อวี้อ๋องอุ้มเฉียวเยว่เดินเล่นในวัง สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้คนที่พบเห็นตาแทบถลนออกจากเบ้า ช่างเป็เื่ที่แปลกประหลาดสุดจะเชื่อได้จริงๆ
ถึงอย่างไรก็ไม่น่าจะเป็ไปได้ที่อวี้อ๋องจะอุ้มเด็กคนหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนต่างรู้สึกว่าอวี้อ๋องดูเหมือนกำลังจะหมดแรง เขาเป็ชายหนุ่มผอมบางจะอุ้มเด็กน้อยอ้วนพีเช่นนี้ไหวได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้นแม่แตงน้อยแสนหวานก็ยังยิ้มร่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวสักนิดเลย
เฉียวเยว่มองทางโน้นทีมองทางนี้ที "ท่านพี่อวี้อ๋อง ท่านช่วยขยับมือสักเล็กน้อยจะได้หรือไม่ อย่าวางบนก้นของข้า ข้าเป็สตรี ทำเช่นนี้จะไม่ดีต่อชื่อเสียงของข้า"
อวี้อ๋องหัวเราะ "ฮ่าๆ เ้ายังมีของประเภทชื่อเสียงเหลืออยู่อีกหรือ" แล้วตีก้นน้อยๆ ของนางทีหนึ่ง
เฉียวเยว่โกรธจนกล้าทำได้ทุกสิ่ง นางเอนตัวไปข้างหน้าแล้วกัดที่แก้มของเขาหนึ่งคำ "จะกล้าตีก้นข้าอีกหรือไม่ ข้าขอบอกท่านไว้เลย ตีก้นข้าจะต้องถูกลงโทษ"
อวี้อ๋องคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม "กระต่ายตัวนี้มีฟันเสียด้วย"
เฉียวเยว่ "..."
โอ้... คนผู้นี้ชอบท้าทายนักหรือ!
"ข้า..." เดี๋ยวนะ เดี๋ยวๆๆ นางลืมอะไรไปหรือเปล่า? พอคิดเช่นนี้ ก็ใจนหลั่งเหงื่อโซมกาย รู้สึกว่าตนเองชะล่าใจอย่างยิ่ง หลงคิดว่าคนผู้นี้เป็คนดีเพราะความอ่อนโยนของเขาได้อย่างไร
เขาไม่ใช่! เขานี่แหละตัวร้ายเลย!
เป็วายร้ายที่มีความคิดจิตใจล้ำลึก นางลืมไปได้อย่างไร
อาจเป็เพราะสีหน้าของเฉียวเยว่เปลี่ยนเร็วเกินไป อวี้อ๋องเลยอมยิ้ม "เป็อันใด? แม่แตงน้อยแสนหวานจะแสดงงิ้วเปลี่ยนหน้ารึ?"
เฉียวเยว่ไม่ยอมรับ "ขอถามหน่อยเถิด งิ้วเปลี่ยนหน้าที่ไหนจะมีเด็กเล็กเช่นข้า"
นางบีบมือน้อยๆ ของตนเองด้วยความตื่นเต้น อวี้อ๋องทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมา จะเช็ดมือให้นาง "ส่งอุ้งมืออวบของเ้าให้ข้า"
เฉียวเยว่ยื่นมือออกไป แต่ไม่ช้านางก็ทำปากยื่นอย่างน้อยอกน้อยใจ "ห้ามล้อเลียนข้านะ นี่ไม่ใช่อุ้งมืออวบ มือเล็กๆ ของข้าเอิบอิ่มไปด้วยบุญบารมีต่างหาก"
อวี้อ๋อง "ฮ่าๆ"
เฉียวเยว่ "จริงๆ นะ มือของข้าเอิบอิ่ม เปี่ยมไปด้วยบุญบารมี ท่านดูสิ ฝ่ามือของข้ามีหยวนเป่า [1] น้อยด้วย อาหมัวของข้าก็กล่าวเช่นนี้ นางบอกว่านี่เป็ลักษณะของผู้มีบุญแต่กำเนิด"
นางชูมือน้อยๆ แสดงต่อหน้าอวี้อ๋อง "เห็นหรือไม่?"
