เคล็ดวิชาสิ้นสลายเป็เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นจินหลาน
เคล็ดวิชานี้สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ผู้ก่อตั้งแคว้นจินหลาน เคล็ดวิชานี้มีพลังที่พิเศษมาก พูดได้ว่าอาจเทียบเคียงกับพลังที่ถูกสร้างขึ้นจากระดับกายทองคำ
ตามตำนานเคยมีผู้ฝึกวรยุทธ์ระดับกายทองคำใช้เคล็ดวิชาสิ้นสลายแห่งจินหลานนี้ และแสดงให้เห็นว่าทักษะการต่อสู้นี้ทรงพลังเพียงใด
และทักษะการต่อสู้นี้สามารถฝึกฝนได้เฉพาะเชื้อพระวงศ์แห่งแคว้นจินหลานเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่กี่คนที่ฝึกฝนเคล็ดวิชานี้อย่างจริงจัง
องค์ชายสามทำได้แค่เข้าใจพื้นฐานของเคล็ดวิชานี้เท่านั้น แต่เขาไม่สามารถแสดงพลังของมันออกมาได้เลย
ในที่สุดผู้ที่สนับสนุนองค์ชายเก้าก็ได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง
“ข้าบอกแล้วว่าองค์ชายเก้าจะไม่มีวันพ่ายแพ้”
“องค์ชายเก้าเป็เยาวชนอันดับหนึ่งในแคว้นจินหลานของเรา เขาจะแพ้ให้กับเยาวชนอันดับหนึ่งของแคว้นเป่ยสุ่ยได้อย่างไร”
“แคว้นจินหลานของเราแข็งแกร่งกว่าแคว้นเป่ยสุ่ยในทุกๆ ด้าน”
“เคล็ดวิชาประจำแคว้นจินหลานจะต้องเอาชนะหลัวเลี่ยได้แน่!”
ทุกคนต่างส่งเสียงให้กำลังใจองค์ชายเก้า
องค์ชายเก้าที่ได้รับกำลังใจเช่นนั้นก็ทุ่มพลังทั้งหมดของเขาไปที่เคล็ดวิชาสิ้นสลายแห่งจินหลาน ซึ่งเขาอยู่ในระดับเชี่ยวชาญแล้ว
ร่างของแม่ทัพที่โผล่ขึ้นมาเหนือหัวของเขานั้นแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ
“รวม!”
องค์ชายเก้ายกแขนทั้งสองข้างชี้ขึ้นไปบนฟ้า
ทันใดนั้นร่างของแม่ทัพก็รวมเข้ากับร่างกายของเขา
ชิ้ง!
ร่างกายขององค์ชายเก้าดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยเกราะชั้นหนึ่ง นอกจากนี้เขายังมีไอสังหารแผ่ออกมาอย่างน่ากลัว เหมือนแม่ทัพที่ผ่านการศึกมามากมาย
นี่คือความมหัศจรรย์ของเคล็ดวิชาสิ้นสลายแห่งจินหลาน
เมื่อใช้เคล็ดวิชานี้แล้วก็เหมือนกับอัญเชิญร่างของกษัตริย์ผู้ก่อตั้งแคว้นจินหลานออกมา เพื่อเพิ่มพลังให้กับผู้อัญเชิญจนมีระดับพลังที่เท่ากับกษัตริย์ผู้ก่อตั้ง
“ได้พ่ายแพ้ให้กับเคล็ดวิชาประจำราชวงศ์ของเรา นับว่าเป็เกียรติของเ้าแล้ว หลัวเลี่ย”
องค์ชายเก้าหัวเราะเสียงดังแล้วพุ่งตัวมาที่หลัวเลี่ย
เขาใช้กระบวนท่าหมัดทัพทะเลทรายอีกครั้ง
แม้จะใช้กระบวนท่าเดียวกันกับตอนแรก แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปและองค์ชายเก้าได้รับพลังเพิ่มขึ้นแล้ว กระบวนท่าที่ออกมาย่อมไม่เหมือนเดิม
