"แล้วทีนี้จะทำอย่างไรกันดี?"ในใจของทุกคนเวลานี้ก็มีแต่คำถาม ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กเผื่อจะมีใครหาทางออกสำหรับเื่นี้ได้แต่ดูเหมือนว่าทุกคนล้วนอยู่ในอาการตื่นตระหนกด้วยกันทั้งสิ้น ใน่เวลาที่ทุกคนต่างก็สิ้นหวังจิตใจก็จะดูเปราะบาง จึง้าให้ผู้อื่นหยิบยื่นความหวังมาให้แต่ช่างน่าเสียดายที่ในเวลานี้ ทุกคนต่างก็ล้วนตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
"ทำไม เราถึงไม่ใช้ม้วนคัมภีร์กลับเมืองที่นี่เลยล่ะมันเป็เพราะอะไร?" ผู้เล่นคนหนึ่งะโโหวกเหวกโวยวายคล้ายกับควบคุมตนเองไม่ได้เมื่อความหวังสุดท้ายได้ถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดีท่าทางที่แสดงออกมาไม่ต่างจากบุพการีเสียชีวิตเลยสักนิดสีหน้าซีดเผือดจนแทบไม่มีสีเื เมื่อผู้เล่นคนอื่นได้ยินดังนั้นต่างก็ลองพยายามดู แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ต่างกัน
"ดูเหมือนว่ากลิ่นอายของสถานที่แห่งนี้จะได้รับผลกระทบจากมดทหารแห่งทะเลทรายไปด้วยแม้แต่อูฐเทพสีขาวเองก็ยังไม่สามารถออกไปได้ ดูแล้วคงไม่มีทางหนีออกไปได้จริงๆถ้าหากฟ้า้าให้ระดับลดลงหนึ่งเลเวล ก็คงต้องเต็มใจที่จะสังหารมดไปด้วยอย่างน้อยสักสองสามตัวก็ยังดี"สายตาของคาวบอยตะวันตกเต็มไปด้วยความแน่วแน่ หลังจากที่ได้ตัดสินใจไปแล้วทีท่าก็ดูเหมือนผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
"หัวหน้า พวกเราจะสู้ไปพร้อมกับคุณ"ผู้เล่นหลายคนในกลุ่มของคาวบอยตะวันตกกล่าวขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน เป็ผู้ชายสี่ผู้หญิงสาม เดิมทีกลุ่มของเขานั้นเดินทางกันมาหลายสิบคน เมื่อหนีมาถึงจุดนี้พวกเขาก็เหลือกันอยู่เพียงไม่กี่คน
คาวบอยตะวันตกและลูกน้องของเขาที่เหลือต่างไม่ใส่ใจว่าคนอื่นๆนั้นจะคิดอย่างไร ก่อนจะเตรียมยาน้ำและไอเทมอื่นๆ อย่างเงียบๆเพื่อเตรียมความแข็งแกร่งให้พร้อม ยังมีคนราวยี่สิบคนที่มาพร้อมกับเขาหลังจากที่มีการพูดคุยเป็การส่วนตัว ก็มีกลุ่มผู้เล่นห้าคนแยกตัวออกมาความแข็งแกร่งของกลุ่มนี้ก็เป็รองเพียงคาวบอยตะวันตกเท่านั้น หลังจากตัดสินใจเลือกเส้นทางแล้วก็ได้จากไปส่วนกลุ่มผู้เล่นกลุ่มใหญ่ที่เหลือต่างก็กระจัดกระจายกันออกไปตอนนี้พวกเขาก็ไม่ต่างจากเด็กน้อยที่กำพร้าพ่อ ไม่กล้าที่จะเดินหน้าต่อไปถ้าถูกทิ้งไว้คงมีแต่จะต้องตายเท่านั้น ท่าทางที่แสดงออกมาจึงเต็มไปด้วยความลังเลและอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย
ผ้าไหมพันปลายนิ้วคิดทบทวนอยู่หลายรอบก่อนจะเดินเข้าร่วมกับกลุ่มของคาวบอยตะวันตก ท่าทางของเขาดูสิ้นหวัง คนที่เหลือก็เริ่มสงบสติอารมณ์ไม่อยู่ก่อนจะแสดงเจตจำนง้าที่จะเข้าร่วมการต่อต้านด้วยความหนักแน่นแต่พวกเขาก็ยังคงกังวลอยู่ว่า คาวบอยตะวันตกนั้นอาจจะละทิ้งพวกเขาไปซึ่งคาวบอยตะวันตกก็ทำได้แต่เพียงยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาให้เห็นเวลานี้จึงเหลือเพียงแค่ฉินโจ้วและเสี่ยวหลัวลี่สองคนเท่านั้น
"โลงศพของนายจะป้องกันการโจมตีของพวกมดได้ไหม?"เสี่ยวหลัวลี่กระซิบข้างหูของฉินโจ้วอย่างเบาๆ
กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมาเข้าจมูกคล้ายมาจากต้นลิลลี่ แต่ก็มีบางส่วนใกล้เคียงกับดอกหอมหมื่นลี้ เวลานี้ฉินโจ้วก็รู้สึกจั๊กจี้ในหูจึงเขยิบตัวออกห่างมาเล็กน้อยอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะกระซิบตอบไปว่า"ผมเองก็ไม่รู้ และก็ไม่อยากลองด้วยเช่นกัน เื่ราวของพวกมันก็ค่อนข้างลึกลับพอสมควร คุณไม่เคยได้ยินเื่เกี่ยวกับมดทหารแห่งทะเลทรายหรือ ที่ว่าแม้แต่ัตัวใหญ่ั์ยังต้องถอยหนีเลยเป็การยากที่จะสรุปเื่นี้โดยใช้การตัดสินใจแบบปกติทั่วไป
เสี่ยวหลัวลี่เชิดจมูกขึ้น กลอกตาไปมาคิ้วขมวดเป็ปม สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ก่อนจะพูดขึ้นว่า "นี่มันแย่มากเลยทำไมสาวงามตัวน้อยคนนี้ต้องมาถูกลดระดับลงในสถานที่เช่นนี้กันด้วย ไม่มีทั้งดอกไม้ต้นไม้ แม่น้ำ แถมยังต้องกลายเป็ซากศพน่าเกลียดน่ากลัว ฉันไม่ชอบพวกมัมมี่"
ทันใดนั้นฉินโจ้วก็เริ่มเคลื่อนไหวเขาหันมองไปทางซ้ายทันที ก่อนจะมีเงาสีแดงเพลิงสว่างวาบขึ้น หลังจากนั้นเพียงครู่ก็มีชายพร้อมกับม้าปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
"นั่น... เขานี่นา"เสี่ยวหลัวลี่กะพริบตาถี่ๆ คนนี้ที่อยู่กับเธอตอนที่เจอกับกลุ่มของคาวบอยตะวันตกและเป็คนเลือกที่จะจากไป ม้าเหงื่อโลหิตที่เขาขี่อยู่นั้นเป็สิ่งที่บ่งบอกถึงตัวตนของเขาได้อย่างเด่นชัด
ม้าเหงื่อโลหิตนั้นต่างก็รู้จักกันในนามของม้าเทพเ้าเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วประดุจสายฟ้า ''ไปมาไร้ร่องรอย''เป็คำที่เหมาะสมเป็อย่างยิ่ง สามารถวิ่งมาเบื้องหน้าด้วยความเร็วเช่นนี้และยังหยุดได้ทันทีตามที่สั่ง โดยไม่มีการลื่นไถลราวกับร่างของมันไม่มีแรงเฉื่อยหลงเหลืออยู่เลยอีกทั้งยังดูสง่างามกว่าเมื่อเทียบกับม้าธรรมดาทั่วไป
คาวบอยตะวันตกก็ยอมรับว่าใอยู่พอสมควร ในทะเลทรายกว้างใหญ่เช่นนี้ยังมีโอกาสได้พบกันถึงสองครั้งสองครา ซึ่งเป็สิ่งที่หาได้ยากยิ่งหลังจากคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่งผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ควรคู่แก่การร่วมมือเป็อย่างยิ่งจึงได้กำหมัดประสานก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "ผมคาวบอยตะวันตกไม่รู้ว่าจะให้เรียกผู้มีชื่อเสียงท่านนี้ว่าอย่างไร?"
ชายคนดังกล่าวผู้เป็เ้าของและกำลังนั่งอยู่บนม้าเหงื่อโลหิตไม่ได้ตอบออกไปตรงๆเพียงแต่กวาดตามองไปยังกลุ่มคนทั้งหมด ด้วยสายตาที่เฉยชา ซึ่งเผยให้เห็นความภาคภูมิใจที่ซ่อนอยู่ภายในหลังจากที่จ้องมองทุกคนแล้ว ใบหน้าก็มีรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย และพูดขึ้นว่า "ใช้ได้ไม่เลวเลยอย่างน้อยก็ยังพอมีเือยู่บ้าง ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วผลลัพธ์ที่ได้คงไม่ต่างกันแต่อย่างน้อยก็ยังตายอย่างมีคุณค่า" ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้พูดกับคาวบอยตะวันตกเลย
คาวบอยตะวันตกเมื่อได้เห็นความเย่อหยิ่งของชายคนดังกล่าวก็ไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างใด เขายิ้มเยาะขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะถอยหลังกลับไป เขาหลับตานิ่งเพื่อพักผ่อนแต่ถึงอย่างนั้นกลุ่มคนที่เป็ลูกน้องของเขานั้นแทบจะอดใจไว้ไม่อยู่สายตาต่างจับจ้องไปยังผู้เป็เ้าของม้าเหงื่อโลหิตถ้าไม่ติดที่การสั่งสอนที่เข้มงวดของคาวบอยตะวันตกพวกเขาคงต้องมีเื่กันที่นี่อย่างแน่นอน แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายนั้นจะมีเพียงท่าทางยิ้มเยาะและไม่ได้แยแสแต่อย่างใด
