มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้าขยับตัวไปด้านหน้าหมอหญิง
หมอหญิงยิ้มน้อยๆ ออกมา ก่อนแก้ผ้าพันแผลที่นางพันไว้เมื่อวานนี้ออก เริ่มทายาใหม่ให้มู่อวิ๋นจิ่นอย่างเบามือ
ฉู่ลี่ที่ยืนอยู่ข้างหลังหมอหญิง
มู่อวิ๋นจิ่นไม่ทันสังเกตเห็นฉู่ลี่กำลังมองหมอหญิงช่วยเปลี่ยนยาที่แขนนาง
“าแลึกมากเกือบจะเข้าไปถึงกระดูก สองสามวันนี้ทางที่ดีอย่าขยับตัวเลย แผลจะได้ไม่ฉีกขาดซ้ำอีก” หมอหญิงพันแผลพร้อมกับกำชับ
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้ามองหมอหญิงที่พันแผลให้เรียบร้อย จากนั้นหมายดึงเสื้อตัวนอกสวมกลับ
“รอก่อน” หมอหญิงเอ่ยห้าม
“ทำไมเอ่ย?” มู่อวิ๋นจิ่นหันมองหมอหญิง
หมอหญิงยิ้มจางๆ “แผลเพิ่งพัน ยาเพิ่งทา รอให้ยาออกฤทธิ์สักหน่อยค่อยสวมแล้วกัน”
มู่อวิ๋นจิ่นก้มหน้ารับทราบ
“อย่างนั้นบ่าวขอตัวก่อน อีกสองวันจะมาเปลี่ยนยาให้พระชายาใหม่เพคะ” หมอหญฺงหยิบกล่องยา ทำความเคารพแล้วอมยิ้ม เดินจนถึงหน้าประตู ก่อนหลุดหัวเราะคิกคักออกมา
ติงเซี่ยนมองหมอหญิงด้วยความฉงน “พี่ชิงเมิ่ง หัวเราะดีใจด้วยเื่อันใด?”
หมอหญิงที่ชื่อชิงเมิ่งยิ้มอย่างมีลับลมคมใน “ช่วยองค์ชายสร้างเื่ดี นะสิ ไม่รู้ว่าคราวนี้จะตบรางวัลให้ข้ามากเท่าไหร่”
เล่าจบ ชิงเมิ่งก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เดินจากไป
ติงเซี่ยนยกมือเกาหัวด้วยความงงงวย ไม่เข้าใจความหมายที่ชิงเมิ่ง้าสื่อ
……
ภายในห้องของฉู่ลี่ มู่อวิ๋นจิ่นทำตามที่หมอหญิงกำชับอย่างเคร่งครัด รอสักพักใหญ่ๆ กว่าจะสวมชุดด้านนอก
าแที่แขนซ้ายหนักนางได้เห็นกับตา ยอมรับว่าหนักเอาเื่ คราวนี้ต้องเชื่อสิ่งที่หมอหญิงกำชับ เพื่อรักษาแขนของนางเอาไว้
“ฉู่ลี่ หมอหญิงผู้นี้อยู่ที่ไหนหรือ?” มู่อวิ๋นจิ่นหันไปถาม
ฉู่ลี่ยังคงหลบตามองไปทางอื่น พอได้ยินที่มู่อวิ๋นจิ่นถาม กลับตอบ “อืม” ขึ้นแทน
“หมอหญิงอยู่ที่ไหน ดูเหมือนนางเก่งกาจไม่น้อย คราวหน้าข้าจะได้ไปหาทางรักษา” มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มมุมปาก
