตบหัวแม่งคืนสักทีสองที
“มึงบ้าหรือเปล่า มึงพูดเหี้ยไรของมึง”
“บอกให้มึงรู้โทษที่มึงจะได้รับหลังจากที่คนที่โดนมึงทำร้ายเขาไปแจ้งความ แล้วมีกูเป็พยานให้ไง” เสียงทุ้มเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มจางๆ
“มึงคิดว่ากูกลัว” ชายตรงหน้าเลิกคิ้วถามกลับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “เดี๋ยวกูจะจัดการทั้งมึงแล้วก็มันเลย แล้วมาดูกันว่าไอ้กฎหมายที่มึงว่ามันจะทำอะไรกูได้มั้ย”
“งั้นก็ต้องมาดูเหมือนกันว่ามึงจะจัดการกูได้จริงอย่างที่ปากพูดมั้ย” ตอนแรกเขาตั้งใจจะมาเตือนดีๆ แต่ถ้าอีกฝ่ายอยากจะมีเื่ขนาดนี้ปลื้มเองก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธแต่อย่างใด เขาไม่ได้กลัวเลยที่จะมีเื่เพราะถ้าเทียบกันเื่เส้นสายเขามั่นใจว่าเขาชนะแต่เขาแค่ไม่อยากมีเื่ต่างหากเพราะเขาไม่อยากโดนพ่อด่าก็แค่นั้น
ผลัวะ!
“เชี่ยปลื้ม...” ร่างบางเอ่ยชื่อของคนที่โดนต่อยไปหนึ่งครั้งออกมา เมื่อใบหน้าหล่อที่หันกลับมามีคราบเืออกมาจากบริเวณหางคิ้วซ้าย
“...” ทีปกรรับรู้ได้ถึงอาการชาหนึบที่บริเวณหางคิ้วของตัวเอง ก่อนจะรู้สึกเหมือนมีน้ำเสีแดงข้นไหลผ่านลงมาทางหางตา ในตอนแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะต่อยมาที่แก้มของเขาแต่ดันผิดคาดไอ้เหี้ยนี่แม่งดันเล็งมาที่คิ้วของเขาแทน แถมน้ำหนักมือที่กระทบลงมาก็ทำเอาคิ้วเขาแตกจนได้เืเลยด้วย
“ไงมึง” อีกฝ่ายยิ้มออกมาอย่างท้าทาย
“ก็ดี กูจะได้บอกว่ากูป้องกันตัว” สิ้นเสียงทุ้มร่างของคนตรงหน้าก็ถูกถีบกระเด็นออกไปทันที กลิ่นป่าสนถูกปล่อยออกมาข่มทุกคนที่อยู่บริเวณนี้เอาไว้ ปลื้มคิดเอาไว้แล้วว่าอย่างน้อยการข่มของเขาก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียเปรียบมากขึ้นอย่างแน่นอน ใครแกร่งกว่าคนนั้นย่อมได้เปรียบเสมอ
ผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ!
ขายาวก้าวเข้าไปหาคนที่ต่อยเขาจนได้เืก่อนหมัดหนักๆจะถูกส่งคืนไปให้อีกฝ่ายที่คิ้วข้างเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่ปลื้มใช้มืออีกข้างคว้าคอเสื้อของคนตรงหน้าเอาไว้แล้วต่อยซ้ำไปหลายที ก่อนจะเหวี่ยงร่างของอีกไปหาพวกของมันที่กำลังจะวิ่งเข้ามาหาเขาเพื่อช่วยเพื่อนของมันจนเสียหลักล้มกันไปทั้งคู่
อีกสองคนที่หิ้วปีกของแทนอยู่เห็นเพื่อนโดนทำร้ายก็รีบปล่อยมือออกจากแขนเรียวแล้วเดินเข้าหาปลื้มทันที แต่ยังไม่ทันจะได้เหวี่ยงหมัดไปฟาดหน้าหล่อๆได้สำเร็จก็ถูกขายาวเตะเขาที่สีข้างจนตัวงอเสียก่อนส่วนอีกคนก็โดนถีบจนหล่นระยะถอยห่างออกไปไกล อัลฟ่าหนุ่มอาศัยจังหวะที่พวกฝ่ายตรงข้ามไม่ทันตั้งตัวดึงแขนของแทนให้ลุกยืนขึ้นแล้ววิ่งหนีออกไปด้านนอกด้วยกัน
