ต่อจากนั้น แววตาของอวี้ฉู่ซวนก็สงบลงโดยพลัน
เขาควรจะทำเช่นไรดี เพราะอย่างไร เื่โรคระบาดก็มีเพียงเขาและคนผู้นั้นเท่านั้นที่รู้ ทว่าช่างน่าเศร้านัก เนื่องจากเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนผู้นั้นแท้จริงแล้วเป็ใคร แม้แต่หน้าตาเป็อย่างไรเขาก็เคยรับรู้
เช่นนั้นแล้ว หากเื่นี้ถูกเปิดโปงก็คงมีเขาเพียงคนเดียวที่จะเดือดร้อน ราวกับคนผู้นั้นกำลังสร้างหุ่นเชิด เพราะอีกฝ่ายนั้นมาและไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่เคยมีใครทราบถึงการมีอยู่เลยเสียด้วยกระมัง
หากเป็เช่นนั้นละก็ เท่ากับเขาไม่ใช่หรือที่กำลังกลายเป็หุ่นเชิด
ณ ตอนนี้ สิ่งที่อวี้ฉู่ซวนยังไม่สามารถรู้ได้ก็คือ เขาจะไม่ถูกทำร้ายโดยบุคคลปริศนาผู้นั้น แต่คนที่คิดจะทำร้ายเขากลับกลายเป็ผู้ที่ถูกเขาเหยียบย้ำอยู่ใต้ฝ่าเท้าอยู่ทุกวันเสียมากกว่า
เวลานี้ ไม่รู้ว่าในใจของอวี้ฉู่เฉิงนั้นเสพสุขไปมากเพียงใด ยิ่งอวี้ฉู่ซวนแสดงท่าทีตื่นตระหนก ตัวเขาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น ถึงแม้ขณะนี้ ตัวเขากำลังถูกอวี้ฉู่ซวนกดเอาไว้จนขยับตัวไม่ได้ แต่เขาก็เป็คนที่เก่งกาจด้านการเสแสร้ง มิเช่นนั้น เขาก็คงรอดมาเฉกเช่นทุกวันนี้ไม่ได้หรอก
………
่ที่อวี้ฉูงเฉิงกำลังออกมาจากตำหนักองค์ชายสอง อวี้ฉู่ซวนก็ได้เชิญแขกผู้มาเยือนคนใหม่เข้ามา
คนผู้นั้นสวมชุดสีดำอำพรางตัว รูปร่างสูงใหญ่ สวมหน้ากากปกปิดครึ่งใบหน้า เขาก้าวออกมาจากความมืดมืด ช่างดูลึกลับนัก
อวี้ฉู่ซวนนั่งอยู่บนพื้นด้วยแววตาว่างเปล่า กระทั่งคนผู้นั้นก้าวมาอยู่ข้างกาย เขาถึงรู้สึกตัว
อวี้ฉู่ซวนแหงนหน้าขึ้นมอง เขามองไปยังชายลึกลับผู้นั้นก่อนเอ่ยถามอย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรง “จะทำเช่นไรดี”
บุคคลปริศนาไม่มีปฏิกิริยาใดตอบรับ เขาก้มศีรษะมองอวี้ฉู่ซวน แววตาที่ส่งออกมาสามารถทำให้ใครต่อใครรู้สึกหวาดกลัวได้ในทันที
“นี่เป็เื่ของเ้า เหตุใดจึงมาถามข้า” เสียงนั้นเอื้อนเอ่ยออกมาช้าๆ ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ บวกกับท่าทีลึกลับของเขายิ่งทำให้เสียงนั้นช่างไพเราะและน่าดึงดูด
อวี้ฉู่ซวนแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ก่อนที่เขาจะถลึงตากว้าง “เป็เพราะเ้าให้ข้าทำ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่เป็ความปรารถนาของเ้า”
อวี้ฉู่ซวนได้ยินเพียงเสียงอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจอย่างแ่เบา จากนั้นอีกฝ่ายถึงกล่าว “พวกเราเป็เพียงผู้ที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งที่ข้าเป็ผู้ก่อ เช่นนั้นแล้ว เหตุใดข้าจะต้องมาจัดการเื่นี้ด้วย”