เวลานี้ความมืดเริ่มเข้าปกคลุม ทำให้อุณหภูมิค่อยๆ ลดลงอย่างรวดเร็วผู้เล่นหลายคนตัวสั่นด้วยความหนาว ก่อนจะรีบปลดปล่อยเวทมนตร์ออกมาเพื่อป้องกันความหนาวเย็นผู้เล่นเหล่านี้ล้วนแต่ไม่เคยย่างกรายออกมาใช้ชีวิตอยู่บนทะเลทรายซึ่งมีอุณหภูมิแตกต่างในระหว่างวันอย่างมากมายผู้เล่นที่มีประสบการณ์นั้นได้เตรียมอุปกรณ์ที่ป้องกันความหนาวเย็นเอาไว้แล้วพวกเขาจึงไม่ได้ใส่ใจกับอุณหภูมิที่กำลังลดต่ำลงแม้แต่น้อย
"คุณรู้จักชายคนนี้ไหม?" ฉินโจ้วก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบถามเสี่ยวหลัวลี่ด้วยเสียงเบาๆปากหันไปทางใบหูขนาดเล็กที่ดูเนียนละเอียดใสราวกับผลึกน้ำแข็งหิมะก่อนที่เขาจะแกล้งเธอโดยการเป่าลมหายใจอุ่นๆ ไปที่หูของเธอดูเหมือนว่าติ่งหูที่ขาวใสราวกับหิมะเริ่มเปลี่ยนเป็สีแดงเรื่ออย่างรวดเร็วราวกับถูกแต่งแต้มด้วยแปรงปัด ก่อนจะกระจายไปทั่วทั้งใบหู แม้แต่แก้มก็ยังมีสีแดงเรื่อๆร่างของเสี่ยวหลัวลี่ถึงกับสั่นสะท้าน ดวงตาเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าดึงดูด จ้องมองไปยังฉินโจ้วอย่างเขินอายก่อนจะพูดขึ้นว่า "นาย... ไอ้คนบ้า"
ใจของฉินโจ้วถึงกับวูบไหว เขารู้สึกเขินอายอยู่บ้างที่ถูกจับได้ว่าทำเื่ไม่ดีลงไปสีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย ก่อนจะกระแอมกระไอออกมาเบาๆ และรีบลุกขึ้นทันที สายตาจ้องมองไปเบื้องหน้าโชคยังดีที่เสี่ยวหลัวลี่นั้นไม่ได้คิดโกรธแต่อย่างใด ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นว่า "ชายคนนี้มีชื่อว่า''ยุงนรกโลกันตร์'' เคยได้ยินมาว่า เขาชอบดื่มเืและต้องมีรสชาติที่เข้มข้นซึ่งไม่มีใครเคยพบเห็นเขามาก่อน ปกติแล้วเขาอาศัยการออกล่าในทะเลทรายหนึ่งคนหนึ่งม้า คนที่รับมือเขาได้มีอยู่ไม่มากนัก เขามีบุคลิกเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายในเขตพื้นที่ภาคกลางมีคนรู้จักเขาอยู่เพียงหยิบมือ"
ทันทีที่ได้ยินเสียงของเสี่ยวหลัวลี่ยุงนรกโลกันตร์ก็หันขวับมาทันทีดวงตาคู่นั้นส่องประกายแสงเจิดจ้าออกมาราวกับดาบเวทที่สามารถทิ่มแทงและสังหารคนทั้งคู่ได้ภายในดาบเดียวพลังภายในดูเหมือนมาถึงระดับที่สามารถปลดปล่อยออกมาภายนอกร่างกายได้ซึ่งทรงพลังและน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
ต่อให้ไม่ได้เอ่ยคำพูดใดออกมา เพียงแค่ขยับตัวก็อาจจะถูกฆ่าได้ในทันทีราวกับเห็นชีวิตเป็เพียงผักหญ้าริมทาง
ในใจของฉินโจ้วรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้างหลังจากนั้นก็เริ่มคิ้วขมวด ความโกรธเริ่มพลุ่งพล่าน ขณะที่คิดอยู่ในใจ"แม้ว่าเขาอาจจะนินทาลับหลัง ซึ่งก็เป็เื่ที่ไม่ถูกต้องอยู่บ้างแต่ก็คงไม่ถึงกับเสียหายอะไรจนถึงขนาดฆ่าแกงกันหรอกกระมังถ้าไม่ให้บทเรียนอะไรนายบ้างก็คง..." จากนั้นจึงเริ่มใช้ ''คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น'' ดวงตาปลดปล่อยลำแสงสีทองคู่หนึ่งปรากฏออกมาเพื่อต้านรับลำแสงทั้งสี่สายเข้าปะทะกันก่อนจะะเิขึ้นกลางอากาศอย่างไร้สุ้มเสียงก่อนเกิดเป็เพียงลมหมุนปลิวผ่านบนผืนทรายเบื้องหน้าเท่านั้นร่างที่กำยำของยุงนรกโลกันตร์ถึงกับต้องสั่นสะท้านอย่างรุนแรง สีหน้าเริ่มแดงก่ำคล้ายกับดื่มเหล้าหนักจนเมามาย ฉินโจ้วนิ่งไม่ไหวติง ไม่ต่างจากต้นสนเก่าข้างแผ่นหินผามีเพียงรอยยิ้มเยาะปรากฏอยู่บนใบหน้าเพียงเล็กน้อย