ด้วยพลังของแม่ทัพที่ผ่านสนามรบมาแล้วมากมาย พลังเช่นนี้ย่อมแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนหลายเท่า เพียงแค่ไอพลังแห่งความกล้าหาญถูกปลดปล่อยออกมา ก็ทำให้ชาวเมืองจินหลานต้องล่าถอยออกห่างไปทีละคน
ในระหว่างการเดินเข้ามา ูเาก็เกิดการสั่นะเื ทุกย่างก้าวที่ทิ้งรอยเท้าไว้ทำให้วัชพืชและกิ่งไม้ที่อยู่รอบๆ เหี่ยวเฉาลง เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้องค์ชายเก้ายิ่งดูมีอำนาจและไร้ซึ่งความกลัวใดๆ
หลัวเลี่ยยกยิ้มขึ้นที่มุมปากของเขา
เป็ความจริงที่เคล็ดวิชาสิ้นสลายนั้นทรงพลังมาก
ทว่าองค์ชายเก้าได้บ่มเพาะพลังจนถึงระดับเชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่งยังห่างไกลจากระดับถ่องแท้มากนัก
แต่หมัดแห่งผู้พิชิตของเขาอยู่ในระดับถ่องแท้แล้ว และเมื่อรวมเข้ากับพลังในระดับผู้ฝึกตนระดับที่แปด หรือแม้จะรวมเข้ากับพลังระดับผู้ฝึกตนระดับที่หก พลังของเขาก็ดูจะมีความแข็งแกร่งเหนือกว่า
ไอพลังของหลัวเลี่ยเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและการกดข่ม ดั่งราชันผู้พิชิตได้จุติลงบนโลกอีกครั้ง
หลัวเลี่ยพุ่งไปข้างหน้าและปล่อยหมัดออกไป
ตูม!
เมื่อทั้งสองปะทะกัน คลื่นลมก็พัดกระหน่ำไปทุกทิศทาง
หลัวเลี่ยเซเล็กน้อย
องค์ชายเก้าก้าวถอยหลังด้วยความใ
“ช่างเป็เคล็ดวิชาสิ้นสลายที่ทรงพลัง มันสามารถต้านทานหมัดผู้พิชิตจากพลังผู้ฝึกตนระดับที่หกของข้าได้ มา สู้กันอีกครั้ง!”
คำพูดของหลัวเลี่ยเหมือนเป็การตบหน้าองค์ชายเก้าและชาวเมืองจินหลานอย่างแรง พวกเขาคิดว่าพวกตนจะชนะอย่างแน่นอน แต่พวกเขากลับพ่ายแพ้โดยที่หลัวเลี่ยยังไม่ได้แสดงเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินออกมาด้วยซ้ำ ทุกคนต่างใ
หลัวเลี่ยเดินไปข้างหน้าและส่งหมัดออกไปอีกครั้ง
หลังจากตกตะลึงกับหมัดแรก องค์ชายเก้าก็ถูกทำร้ายจิตใจยิ่งกว่าเดิม เขากระเด็นถอยหลังไปเจ็ดถึงแปดก้าวทันที
หลัวเลี่ยพุ่งไปข้างหน้าและส่งหมัดออกไปอีกครั้ง โดยครั้งนี้นับเป็ครั้งที่สาม
ตูม!
ไอพลังขององค์ชายเก้าอ่อนลงอีกครั้ง เขาไม่ได้ดูกล้าหาญและมีอำนาจอีกแล้ว ตอนนี้เขาไม่สามารถแสดงพลังใดๆ ออกมาได้อีก และร่างของแม่ทัพที่ปรากฏบนร่างกายของเขาก็แตกสลายเป็เสี่ยงๆ
หลังจากทำให้องค์ชายเก้าถอยไปได้แล้ว หลัวเลี่ยก็ก้าวไปข้างหน้า
องค์ชายสามที่มีใบหน้าแดงก่ำเป็เพียงผู้เดียวที่ยืนอยู่ข้างหน้าหลัวเลี่ย เขาหวาดกลัวเกินกว่าจะต่อสู้
ประชาชนของแคว้นจินหลานต่างตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของหลัวเลี่ย และคำพูดต่อมาของหลัวเลี่ยก็ทำให้พวกเขาไม่กล้าดูิ่หลัวเลี่ยอีก
ท่ามกลางความเงียบ เสียงของหลัวเลี่ยดังขึ้นจากบนยอดเขา “ข้าอยู่ระดับผู้ฝึกตนระดับที่แปด!”
