อวิ๋นซีไม่รู้ว่าเหตุใดบุตรสาวถึงได้เลือกกระทำเช่นนี้ ทว่า สิ่งที่นางคิดก็คือหากหวานหว่านได้ไปอยู่ที่เขาอู่ไถ และได้รับความโปรดปรานจากไทเฮาจริงๆ เื่นี้ก็จะถือเป็เื่ดีสำหรับตัวหวานหว่านเองสิ่งที่ควรต้องรู้ก่อน คำพูดของหญิงชราท่านนี้มีน้ำหนักอย่างมากในราชวงศ์หนานเย่า
จวินเหยียนเองก็ก้าวออกมา คุกเข่าอยู่ข้างกายภรรยา “เสด็จพ่อ สิบปีมานี้ที่ลูกอยู่ในหานโจวย่อมรับรู้ได้ถึงความเศร้าใจและความเ็ปที่ไม่ได้ทำหน้าที่บุตรคอยกตัญญูอยู่ข้างกายบิดามารดา วันนี้เมื่อได้เห็นหวานหว่านมีความคิดเช่นนี้ ลูกก็ได้แต่ต้องขอร้องเสด็จพ่อแล้วให้นางได้สมปรารถนาด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ถึงแม้นางจะยังเป็แค่เด็กคนหนึ่ง แต่ก็นับว่าเฉลียวฉลาดและเป็เด็กดีมาโดยตลอดและแม้ว่ายามนี้นางอาจจะยังทำอันใดไม่ได้มาก ทว่า อย่างน้อยๆ นางก็สามารถเอาอกเอาใจทำให้เสด็จย่ามีความสุขได้”
อวี้เฟยมองจวินเหยียนและภรรยาไปทีหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มพูด “ฝ่าายากนักที่เด็กๆ จะมีใจคิดเช่นนี้ พวกเราในฐานะที่เป็ผู้าุโก็สมควรจะให้คนสมใจปรารถนานะเพคะ”
แม้จะยังไม่รู้ว่าในใจของสามีภรรยาคู่นี้คิดอย่างไร แต่การที่พวกเขาสนับสนุนความคิดของลูกตนในฐานะที่เป็ผู้าุโก็สมควรช่วยผลักดันสักหน่อย ส่วนเื่ที่ว่าจะสำเร็จหรือไม่นั้นก็คงต้องอาศัยตัวพวกเขาเองแล้ว
“ก็ได้ แต่เจิ้นจะให้เ้าสี่และเซ่าหลันเป็ผู้นำคนคุ้มกันปกป้องหวานหว่านไปส่งที่เขาอู่ไถ”เสี้ยวเหวินตี้มองจวินเหยียนและชายาไปทีหนึ่ง จากนั้นก็กวักมือไปทางหวานหว่านเด็กคนนี้ยิ่งได้มองก็ยิ่งชอบจริงๆ ถึงแม้พวกเขาสามคนจะเพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวงได้ไม่กี่วันและตัวเขาเองก็เพิ่งจะได้เจอเด็กคนนี้แค่สองครั้ง ทว่า ความสดใสและความเฉลียวฉลาดในดวงตานางรวมถึงจิตใจอันดีงามนั้นล้วนไม่ใช่สิ่งที่โอรสธิดาของรัชทายาท องค์ชายสาม และองค์ชายห้าจะเปรียบได้
หลานสาวของเขา ไม่ธรรมดา จริงๆ ด้วย
“การใช้ชีวิตอยู่ที่เขาอู่ไถนั้นลำบากมาก ไม่ได้น่าสนุกเหมือนที่นี่หรอกนะ ที่สำคัญบิดามารดาเ้าก็ไม่ได้อยู่เป็เพื่อนข้างกายในเมื่อรู้เช่นนี้แล้ว เ้ายังยินดีจะไปอยู่หรือไม่? ”
เสี้ยวเหวินตี้เอ่ยถามเด็กน้อยอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก หากให้พูดตามจริงไทเฮาจะเสด็จกลับมาเมื่อไร ตัวเขาเองก็ไม่อาจทราบได้ ดังนั้น หากว่าเด็กคนนี้จักต้องไปอยู่ที่นู่นนานถึงสองสามปีเขาที่เป็เสด็จปู่ก็ยากจะตัดใจได้ลง
เมื่อหวานหว่านได้ยินก็ยิ้มทันที “เสด็จปู่ตัดพระทัยส่งหวานหว่านไปไม่ได้หรือเพคะ?ทว่าอย่างไรขอเสด็จปู่โปรดวางพระทัย เมื่อไปถึงที่นั่นหวานหว่านจะเขียนจดหมายถึงพระองค์บ่อยๆทั้งยังจะบอกกล่าวเื่ของไทเฮาให้พระองค์ทรงทราบด้วย”
คำพูดของนางทำให้เสี้ยวเหวินตี้หัวเราะฮ่าฮ่าขึ้นมาอีกครั้ง “ดี ดี”
อวิ๋นซีและจวินเหยียนสบตากันไปทีหนึ่ง ขณะที่รัชทายาทกลับจ้องหวานหว่านอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาถึงได้คิดว่าเด็กตรงหน้านี้คล้ายคนผู้หนึ่งสตรีที่เขาหลงลืมไปนานแล้ว