หลังจากประฝีมือกันเพียงชั่วครู่ ฉินโจ้วก็พอจะทราบแล้วว่าอีกฝ่ายนั้นได้ฝึกฝนทักษะที่ชั่วร้ายบางอย่างด้วยการใช้ทักษะลับเพื่อเพิ่มพูนความสามารถขึ้นใน่เวลาหนึ่งเนื่องจากพื้นฐานยังไม่มั่นคง ถึงแม้ว่าทั้งสองต่างก็ฝึกฝนมาเหมือนกันแต่ยุงนรกโลกันตร์กลับไม่อาจเทียบได้เลยสักนิด ''คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น''นั้นอ่อนโยน สงบเงียบ ตรงไปตรงมา เรียบง่ายแต่ลึกซึ้งซึ่งเป็ต้นตำรับในโลกหล้า ในแง่ของพลังพื้นฐานแล้วคงมีแค่เพียง ''คัมภีร์เก้าสุริยัน'' ที่สามารถเทียบเคียงได้เมื่อยุงนรกโลกันตร์ได้พบกับฉินโจ้ว ก็ถือได้ว่าเขาโชคดีแล้ว
ยุงนรกโลกันตร์นั้นเป็ฝ่ายพ่ายแพ้และรับรู้ได้ทันทีว่า ฉินโจ้วนั้นเป็คนที่ไม่สามารถล่วงเกินได้ ทำได้เพียงซ่อนความ้าสังหารเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจเขาไม่แสดงสีหน้าออกมาแต่อย่างใด จากนั้นก็รีบเดินจากไป
ทั้งคู่ได้ประลองฝีมือกันโดยไร้สุ้มเสียง คนอื่นๆ ที่เหลือก็ไม่ทราบเื่นี้เลยสักนิดแต่ดูเหมือนว่าร่างของคาวบอยตะวันตกจะมีอาการสั่นไหวอยู่เล็กน้อยดวงตาส่องประกายวูบไหวแห่งความหวาดกลัวขึ้นมา แต่เขาก็แอบดีใจอยู่เงียบๆ ที่ไม่ได้เป็ฝ่ายหาเื่ฉินโจ้วก่อน
เวลานี้ท้องฟ้าไร้ดาวพร่างพราย ดวงจันทร์หลบลี้หนีหน้า แต่ยามค่ำคืนในทะเลทรายไม่ได้ถึงกับมืดสนิทยังคงพอมองเห็นได้บ้างไม่ต่างจาก่เย็นสักเท่าใดนัก
"พวกมันมาโน่นแล้ว" ผู้เล่นคนหนึ่งถึงกับอดรนทนไม่ไหวจึงะโขึ้นก่อนเพื่อน ซึ่งทำให้ทุกคนที่เหลือเริ่มตื่นตัว มดทหารแห่งทะเลทรายเริ่มเข้ามาใกล้ในระยะร้อยเมตรเสียงเดินสวบสาบของฝูงมดทหารแห่งทะเลทรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาถ้าเป็เวลาปกติทั่วไป คงไม่มีใครมาใส่ใจฟังเสียงดังกล่าวเป็แน่ แต่เสียงนั้นในเวลานี้คล้ายกับเสียงฟ้าคำรามที่ดังอย่างกึกก้อง
80 เมตร...
50 เมตร...
"โจมตีได้" ทันใดนั้นคาวบอยตะวันตกก็ลืมตาขึ้นคลื่นพลังงานส่องสว่างเรืองรองกะพริบวูบ ตามมาด้วยเสียงกลืนน้ำลายดังเอื๊อกระยะห้าสิบเมตรนั้นเหมาะสำหรับการโจมตีด้วยทักษะเวทระดับสูง
เวทมนตร์มากมายหลากหลายชนิดะเิการโจมตีเข้าใส่อย่างพร้อมเพรียงราวกับดอกไม้ไฟที่ถูกจุดในยามค่ำคืน ก่อนพุ่งตรงเข้าใส่ยังกองทัพมดทหารแห่งทะเลทราย
ที่พุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงสุดนั่นก็คือ ดาบลม ที่ถูกปลดปล่อยออกมาติดต่อกันราวกับกังหันลมขนาดใหญ่กำลังหมุนผ่าน ซึ่งประกอบด้วยดาบลมนับสิบรวมเข้าด้วยกันทำให้มีความคมที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากที่หมุนควงเร่งด้วยความเร็ว ทำให้พลังทำลายยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วยเพียงแค่ััถูกเหล่ามดทหารแห่งทะเลทรายก็ไม่ต่างอะไรจากเครื่องบดเนื้อเปลือกแข็งสีดำของมันแตกกระจายสลายไปในทันที แขนขาหักกระจายปลิวขึ้นสู่ท้องฟ้าของเหลวสาดกระเซ็นจนชุ่มไปทั่วบริเวณทะเลทรายสีเหลืองแห่งนี้ทันทีที่ััถูกเม็ดทรายก็เกิดเป็ควันสีขาวลอยฟุ้งขึ้นดูเหมือนว่าจะเป็พิษที่ร้ายแรงด้วย
ตามมาด้วยเวทัน้ำแข็งที่เกิดจากเวทธาตุน้ำแข็งพุ่งผ่านไปอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดหมอกควันสีขาวลอยฟุ้งเมื่อเคลื่อนผ่านเหล่ามดทหารแห่งทะเลทราย พวกมันที่อยู่ด้านหลังก็ถูกเปลี่ยนสภาพกลายเป็รูปสลักก้อนน้ำแข็งเพียงแค่ััก็แตกสลายกลายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย
