“อ้อ ยังมีเื่ใหญ่อีกอย่างนะพี่ชิงหยู สามวันก่อน สำนักหงส์ฟ้าสำนักอันดับสาม มีรองเ้าสำนักนำศิษย์มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสำนักเรา สู้ไปสิบสนาม สำนักกวางขาวแพ้เจ็ดสนาม แพ้ได้น่าอดสูมากเลยนะ...” เด็กหญิงเล่าฉะฉาน “ยังมีอีกครึ่งเดือนต่อจากนี้ อัจฉริยะสามคนของสำนักหงส์ฟ้าจะตั้งสังเวียน สาบานจะโค่นล้มสำนักกวางขาวเราทั้งสำนักให้ราบด้วย!”
เ่ิูฟังพลางกลอกตา
ดูท่าแล้ว สามเดือนมานี้จะมีเื่ราวเกิดขึ้นไม่ใช่น้อยๆ เลย
สองคนคุยกันไป เวลาก็ไหลผ่านไป พริบตาเดียวก็หนึ่งชั่วโมงเข้าไปแล้ว
ร่างเล็กลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจ “ใกล้หมดเวลาแล้ว ข้าต้องไปแล้วล่ะ พี่ชิงหยูท่านออกมาไวๆ นะ พอถึงเวลาจะได้ซัดพวกคนเลวนั่นให้กลิ้งแปดตลบไปเลย ให้ได้รู้ความเก่งกาจของสำนักกวางขาวซะบ้าง” พูดพลางส่ายกำปั้นน้อยๆ ไปมา
“แต่ข้าไม่มีเวลาว่างน่ะสิ” เ่ิูเบะปาก เขายืดแข้งยืดขาอารามน่ามอง พลางเสริม “สำนักกวางขาวมีอัจฉริยะมากมายเพียงนั้น จะวนมาให้ข้าออกโรงได้อย่างไร เื่เช่นนี้ ศิษย์ปีหนึ่งอย่างพวกเราไม่มีทางยื่นมือไปคลุกคลีด้วยได้หรอก ปล่อยพวกเขาทำไปเถอะ”
“แต่ใครๆ เขาก็ชอบมองเวลาพี่ชิงหยูท่าทีสง่างามพิฆาตไปสี่ทิศทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ” เด็กหญิงเก็บกล่องข้าวเป็ระเบียบ ชี้นิ้วมาอย่างน่าเวทนา ดวงตากลมโตมองเ่ิูเป็แวววิบวับ
“รีบกลับไปเถอะไป” เ่ิูยกมือตีหน้าผากเด็กน้อย
แม่หญิงน้อยหิ้วกล่องข้าวออกไปฮึมฮัม นางทิ้งท้ายประโยคเดียว “ข้าไม่สนท่านแล้ว” หันหลังเดินไปทางประตูใหญ่ ทว่ารอยยิ้มบนดวงหน้ารูปไข่ชุ่มชื้นนั่นกลับทรยศนางเสีย
เ่ิูเองก็ส่ายหน้าหัวเราะ
เด็กน้อยยังเด็กเกินไปนัก เพิ่งสิบขวบเต็มไม่นาน จิตใจของเด็กผู้หญิง เรียบง่ายยิ่งนัก นี่อาจเป็อีกสาเหตุหนึ่งที่เขาสามารถเข้ากันกับนางได้ดีถึงขนาดนี้กระมัง
คนตัวเล็กมาถึงปากประตูก็หันกลับมายิ้มให้เ่ิู โบกมือลา ท้ายสุดก็จากไป
เ่ิูหัวเราะอีกครั้ง อารมณ์ดีเหลือจะเอ่ย
เขาตบท้องที่อิ่มเต็มของตัวเองทีหนึ่ง เรอออกมา แล้วเริ่มฝึกฝนต่อ นั่งขัดสมาธิในหอนิ่ง ดูดซับพลังใต้หล้า เพิ่มจำนวนพลังภายใน พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง
ท้องนภามืดดับ
เ่ิูกำลังกลับห้องนอนเล็กๆ ไปพักผ่อนพอดี ตอนนั้นเอง ที่นอกประตูมีเสียงเล็ดรอดเข้ามา แม่กุญแจอักขระไม่วาวแสง ทวารใหญ่ถูกเปิดออก ชายวัยกลางคนร่างผอมสูงในชุดอาจารย์คุมกฎ ถืออาหารเดินเข้ามาช้าๆ
“อือ?”