ฉู่ลี่จึงหันกลับมามองมู่อวิ๋นจิ่น พร้อมเดินเข้ามาข้างเตียงแล้วถอนหายใจ ยื่นมือจับเสื้อคลุมขึ้นให้นาง
ระหว่างที่ใส่นั้น ฉู่ลี่รู้สึกได้ถึงความยากลำบาก แต่ไหนแต่ไรไม่เคยช่วยสตรีสวมชุด คราวนี้ต้องช่วยนางดึงชุดขึ้นมาดังเดิม ทั้งยังต้องช่วยติดกระดุมอีกหลายเม็ดด้วยมือที่สั่นระริก
กระดุมเพียงไม่เม็ด กลับใช้เวลานานในการติด
“เสร็จแล้ว” หลังจากติดครบทุกเม็ด ฉู่ลี่ได้บอกกล่าว
มู่อวิ๋นจิ่นเหลือบตามองตลอดเวลา ที่ฉู่ลี่ช่วยนางติดกระดุม พบว่าเขายืนก้มตัวแข็ง เม้มริมฝีปากแน่นตลอด มิเอ่ยคำใด
ในเวลานี้ฉู่ลี่กลับเอ่ยขึ้น มู่อวิ๋นจิ่นค่อยโล่งอกหายเกร็งไปที จึงก้มมองกระดุมที่ติดถึงกับต้องเบะปาก “ดูเหมือนจะติดเคลื่อนไปหมดเลย”
มู่อวิ๋นจิ่นกวาดสายตาไปที่ฉู่ลี่อย่างระวัง พร้อมกับมองมาที่ชุด
“ให้ติดใหม่?” ฉู่ลี่จนปัญญาจำต้องปลดกระดุมแล้วติดใหม่ทีละเม็ดอีกรอบ
ชุดด้านในสีชมพูที่บางเบาปรากฏเบื้องหน้าอีกครั้ง
ตอนนี้มู่อวิ๋นจิ่นกล้ามองไปที่ฉู่ลี่ กลับเกิดความประหม่าขึ้นเล็กน้อย จนต้องพูดเสียงอ่อนลง “รีบๆ หน่อยเถอะ”
ฉู่ลี่สีหน้าซีดขาวในฉับพลัน สายตาแน่นิ่ง รีบติดกระดุมดด้วยความลนลาน เพียงแต่ชุดของมู่อวิ๋นจิ่นล้วนเป็ชุดสั่งตัด กระดุมและรูทุกช่องต่างออกแบบให้เล็กพอดีมือนาง
ยิ่งฉู่ลี่มิอาจสงบสติให้ใจเย็นลงได้ ก็ยิ่งมิอาจติดกระดุมได้สักที
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นท่าทางลนลานทำตัวไม่ถูกของฉู่ลี่ กลับกลั้นหัวเราะไม่ไหว แต่พอเห็นสายตาที่ลุกเป็ไฟของเขามองมา นางรีบหุบยิ้มลงทันที
มู่อวิ๋นจิ่นกะพริบตาปริบๆ ส่งให้ฉู่ลี่ “อย่างนั้นเปลี่ยนเป็ชุดนอนที่มีสายรัดดีไหม?”
“ทำไมไม่พูดให้เร็วกว่านี้!”
ฉู่ลี่หันไปแผดเสียงกับมู่อวิ๋นจิ่นด้วยความโมโห ราวกับอดทนอดกลั้นมานานแล้ว เขาหยิบชุดนอกที่ปลดกระดุมแล้วเขวี้ยงลงพื้น หันตัวเดินออกประตูไป
รอจนฉู่ลี่ก้าวออกประตูไป ภายในห้องมีเสียงหัวเราะลั่นของมู่อวิ๋นจิ่นดังขึ้น
ฉู่ลี่ได้ยินเสียงหัวเราะนั้นถึงกับทำหน้าไม่ถูก ในชั่วพริบตานั้น เขาอยากจะจับตัวคนเ้าเล่ห์อย่างมู่อวิ๋นจิ่นเฉือนออกเป็ชิ้นๆ ให้รู้แล้วรู้รอดไป!