อีกประการ ยามนี้เขาไม่อาจกำจัดเด็กนี่ให้พ้นทางได้ มิหนำซ้ำคนยังโชคดีได้รับโอกาสไปเขาอู่ไถอีกช่างน่าโมโหจริงๆ และยิ่งน่าโมโหไปใหญ่เมื่อได้นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อครึ่งปีก่อนที่พระมารดาเคยบอกว่าให้คนส่งลูกสาวของเขา ชิงอวิ๋นจวิ้นจู่ไปเขาอู่ไถ ยามนั้นเป็ลู่หลิงฉิงที่ไม่ยินยอมอีกทั้งสองแม่ลูกยังพากันร้องไห้ สุดท้ายเป็เพราะทำอันใดไม่ได้เขาจึงทำได้เพียงล้มเลิกความคิดเช่นนี้ มิคาดตอนนี้เป็ลูกสาวของโอวหยางจวินเหยียนที่ขอร้องไปเขาอู่ไถด้วยตัวเองเมื่อเป็เช่นนี้ อีกฝ่ายย่อมจะมีสถานะที่สูงขึ้นในพระทัยของเสด็จพ่อ ขณะเดียวกันก็ช่วยหนุนให้สถานะของบิดามารดานางเปลี่ยนไปด้วย
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็จดจ้องลู่หลิงฉิงด้วยสายตาดุดันหากไม่ใช่เพราะนาง ตอนนี้คนที่ถูกเสด็จพ่อชมก็คงเป็เขา
ลู่หลิงฉิงถูกมองเช่นนี้ หัวใจพลันชาวาบ แน่นอนว่าตัวนางเองก็นึกถึงเื่เมื่อครึ่งปีก่อนเช่นกันตอนนั้นรัชทายาท้าให้ส่งลูกไป และเป็นางที่ไม่ยินดี อย่างไรเสียนางก็มีลูกสาวคนนี้เพียงคนเดียวจะให้ตัดใจส่งลูกไปยังสถานที่ที่แสนลำบากเช่นนั้นได้อย่างไร
“หวานหว่าน เขาอู่ไถเป็สถานที่ที่บรรพบุรุษมีไว้เพื่อถือศีลสวดมนต์ ส่วนเ้าน่ะยังเป็แค่แม่นางน้อยที่ร่างกายยังต้องเติบโต การไปที่นั่น จะไม่เป็ไรจริงหรือ? ” ในใจลู่หลิงฉิงไม่ยินยอม ลูกสาวของตนให้ไปไม่ไม่ได้ลูกสาวของคนอื่นก็ต้องไปไม่ได้เช่นกัน
หวานหว่านทำเพียงยิ้มมองไปยังลู่หลิงฉิง“เสด็จป้าชายารัชทายาททรงกังวลเกินไปแล้วเพคะตอนที่หวานหว่านอายุสองขวบกว่าก็เริ่มออกติดตามเสด็จพ่อเสด็จแม่ เดินทางจรดตะวันออกตะวันตกทุกที่ในหานโจวเพื่อตรวจสอบว่าที่ดินในพื้นที่นั้นๆ เหมาะสมจะเพาะปลูกสิ่งใด อีกทั้ง หวานหว่านยังเคยอาศัยอยู่ในบ้างซุงบ้านหญ้าฟาง และยังเคยลงพื้นที่ไปเก็บสมุนไพรเช่นเดียวกับเสด็จแม่ด้วยเพคะ”
“แหม เ้ายังเป็จวิ้นจู่น้อย เป็พระนัดดาสุดที่รักของฝ่าาจะทำเื่เช่นนั้นได้เยี่ยงไร” ชายาองค์ชายสามเองก็ทนไม่ไหว นางพูดขึ้นด้วยใจที่ริษยาเล็กน้อย
หวานหว่านมีสีหน้างุนงงขณะหันมองเสี้ยวเหวินตี้ “เสด็จปู่ หวานหว่านทำผิดไปหรือเพคะ?ทว่า เสด็จพ่อเสด็จแม่เคยตรัสไว้ว่า แคว้นหนานเย่าเป็ใต้หล้าของตระกูลโอวหยางของเราไม่ว่าจะเป็ราษฎรในเมืองหลวงหรือราษฎรในถิ่นทุรกันดารเช่นหานโจวพวกเราคนตระกูลโอวหยางล้วนมีอำนาจที่จะทำให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ให้ดียิ่งขึ้นแต่ว่า จะทำให้ได้เช่นนั้น ก็มีแต่ต้องลงพื้นที่ไปทดสอบ ตรวจดูด้วยตนเองถึงจะเข้าใจได้ว่า ข้าวแต่ละเม็ด เงินแต่ละอีแปะต่างได้มาอย่างไม่ง่ายดายเพียงใด และมีแต่การทำเช่นนี้คนถึงจะไม่เสียนิสัยเหมือนดั่งลูกหลานคนรวยจอมเสเพล คนถึงจะสามารถปกป้องราษฎรของตระกูลโอวหยางได้ดียิ่งขึ้น”