เด็กหนุ่มมองร่างชายคนนั้น ไม่รู้เพราะอะไร ถึงได้ขนลุกขนชันไปหมด ความรู้สึกราวกับถูกสัตว์ร้ายจ้องมองอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว” คนผอมสูงวางอาหารไว้บนพื้น
ที่แท้ก็อาจารย์คุมกฎมาส่งข้าวนี่เอง!
เ่ิูเบาใจได้เล็กน้อย
ดูรูปร่างท่าจะเปลี่ยนคนแล้ว ก่อนหน้านี้ทั้งสองเดือน อาจารย์คุมกฎที่มาส่งข้าวเขา มิใช่คนๆ นี้แต่อย่างใด
“อาจารย์หวังเล่า?” เ่ิูถามสบายๆ
“อ้อ เ้าหวังน่ะหรือ? ที่บ้านมีเื่เลยลาหยุดไปแล้ว” บุรุษร่างสูงผอมตอบเสียงเรียบเย็น สีหน้าไร้อารมณ์
เสียงยังไม่หยุดดัง ั์ตาเ่ิูพลันส่อแววน่าขนลุกขึ้นมา เขาสะบัดแขนทีหนึ่ง หอกสองปลายไน่เหอก็ลอยเข้ามาในมือ เขาแค่นหัวเราะเยือกเย็น “เฮอะๆ เ้าโง่เอ๊ย บิดาทดสอบทีเดียวก็รู้แกวหมดแล้ว บอกมา เ้าเป็ใครกันแน่?”
ชายผอมสูงนิ่งครู่เดียวก็ถามกลับ “หมายความว่าอะไร?”
เ่ิูหน้าชื่นตาบาน เอ่ยกลั้วหัวเราะต่อไปว่า “อาจารย์ส่งข้าวคนก่อนแซ่ฉิน ไม่ใช่หวัง เ้าไม่รู้เื่เลยหรือเนี่ย? แล้ววันนี้ก็มีคนมาส่งข้าวให้ข้าแล้วด้วย...เฮอะๆ บอกมาน่า เ้าเป็ใครกันแน่? เข้ามาป่วนในนี้ได้อย่างไร? ใครสั่งเ้ามา? เ้าจะฆ่าข้าใช่ไหม? ท่าทีฉลาดแต่ดันมาเป็มือสังหารเนี่ยนะ?”
เื่อาจารย์คุมกฎแซ่หวังนั่น เป็เื่ในตอนที่เ่ิูเบื่อหน่ายสุดชีวิตแล้วถามไถ่อาจารย์ทีท่ามีเงื่อนงำคนนั้นไปเรื่อยเปื่อย ลองอยู่หลายครั้ง จนอาจารย์คนนั้นตบะแตกเกือบคลั่งขึ้นมา ถึงได้ถามจนได้ความ
บุรุษผอมสูงนิ่งชะงัด ความโกรธเกรี้ยวฉายชัดบนใบหน้า กลิ่นอายแข็งกล้าเอ่อท่วมออกมาจากร่าง
“มือสังหาร? ฉลาด?” กายนั้นเหมือนน้ำไหล พริบตาก็มาถึงข้างตัวเด็กหนุ่ม เหมือนกระทิงเดือด ง้างมือขึ้นตบหน้าผากเ่ิูดังลั่น
เพี้ยะ!