อวี้ฉู่ซวนเริ่มสติแตก เขาเอ่ยออกไปทันที “หากครั้งนี้เ้าไม่ช่วยข้า ใครจะยื่นข้อเสนอเช่นนี้ให้เ้าล่ะ เ้าจะหาทางทำการทดลองต่อไปได้อย่างไร” ถ้อยคำของเขาเริ่มแฝงไปด้วยการข่มขู่
“ขอเพียงข้ายื่นข้อเสนอ ก็จะมีหลายต่อหลายแคว้นที่ยินดีต้อนรับข้า ขอแค่เป็ผู้ที่มีความโลภและความทะเยอทะยาน ไม่มีทางที่พวกเขาจะปฏิเสธข้อเสนอของข้าหรอก เ้าสำคัญตนเองเกินไปกระมัง สำหรับข้า เ้ามันไร้ประโยชน์ เพราะเ้า...มันโง่เขลา คนอย่างเ้าสู้หมาข้างทางยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แล้วยังมีหน้าอยากที่จะขึ้นเป็ฮ่องเต้อีกอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อเอ่ยคำพูดเ่าั้จบ บุคคลลึกลับผู้นั้นก็หมุนตัวเดินออกมาจากตำหนัก แต่ก่อนออกไป เขาได้ทิ้งท้ายคำพูดไว้อีกหนึ่งประโยค “เ้าไม่ต้องเสียแรงเปล่าหรอก เพราะอย่างไรเ้าก็ไม่มีทางดึงข้าลงจากหลังม้าได้ พยายามหาวิธีให้ตนเองอยู่รอดต่อไปได้เสียเถอะ”
อวี้ฉู่ซวนเหม่อลอยอยู่เช่นนั้น เขาไม่อาจดึงสติของตนเองให้กลับมาได้เลย
ใช่แล้ว ผลสุดท้ายก็เหลือเพียงเขาผู้เดียวที่ต้องแบกรับทุกสิ่งทุกอย่าง คนผู้นั้นไม่ว่าจะมาหรือไปก็ไร้ซึ่งร่องรอย ไม่มีใครรู้ถึงการมีอยู่ของชายปริศนาผู้นี้ด้วยซ้ำ
เจตนาที่เขาร่วมมือกับคนผู้นั้นล้วนเป็ความผิดอันใหญ่หลวง แล้วตัวเขาจะกล้าเปิดเผยเื่นี้ได้อย่างไรกันล่ะ
.........
ทหารที่เฝ้าตำหนักองค์ชายสองต่างก็พากันสลบ ล้มไปกองกับพื้นกันหมดอย่างไม่ทราบสาเหตุ จึงทำให้ไม่มีใครรู้ว่าค่ำคืนนี้ มีชายลึกลับมาเยือนที่ตำหนักขององค์ชายสอง
ชายลึกลับเดินอยู่บนถนนจูเชวี่ยที่เงียบสนิท ไร้ซึ่งผู้คน
หลังจากก้าวเดินไปได้ไม่ไกล ชายลึกลับก็ชะงักฝีเท้า ริมฝีปากที่อยู่ภายใต้หน้ากากยกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมา “เ้ายังมีเรี่ยวแรงต่อกรกับข้าอยู่อีกหรือ”
ชายลึกลับผู้นั้นหมุนตัวกลับมา ก่อนจะมองไปทางด้านหลังที่อยู่ไม่ไกล แล้วพบคนผู้หนึ่งที่เดินอย่างโซซัดโซเซ ซึ่งคนผู้นี้ก็คืออวี้ฉู่เฉิงที่ถูกอวี้ฉู่ซวนทำร้ายร่างกาย
อวี้ฉู่เฉิงรีบปกปิดาแใหญ่ๆ สองตำแหน่งบนร่างกายของตน าแนั้นยังคงมีเืไหลซึมออกมาอยู่
จากนั้น เขาได้แต่เอ่ยถามออกไปด้วยท่าทีอ่อนแรง “เ้าเป็ใครกันแน่ ผู้ที่สมรู้ร่วมคิดในการก่อให้เกิดโรคระบาดคือเ้าใช่หรือไม่”