หลังจากนั้นทักษะเวทธาตุไฟก็ะเิปะทุขึ้น เวทธาตุมืดถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไร้เสียงและเริ่มกัดกร่อนอย่างแ่เบา แต่ที่ดูทรงพลังมากที่สุดก็คงจะเป็ทักษะเวทธาตุดินอสูรหินผาห้าตัวที่ถูกสร้างขึ้นจากทรายที่พุ่งเข้าใส่ทุบทำลายฝูงมดทหารแห่งทะเลทรายอย่างบ้าคลั่งความแข็งแรงของอสูรหินผานั้นแทบไร้ขีดจำกัดพวกมดถูกทุบจนกลายเป็เศษเนื้อแหลกเหลวปลิวกระจายไปทั่วทุกหนแห่งเป็ภาพที่ดูแล้วน่าสะอิดสะเอียนเป็ที่สุด
ดูเหมือนจะไม่มีเวทธาตุน้ำปรากฏขึ้นให้เห็นคาดว่าคงไม่มีผู้เล่นที่เกิดในทะเลทรายเลือกทักษะเวทธาตุน้ำ ที่ทำให้พวกเขาแปลกใจนั่นก็คือเสี่ยวหลัวลี่นั้นเป็ผู้ใช้เวทธาตุไฟ และอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญอีกด้วยเพียงแค่โบกมือ ยังไม่ทันได้เอ่ยคำร่ายเวทบอลไฟะเิขนาดใหญ่ก็ถูกปล่อยออกมาติดกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่สายเดียวแต่มีมากกว่าสิบสาย แทนที่จะเป็แค่หนึ่งหรือสองสายเสียงร้องด้วยความเ็ปของฝูงมดดังขึ้นหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงะเิอย่างรุนแรงทำให้มดทหารแห่งทะเลทรายถูกฆ่าตายในคราวเดียวถึงหลายร้อยตัวก่อให้เกิดช่องว่างขนาดเล็กขึ้นทันที
มีผู้ใช้เวทอยู่ไม่มากมายเท่าใดนัก ที่เธอแสดงออกมาก็เทียบเท่ากับการโจมตีครึ่งหนึ่งของการโจมตีทั้งหมดแล้วพลังโจมตีที่รุนแรงของเธอล้วนสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน ฉินโจ้วก็ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่เล็กน้อยสาวน้อยร่างเล็กคนนั้นไปไหนเสียแล้ว... ที่เห็นนี่มันแม่มดน้อยชัดๆ
"ม่านฟ้าิญญา"
ฉินโจ้วหยิบไม้เท้าเวทขึ้นมา และโบกขึ้นเพื่อเรียกใช้ทักษะ''ม่านฟ้าิญญา'' ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ทักษะเวทโจมตีก็ตามแต่ก็ถือได้ว่าทรงพลังมากที่สุดในแง่ของความรุนแรงเพราะสามารถลดความแข็งแกร่งของเหล่ามดทหารแห่งทะเลทรายได้ถึง 20% และยังเป็การโจมตีระยะไกลอีกด้วย ซึ่งสามารถช่วยทุกคนได้มากที่สุดแล้ว
''ทักษะเพลิงดำ''
ในพื้นที่หนึ่งร้อยตารางเมตรเกิดเปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นสู่อากาศอย่างเบาบางตามมาด้วยเสียงแตกสลายของมดทหารแห่งทะเลทราย นี่เป็ทักษะเสริมที่ได้มาจากไม้เท้าเพลิงดำและยังเป็ทักษะเวทโจมตีระยะไกลที่มีเพียงชนิดเดียวของฉินโจ้วอีกด้วย
ฉินโจ้วไม่ได้อัญเชิญเหล่าทหารโครงกระดูกออกมาช่วยต่อสู้เพราะขนาดัั์ มดทหารแห่งทะเลทรายยังไม่กลัว เพราะฉะนั้นแม้ทหารโครงกระดูกออกมาก็คงไร้ประโยชน์ซึ่งทำให้ฉินโจ้วพบว่า ตัวเขาเองนั้นช่างมีพลังโจมตีน้อยนิดอะไรเช่นนี้และมอนสเตอร์เหล่านี้สามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย
ในเวลานี้ทุกคนต่างรู้ดีว่ามดทหารแห่งทะเลทรายนั้นทรงพลังมากเพียงใดการโจมตีที่ถูกปลดปล่อยออกไปก็ล้วนเป็การโจมตีที่รุนแรงที่สุดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นความรุนแรงที่โจมตีออกไปก็ช่วยลดจำนวนของพวกมันได้ราวพันตัวเท่านั้นไม่สามารถหยุดยั้งการบุกได้แม้แต่นิดเดียว เมื่อมองจากตรงนี้เส้นสายสีดำที่ดูเชื่อมต่อกันอย่างเบาบางนั้น อันที่จริงมีความหนาเป็เมตรซึ่งด้านในล้วนแน่นขนัด เมื่อมองจากด้านหน้าก็พบว่า ความหนาแน่นนั้นมากจนสุดสายตาจำนวนของพวกมันนั้นมากมายเกินที่จะคาดคะเน
์...พวกมดมากมายเหล่านี้ต้องกินอาหารเป็ปริมาณมากเท่าใดกัน...
