ณ ห้องโถงหลัก มีทั้งเสียงพูดคุยเสียงหัวเราะ บรรยากาศอบอุ่นเป็กันเอง
ในแผ่นดินเซียนฉยง ถึงแม้ทุกคนจะบำเพ็ญเซียน แต่อายุขัยยังคงน้อยกว่าผู้บำเพ็ญเซียนยุคโบราณ
อย่างเช่นจั๋วฟู่ไห่ ยอดฝีมือระดับกำเนิดปราณ มีอายุขัยเพิ่มขึ้นเพียงร้อยปีเท่านั้น สำหรับคนธรรมดาอาจจะเป็่เวลาที่ยาวนาน ทว่าสำหรับผู้บำเพ็ญเซียนแล้วกลับเป็่เวลาอันแสนสั้น
แต่งงานตอนอายุสิบสองถึงสิบสามปี เป็เื่พบเห็นบ่อยครั้งในแผ่นดินเซียนฉยง โดยเฉพาะสำหรับตระกูลเซียน พวกเขาไม่ขาดแคลนทรัพยากรและไม่ขาดแคลนเงินทอง จึงอยากมีลูกหลานสืบสกุลมากมาย
ดังนั้นสำหรับเื่แต่งงานของจั๋วอวิ๋นเซียนกับซีโหลวรั่วเมิ่งแล้ว คนตระกูลจั๋วไม่ได้คัดค้าน อย่างน้อยก็ไม่มีใครกล้าคัดค้านต่อหน้า
……
“น้องพี่ เ้าเป็อะไรหรือ?”
จั๋วอวี้หวั่นเห็นจั๋วอวิ๋นเซียนเงียบกริบ นางคิดว่าอีกฝ่ายเขินอายจึงกล่าวปลอบใจว่า “น้องเล็ก นี่ก็คือเื่น่ายินดีที่พี่เคยบอกเ้า ไม่เลวใช่หรือไม่? น้องหญิงรั่วเมิ่งเป็ถึงคุณหนูของตระกูลซีโหลว พร์ไม่เลว ถ้าพวกเ้าสองคนได้ครองคู่กัน ต้องเป็เื่ที่โชคดีมากแน่ๆ”
“โชคดีหรือ? อย่างไรคือความโชคดีเล่า?”
จั๋วอวิ๋นเซียนยังคงไม่พูดไม่จา ในใจเต็มไปด้วยความสับสนและสงสัย เขาไม่แม้แต่จะมองซีโหลวรั่วเมิ่งด้วยหางตา เขาในตอนนี้ไม่รู้เื่ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงและไม่รู้เกี่ยวกับความรักของหนุ่มสาว เขาเพียงแค่ไม่ชอบการถูกผู้อื่นบงการหรือถูกผู้อื่นผูกมัด
กลับกันพี่สาวอย่างจั๋วอวี้หวั่นพอใจกับเื่นี้มาก
แน่นอนว่าเพื่องานแต่งงานครั้งนี้แล้ว ตระกูลจั๋วทุ่มเทไปไม่น้อย
ยังไม่ต้องพูดถึงเื่ที่จั๋วฟู่ไห่เสียแขนไปเพราะช่วยพ่อลูกซีโหลว แค่สินสอดที่มอบให้ตระกูลซีโหลวในครั้งนี้ก็มีราคาเป็ ‘ศิลาิญญา’ นับหมื่นแล้ว มีค่าเท่ากับรายได้หนึ่งปีของตระกูลจั๋วเลยทีเดียว
‘ศิลาิญญา’ คือวัตถุดิบที่ล้ำค่ามาก มันแฝงด้วยแก่นแท้ของพลังปราณฟ้าดิน เงื่อนไขการกำเนิดของมันยากเย็นยิ่งนัก
ก่อนยุคเซียนโบราณ ผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่ล้วนใช้ศิลาิญญาในการบำเพ็ญ ไม่เพียงแต่ฟุ่มเฟือย ด้านประสิทธิภาพก็ไม่สูงนัก ทว่าหลังจากพลังปราณฟ้าดินสลายหายไป การบำเพ็ญเซียนก็เปลี่ยนไป ศิลาิญญามิอาจถูกดูดซับพลังิญญาได้อีกต่อไป ดังนั้นจึงถูกใช้เป็พลังงานเสริมสำหรับการผลิตและพัฒนา...และเป็เงินตราที่นิยมใช้กันในหมู่ผู้บำเพ็ญเซียน
ถึงแม้ศิลาิญญาจะมีน้อยมาก แต่ในใจของจั๋วอวี้หวั่น เพื่อจั๋วอวิ๋นเซียนและเพื่อตระกูลจั๋วแล้ว ความทุ่มเททั้งหมดล้วนคุ้มค่า
……
“อวิ๋นเซียน รั่วเมิ่งเพิ่งมาเป็ครั้งแรก เ้าพานางไปเดินเล่นเถอะ!”