บุคคลลึกลับมองอวี้ฉู่เฉิงโดยไม่ตอบอะไร แต่เมื่อก้าวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายช้าๆ ถึงได้ยอมเอ่ยปาก “ข้าเป็ใครไม่ใช่เื่สำคัญ แล้วเื่โรคระบาด เ้าก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมารู้ความคิดของข้า องค์ชายสี่ อวี้ฉู่ซวนกำลังจะตกจากหลังม้าอยู่แล้ว หลายปีมานี้เ้าก็คงอดกลั้นมาไม่น้อย ข้าคิดว่าเ้าเป็ห่วงตัวเองดีกว่ากระมัง”
บุคคลผู้นี้รู้จักพวกเขาเป็อย่างดี ซึ่งนั่นทำให้อวี้ฉู่เฉิงเกิดความสงสัยภายในใจไม่น้อย
ในตอนนี้ บุคคลลึกลับอยู่ห่างจากอวี้ฉู่เฉิงเพียงนิดเดียว เรียกได้ว่าเวลานี้ พวกเขากำลังยืนประจันหน้ากันอยู่
อวี้ฉู่เฉิงรู้สึกราวกับมีแรงกดดันบางอย่างที่กำลังถาโถมเข้ามา กลิ่นหอมกรุ่นของยาลอยมาจากที่ใดสักแห่ง ก่อนที่เขาจะรู้สึกเ็ปที่าแมากกว่าเดิมด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากนั้นพลันสลบลง
………
วันต่อมา
อวี้ฉู่เฉิงสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขาพบว่าตนเองอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของยา เทียนหลายต่อหลายแท่งถูกจุดขึ้นมาในห้องที่ทำด้วยไม้ ราวกับสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีอยู่จริง
อวี้ฉู่เฉิงรีบก้มลงมองาแของตนเองโดยพลัน าแเหล่านี้เริ่มตกสะเก็ดแล้ว ซึ่งหากไม่ไปโดนาแก็แทบไม่รู้สึกถึงความเ็ป
อวี้ฉู่เฉิงก้าวเดินออกมาจากห้องนั้น แล้วพบว่าบุคคลปริศนากำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ด้านนอก
“เหตุใดจึงช่วยข้า” อวี้ฉู่เฉิงมิใช่คนโง่เขลา เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้เป็ท่านหมอฝีมือดี
การที่าแของตนเองดีขึ้นในชั่วข้ามคืน ต้องเป็ฝีมือของอีกฝ่ายอย่างแน่นอน
“เพราะพวกเราเป็คนประเภทเดียวกัน ข้ารู้สึกชื่นชมวิธีการพยายามมีชีวิตที่บิดเบี้ยวและผิดเพี้ยนของเ้าอย่างยิ่ง...สะใจข้าเสียจริง”
บุคคลลึกลับผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมา ถ้อยคำที่เอ่ยออกมานั้นยากจะเข้าใจ ไม่ว่าใครก็จับทางของเขาไม่ได้เป็แน่
“เ้า้าทำอะไร” อวี้ฉู่เฉิงดึงสติของตนเองกลับมา เขามองไปยังหีบใบหนึ่งพร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ในเมื่อข้ากับองค์ชายสองของเ้าแตกหักกันแล้ว แน่นอนว่าข้าต้องไปจากที่นี่ ที่นี่ไม่เหมาะกับข้าอีกต่อไป”
“ไปไหน”
บุคคลปริศนาหยุดการกระทำของตน “เ้ายุ่งมากเกินไปแล้ว หากพักผ่อนพอแล้วก็รีบกลับไปเสีย”
“เช่นนั้นเ้าจะร่วมมือกับข้าหรือไม่”
อันที่จริง อวี้ฉู่เฉิงก็ไม่อยากจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับคนผู้นี้นัก แต่เขากลับมีความรู้สึกแปลกใจและหวาดกลัวแปลกๆ ไม่ค่อยอยากที่จะปล่อยให้คนผู้นี้จากไปโดยง่าย