รอยบวมปูดขึ้นมารอยหนึ่ง
เ่ิู “โอ๊ะ? เ้ายังจะมีหน้ามาลอบจู่โจมอีก...หน้าไม่อายเอาเสียเลย!”
“ลอบจู่โจม? หน้าไม่อาย?” ชายคนนั้นกระโจนเกรี้ยวกราดดั่งฟ้าผ่า เงื้อมือตบอีกเพี้ยะ ดังสนั่นหวั่นไหว รุนแรงจนหน้าผากเ่ิูบวมปูดสองรอยติด
“โอ๊ะ?” เด็กหนุ่มเพิ่งรู้สึกในฉับพลันว่าแรงของเ้าแก่นี่น่ากลัวไม่น้อยเลย เขาะโเร่งร้อน “หยุดก่อน มีเื่อะไรก็ค่อยๆ คุยกันดีกว่า อย่าลงไม้ลงมือเลย...”
“ลงไม้ลงมือ?” บุรุษสูงผอมคำรามต่ำ เขาลงมือติดต่อกันไม่ยั้ง
พลังของเขามากเกินคะเนได้ รวดเร็วเหมือนฟ้าแลบ กระทั่งเ่ิูที่พลังถึงขั้นนี้แล้วยังหลบไม่พ้น ตบเพี้ยะๆๆ อีกสองสามรอบ หน้าผากเด็กหนุ่มก็ปูดโนเป็มะนาว
เ่ิูหนีหัวซุกหัวซุน
ทว่าลึกๆ ข้างในเขาก็ััได้ว่า ชายคนนี้มิใช่คนเลวร้ายหรือมือสังหารอะไร เพราะถึงเขาจะจู่โจมหนักหน่วงและดุร้าย แต่ไม่ได้มีแรงอาฆาตแฝงอยู่เลย
ผ่านการต่อสู้ระหว่างความเป็ความตายยกแรกไปหมาดๆ เ่ิูคนกล้าก็ว่องไวไม่ได้อีกแล้ว
เพี้ยะๆๆๆ!
เสียงดังเหมือนไผ่ะเิอื้ออึงในหอเล็กไม่หยุดหย่อน นอกจากนั้นก็ยังมีเสียงก่นด่าและขอความเมตตาของตัวต้นเหตุปะปนมาอีกด้วย
....
ชั่วเวลาพอพักดื่มชาได้ถ้วยหนึ่งผ่านไป
บุรุษวัยกลางคนหยุดมือในที่สุด
มองเห็นเ่ิูที่เนื้อบวมปูดแถมเนื้อเต่งเป็รอยแดงทั้งตัว ราวกับมองงานศิลปะชิ้นเอกที่เขารังสรรค์ขึ้นมากับมือ นั่นแลถึงได้พยักหน้าพอใจ เขาหิ้วกล่องอาหารบนพื้น แล้วลาจากไปโดยไม่เอ่ยทิ้งท้ายสักคำ...