……
มู่อวิ๋นจิ่นนั่งรอชุดอยู่ในห้องสักพักใหญ่กว่าประตูจะเปิดขึ้นอีกครั้ง นางคิดว่าฉู่ลี่จะเดินเข้ามา แต่มีเพียงชุดที่ลอยล่องเข้ามาแล้วประตูก็ปิดลงทันที
การเปลี่ยนเป็ชุดนอนของนางทำอย่างยากลำบากกว่าจะเรียบร้อย ต่อจากนั้นนางเอนตัวบนเตียง ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทราที่ยาวนาน
ในเวลานี้ ห้องบ่อน้ำร้อนที่อยู่ติดกับห้องนอน
ฉู่ลี่กำลังแช่อยู่พร้อมกับควันไอร้อนคลุ้งเต็มไปหมด แต่พอเขาหมุนกลไก น้ำในบ่อเปลี่ยนเป็น้ำจากูเาที่ฉ่ำเย็นไปถึงกระดูก
แม้น้ำจะฉ่ำเย็นไปถึงกระดูก ทว่ามิอาจข่มใจ56ให้สงบลงได้ทันที ภายในหัวกลับปรากฏภาพของนางอยู่นานสองนาน
นี่เป็ครั้งแรกในชีวิต ที่อยากจะรั้งสตรีคนหนึ่งไว้ข้างกาย
……
หลังจากวันนั้น มู่อวิ๋นจิ่นไม่ได้พบหน้าฉู่ลี่อีกเลย กระทั่งหมอหญิงชิงเมิ่งเข้ามาดูาแ ไม่เพียงเปลี่ยนยาให้ใหม่ ยังต้องช่วยมู่อวิ๋นจิ่นป้อนน้ำป้อนอาหาร กับสิ่งที่ทำกับฉู่ลี่ไป
“พระชายา ทานของว่างหน่อยเถอะเพคะ” ชิงเมิ่งยกถาดของว่างมาวางข้างหน้า
มู่อวิ๋นจิ่นชายตามองของว่างโดยไม่ทาน ภายในใจด่าทอฉู่ลี่เสียๆ หายๆ กับการที่เป็คนใจจืดใจดำ
ชิงเมิ่งเป็หมอหญิงที่หัวไว ย่อมสังเกตเห็นความผิดปกติของมู่อวิ๋นจิ่น จึงไม่ได้บังคับฝืนใจให้ทานของว่าง แต่กลับรินน้ำส่งให้มู่อวิ๋นจิ่นแทน
“าแในวันนั้นของพระชายา บ่าวไม่เคยเห็นองค์ชายลนลานเช่นนี้มาก่อนเลย เห็นทีความรู้สึกขององค์ชายและพระชายาจะต้องแแ่อย่างมาก ถูกไหมเพคะ?” ชิงเมิ่งถามอมยิ้ม
มู่อวิ๋นจิ่นตอบกลับชิงเมิ่งที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับซูปี้ชิง “หมอไม่ต้องเรียกแทนตนเองว่า ‘บ่าว’ หรอก ข้าฟังทีไรรู้สึกแปลกพิลึกทุกที”
“บ่าวยังไงก็เป็บ่าวอยูาวันยังค่ำ นายก็นายอยู่วันยังค่ำ พระชายาฟังแล้วก็ชินไปเองเพคะ” ชิงเมิ่งยิ้มมุมปาก
ด้านมู่อวิ๋นจิ่นจิบน้ำไปพลางพูดไป “ข้ากับฉู่ลี่ไม่ได้มีความรู้สึกรักใคร่สนิทสนมขนาดนั้นหรอก เป็เพราะคำสัญญาที่หมั้นหมายของผู้ใหญ่มาผูกรัดเอาไว้”
คิดๆ ดูสองสามวันนี้ไม่เห็นหน้าฉู่ลี่ มู่อวิ๋นจิ่นจึงพูดด้วยความหงุดหงิด
“พระชายากล่าวเช่นนี้อาจไม่ถูกเสียทีเดียว แต่บ่าวเป็เพียงคนนอกมิอาจพูดอะไรได้มาก เชื่อว่าเวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ทุกสิ่งทุกอย่างเพคะ” ชิงเมิ่งอมยิ้มอย่างมีความนัย
มู่อวิ๋นจิ่นหันไปจ้องที่นาง “เ้าคงเป็หมอหญิงใต้บัญชาของ4จื่อเซียง6สิท่า?”