"อาหมัว?"
"ก็คือแม่นมของมารดาข้า นางชื่อหลันหมัวมัว ตอนสาวๆ นางเป็หนึ่งบุปผาในสิบแปดเมืองเชียวนะ"
อวี้อ๋อง "..."
เฉียวเยว่สะกิดถาม "เหตุใดท่านไม่พูดแล้วล่ะ?"
อวี้อ๋องยิ้มน้อยๆ "แม่แตงน้อย ต่อไปหากข้าแต่งงาน ให้กำเนิดบุตรจะต้องตีสั่งสอนั้แ่เล็ก"
เฉียวเยว่ทำปากยื่น คนผู้นี้ไม่มีความเป็มิตรเอาเสียเลย "ท่านหมายความว่าอย่างไร?"
จะบอกว่านางไร้การอบรม สมควรถูกตีหรือ? นางน่ารักเช่นนี้จะเป็ไปได้อย่างไร
"ไม่ตีก็จะกลายเป็เยี่ยงเ้า บิดามารดาต้องกลุ้มใจตายแน่"
กินก็เก่ง ตัวก็หนัก!
เฉียวเยว่เอานิ้วมือชนกัน "พวกเขาก็กลุ้มมากอยู่ แต่ข้าก็นำพาความสุขมาให้พวกเขาเหมือนกัน ข้าน่ารักเช่นนี้ พวกเขาต้องมีความสุขมากกว่าความทุกข์อยู่แล้ว อีกอย่าง คนในครอบครัวของพวกเราล้วนบอกว่าข้าเป็ดาวนำโชคน้อย"
เฉียวเยว่เป็เด็กน้อยมองโลกในแง่ดี และเป็เด็กที่มีจิตใจดี
"ท่านปล่อยข้าลงเถอะ อุ้มมาตั้งนาน ไม่้าแขนสำหรับวันพรุ่งนี้แล้วใช่หรือไม่"
อวี้อ๋องเลิกคิ้ว ถอนหายใจพลางทำสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม "เ้ารู้ตัวด้วยรึว่าตนเองตัวหนักมาก"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ข้าย่อมรู้ แต่ก็แปลก ทุกคนที่อุ้มข้าล้วนแต่รีบวางข้าลง เพราะข้าตัวหนักเกินไป มีแต่ท่านนี่แหละที่โง่งมอุ้มข้าอยู่ได้ตั้งนาน ภายนอกก็ดูฉลาดดีอยู่นะ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่สักนิด"
เฉียวเยว่เอียงคอ ตบๆ บ่าของเขา "ข้าชอบท่านมาก"
แม้ว่าทุกคนล้วนกล่าวว่าอวี้อ๋องน่ากลัวมาก แต่ดูจากที่เขาอุ้มมานานโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ ก็เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้เป็คนที่ดีมากจริงๆ
"เ้าคิดว่าข้าอุ้มเ้าไม่ไหวรึ" อวี้อ๋องถามเสียงเบา
เท่าที่รู้สึกชายหนุ่มคนนี้ค่อนข้างชอบอวดความสามารถ แต่การอวดความสามารถทำนองนี้ไม่มีประโยชน์
นางเริ่มบิดตัว "ท่านวางข้าลงเถอะ คุณหนูเช่นข้าอนุญาตให้ท่านจูงมือเดินได้"
"ได้" อวี้อ๋องยิ้ม
เด็กน้อยเดี๋ยวนี้เย้าหยอกกันเช่นนี้หรือ? เขาไม่รู้ แต่ดูจากเ้าตัวเล็กที่อยู่เบื้องหน้าดูเหมือนว่าจะใช่
อวี้อ๋องปล่อยนางลง เห็นขากางเกงของนางม้วนขึ้นมา ก็ช่วยจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็มองไปยังกำแพงวังที่แสนจะเปล่าเปลี่ยว "เ้าว่าวังหลวงดีหรือไม่?"