จั๋วฟู่ไห่คิดว่าจั๋วอวิ๋นเซียนกับซีโหลวรั่วเมิ่งอาจจะอึดอัด จึงอยากให้โอกาสเด็กทั้งสองคนได้พูดคุยกันตามลำพัง
ซีโหลวรั่วเมิ่งหันไปมองซีโหลวเหวินอวี่ นางเห็นบิดาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าบิดาเห็นด้วย
“คุณหนูรั่วเมิ่ง เชิญ”
จั๋วอวิ๋นเซียนยื่นมือเชื้อเชิญ เขาพาซีโหลวรั่วเมิ่งออกจากห้องโถงหลัก
……
เมื่อเห็นทั้งสองคนจากไป สายตาของเหล่าลูกพี่ลูกน้องจั๋วอวิ๋นเซียนเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
ในความคิดของพวกเขา เหตุใดขยะคนหนึ่งถึงมีคุณสมบัติพอที่จะแต่งงานกับคุณหนูของตระกูลซีโหลว เพียงเพราะบิดาของเขาคือผู้นำตระกูลหรือ? ช่างไม่ยุติธรรม! ์ช่างไม่ยุติธรรม!
ช่างน่าเสียดายพวกเขาทำได้เพียงะโในใจ เื่นี้ถูกกำหนดไว้แล้ว จะไม่เปลี่ยนแปลงเพราะความคิดของพวกเขา
……
ณ สระบัวหลังจวน มีหมอกควันพร่ามัวล่องลอย
จั๋วอวิ๋นเซียนพาซีโหลวรั่วเมิ่งเดินวนในสวนดอกไม้ ไม่มีใครพูดจา บรรยากาศน่าอึดอัดยิ่งนัก
ในฐานะที่เป็ชายหนุ่มที่มีความคิดเป็ผู้ใหญ่คนหนึ่ง เขามีปัญหาให้ต้องคิดมากมาย...เื่แรกคือสถานะของซีโหลวรั่วเมิ่ง เื่ต่อมาคือคำเตือนของสีเฟยเหยียน รวมถึงเื่ความสัมพันธ์ของตระกูลจั๋วกับตระกูลซีโหลว
แต่ซีโหลวรั่วเมิ่งกลับคิดว่า นางกับจั๋วอวิ๋นเซียนอยู่กันคนละโลก ไม่มีความจำเป็ต้องพูดคุยกัน หรือจะให้นางพูดคุยเื่วิธีการโคจรพลังิญญากับคนธรรมดาคนหนึ่งหรือ? เื่ประสบการณ์บำเพ็ญตนหรือ? เห็นได้ชัดว่าเป็ไปไม่ได้
ทว่าถึงอย่างไรจั๋วอวิ๋นเซียนก็เป็บุรุษจึงเป็ฝ่ายชวนคุยก่อน “คุณหนูซีโหลว เหตุใดเ้าถึงรับปากเื่งานแต่งหรือ?”
“คำสั่งของบิดามารดา มิอาจขัดขืน”
ซีโหลวรั่วเมิ่งหยุดก้าวเดิน นางรู้สึกว่าน้ำเสียงของตัวเองไม่ค่อยดีนักจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “พวกเราล้วนเป็คนจากตระกูลวิถีเซียน เ้าน่าจะรู้ว่ามีเื่บางเื่ที่พวกเรามิอาจควบคุมได้”
การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ เสริมความแข็งแกร่งให้กันและกัน
จั๋วอวิ๋นเซียนเข้าใจเหตุผลนี้ดี เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดตระกูลซีโหลวถึงได้เลือกเขา
“คุณหนูซีโหลว เ้าก็รู้ว่าชื่อเสียงของข้าไม่ค่อยดีนัก”
“ข้ารู้ ไร้พร์ สามิญญาไม่สมบูรณ์ มิอาจบำเพ็ญเซียน”
ซีโหลวรั่วเมิ่งเผยสีหน้าไร้อารมณ์ สายตาสงบและเ็า
จั๋วอวิ๋นเซียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาััได้ถึงสายตาอันเ็าของซีโหลวรั่วเมิ่ง เขาไม่ค่อยชอบความรู้สึกเช่นนี้
ดังคำกล่าวที่ว่า พูดคุยไม่ถูกคอเพียงประโยคเดียวก็ควรพอแล้ว ทั้งสองคนต่างกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง
จั๋วอวิ๋นเซียนเป็เพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ไม่ค่อยเข้าใจเื่ความรักนัก เขาไม่ได้รู้สึกชอบ แต่ก็ไม่ได้ต่อต้าน ในเมื่อบิดาอยากให้เขาแต่งงาน เขาก็จะไม่คัดค้าน นับว่าเป็การยอมรับการแต่งงานโดยปริยาย
