บทที่ 70 จัดการกับพลังชีวิตและิญญา
ดวงตาคู่งามของนายหญิงตระกูลหลินเซี่ยจวินชำเลืองมองลู่อวี่ครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกที่พึงพอใจ ชาวบ้านต่างก็ว่ากันว่านายน้อยตระกูลลู่เป็คนเสเพลไม่เอาการเอางาน แต่ตอนนี้ ดูเหมือนไม่เพียงแต่เป็คนปรุงโอสถขั้นห้าผู้หนึ่ง พลังยุทธ์ก็อยู่ใน่เริ่มต้นของขั้นฟันฝ่า มิหนำซ้ำยิ่งเป็ผู้ที่รู้วิธีปฏิบัติต่อผู้คนและกระทำสิ่งใดอย่างระมัดระวังทั้งในด้านความคิด รวมถึงการจัดการสิ่งต่างๆ อีกทั้งยังไม่ทำผิดพลาดง่าย ๆ ดูราวกับเป็ผู้รอบรู้ก็ไม่ปาน ไม่ว่าอย่างไร ก็นับว่าไม่สอดคล้องกับข่าวลือที่ได้ยินมา หากได้แต่งงานกับลูกสาวของนาง ก็ถือว่าเป็เื่ราวที่ดีงามยิ่งนัก
หลังจากนั้นหลิงหวาฮูหยินจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “คุณชายลู่ ไม่ทราบว่าจะเริ่มปรุงยาอายุวัฒนะเมื่อไร? จำเป็ต้องเตรียมการใดล่วงหน้าหรือไม่? แต่ในเรือเหาะเงินลำนี้ของข้าไม่มีห้องปรุงโอสถ ไฟปฐียิ่งไม่มี คงต้องรบกวนคุณชายลู่แจ้งสถานที่มา พวกเราจะรีบไปที่นั่นทันที!!”
ลู่อวี่ส่ายหน้ายิ้มๆ และพูดขึ้น “ไม่ต้องยุ่งยากถึงเพียงนั้น หากเป็ยาอายุวัฒนะขั้นห้า ข้าน้อยจำเป็ต้องใช้เตาหลอมโอสถก่อนจึงจะแน่ใจได้ แต่หากเป็ยาอายุวัฒนะขั้นหก ก็สามารถปรุงยาที่นี่ได้ แต่ต้องรอให้ได้หญ้าเช้าเย็นมาก่อน ตอนนี้ข้าน้อยขอจัดการกับวัตถุดิบยาเหล่านี้เสียก่อน!”
ทุกคนรวมถึงคนในตระกูลลู่ถึงกับตกตะลึงกับคำพูดของลู่อวี่ อะไรคือการที่เขาเอ่ยว่าสามารถปรุงยาที่นี่ได้? ที่ตรงนี้ไม่ใช่ว่าเป็ห้องโถงใจกลางของเรือเหาะเงินหรือ ไม่มีเตาหลอมโอสถ มิหนำซ้ำยังไม่มีไฟปฐี เครื่องมือเครื่องใช้เสริมอื่นๆ ก็ไม่มี แล้วจะปรุงยาอายุวัฒนะได้อย่างไร?
แต่ลู่อวี่กลับไม่สนใจผู้อื่น ด้วยความที่ตัวเขาอายุยังน้อย จึงทำให้หลายคนไม่เชื่อมั่นในตัวเขา ซึ่งสิ่งนี้ล้วนส่งผลกระทบต่อตัวเขาในภายภาคหน้าไม่น้อย ดังนั้นครั้งนี้ลู่อวี่จึงเลือกไม่ทำสิ่งใดที่ดูสุดโต่งจนเกินไปนัก และคิดว่าจะใช้วิธีการปรุงยาอายุวัฒนะให้ดูต่อหน้าผู้คนเหล่านี้
นอกจากนี้เขายังใช้วิธีการปรุงยาอายุวัฒนะที่ทุกคนคาดไม่ถึงอีกด้วย เขาจะทำให้คนเหล่านี้ตกตะลึงจนตาค้าง เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเผชิญกับความสงสัยเช่นนี้ทุกครั้งไป ต่อให้ไม่เก็บเอามาใส่ใจ แต่มันก็รบกวนจิตใจเขาอยู่ดี
ยาฟื้นกำลังศักดิ์สิทธิ์จำเป็ต้องใช้ตัวยาวิเศษทั้งหมดสี่สิบหกชนิด นอกจากหญ้าฟื้นพลังหยางที่เป็ยาตัวหลักและผลซานหยินแล้ว แต่ตัวยาหลักทั้งหมดกลับเป็พลังชีวิตและิญญาของปีศาจขั้นตงซวนตัวหนึ่ง ส่วนที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็ตัวยาเสริม แน่นอนว่าของเหล่านี้นอกจากลู่อวี่แล้ว คนของตระกูลลู่และบรรดาผู้ที่มุงดูอยู่ ย่อมไม่มีผู้ใดรับรู้