เฉียวเยว่แค่นเสียงหึ "ย่อมไม่ดีอยู่แล้ว"
มีความมั่นใจเต็มสิบ
"เพราะเหตุใดเล่า?" อวี้อ๋องงุนงง
เขานึกอยู่เสมอว่าทุกคนล้วนแต่ใฝ่ฝันถึงวังหลวง
"ท่านดูสิ แม้แต่จะออกไปก็ยังไม่ได้ กฎเกณฑ์ก็เยอะ มีอะไรดี? ข้าเป็เพียงนกน้อยตัวหนึ่ง อยากโบยบินอย่างมีอิสระมากกว่า"
เฉียวเยว่กางแขนทั้งสองข้างแล้วร้องเพลงซี้ซั้ว เสียงแหลมระคายหูจริงๆ
อวี้อ๋องอุดหูอยู่เงียบๆ แต่เอ่ยต่อไปว่า "เ้าพูดดูเหมือนจะมีเหตุผล แต่เมื่อไม่ดี เหตุใดทุกคนถึงแย่งชิงกันนักล่ะ?"
เขาแกล้งหยอกเด็กน้อย เฉียวเยว่เองก็ดูออก แต่ยังคงทอดถอนใจ นางไม่เคยเห็นใครแกล้งเด็กด้วยการถามคำถามที่ยากและลึกซึ้งเช่นนี้ คนผู้นี้พะเน้าพะนอเด็กไม่เป็เสียเลย
"ก็โง่น่ะสิ คนโง่ไม่ได้สลักอยู่บนใบหน้า ท่านพี่อวี้อ๋อง ท่านเชื่อหรือไม่ ข้าไถลไปบนน้ำแข็งได้"
นางมองไปยังผืนน้ำแข็งเบื้องหน้าซึ่งเป็สถานที่ที่อยู่ต่ำกว่า "ข้าทำเป็ ข้าวิ่งให้ท่านดูดีหรือไม่?"
อวี้อ๋องมองไปแล้วส่ายหน้า "ไม่ดี หากเ้าล้มจะทำอย่างไร?"
เฉียวเยว่แค่นเสียงฮึดฮัด "จะเป็ไปได้อย่างไร ข้าเก่งกาจมาก ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดสามารถทำให้ข้าล้มได้"
"เด็กขี้โม้"
เฉียวเยว่ยืดอก "ทำไม ท่านไม่เชื่อหรือ ท่านคิดว่าข้า... หวาๆๆ"
คอเสื้อด้านหลังถูกหิ้วขึ้นมา เฉียวเยว่ทำสีหน้าดุจได้รับความไม่เป็ธรรม
"ท่านทำอันใดน่ะ"
อวี้อ๋องรู้สึกว่าเด็กน้อยคนนี้จะว่าน่ารักก็น่ารักอยู่ เพียงแต่พูดมาก และซุกซนเกินไปหน่อย
มานึกใคร่ครวญอย่างละเอียด แท้จริงแล้วในวังก็มีเด็กไม่น้อย แต่ที่เป็เช่นนี้ไม่มีสักคน
"ครอบครัวของพวกเ้าคงจะรักเ้ามากแน่ๆ" เขาเอ่ย
เฉียวเยว่เงยหน้าพร้อมกับยืดอกอย่างภูมิใจ "ของมันแน่อยู่แล้ว ข้าดีเช่นนี้ ทุกคนล้วนชอบข้า"
อวี้อ๋องจูงมือน้อยๆ ของนาง "ไป พาเ้าเดินวนอีกรอบ"
"อื้อ" เฉียวเยว่ตอบ "ท่านพี่อวี้อ๋อง ตอนลงบันไดท่านต้องระวังให้มาก ข้ารู้สึกว่าบันไดนี้สร้างมาไม่ค่อยถูกหลัก ค่อนข้างจะชันเกินไป ดีไม่ดี อาจพลั้งหกล้มได้ง่าย ไทเฮาอายุมากแล้ว ข้ารู้สึกว่า... ว้าย..."