“น่าจะพ้นแล้วมั้ง” ปลื้มอาศัยความคุ้นชินกับเส้นทางในคณะในการพาตัวแทนหลบหลีกออกมาห่างจากห้องน้ำ
“ขอบใจ” แทนที่มีแผลอยู่ตามใบหน้าทั้งแผลเก่าที่เกิดจากปลื้มและแผลใหม่ที่เกิดจากกลุ่มของชายแปลกหน้าเมื่อครู่เอ่ยขึ้น พร้อมกับดันมือของอีกคนที่จับอยู่ที่แขนให้ปล่อยออก และเตรียมจะเดินจากไป
“เดี๋ยว” แต่ยังไม่ทันที่ขาเรียวจะได้ก้าวเดินออกไปอย่างที่้าก็ถูกมือหนาคว้าเอาไว้อีกรอบเสียก่อน
“อะไร”
“มานี่” ปลื้มดึงตัวของร่างบางให้เดินตามเขาออกไปยังลานจอดรถ ท่ามกลางเม็ดฝนที่ยังตกลงมาปรอยๆแต่ไม่หนักเหมือนใน่แรกๆแล้ว
“มึงจะพากูไปไหน” แทนมองหน้าของอีกคนด้วยความไม่ไว้ใจเมื่อถูกลากมายืนอยู่ข้างรถยนต์สีขาวคันหนึ่ง
“พาไปขาย” ปลื้มตอบก่อนจะเปิดประตูฝั่งข้างคนขับออกและส่งสายตาให้อีกคนรีบขึ้นไปด้านในเพราะถึงฝนจะปรอยเม็ดแต่ละอองของฝนก็อาจทำให้เราทั้งคู่ป่วยได้ถ้าหากยังยืนตากฝนกันอยู่แบบนี้
“กูไม่ไป”
“ล้อเล่น กูจะพาไปโรงบาลขึ้นรถ”
“โรงบาลก็ไม่ไป กูจะกลับบ้าน ปล่อยกู” แทนตอบพร้อมกับพยายามบิดแขนออกจากฝ่ามือที่เหมือนคีมล็อกของอีกคน
“มึงต้องไปโรงพยาบาลไปให้หมอตรวจว่าช้ำในตรงไหนหรือเปล่า” ปลื้มบอกก่อนจะชี้นิ้วไปยังรอยฝ่าเท้าที่ติดอยู่บนเสื้อ
“กูไม่เป็อะไร ปล่อยกู” แทนพยายามกระชากแขนตัวเองให้แรงขึ้นแต่อีกคนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยอยู่ดี “ไอ้ปลื้ม กูเจ็บ”
“รู้จักกู?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจ อันที่จริงเขาแปลกใจั้แ่ตอนที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาในห้องน้ำแล้ว
“มึงคิดว่ากูจะไม่สืบเลยหรือไงว่าใครที่เดินมาต่อยหน้ากู”
“เื่นั้น...”
“ปล่อยกู”
“ขึ้นรถ”
“มึงพูดไม่รู้เื่หรือไงวะ”
“เดี๋ยวไปส่งที่บ้าน” ปลื้มบอกก่อนจะปล่อยแขนเรียวให้เป็อิสระ “ก็มึงบอกจะกลับบ้านไม่ใช่หรือไง” ปลื้มเอ่ยออกมาอีกหลังจากที่ได้รับสายตาสงสัยมาจากอีกคน
อันที่จริงจะแยกย้ายกันไปเลยก็ได้ไม่จำเป็ต้องทำแบบนี้เลย แต่ปลื้มก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงยังได้เลือกที่จะทำอะไรที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้ โคตรจะไม่ใช่นิสัยเลยให้ตายเถอะ
“ขึ้นรถดิ” เสียงทุ้มย้ำอีกรอบเมื่อเห็นว่าอัลฟ่าร่างบางเอาแต่จ้องหน้าของเขาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดประตูรถอีกด้านแล้วขึ้นไปนั่งในตำแหน่งคนขับ “เร็วๆ เปิดประตูค้างไว้รถกูเปียกเนี่ยมึงเห็นมั้ย”