……
สามวันผ่านไป ในพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษของตระกูลจั๋ว บรรยากาศคึกคักเป็พิเศษ
ในเวลาเดียวกัน เมืองตงหลิงได้จัดพิธีแต่งงานยิ่งใหญ่อลังการระหว่างตระกูลจั๋วกับตระกูลซีโหลว ไม่เพียงคนที่มีหน้ามีตาในเขตเมืองชายแดนที่มาเข้าร่วม แม้แต่เ้าเมืองตงหลิง...เสิ่นว่านโหลวก็เดินทางมาแสดงความยินดีด้วยตัวเอง
หลังจากเสร็จพิธี ซีโหลวรั่วเมิ่งจึงอยู่ที่ตระกูลจั๋วอย่างเป็ทางการและกลายเป็ฮูหยินน้อยแห่งตระกูลจั๋ว สถานะของนางเป็รองเพียงผู้นำตระกูลจั๋วฟู่ไห่กับคุณหนูใหญ่จั๋วอวี้หวั่นเท่านั้น
ทว่าเนื่องจากอายุของจั๋วอวิ๋นเซียนกับซีโหลวรั่วเมิ่งยังน้อย จึงแยกห้องนอนกัน
……
ในเรือนแยก โคมไฟมงคลถูกแขวนเต็มเรือน
จั๋วอวิ๋นเซียนกลับไปยังห้องของตนตามลำพัง เขาถอดชุดแต่งงานสีแดงออกและนั่งลงที่เตียงด้วยอารมณ์สับสน
หลายวันมานี้เขารู้สึกว่าตัวเองเสมือนเป็หุ่นไม้ ไร้ซึ่งอิสระ ถูกคนบงการ แต่เขาก็ไม่ได้โทษบิดาของตัวเอง
เหมือนดังที่ซีโหลวรั่วเมิ่งกล่าวเอาไว้ ในฐานะเป็คนของตระกูลเซียน เมื่อเพลิดเพลินกับทรัพยากรที่คนอื่นได้แค่ฝันถึง เช่นนั้นก็ควรแบกรับความรับผิดชอบที่สมน้ำสมเนื้อ อีกทั้งมีเพียงทำเช่นนี้ความกดดันของจั๋วฟู่ไห่กับจั๋วอวี้หวั่นถึงจะเบาลง
คำว่าอิสระ จะมีอิสระจริงหรือ?
ทันใดนั้นจั๋วอวิ๋นเซียนก็มองไปทางอุปกรณ์ิญญาสุญญตา หลายวันนี้เขายุ่งอยู่กับการบำเพ็ญและเตรียมงานแต่งงาน เขาไม่ได้เข้าไปในมิติมายาสุญญตานานแล้ว
ทว่าเมื่อเขาเข้าไปในมิติมายาสุญญตา ทุกสิ่งรอบด้านล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าคว่ำดิน
ท้องฟ้าสีคราม พื้นดินมีชีวิตชีวา ดอกไม้เบ่งบาน
ที่นี่ไม่ใช่สถานที่รกร้างไร้ผู้คน ไร้สิ่งมีชีวิตอีกแล้ว อีกทั้งยังเต็มไปด้วยพลังชีวิตและสิ่งมีชีวิตมากมาย ราวกับเป็โลกใบหนึ่ง!
“นี่...มันเกิดเื่อะไรขึ้น?”
จั๋วอวิ๋นเซียนจิตใจสั่นสะท้าน เขารีบเปิดกำไลสื่อิญญาติดต่อกับถังจิ่ว
……
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง จั๋วอวิ๋นเซียนตะลึงอยู่กับที่ ผ่านไปเนิ่นนานก็ยังไม่ได้สติกลับมา
จากคำอธิบายของถังจิ่ว เมื่อสามวันก่อน...วันที่สุสานโบราณเกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งมิติมายาสุญญตาก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงตาม ทุกสรรพสิ่งค่อยๆ ฟื้นคืนชีวิต แม้กระทั่งในซากโบราณสถานก็ค่อยๆ ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตต่างๆ ทำให้ระดับความยากของบททดสอบเพิ่มขึ้นไม่น้อย
โชคดีที่การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไม่ได้สร้างผลกระทบที่เลวร้าย กลับกันรางวัลของซากโบราณสถานทุกแห่งล้วนยกระดับสูงขึ้นมาก ทำให้ทุกคนอยากเข้าไป
ไม่มีใครรู้สาเหตุ แม้แต่พันธมิตรเซียนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงนิ่งเฉย