“ท่านอาจารย์ เตรียมพร้อมแล้วขอรับ”
ยังไม่ทันที่ชายผู้นั้นจะตอบกลับ ด้านนอกก็มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามา ซึ่งดูไปแล้วน่าจะเป็ผู้ช่วยของชายผู้นี้
“พวกเ้าขนของไปให้หมด อีกเดี๋ยวพวกเราจะออกเดินทาง” ชายลึกลับออกคำสั่ง
หลังจากนั้นก็มีเด็กหนุ่มสองสามคนเดินเข้ามาเพื่อขนย้ายข้าวของออกไป เพียงครู่เดียว ทั่วทั้งห้องก็ว่างเปล่า
ครู่ต่อมา ชายลึกลับผู้นั้นจึงเอ่ยกับอวี้ฉู่เฉิง “ถึงเราจะเป็คนประเภทเดียวกัน ทว่าเนื้อแท้กลับต่างกันโดยสิ้นเชิง หากร่วมมือกันไปก็คงไม่มีความสุข ฉะนั้น ข้าขอปฏิเสธ” เอ่ยจบ ชายลึกลับก็หมุนตัวเดินออกไปด้านนอก
อวี้ฉู่เฉิงยังคงถามต่อไป “แล้วยารักษาโรคระบาดต้องทำอย่างไร”
ชายลึกลับผู้นั้นหยุดนิ่ง ก่อนจะด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “นั่นยิ่งเป็สิ่งที่ทำให้เนื้อแท้ของเราแตกต่างกัน”
อวี้ฉู่เฉิงไม่เข้าใจในสิ่งที่ได้ยินเท่าไรนัก
แล้วชายลึกลับก็กล่าวขึ้นมาอีก “ยารักษางั้นหรือ โรคระบาดที่เกิดขึ้นในต้าอวี้ ณ ตอนนี้ เป็สิ่งที่ข้าและพรรคพวกส่งมอบให้เป็ของขวัญชิ้นใหญ่ เช่นนั้นแล้ว ข้าจะบอกเื่ยารักษาได้อย่างไร”
กล่าวจบคนผู้นั้นก็จากไป
่เวลานี้ ท้องฟ้ายังคงมืดอยู่ ทิศทางที่พวกเขามุ่งหน้าไปก็ค่อนข้างคลุมเครือ แม้แต่สถานที่ที่อวี้ฉู่เฉิงอยู่ในตอนนี้ เขายังไม่รู้แน่ชัดเช่นกันว่าอยู่ที่แห่งใด
บุคคลลึกลับผู้นี้กำลังปกปิดความลับอันยิ่งใหญ่ และแน่นอนว่าตอนนี้ อีกฝ่ายก็กำลังจะเดินทางหลบหนีออกไปจากต้าอวี้
ความจริงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่คือ ชายผู้นี้ได้ส่งมอบโรคระบาดเป็ของขวัญให้กับต้าอวี้ แน่นอนว่าพรรคพวกกลุ่มใหม่ของเขาก็คงจะเป็ผู้คนจากแคว้นอื่น เท่ากับไม่อาจรู้ได้เลยว่าเหล่าประชาชนที่ต้องทนทุกข์ทรมานต่อไปจะเป็แคว้นใด
นอกจากนี้ สาเหตุที่บุคคลลึกลับไว้ชีวิตอวี้ฉู่เฉิง เขาลองคาดเดาเหตุผลดู อีกฝ่ายคงตั้งใจจะปล่อยให้เขามีชีวิตต่อไปเพื่อต่อสู้กับอวี้ฉู่ซวนเป็แน่
อวี้ฉู่ซวนเคยสมรู้ร่วมคิดกับชายผู้นั้น แต่วันนี้ได้แตกหักกันเสียแล้วอย่างงั้นหรือ?
การที่ตัวเขาเองเลือกที่จะปกปิดความลับเหล่านี้ไว้ แน่นอนว่าย่อมไม่พ้นอยากเข่นฆ่าอีกฝ่ายให้สิ้นซาก และคนที่สามารถทำเื่นั้นได้ดีที่สุด อย่างไรก็ไม่พ้นตัวเขาอยู่แล้ว
ชายผู้นี้ช่างร้ายกาจนัก ในเมื่อหยิบยื่นโอกาสมาให้เขาเช่นนี้ เขาจะปฏิเสธได้อย่างไรกันล่ะ
---------------------------------------------------