ผลของการพูดมากระหว่างเดินก็คือเหยียบพลาดแล้วลื่นตกลงไป
อวี้อ๋องจับมือเฉียวเยว่อยู่ คิดจะดึงนางไว้ แต่เพราะแรงมีไม่พอ กลับถูกนางฉุดล้มลงไปด้วย
เมื่อครู่อุ้มนางนานเกินไป เรี่ยวแรงที่แขนจึงเหลือไม่มาก
"โอ๊ย"
พวกเขาลื่นตกลงไปสองสามขั้น อวี้อ๋องคว้าตัวเด็กน้อยไว้ได้ แต่ก็ยังกระแทกกับขอบบันได
เฉียวเยว่ได้ยินเสียงแปลกๆ นางใมาก ร้องไห้โฮออกมา แต่หลังจากร้องไปสักพักก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง หันมาถามอวี้อ๋อง "ท่านพี่อวี้อ๋อง ท่านเป็อะไรมากหรือไม่?"
อวี้อ๋องส่ายหน้า
"ไม่เอา อย่าร้องไห้"
"ท่านอ๋อง" องครักษ์เข้ามารับเฉียวเยว่ไป แล้วตรวจสอบอาการของอวี้อ๋อง เฉียวเยว่รู้สึกได้ว่าแขนของเขาผิดปรกติ ก็หยุดร้องไห้ นางคว้าชายเสื้อของเขา แล้วรีบหันกลับไป "ไปตามหมอหลวง ท่านพี่อวี้อ๋องกระดูกหักแล้ว"
พูดจบก็เริ่มน้ำตาร่วงอีก หยาดน้ำตาร่วงเผาะลงมา "ท่านพี่อวี้อ๋อง เจ็บมากหรือไม่? เพราะข้าตัวหนักเกินไป เป็ข้าที่ไม่ดี ฮึก ฮึก..."
เฉียวเยว่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร ร้องไปก็โทษตนเองไป จูงอวี้อ๋องเดินไปทางตำหนักของไทเฮา
"ไม่เจ็บ ไม่เป็ไร เ้าอย่าร้องไห้ และอย่าบอกไทเฮาด้วยว่าเป็เพราะเ้า" อวี้อ๋องเอ่ยเสียงเบา
แต่เฉียวเยว่ไม่ยอม "ข้าเป็เด็กไม่ดี ข้าทำให้ท่านได้รับาเ็ แต่ถึงข้าจะเป็เด็กไม่ดี ก็ไม่อาจพูดโกหก ท่านพี่อวี้อ๋อง ท่านเจ็บหรือไม่ ข้าจะเป่าให้นะเ้าคะ"
หยาดน้ำตาค้างเติ่งอยู่บนดวงหน้าเล็กจ้อย เดินเข้าไปเป่าให้ แต่ไม่กล้าแตะตัวอวี้อ๋อง "เดี๋ยวหมอหลวงก็จะมาแล้ว หมอหลวงต้องมาถึงเร็วมากแน่ๆ"
"ข้าไม่เจ็บจริงๆ" อวี้อ๋องปลอบประโลมนาง
ข่าวอวี้อ๋องได้รับาเ็แพร่กระจายออกไป จนกระทั่งเข้ามาในห้องทุกคนต่างเข้ามารุมล้อมเขาไว้ตรงกลาง เฉียวเยว่ถูกเบียดออกไปนอกสุด ไม่ช้าหมอหลวงก็วินิจฉัยออกมาว่าอวี้อ๋องแขนหัก
ไทเฮาปวดพระทัยยิ่ง พร่ำรำพันตลอดเวลา "เจ็บมากหรือไม่ จ้านเอ๋อร์ ไม่เป็ไร จ้านเอ๋อร์ต้องไม่เป็ไร"
เห็นไทเฮาทรงเป็เช่นนี้ ใบหน้าของอวี้อ๋องแม้ขาวซีดก็ยังคงมีรอยยิ้มอ่อนจาง "ข้าไม่เป็อันใด เสด็จย่ามิต้องวิตก แค่าเ็เล็กน้อยเท่านั้น"
"าเ็เล็กน้อยที่ไหน นี่เรียกว่าาเ็เล็กน้อยได้ด้วยหรือ"
ไทเฮาสูญเสียความสงบนิ่งเช่นก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ภายในห้องชั้นในไม่อนุญาตให้ผู้อื่นเข้ามา
"อยู่ดีๆ เหตุใดถึงแขนหัก" พระนางถาม
แต่หลังจากก็นึกถึงเด็กหญิงตัวน้อยที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ด้านนอกโทษว่าตนเองเป็คนใช้ไม่ได้ ก็พอจะเข้าใจบางอย่างขึ้นมา "คงมิได้เจ็บตัวเพราะแม่หนูอวบอ้วนคนนั้นหรอกกระมัง?"