ทันใดนั้นหอกสีเงินก็ถูกแทงพรวดออกมาปลดปล่อยคลื่นพลังการโจมตีพุ่งออกไปหลายจั้ง ความรุนแรงที่ไม่มีสิ่งใดทำลายลงได้ถูกคาวบอยตะวันตกปลดปล่อยออกมาคลื่นพลังได้ถาโถมเข้าใส่ไถกวาดจนกลายเป็พื้นที่หน้ากว้างขนาดกว่าครึ่งเมตรและลึกถึงห้าเมตรสังหารมดทหารแห่งทะเลทรายได้นับหมื่น เป็การะเิพลังที่รุนแรงมากจนทำให้เห็นผืนดินแห่งทะเลทรายสีเหลืองได้ชั่วขณะก่อนจะถูกปกคลุมจนดำทะมึนอีกครั้ง ราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น
ถึงการโจมตีจากผู้ใช้เวทนั้นจะดุเดือดรุนแรงมากเพียงใดก็ตามแต่เนื่องจากมีจำนวนคนที่น้อยเกินไป ทำให้การย่างก้าวเข้าใส่มดทหารแห่งทะเลทรายนั้นดูราวกับไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อยในเวลานี้เหลือระยะทางอีกแค่ 30 เมตร
ผู้คนต่างขบฟันแน่นสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนจะปล่อยการโจมตีที่รุนแรงออกไปอย่างต่อเนื่องคนที่อยู่ด้านหลังถึงแม้จะถอยหนีได้ แต่ก็ไม่มีใครคิดเช่นนั้นเพราะเื้ัห่างไปอีกหลายลี้ ก็ยังคงเต็มไปด้วยมดทหารแห่งทะเลทรายเพียงแค่จะตายช้าหรือตายเร็วเท่านั้น ซึ่งก็คงแตกต่างกันไม่กี่นาที
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากทางด้านซ้าย ดูเหมือนจะเป็กลุ่มผู้เล่นห้าคนที่ออกไปก่อนหน้านี้ไม่ได้คาดคิดว่าพวกเขาจะกลับมาอีกครั้งคนที่ตามหลังเขาไปเวลานี้กลับเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย ราวสิบกว่าคนเห็นจะได้ซึ่งหนึ่งในนั้นกำลังจะถูกมดทหารแห่งทะเลทรายไล่ตามจนทัน ก่อนจะจมหายไปในทันทีได้ยินเพียงเสียงร้องะโดังขึ้นอย่างโหยหวน แต่ตัวคนนั้นหายไปเสียแล้ว
ฉินโจ้วก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างเมื่อเห็นว่าัตาเดียวก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วยดูเหมือนว่าพลังในการเอาชีวิตรอดของคนนั้นช่างยิ่งใหญ่เสียจริงถึงเวลานี้แล้วก็ยังคงมีชีวิตรอดอยู่ได้ ซึ่งกำลังขี่ม้าเหงื่อโลหิตแทนอูฐตัวเดิมช่างเป็คนที่ใช้จ่ายเงินได้ฟุ่มเฟือยเสียจริง
กลุ่มคนดังกล่าวพากันวิ่งหนีอย่างสุดกำลังแต่เนื่องจากความแข็งแกร่งของพาหนะพวกเขานั้นได้มาถึงขีดจำกัดแล้วถึงแม้ว่าพวกเขาจะกระตุ้นมันมากเพียงใด ความเร็วก็ไม่เพิ่มขึ้น แต่กลับจะช้าลงเสียด้วยซ้ำหลายคนที่อยู่รั้งท้ายต่างเห็นว่าพวกมดกำลังไล่หลังมาจวนตัวแล้วแต่ก็ไม่อาจรั้งรอได้อีก จึงพากันะโลงจากพาหนะที่ขี่มาก่อนจะวิ่งด้วยสองเท้าอย่างไม่คิดชีวิตเวลานี้ทุกคนแทบจะวิ่งได้เร็วกว่ากระต่ายเสียอีก น่าสงสารก็คงจะมีเพียงแต่พวกสัตว์ขี่เ่าั้ที่ถูกมดทหารแห่งทะเลทรายไล่ตามจนทันและจับกินเป็อาหาร
"ช่วยผมด้วย..." ัตาเดียวะโไปทางฉินโจ้ว หลังจากที่อีกหลายคนที่เหลือได้วิ่งหนีไปหมดแล้วคงเหลือแต่เขาที่อยู่ล้าหลังเพียงคนสุดท้าย เขาเองก็ยังไม่อยากตาย และยังไม่ยอมแพ้โดยทอดทิ้งสัตว์ขี่ไปซึ่งไม่ใช่เื่ที่เกี่ยวกับว่ามันมีราคาแพงหรือไม่เพียงแต่ถ้าละทิ้งมันไปในเวลานี้ก็คงหนีไม่พ้นต้องถูกฆ่าตายอยู่ด้านหลังอย่างแน่นอน
หลังจากเรียกใช้ ''ม่านฟ้าิญญา''การโจมตีสายหนึ่งของ ''ไท่อี่เทพสายฟ้า''ก็ได้พุ่งผ่านไป ต่อมาเกิดเสียงะเิดังขึ้น มดทหารแห่งทะเลทรายที่กำลังพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วจึงถูกชะลอให้ช้าลงัตาเดียวเมื่อสบโอกาสจึงได้รีบหลบหนี ก่อนจะมาหลบซ่อนอยู่ข้างหลังฉินโจ้วปากพร่ำแสดงความขอบคุณอย่างไม่หยุดหย่อน