แต่เพื่อให้ทุกคนของเกาะหลิงหวาเซียนเชื่อถือ เขาจึงนำตัวยาสองสามชนิดที่แอบยัดใส่ในนั้นออกมาด้วย เพราะตอนที่จัดการกับวัตถุดิบยา มีโอกาสที่จะซ่อนวัตถุดิบยาพวกนี้ได้
ในอดีตเขาคือเทพโอสถ ย่อมต้องรู้เื่ตัวยาที่แอบยัดใส่ภายในนั้นอยู่แล้ว เพราะเหมือนว่าคนปรุงโอสถทุกคนก็เคยทำเช่นกัน อีกทั้งยังไม่ได้ทำเพียงครั้งเดียว เพราะเพียงค่าตอบแทนที่คนปรุงโอสถได้ปรุงโอสถให้ผู้อื่น จะไปเพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่คนปรุงโอสถเหล่านี้ใช้ฝึกฝนในการปรุงยาอายุวัฒนะได้อย่างไร คาดว่าแม้แต่หลิงหวาฮูหยินเองก็เตรียมใจไว้แล้ว แต่เื่ราวเหล่านี้เป็ความลับที่ตกลงกันระหว่างคนปรุงโอสถ อีกทั้งทุกคนต่างก็รู้กันดี เพียงไม่ปริปากพูดก็เท่านั้น
ลู่อวี่หยิบขวดหยกใบเล็กออกมาหนึ่งขวด ก่อนเปิดผนึกต่อหน้าทุกคน
ทุกคนในที่นี้เห็นว่าในนั้นมีพลังชีวิตและิญญาของปีศาจขั้นตงซวนที่เหมือนควันสีน้ำเงินลอยออกมา เลือนราง แต่มองเห็นได้เต็มสองตาว่าพลังชีวิตและิญญาของปีศาจตัวนี้ยังคงรักษารูปกายก่อนหน้าไว้ มันคือปีศาจหมึกั์ตัวหนึ่ง
อาจเพราะถูกจองจำมานาน หลังจากที่ผนึกถูกเปิดออก พลังชีวิตและิญญาของปีศาจตัวนี้ก็ดูจะมีท่าทีที่ค่อนข้างจะอืดอาด
แต่เป็อยู่อย่างนั้นไม่ถึงสองลมหายใจ พลังชีวิตและิญญาของปีศาจหมึกั์ตัวนี้ก็ใชะงัก เหมือนจะััได้ถึงอันตรายบางอย่าง จากนั้นมันก็ดิ้นทุรนทุรายอย่างบ้าคลั่งเพื่อหาทางหนีออกไป
ลู่อวี่เพียงแสยะยิ้ม ก่อนที่จะร่ายเวทมนตร์ด้วยมือซ้าย เพื่อตรึงพลังชีวิตและิญญาของปีศาจตัวนี้ไว้ จากนั้นก็ขยับมือขวาตาม ลูกไฟหนิงคงสีน้ำเงิน ขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือก็ควบแน่นออกมาจากอากาศบางๆ เพียงสะบัดเบาๆ มันก็ตกลงบนตัวพลังชีวิตและิญญาของปีศาจตัวนั้น สุดท้ายมันก็เปลี่ยนรูปร่าง กลายเป็เป็ก้อนหินและน้ำ กลิ้งเข้าไปในร่างของพลังชีวิตและิญญาของปีศาจทั้งหมด
ทุกคนที่ยืนมุงดูข้างๆ ต่างตกตะลึง เพราะไม่รู้ว่าลู่อวี่คิดจะทำสิ่งใด แต่ก็เพ่งมองตาม เดิมทีคิดว่าเปลวไฟลูกนี้จะช่วยชำระพลังชีวิตและิญญาของปีศาจตัวนี้ให้บริสุทธิ์ แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากเปลวไฟสีน้ำเงินลูกนี้ตกลงบนตัวพลังชีวิตและิญญาของปีศาจตัวนั้นที่ตื่นใ มันกลับไม่ได้เผาไหม้ทันที แต่ในทางกลับกัน พลังชีวิตและิญญาของปีศาจตัวนั้นกลับแข็งทื่อขยับไม่ได้ ไม่นานก็สั่นะเืเล็กน้อยตามลูกเปลวไฟสีน้ำเงินในตัว ไม่กี่พริบตามันก็หดตัวเล็กลงอย่างรวดเร็ว และสุดท้ายก็ผสมผสานเข้ากับลูกเปลวไฟสีน้ำเงินโดยไม่ให้สิ้นเปลืองแรงเลยแม้แต่น้อย
เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้ทุกคนเกิดข้อสงสัยและใขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยเฉพาะผู้ที่เคยเห็นและพบเจออะไรมามาก ต่างต้องรู้ประวัติความเป็มาของเปลวไฟนี้อยู่แล้ว แม้กระทั่งคนที่เคยัักับเปลวไฟนี้มาก่อน ย่อมไม่ได้มีเพียงผู้เดียว แต่คิดไม่ถึงว่า ไฟแท้หนิงคงจะสามารถเอามาใช้เช่นนี้ได้ด้วย