“...” ถึงแทนจะไม่เข้าใจว่าทำไมปลื้มถึงทำแบบนี้แต่ตอนนี้อาการเ็ปจากาแบริเวณหน้าท้องที่ถูกกระทืบลงมาเต็มๆตีนก็เริ่มจะแล่นออกมาทั่วหน้าท้องของเขาแล้ว ดังนั้นการที่ปลื้มจะขับรถบิ๊กไบค์ไปส่งเขาที่บ้านมันก็คงจะดีเหมือนกันเพราะถ้าเขาฝืนขับรถของตัวเองกลับไม่น่าจะถึงบ้านน่าจะได้ลงไปคุยกับไหล่ทางสักที่แทน
เมื่อเห็นว่าอีกคนขึ้นมานั่งด้านข้างเรียบร้อยแล้วปลื้มจึงขับรถออกไปจากบริเวณลานจอดรถของคณะ โดยไม่ลืมที่จะยื่นโทรศัพท์ไปให้อีกคนปักหมุดบ้านของตัวเองให้
“เปิดเพลงฟังได้มั้ย” แทนที่รู้สึกว่าภายในรถมันเงียบเกินไปจนเริ่มมีมวลความอึดอัดบางอย่างเกิดขึ้นเอ่ยออกมา
“ได้ เปิดดิ”
“...” เมื่อได้รับอนุญาตมือเรียวก็กดเปิดเพลงไปแบบสุ่มๆ
...ฉันตกหลุมรักเธอั้แ่แรกเจอ สายตาของเธอมันทำใจไม่ดี เธออย่ามองมาอย่างนั้น
มีคนอยู่ตั้งมากมายรายล้อมเธอ อยากจะขอเบอร์เธอเลย มันก็คงจะไม่ดี Could you ooh be mine…
“ฮืม” ปลื้มกระแอมออกมาเมื่อรู้สึกแปลกๆและเริ่มทำตัวไม่ถูกขึ้นมา “ทำไมพวกมันถึงมาหาเื่มึง” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นมาโดยที่สายตายังคงโฟกัสอยู่ที่สภาพการจราจรเบื้องหน้า
“พวกมันคิดว่ากูไปยุ่งกับแฟนมัน” แทนตอบก่อนจะกดเปลี่ยนเพลงไปด้วย
“แล้วมึงทำแบบนั้นจริงหรือเปล่า” ปลื้มถาม พอได้ยินแบบนี้แล้วมันก็ดันมีความคิดบ้าๆผุดขึ้นมาในหัวของเขา หรือว่าแทนเองก็จะเข้าหาเรนใน่ที่เขากับเรนกำลังคบกันอยู่เหมือนกัน
“ไม่รู้ดิ” แทนตอบ “ปกติเอากับใครกูก็ไม่เคยมานั่งถามก่อนว่าเขามีผัวหรือยัง” ร่างบางเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยเหมือนไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับสิ่งที่ตัวเองทำและพึ่งโดนมา
“สันดานมึงเหี้ยจังวะ”
“แหมไอ้คุณชาย สันดานมึงดีมากเลยดิ” ปรรณกรเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกระแหนะกระแหนก่อนจะเอียงตัวพิงกับประตูรถแล้วหรี่ตามองไปยังคนที่กำลังตั้งใจขับรถอยู่
“ดีกว่ามึงแน่นอน” ปลื้มตอบออกมาด้วยสีหน้าท่าทางที่มั่นใจในตัวเอง “เพราะกูไม่เคยไปยุ่งกับแฟนของใคร”
“เฮอะ ถ้ากูรู้มึงคิดว่ากูจะยุ่งหรือไง” แทนเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าไม่ชอบใจเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดเหมือนดูถูกเขา “แล้วมึงไปอัดพวกมันแบบนั้นไม่กลัวว่ามันจะวิ่งโล่ไปแจ้งความแล้วบอกว่ามึงทำร้ายร่างกายพวกมันหรือไง เล่นไปชี้โพรงให้พวกมันก่อนแบบนั้น”
“แจ้งก็แจ้งดิ กูก็แค่แจ้งกลับ” ปลื้มไม่ใช่คนที่ไม่รอบคอบก่อนที่เขาจะยื่นเท้าตัวเองเข้าไปเสือกเื่ของคนอื่นเขาก็สำรวจช่องทางที่จะไม่ทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนเอาไว้แล้ว