“เหตุใดคิดว่าเป็เช่นนั้นเพคะ?” ชิงเมิ่งเลิกคิ้วขึ้น เพราะก่อนมาที่นี่ ฉู่ลี่เตือนนางแล้ว ให้บอกว่าเป็หมอที่รักษาชาวบ้านไปเรื่อย นึกไม่ถึงว่ามู่อวิ๋นจิ่นมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง
“ข้ารู้สึกว่าเ้าสนิทสนมกับฉู่ลี่เป็อย่างมาก น่าจะรู้จักเขามาเนิ่นานแล้ว” มู่อวิ๋นจิ่นรำพึงรำพัน
ชิงเมิ่งหัวเราะกลบเกลื่อน “พระชายาไม่ต้องรีบร้อนอยากทราบเื่เหล่านี้ไปหรอก รอให้ถึงเวลาแล้ว ย่อมรู้ทุกเื่ได้มิยากเพคะ”
มู่อวิ๋นจิ่นฟังเหมือนจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง จากนั้นหาวยืดยาวออกมา “ข้าง่วงแล้ว ของีบสักพักแล้วกัน”
“เช่นนั้น บ่าวมิรบกวนแล้วเพคะ” ชิงเมิ่งช่วยมู่อวิ๋นจิ่นห่มผ้าแล้วขอตัวกลับ
……
นอกประตูห้อง ฉู่ลี่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ที่โต๊ะหิน ด้วยแววตาแน่นิ่ง พอได้ยินเสียงประตูเปิดขึ้นมาจึงหันขลับมามองชิงเมิ่ง “นางเป็ยังไงบ้าง?”
“าแสมานดีมาก ตอนนี้พักผ่อนลงแล้วเพคะ” ชิงเมิ่งเดินมานั่งเก้าอี้หินด้านข้าง
“สองสามวันนี้ องค์ชายไม่ได้มาหาพระชายาเลยใช่ไหมเพคะ? เมื่อครู่พระชายาพูดคุยกับบ่าวอยู่นานสองนาน ดูเหมือนไม่ค่อยมีความสุขเพคะ!” ชิงเมิ่งจับจ้องไปที่ฉู่ลี่ด้วยแววตามีเลศนัย
ฉู่ลี่ตอบกลับเพียงว่า “อีกสองสามวันค่อยว่ากัน”
“คนเรานั้น หากไม่ดูแลในยามที่อ่อนแอเจ็บป่วย และไม่ให้กำลังใจกัน ต่อไปคงหาโอกาสได้ยากยิ่งแล้วเพคะ” ชิงเมิ่งเปรยขึ้นลอยๆ พร้อมกลับเดินออกเรือนลี่เฉวียนไป
ฉู่ลี่ก้มหน้าไตร่ตรองคำพูดของชิงเมิ่งแล้ว เหมือนผีเข้าลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้อง
ในตอนนี้มู่อวิ๋นจิ่นกำลังหลบปุ๋ยอย่างสบาย จนไม่รู้สึกตัวว่ามีใครเข้ามาในห้อง
ฉู่ลี่เดินมาหยุดที่ข้างเตียงนาง มองดูอยู่อย่างนั้น ค่อยยื่นมือไปลูบผมของนางอย่างอ่อนโยน ด้วยความปลิ้มปริ่มไปทั้งหัวใจ
เสียงกรนของมู่อวิ๋นจิ่นดังขึ้น
มู่อวิ๋นจิ่นพลิกตัวขึ้นจนฉู่ลี่ดึงมือกลับไม่ทัน ปล่อยให้มู่อวิ๋นจิ่นทับไว้ จู่ๆ นางเหมือนได้สติตื่นขึ้นมา เห็นฉู่ลี่นั่งอยู่ด้านข้างจึงรีบพยุงตัวลุกขึ้นมาต่อว่า “เ้าบ้าไปแล้วเหรอ? หายหัวหายนางไม่เห็นแม้แต่เงา! เ้านี่ฉวยโอกาสที่ข้าหลับ มาดึงผมแก้แค้นข้า!”