เ่ิูกัดฟันขบริมฝีปาก เจ็บจนน้ำตาคลอ จะพูดสักประโยคก็ยังพูดไม่ออก
“เ้าแก่นี่มันใครกันแน่นะ? กัดไม่ปล่อยเลยวุ้ย?” เ่ิูงุนงงไม่หน่อย เขาไตร่ตรองในใจว่าทุกอย่างเมื่อครู่มันจงใจกลั่นแกล้งกันชัดๆ
และนี่ก็เป็ครั้งแรกด้วยที่คนอย่างเขาโดนใครปั่นหัวแบบนี้
“โอ๊ย เจ็บๆๆ...มือเท้าหนักเหลือเกินเ้าแก่นี่...” เ่ิูลูบรอยโนของตัวเอง นอกจากสิบกว่ารอยบนหัวแล้ว ทั่วตัวก็ไม่รู้ว่าโดนไปเท่าไร ทุกรอยล้วนบวมแดงและปูดเป่ง
เ่ิูสาปแช่งพลาง ระลึกถึงความโชคดีพลาง โชคดีในความโชคร้ายที่ที่นี่คือหอพิจารณ์ ไม่มีใครมองเห็น หาไม่แล้วหากเื่นี้แพร่ออกไป เขาต้องจบเห่อย่างไม่ต้องสงสัย
เ่ิูนั่งขัดสมาธิ เริ่มกระตุ้นพลังภายใน เยียวยารักษาความเ็ปบนเรือนร่าง
ในโลกตันเถียน น้ำพุตาที่หนึ่งร้อนเดือดดาล น้ำพุพุ่งสูงแผ่ศักดาราวกับัศักดิ์สิทธิ์ น้ำจากน้ำพุิญญาซึ่งท่วมท้นลงมา ได้แผ่กระจายความชุ่มชื้นให้บริเวณรอบข้างหลายร้อยเมตร กลายเป็แอ่งน้ำขนาดเล็ก หมอกิญญาล่องลอยเป็ไอ
ผ่านการเพิ่มพูนความแข็งแกร่งเพื่อตอบแทนบุญคุณจากคัมภีร์ท่วงทำนองเทพมารมาแล้ว พลังภายในเ่ิูก็บริสุทธิ์ขึ้นไม่รู้กี่เท่า อย่างต่ำสุดก็ข้ามหัวปีหนึ่งคนอื่นที่ฝึกเืตาแทบกระเด็นแล้วแน่ๆ
เ่ิูนำพาพลังภายใน ท่องไปทั่วร่างเพื่อให้ความชุ่มฉ่ำ แก้ไขรอยด่างพร้อยคือแผลบวมปูดที่เ้าอาจารย์คุมกฎน่ากลัวนั่นได้ทิ้งไว้ให้หมด
ราวกับว่าสายน้ำใสได้พัดพา ทุกที่ที่พลังภายในหยั่งถึง รอยปูดบวมเ็ปก็หายไปอย่างรวดเร็ว
ความรู้สึกนี้ช่างน่าอัศจรรย์นัก
พลังภายในที่เ่ิูกระตุ้นด้วยสมาธิทั้งหมด มอบความชุ่มชื้นให้าแทั่วกายเป็เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม รอยบวมแดงในที่สุดก็หายสนิท
เ่ิูยืดแข้งยืดขา ก่อนลุกขึ้นช้าๆ
“เอ๋? ไม่รู้เข้าใจผิดหรือเปล่าแต่ว่า ทำไมจู่ๆ ถึงรู้สึกว่าร่างกายได้ดั่งใจกว่าเมื่อก่อน ความเร็วในการไหลของกำลังภายในกับกระบวนการประสานงาน สมบูรณ์แบบขึ้นแล้วหรือ?”
เ่ิูพบเหตุการณ์แปลกประหลาดเข้าให้แล้ว
โดยเฉพาะจุดที่อาจารย์คุมกฎคนนั้นตะบี้ตะบันฟาดจนบวมแดง พอหลังจากกำลังภายในรักษาหมดสิ้น กลับรู้สึกสบายยิ่งนัก การเคลื่อนไหวของกำลังภายในเหมือนเป็กายเดียวกันหมดแล้ว
อย่าบอกนะว่า...
เ่ิูคิดอะไรออก ทว่าก็ยังยืนกรานแน่นอนไม่ได้
...