"ดูเหมือนนายจะวิ่งไปรอบๆ เพื่อหาข่าวสารมาให้ฉันอย่างนั้นหรือ?ว่าแต่สถานการณ์เป็อย่างไรบ้าง?" ฉินโจ้วยิ้มและกล่าวหยอกเย้าเวลานี้เขาไม่ได้ใส่ใจคนผู้นี้แล้วแรกเริ่มเดิมที้าจะเก็บเขาเอาไว้เพื่อนำทาง แต่เหตุการณ์ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีความจำเป็เสียแล้วดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกโกรธ ไม่ว่าัตาเดียวจะหนีไปได้หรือไม่ก็ตามที
"นั่น... เอ่อ... แค่กๆ... ใช่สิ... ใช่แล้ว...ผมออกไปค้นหาทางออก แต่โชคไม่ดีเลย ผมวิ่งไปทั่วบริเวณแล้ว เห็นมีแต่มดอยู่ทุกที่ดูเหมือนจะไม่มีทางหนีออกไปจากที่นี่" ัตาเดียวสีหน้าเริ่มแดงก่ำโชคยังดีที่มีใบหน้าคล้ำ จึงไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น
เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครา ผู้เล่นอีกคนเหมือนกำลังจะถูกฆ่าและมดทหารแห่งทะเลทรายก็กำลังใกล้เข้ามา
เมื่อมองจากระยะนี้จะสามารถมองเห็นร่างกายของพวกมันและโครงสร้างแต่ละชิ้นส่วนได้อย่างชัดเจนซึ่งห่อหุ้มไว้ด้วยเปลือกที่แข็งและแหลมคม เหมาะสำหรับต่อสู้ได้อย่างโดดเด่น ทำให้ร่างกายดูราวกับสวมเกราะเหล็กเอาไว้มีคมเขี้ยวขนาดใหญ่ที่แหลมคมไม่ต่างจากดาบโค้ง จึงถูกขนานนามว่า ‘ปิรันยาบก’เป็มดที่ใช้จำนวนเข้าจู่โจมแทนที่จะใช้ยุทธวิธี โดยมีพลังการกัดที่รุนแรงสามารถตัดหั่นเหยื่อให้เป็ชิ้นได้ราวกับใช้มีด ต่อให้รูปร่างเป็รองฝ่ายตรงข้ามก็สามารถฉีกทำลายร่างจนกลายเป็ซากศพได้ด้วยคมเขี้ยวไม่มีสิ่งใดที่สามารถหยุดยั้งพวกมันได้ ต่อให้วิ่งหนีลงไปในร่องน้ำพวกมันก็สามารถเกาะเกี่ยวร่างเข้าไว้ด้วยกันจนกลายเป็ลูกบอลเพื่อกลิ้งข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามหรือจะเกาะเกี่ยวร่างกันทำเป็สะพานมด เพื่อให้กองทัพที่ยิ่งใหญ่ของมันข้ามฝั่งไปได้มันสามารถเปลี่ยนแปลงความกว้างได้ จนร่องน้ำนั้นเรียบเสมอกัน เพื่อให้กองทัพที่ยิ่งใหญ่ของมันผ่านไปจนได้ โดยพวกมันสามารถพุ่งไปข้างหน้า เพื่อทำตัวเป็ฐานรากได้อย่างไม่ลังเล ซึ่งก็เหมือนกับการสร้างบ้านที่เสาเข็มนั้นเป็สิ่งที่สำคัญ
มีคนโบราณเคยกล่าวไว้ว่า ในการสร้างเส้นทางเพื่อการต่อสู้คงมีเพียงมดทหารเท่านั้น ที่จะทำให้ผู้ที่มีความกล้าหาญทั้งหลายถึงกับตัวสั่นด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึงกระทั่งถึงกับเหงื่อโทรมกาย สิ่งนี้ก็พอจะยืนยันได้ถึงความร้ายกาจของเหล่ามดทหารแห่งทะเลทรายได้แล้ว
ท่ามกลางเปลวไฟจากการะเิทำให้มดทหารแห่งทะเลทรายถูกเผาจนไหม้เกรียมกลายเป็สีดำอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันจำนวนมากก็ยังคงตบเท้าก้าวเข้ามาอย่างไร้ซึ่งความกลัวเกรงต่อความตายนั่นทำให้ระยะทางหดแคบเข้าไปเรื่อยๆ เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ เสียงร้องโหยหวนดังระงมขึ้นหลายต่อหลายครั้งผู้เล่นก็เริ่มเสียชีวิตลงทีละคนสองคน ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายนั้นไม่ได้อยู่ระดับเดียวกันเลยสักนิดความสิ้นหวังเริ่มเกาะกุมในใจของพวกเขา
สีหน้าของเสี่ยวหลัวลี่เริ่มแดงก่ำ เหงื่อพรายผุดทั่วใบหน้าทักษะเปลวไฟะเิก็ยังคงถูกปล่อยออกไปโจมตีอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายคล้ายกับปืนกลก็ไม่ปานเพื่อป้องกันปีกซ้ายเอาไว้ ฉินโจ้วจำเป็ต้องใช้ทั้งสองมือปล่อยการโจมตีออกไปประกายแสงจากสายฟ้ากะพริบวูบไหวขึ้นอยู่แทบตลอดเวลา ''ไท่อี่เทพสายฟ้า'' ถูกปล่อยออกไปลูกแล้วลูกเล่าเสียงะเิดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างนั้นทางปีกขวายังคงมีมดทหารแห่งทะเลทรายบุกประชิดเข้ามาอย่างรวดเร็วระยะห่างลดลงเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ดูอันตรายจนน่าเป็ห่วงมากที่สุดในกองกำลังขณะนี้ก็คือต่างก็ขาดความสามัคคีในการที่จะร่วมมือกัน ต่างคนต่างแยกกันต่อสู้ เวลานี้เริ่มมีผู้เล่นาเ็ไปมากกว่าครึ่งแล้วแม้แต่ยุงนรกโลกันตร์ที่เอาแต่นิ่งเฉยมาตลอดก็เริ่มลงมือ บุคคลผู้นี้มีวิธีการที่ค่อนข้างแปลกประหลาดหมอกดำที่ถูกปล่อยออกมาจากฝ่ามือ เมื่อมดทหารแห่งทะเลทรายััถูกมันเข้าร่างของมดทหารก็เริ่มเหี่ยวเฉาราวกับต้นหญ้าที่ถูกฉีดพ่นด้วยยาฆ่าหญ้าก็ไม่ปาน