“ฉู่ลี่ เมื่อก่อนทำไมข้าไม่สังเกตเห็นเ้าหน้าไม่อายแบบนี้มาก่อน!”
“ไม่ได้การแล้ว คืนของของข้ามา……” มู่อวิ๋นจิ่นะโลงจากเตียง ยืนแขนขวาทำท่าจะดึงมงกุฎที่อยู่บนหัวฉู่ลี่
ฉู่ลี่ยื่นมือไปจับแขนขวาของนาง พร้อมกับถลึงตาโตใส่
“ถ้าเ้ายังะโไม่ได้ จะเอาอะไรมาดึงของบนหัวข้าได้?” ฉู่ลี่ย้อนถามกลับ
“ข้าจะดึงของบนหัวเ้ากลับจะไม่เกี่ยวกันได้ยังไง? เ้ามาจับผมข้าจนยุ่งเหยิงไปหมด ยังมีหน้ามาต่อว่าข้าอีก!ฉู่ลี่ เ้านี่มันช่างเสแสร้งและไร้ยางอายเสียเหลือเกิน!” มู่อวิ๋นจิ่นจ้องเขม็งไปที่ฉู่ลี่
ฉู่ลี่ตอบกลับด้วยท่าทางที่จริงจัง “ตอนนี้แขนซ้ายของเ้าเป็แผลฉกรรจ์ เวลาหลับนอนไม่ควรขยับตัว มิอย่างนั้นแผลเปิดอีกจะทำยังไง?”
“เปิ่นหวงจื่อเอามือเข้าไปช่วยรองเ้าไว้ เพื่อ้าเตือนเ้านอนให้ถูกท่า อย่าพลิกตัวไปเรื่อย ประเดี๋ยวแผลไม่สมาน คงที่ลำบากทรมานก็เป้นตัวเ้าอยู่ดี”
หลังจากสาธยายยืดยาว ด้วยท่าทางจริงจังและจริงใจ มู่อวิ๋นจิ่นกลับเบะปาก นั่งลงบริหารคอ
สิ่งที่ฉู่ลี่เอ่ยออกมานั้นดูเหมือนจะมีเหตุมีผล……
ดูท่าแล้วนางเข้าใจผิด โทษฉู่ลี่มากเกินไปแล้วจริงๆ
มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกไปต่อไม่ถูก ใบหน้าชาไปหมด จึงยื่นมอนวดขมับ แล้วอาศัยโอกาสนี้เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “่สองสามวันมานี้ เ้าไปไหนมา?”
“อยู่ที่จวนตลอด” ฉู่ลี่ตอบไม่รีบไม่ร้อน
มู่อวิ๋นจิ่นถอนหายใจอยู่หลายครั้ง ก่อนเอ่ยปากด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “เมื่อไหร่ข้าจะออกจากห้องไปได้?”
“ไม่ต้องคิดไกลไปถึงว่าจะออกจากห้องไปไหน ให้ข้าได้อาบน้ำก็ยังดี วันๆ เอาแต่นอนอยู่บนเตียงมาเจ็ดแปดวันแล้ว จนจะรับตัวเองไม่ไหวแล้ว……” มู่อวิ๋นจิ่นกล่าวจบรีบกะพริบตาปริบๆ ด้วยความน่าสงสาร
ฉู่ลี่เห็นท่าทางของนางถึงกับหัวเราะท้องแข็ง “เ้าอยากอาบน้ำ?”
“อืม” มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้ารับจริงจัง
“แขนของเ้ายังเป็แผลอยู่ เช่นนั้นเ้าอยากให้ใครช่วยอาบน้ำให้?” ฉู่ลี่กล่าวขึ้นอย่างนิ่งเฉย เพื่อดูปฏิกิริยาของมู่อวิ๋นจิ่นที่เปลี่ยนแปลง