ตอนที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำเขาเห็นว่ามีกล้องวงจรปิดของคณะถูกติดตั้งเอาไว้ ถึงแม้ว่ากล้องจะไม่สามารถจับภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านในได้ แต่กล้องก็คงจะบันทึกได้ว่าแทนกับไอ้พวกนั้นเดินเข้าไปในห้องน้ำ่เวลาไหนส่วนเขาก็ตามเข้าไปทีหลัง เขากับแทนที่วิ่งหนีออกมาก่อนมีสภาพแบบไหนและถ้าพวกมันวิ่งตามออกมาด้วยก็ยิ่งดีจะได้เห็นกันไปเลยว่าใครยกพวกรุมใครเพราะลำพังแค่เขาสองคนไม่มีทางที่จะใช้คำว่ารุมกับกลุ่มคนที่มีจำนวนมากกว่าได้อยู่แล้ว
“แล้วในโทรศัพท์กูก็มีคลิปที่อัดไว้หน้าห้องน้ำ ในนั้นมีเสียงตอนที่พวกมันกระทืบมึงอยู่ด้วย กูก็แค่รับบทพลเมืองดีที่เข้าไปช่วยมึงออกมา”
“มึงนี่ก็ร้ายเหมือนกันนะ”
“เขาเรียกฉลาด แต่โดนต่อยคิ้วแตกนี่ก็ผิดคาดกูเหมือนกัน” ร่างสูงเอ่ยบอกก่อนจะปล่อยมือจากพวงมาลัยข้างขึ้นมาแตะลงที่หางคิ้วเปื้อนเืของตัวเอง
“...”
“วันหลังก็อย่าไปเอาเมียใครสุ่มสี่สุ่มห้าจนผัวเขาตามมากระทืบอีกล่ะ”
“กูบอกว่ากูไม่รู้ มึงพูดไม่รู้เื่หรือไงวะ ถ้ากูรู้ว่าเขามีผัวแล้วกูก็ไม่ยุ่งหรอก กูไม่ใช่คนเหี้ยขนาดนั้น”
“แล้วมึงรู้มั้ยว่ากูเคยคบกับเรน”
“...” แทนเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้างเมื่อเขาถูกถามด้วยคำถามนี้ แถมเป็คำถามที่อยู่ดีๆก็โพล่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยอีกด้วย “ถามแบบนี้คือ้าอะไร”
“ไม่ได้้าอะไร”
“อย่าบอกนะ”
“...”
“นี่มึงคิดว่ากูกับเรน...”
“แล้วมันใช่มั้ยล่ะ” ปลื้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองหน้าแทนเมื่อรถติดไฟแดงพอดี
“ที่เมื่อคืนมึงต่อยกูเพราะมึงคิดว่ากูกับเรนกิ๊กกันงั้นหรอ” แทนถามพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าตัวเอง แทนอยากรู้จริงๆว่าอะไรที่ทำให้คนตรงหน้าคิดแบบนั้น “กูโดนมึงต่อยเพราะมึงหึงแฟนเก่ามึงหรอ”
“...” ร่างสูงไม่ได้ตอบอะไรออกมาแต่มันก็เหมือนกับการไม่ปฏิเสธว่าเื่ทั้งหมดก็เป็แบบที่แทนพูด
“มึงเห็นเรนเดินมาหากูเลยคิดว่ากูกับเรนกำลังกิ๊กกันสินะ”
“แล้วมันใช่มั้ยล่ะ สิ่งที่กูคิดน่ะ”
“มึงอยากรู้มากป่ะ” อัลฟ่าร่างบางยังคงเล่นลิ้นไม่ยอมตอบออกมาสักทีแม้ว่าปลื้มจะถามวนเป็ครั้งที่สองแล้วก็ตาม “ซักเสื้อที่เปื้อนอ้วกมึงให้กูก่อนดิ เดี๋ยวจะบอก”
“กูส่งซักไปแล้ว บอกมา”
“กูกับเรน...เป็...”
“...”
“ไฟเขียวแล้วมึงไม่ออกรถหรอ” แทนพูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปยังสัญญาณไฟจราจรที่ตอนแรกเป็สีแดงแต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็สีเขียวแล้ว พร้อมกับใบหน้าที่เคลือบไปด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนกำลังสนุก
“โอ๊ยไอ้เหี้ย แค่พูดออกมามึงจะตายหรอไอ้สัด”