เสี้ยวเหวินตี้คิดไม่ถึงว่านางที่เป็เด็กตัวน้อยจะสามารถพูดคำเช่นนี้ออกมาได้เขาหัวเราะ “ทดสอบด้วยตนเอง ตรวจดูด้วยตนเอง ปกป้องราษฏรของตระกูลโอวหยาง ดียิ่งดียิ่ง หากลูกหลานตระกูล์สามารถมีความคิดเช่นเ้าได้ แคว้นหนานเย่าของเราจะยังต้องกังวลเื่ความไม่แข็งแกร่งอันใดอีกเล่า”
ฮองเฮามองเด็กน้อยด้วยสายตาซับซ้อนเล็กน้อย โดยปกติแล้วฮ่องเต้เป็คนที่ควบคุมตนเองได้ดีมากไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับเื่ดีเพียงใดก็จะไม่หัวเราะเสียงดังเช่นนี้แต่เพราะหลานสาวที่มีนามว่าหวานหว่านผู้นี้ วันนี้ถึงได้ปล่อยเสียงหัวเราะดังออกมาหลายหนแล้ว
“เสด็จปู่ เช่นนั้นเสด็จพ่อเสด็จแม่ของหวานหว่านทำผิดไปหรือเพคะ แล้วตัวหวานหว่านเองทำผิดด้วยหรือไม่เพคะ?หรือว่าเราทำถูกแล้วเพคะ? ” หวานหว่านเห็นฮ่องเต้หัวเราะด้วยความเบิกบานใจก็อดที่จะถามกลับอย่างน่าเอ็นดูไม่ได้
เสี้ยวเหวินตี้พยักหน้า “พวกเ้าล้วนทำถูกแล้ว ควรจะทำเช่นนี้ถูกแล้ว”
หวานหว่านเพียงเข้าวังครั้งหนึ่งกลับกลายเป็ผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ ด้วยเื่นี้ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึง ส่วนคนที่โชคร้ายที่สุดในเื่นี้ก็คือฮองเฮาและครอบครัวองค์ชายห้า
อวิ๋นซีและจวินเหยียนพาหวานหว่านกลับจวนชินอ๋อง ขณะที่ศาลาในสวนดอกไม้ยามนี้เหลือเพียงเสี้ยวเหวินตี้และฮองเฮาเสี้ยวเหวินตี้ยืนขึ้นมองฮองเฮา พูดด้วยสุรเสียงเ็า “หากเ้ายังอยากจะนั่งอย่างมั่นคงในตำแหน่งฮองเฮาทางที่ดีที่สุดก็จงอยู่นิ่งๆ เข้าไว้ อย่าคิดว่า วันนี้เ้าทำอันใดลงไปแล้วเจิ้นจะไม่รู้”
แม้แต่กับหลานสาวแท้ๆ นางก็ยังโเี้ได้เพียงนี้ แล้วกับตัวเขาที่เป็คนข้างหมอนเล่านางจะมีความรู้สึกด้วยสักกี่ส่วน? ทั้งๆ ที่นางให้กำเนิดลูกชายที่แสนดีออกมาแท้ๆแต่กลับตาบอดผลักไสคนออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ตอนนั้น เดิมทีเ้ารองไม่มีความจำเป็ต้องไปหานโจวทว่าฮองเฮาในฐานะมารดาผู้ให้กำเนิดกลับคิดว่าลูกชายตนมีโทษที่สมควรได้รับ คนไม่แม้แต่จะร้องขอความเมตตาให้บุตรก็ช่างเถอะแต่มิวายยังเหยียบซ้ำอีกด้วย หากฮองเฮาไม่ทำเช่นนั้น ตัวเขาก็คงไม่ถึงกับต้องหักใจขับไล่จวินเหยียนไปยังหานโจว
เช่นนี้ก็มีความเป็ไปได้ที่องค์ชายรองของเขาอาจจะกลายเป็กระดูกไปแล้วก็ได้ตอนนี้
ฮองเฮาคิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะตรัสเช่นนี้ สีหน้านางเปลี่ยนเล็กน้อยเป็นานถึงพูดขึ้นว่า “ฝ่าา หม่อมฉันถามใจตนแล้ว ไม่มีอันใดให้ต้องละอายใจเพคะ”
“หวังว่าเ้าจะไม่มีอันใดให้ต้องละอายใจจริงๆ ” เขาแค่นเสียงเ็า ก่อนจะไปจากศาลาแห่งนั้น
ฮองเฮามองแผ่นหลังเ็าเด็ดเดี่ยวของเสี้ยวเหวินตี้รู้สึกไม่ดีไปทั้งร่าง ตัวนางทำเื่อันใดกัน เหตุใดฮ่องเต้จึงต้องมาตำหนินางเพราะเด็กคนเดียวหรือว่านางในฐานะภรรยาของเขาจะยังเทียบกับหลานสาวคนหนึ่งไม่ได้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ มือนางก็กำแน่น รู้สึกไม่ยินยอมเป็อย่างมาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้