วิ้ง!
องค์ชายเก้า องค์ชายสาม และชาวเมืองจินหลานรู้สึกราวกับว่าหัวของพวกเขาถูกทุบ
แท้จริงแล้วเขาอยู่ในระดับผู้ฝึกตนระดับที่แปด!
เขาเพิ่งใช้ความแข็งแกร่งของพลังผู้ฝึกตนระดับที่หกเพื่อเอาชนะเยาวชนของเมืองจินหลาน มิหนำซ้ำยังทำลายความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีของชาวเมืองจินหลานอีกด้วย
“หลัวเลี่ยแห่งแคว้นเป่ยสุ่ย แม้ข้าจะไม่อยากทำตัวเป็ผู้ใหญ่รังแกเด็ก แต่หยาดจันทร์นิรวานนี้ ไม่ว่าอย่างไรเ้าก็เอาไปไม่ได้”
เสียงหนึ่งดังมาจากเชิงเขา
มีชายหนุ่มสองคนวิ่งมาทางหลัวเลี่ยอย่างรวดเร็ว
พวกเขาสองคนอยู่ในวัยยี่สิบกว่าปี และเป็ผู้ฝึกวรยุทธ์รุ่นหนุ่มสาวของแคว้นจินหลาน เหตุผลที่พวกเขามาที่นี่เพราะถูกดึงดูดจากการมองเห็นปรากฏการณ์นวัล้อมเดือน ซึ่งทำให้เกิดเป็หยาดจันทร์นิรวาน
หยาดจันทร์นิรวานช่างล้ำค่าจนใครต่อใครต่างหลงใหลและอยาก
ชายหนุ่มสองคนนี้ก็เช่นกัน
พวกเขารีบมาที่นี่ทันที และในที่สุดก็มาทันเวลา
“ที่แท้ก็เป็พวกเขา”
“ในที่สุดก็มีคนมาแก้แค้นแทนพวกเาาวจินหลานแล้ว”
“พวกเขาเป็อัจฉริยะในหมู่คนหนุ่มสาวของแคว้นจินหลาน”
“ถูกต้อง ในเมื่อเยาวชนเอาชนะเขาไม่ได้ แต่คนรุ่นหนุ่มสาวทำได้แน่นอน แม้ว่าจะต้องเป็ผู้ใหญ่รังแกเด็ก แต่หยาดจันทร์นิรวานเป็สมบัติของแคว้นจินหลาน จะปล่อยให้หลัวเลี่ยเอาไปไม่ได้เด็ดขาด”
“ฮ่าๆ หลัวเลี่ยเ้าโชคร้ายแล้ว เฉิงปู้กุยและเยาวชนอีกสี่คนนั้นแทบจะไม่ได้เข้าสู่สามสิบลำดับแรกในรุ่นหนุ่มสาวของแคว้นจินหลาน แม้ว่าองค์ชายเก้าจะสามารถเข้าสู่ยี่สิบลำดับแรกได้ แต่พลังของสองคนนี้อยู่ในสิบลำดับแรกของรุ่นหนุ่มสาว พวกเขา พวกเขา...”