ถึงแม้ว่าคนผู้นี้จะเป็ผู้ทรงพลังแต่ก็ค่อนข้างเห็นแก่ตัว โดยเขาก้าวถอยหลังไปหยุดยืนอยู่ด้านหลังผู้อื่นราวครึ่งฟุตระยะห่างแค่นี้อาจดูเหมือนน้อยนิด แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องหลบหนี ก็สามารถเห็นผลต่างได้อย่างมากมายและยังใช้ผู้อื่นเป็โล่เพื่อป้องกันตนเองได้อย่างมั่นคงอีกด้วยทำให้เขาสามารถรุกคืบและถอยหนีได้อย่างทันท่วงทีซึ่งผู้เล่นทั่วไปคงไม่เห็นเส้นสนกลในที่ลึกลับเช่นนี้ได้แต่ก็ไม่สามารถปกปิดแอบซ่อนจากสายตาของคาวบอยตะวันตกไปได้ แต่ทว่าเนื่องจากเขาไม่ได้อยู่ในทีมเดียวกันต่อให้เขาทำเช่นนั้นจริง ก็ไม่อาจกล่าวโทษอะไรได้อยู่ดี คงทำได้แค่ก่นด่าอยู่ในใจและไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้
หลังจากที่สูญเสียผู้เล่นไปอีกสองคนทำให้เหลือผู้ใช้เวทอยู่เพียงสามคน ซึ่งทำให้ผู้ใช้เวทธาตุดินนั้นไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไปได้แต่ส่งเสียงร้องเอะอะโวยวาย ก่อนจะวิ่งหนีไปและทิ้งเพื่อนร่วมทีมไว้เื้ัเมื่อมีคนหนึ่งวิ่งหนีไป คนที่เหลือก็ไม่อาจต้านทานไว้ได้ทั้งหมดจึงต่างพากันวิ่งหนีราวกับเขื่อนแตก มดทหารแห่งทะเลทรายพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วผู้ใช้เวทที่เหลืออยู่สองคนก็ถูกกลืนหายไปในเกลียวคลื่นที่ถาโถมเข้าใส่โดยไม่ทันแม้แต่จะส่งเสียงร้อง
ยุงนรกโลกันตร์เห็นว่าสถานการณ์เริ่มเลวร้าย ก่อนจะเขย่งปลายเท้าพลิ้วตัวไปอยู่บนม้าเหงื่อโลหิตทันที ซึ่งดูเหมือนมันไม่จำเป็ต้องรอคำสั่งอื่นใดสี่เท้าตะบึงห้อพุ่งหายกลายเป็แสงสายฟ้าสีแดงพุ่งห่างออกไปในทันทีในขณะที่คาวบอยตะวันตกส่งเสียงร้องด้วยความใก่อนที่ชิ้นเนื้อบริเวณต้นขาจะถูกฉีกกระชากหายออกไปความเ็ปพลุ่งพล่านจนน้ำตารื้นขึ้นมา เนื่องจากเขาพุ่งหลบได้ทันท่วงทีไม่อย่างนั้นแล้วคงไม่าเ็แค่ขาเป็แน่อาจถึงขั้นไม่สามารถมีทายาทสืบสกุลได้เลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงล่าช้าอยู่ดีน้องชายอีกคนที่ติดตามเขามาก็ถูกมดทหารแห่งทะเลทรายกลืนไปจนหมด เวลานี้คงเหลือแค่ผู้หญิงคนเดียวที่พยายามช่วยโจมตีอย่างต่อเนื่อง
"พี่ชายคาวบอย เวลานี้ไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้วพวกเรารีบถอยดีกว่า" ฉินโจ้วะโออกไปจากนั้นก็ะโขึ้นขี่หลังเสือดำลายพรางดูเหมือนว่า มอนสเตอร์ตัวนี้ค่อนข้างเชื่อฟังเขา จึงไม่ได้วิ่งหนีไปไหนเมื่อเปรียบเทียบกับัตาเดียวที่เห็นแก่ตัวแล้ว เสือดำลายพรางตัวนี้จะยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมากกว่าเสียอีก
"ไปกัน..." คาวบอยตะวันตกก็เป็คนที่ตัดสินใจเด็ดขาดในขณะที่เหลือบมองไปยังสถานที่ซึ่งพี่ชายเขาได้ตายลง ก่อนจะดึงมือผู้หญิงคนดังกล่าวขึ้นม้าและควบหนีไปทันทีหลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นจากเื้ัดูเหมือนจะเป็ผู้ใช้เวทธาตุดินที่วิ่งหนีเอาชีวิตรอดก่อนหน้านี้ แต่เขาไม่มีสัตว์ขี่จึงกลายเป็คนที่ถูกฆ่าตายเร็วที่สุด
หลังจากคลื่นมอนสเตอร์ถาโถมเข้าใส่ไปทั่วบริเวณก็ปราศจากการต่อสู้อีกต่อไป มีเพียงคลื่นสีดำทะมึนที่ดูเกรี้ยวกราด เคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งราวกับอยู่ในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้