อวี้อ๋องยิ้มน้อยๆ "นางลื่น เดิมทีข้าคิดจะดึงนางไว้ แต่ไม่นึกว่าตรงนั้นจะลื่นถึงเพียงนั้น ประกอบกับตัวนางค่อนข้างหนัก ก็เลย..."
พระพักตร์ไทเฮาเยียบเย็นลงทันควัน "เป็เพราะนางอยู่ดี"
อวี้อ๋องใช้มือข้างที่ไม่าเ็กุมพระหัตถ์ไทเฮา เอ่ยอย่างช้าๆ "เสด็จย่าไม่ต้องเป็กังวล ข้าบอกว่าไม่เป็ไรก็คือไม่เป็ไร ข้าจะไม่รู้จักขอบเขตของร่างกายตนเองเชียวหรือ?"
หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เอ่ยอีกว่า "าเ็ครานี้อาจมิใช่เื่เลวร้ายเสมอไป"
ไทเฮาไม่เข้าพระทัย แต่ไม่ช้าก็เม้มพระโอษฐ์ "เ้า... เ้าคงมิได้จงใจกระมัง?"
ดวงตาของอวี้อ๋องฉายแววล้ำลึก ทอยิ้มน้อยๆ "เสด็จย่าตรัสอันใด? ข้าจะทำร้ายตนเองได้หรือ?"
ยิ่งกล่าวเช่นนี้ ไทเฮาก็ยิ่งคลางแคลง ก่อนจะดึงมืออวี้อ๋องมาจับ แล้วกำชับซ้ำอีกครั้ง "ร่างกายของเ้าสำคัญ ไม่ว่าเ้าจะทำสิ่งใด ล้วนต้องคิดถึงร่างกายของตนเองก่อน ได้หรือไม่? ถือว่าย่าขอร้อง"
"เช่นนั้นเสด็จย่าอย่าลงโทษเด็กน้อยผู้นั้นได้หรือไม่"
"เ้าเป็ห่วงนาง?" ไทเฮาไม่พอพระทัยอยู่บ้าง
อวี้อ๋องพิงเก้าอี้ ใบหน้าทอยิ้มยากจะคาดคะเนความหมาย "พ่ะย่ะค่ะ นางสดใสร่าเริง ได้เห็นนางก็เหมือนได้เห็นวัยเยาว์อันบริสุทธิ์ไร้เดียงสา..."
"จ้านเอ๋อร์..." ไทเฮารู้สึกปวดพระทัย
อวี้อ๋องส่ายหน้า "เสด็จย่าไม่ลงโทษนางได้หรือไม่?"
ไทเฮานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ผงกพระเศียร "ได้"
แต่ก็ตรัสอีกว่า "ข้าไม่ลงโทษนาง แต่บิดามารดาของนางจะไม่ลงโทษนางได้หรือ?
"เช่นนั้นเสด็จย่าช่วยนางได้หรือไม่?" อวี้อ๋องถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
...
[1] หยวนเป่า คือเงินตำลึงจีนสมัยโบราณ มีรูปร่างคล้ายเรือ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้