วันต่อมา
เ่ิูกำลังเลี้ยงดูและให้ความอบอุ่นพลังภายในอยู่ ยามเดียวกันก็ฝึกฝนสี่รูปแบบแห่งเทพราชันเกราะทองจากท่วงทำนองเทพมารไปด้วย ทำความเข้าใจและััแก่นแท้ของมันมิได้หยุด ยิ่งรู้สึกว่ากระบวนาสี่รูปนี้มหัศจรรย์เป็หนึ่งไม่มีสอง
เวลาที่เหลือจากการฝึก เ่ิูยังใช้ไปกับการจับตามองท่วงทำนองเทพมารในทะเลสำนึกตนเองด้วย
นับั้แ่คัมภีร์ทองแดงเล่มนี้รับเอาพลังน้ำพุิญญาไป เ่ิูก็คิดได้ว่า น้ำพุิญญาตาหนึ่งในโลกตันเถียน มีความสัมพันธ์สอดคล้องกับคัมภีร์อย่างคลุมเครือ
หลังเด็กหนุ่มมองจนถ้วนถี่แล้ว ก็พบว่าเทพราชันเกราะทองเป็หน้าหนึ่งในหมวด ‘ฐานะเทพมาร’ ส่วนหมวดอื่นก็มี ‘ฐานะเทพนักรบ’ ‘ฐานะภูตผี’ สองประเภทใหญ่ๆ ในสารบัญ น่าเสียดายที่เนื้อหาด้านในเปิดออกมาไม่ได้
เขาคาดการณ์เอาว่า อาจเป็เพราะพลังภายในของเขาไม่อุดมหรือบริสุทธิ์มากพอ ดังนั้นจึงไม่อาจจุดประกายเปิดผนึกส่วนอื่นของท่วงทำนองเทพมารได้ วันหลังต้องเพียรพยายามฝีกวิชา รอจนพัฒนาขึ้นแล้ว บางทีอาจจะเปิดผนึกหมวดอื่นได้ในสักวัน
วันนี้ เมื่อถึงยามบ่าย
บุรุษกลางคนสูงผอมปรากฏกายขึ้นอีกแล้ว
ดูไปแล้วเขาน่าจะเป็อาจารย์คุมกฎคนใหม่ที่เปลี่ยนเข้ามารับผิดชอบเ่ิูจริงๆ เขาวางกล่องอาหารไว้หน้าประตู จ้องเด็กหนุ่มด้วยแววตาเย็นๆ แม้ประโยคเดียวก็ไม่เอ่ย
เ่ิูเริ่มาประสาทอีกหน
“ผู้าุโ ทำไมมองข้าแบบนั้นเล่า...” เ่ิูลองเขยิบเข้าไปใกล้
“ข้ามองแบบไหน?” บุรุษสูงผอมสีหน้าเยือกเย็นยิ่งน้ำแข็ง
“เอ้อ จะว่าอย่างไรดีล่ะ แววตาผู้าุโ ทำไมถึงมองเหมือนข้าคิดหนี้ท่านหัวโต หรือไม่ก็แต๊ะอั๋งบุตรสาวท่านซะงั้นล่ะ? ประหลาดจริงเลยนะ ข้าเองก็ไม่ได้รู้จักมักจี่ท่านผู้าุโมาก่อนเลยนี่นา...” เ่ิูยิ้มร่าหน้าบาน
“ปากเสียใช่ไหม? มาให้ข้าช่วยล้างมา!” เขาหัวเราะเย็นเยือกทีเดียวก็คำรามเดือดดาล พุ่งตัวเข้ามาหาเร็วดุจฟ้าแลบ เหมือนัโกรธาที่ถูกชิงตัวเมียไปตอนกำลังผสมพันธุ์ไม่มีผิด
เพี้ยะๆๆ!
พลังนิ้วมือแหวกอากาศ เหมือนอักขระบวกกับคันธนูแข็งและลูกศรกล้า
เ่ิูหนีหัวซุกหัวซุนอีกรอบ
การเคลื่อนไหวของชายกลางคนรวดเร็วหาตัวจับยาก พลังลึกล้ำวัดมิได้ เ่ิูลองของเผชิญหน้าไปสองการโจมตี สุดท้ายกลับถูกตีอนาถกว่าเดิม รอยปูดเต็มตัว ราวถูกฝูงยุงกระหายเืกัดจนนับตุ่มไม่ถ้วน
ขั้นตอนทั้งหมดกินเวลาไปสิบห้านาที