เสียงะโแสดงความประหลาดใจดังขึ้น
เสียงให้กำลังใจหยุดลงกะทันหันหลังจากพูดมาได้เพียงแค่ครึ่งประโยคเท่านั้น
เนื่องจากหลัวเลี่ยใช้วิชาก้าวัและเป็ฝ่ายเริ่มการโจมตีก่อน
เกิดเสียงของัและคลื่นทะเลขึ้น อากาศปั่นป่วนหมุนไปรอบๆ เหมือนคลื่นกระทบเข้ากับท้องฟ้า แล้วหลัวเลี่ยก็เหยียบลงไปตามแนวอากาศที่ปั่นป่วนเป็ระลอกคลื่นนั้น เขาเป็เหมือนัอำมหิตที่ขี่ลมเคลื่อนที่พุ่งตรงไปหาชายหนุ่มทั้งสอง
“ช่างไม่เจียมตน!”
ชายหนุ่มทั้งสองต่อสู้พร้อมกันด้วยดาบ
ครู่หนึ่งหลังจากฟาดดาบก็เกิดเป็สายลมและลำแสงเสมือนเงาของดาบวาดไปทางหลัวเลี่ย
พวกเขาไม่เพียง้าหยาดจันทร์นิรวานเท่านั้น แต่ยัง้าที่จะทำร้ายหลัวเลี่ยอย่างรุนแรง เพื่อฟื้นฟูศักดิ์ศรีของผู้ฝึกวรยุทธ์แห่งแคว้นจินหลานด้วย
“พลังระดับที่เจ็ดของผู้ฝึกตน!”
หลัวเลี่ยร้องะโเสียงดังเพื่อนำพลังออกมา
เขาดูเหมือนราชันผู้พิชิตที่ดุร้ายจริงๆ เขาต้านพลังของเงาดาบและใช้มือทั้งสองข้างออกแรงชกไปทางซ้ายและทางขวา
เพล้ง!
เพล้ง!
ดาบนั้นไม่สามารถต้านพลังจากหมัดของหลัวเลี่ยได้ และถูกทุบเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ตูม!
ตูม!
หมัดของหลัวเลี่ยกระแทกเข้าที่หน้าอกของชายหนุ่มทั้งสอง ทั้งสองถูกชกและลอยไปทางซ้ายและทางขวา เืที่ทั้งสองพ่นออกมาในอากาศดูเหมือนจะเป็การบอกชาวจินหลานโดยนัยว่าไม่อาจดูถูกหลัวเลี่ยได้อีก
การโจมตีเพียงหนึ่งครั้งนี้ได้หยุดเสียงโห่ร้องให้กำลังใจของชาวจินหลานทันที
ขณะเดียวกันที่เชิงเขาอวิ๋นเยว่อันเงียบสงบ มีเสียงคำรามต่ำที่ฟังดูเหมือนเสียงของวัวหรือัดังขึ้น
มีใครบางคนพูดอย่างเฉยเมย “หากเ้าสามารถเอาชนะข้าได้ เ้าถึงจะสามารถเก็บหยาดจันทร์นิรวานไว้ได้”
กุบ กุบ กุบ...
เสียงกีบเท้าของวัวเหยียบหินบนูเา
ในความมืดมิด จู่ๆ ก็ปรากฏก้อนเพลิงขึ้น จากนั้นชายหนุ่มที่ขี่วัวัไฟถือหอกัสีเงินก็ปรากฏกายออกมา
แล้วชาวจินหลานที่ถูกหลัวเลี่ยกดข่มก็ส่งเสียงร้องขึ้นมาอีกครั้ง
“เซี่ยโฮ่วจือคือผู้มีพลังแข็งแกร่งเป็อันดับหนึ่งในรุ่นหนุ่มสาวของแคว้นจินหลาน!”
“ถ้าหลัวเลี่ยสามารถเอาชนะเซี่ยโฮ่วจือได้ ก็นับว่าเขามีพลังแข็งแกร่งกว่าหนุ่มสาวในแคว้นจินหลานทุกคนแล้ว”
“เป็ไปไม่ได้ เซี่ยโฮ่วจือมีวัวัไฟเป็สัตว์อสูร ดังนั้นพลังการต่อสู้ของเขาย่อมไม่มีใครเทียบได้!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้