เวลานี้ เพียงลู่อวี่โบกมือ ก็ทำการเก็บลูกเปลวไฟที่ผสมเข้ากับพลังชีวิตและิญญาสัตว์ของปีศาจตัวนั้นได้สำเร็จ
ทว่าครั้งนี้ไม่มีคนปรุงโอสถจากตระกูลลู่ติดตามมาด้วย มีเพียงผู้เฒ่าของตระกูลหลินท่านหนึ่งที่ปกติจะหมกมุ่นอยู่กับการเล่นแร่แปรธาตุ และเป็คนปรุงโอสถขั้นเจ็ดแต่เดิมอยู่แล้ว เมื่อได้มาเห็นลู่อวี่ จัดการกับวัตถุดิบยาในครั้งนี้ ดวงตาของเขาก็แทบจะถลนออกมา เห็นลู่อวี่เก็บสิ่งต่างๆ โดยไม่คิดอธิบายให้ผู้ใดฟัง ก็อดถามไม่ได้ว่า “คุณชายลู่ เกิดอะไรขึ้นกับวิธีจัดการกับพลังชีวิตและิญญานี้? เปลวไฟที่ใช้เมื่อครู่นี้ใช่ไฟแท้หนิงคงหรือไม่ แล้วเปลวไฟนี้มันควบคุมอย่างไรเล่า?”
ลู่อวี่เงยหน้าขึ้นชำเลืองมองเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบวัตถุดิบยาออกมาจัดการต่อ พร้อมกับพูดด้วยท่าทีสบายๆ ว่า “ในโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดที่เป็ไปไม่ได้ เป็เพราะตัวข้ามีความสามารถไม่เพียงพอ ในการจัดการพลังชีวิตและิญญา จึงต้องใช้วิธีที่รวดเร็วและรัดกุม ถึงจะสามารถลบรอยประทับตราพลังชีวิตและิญญาเดิมได้ สิ่งนี้ช่วยให้คงที่มาของมันไว้ ช่างเป็วิธีที่ง่ายและนำไปสู่ผลสำเร็จได้มากกว่าวิธีอื่นๆ ที่ข้ารู้มา แต่นับว่าไม่คุ้มที่จะเอามาพูด!”
ผู้เฒ่าผู้พิทักษ์ของตระกูลหลินแทบจะกระอักเืออกมากับคำพูดของลู่อวี่ ในเมื่อเื่นี้ไม่คุ้มที่จะพูดถึง เช่นนั้นแล้ว มันคุ้มที่จะยกย่องหรือไม่ การกระชับขั้นตอนของลู่อวี่นั้น เขายังไม่เคยได้ยินมาก่อน อย่าว่าแต่เคยพบเห็น ไม่เช่นนั้นมีหรือจะแบกหน้ามาขอคำชี้แนะจากเด็กหนุ่มที่อายุไม่ถึงยี่สิบปีเช่นนี้
แม้ว่าคนอื่นๆ ในห้องโถงจะไม่เข้าใจการเล่นแร่แปรธาตุ แต่ส่วนใหญ่ก็เคยได้ยินเกี่ยวกับเื่นี้กันมาบ้างแล้ว แม้แต่หลิงหวาฮูหยินที่รักลูกศิษย์มาก ยังตั้งใจเรียนรู้ในรายละเอียดของการปรุงยาฟื้นกำลังด้วย ดังนั้นเมื่อเห็นและได้ยินคำพูดของลู่อวี่ จึงพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง หากตัวเขาไม่ได้เป็คนปรุงโอสถ เช่นนี้ก็นับว่าเป็การตบหน้ากันชัดๆ
ตามที่นางรู้มา การจัดการกับพลังชีวิตและิญญานั้นดูเหมือนจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนไม่น้อย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือขั้นตอนการกำจัดตราประทับิญญา เพราะคนปรุงโอสถส่วนใหญ่จะทำลายพลังชีวิตและิญญาให้แหลกละเอียด จากนั้นก็ค่อยๆ นำมากลั่นกรองและหลอมละลาย จะใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงห้าวันในการย่อยสลาย
ผู้ใดจะทำเหมือนนายน้อยของตระกูลลู่ ที่ทำทุกอย่างเสร็จสิ้นในสองสามวันกันเล่า?
ดูเหมือนนายน้อยตระกูลลู่ผู้นี้ ต้องได้รับการถ่ายทอดพลังการเล่นแร่แปรธาตุที่เก่งกาจมาจาก์เป็แน่ แม้ว่าจะสู้เทพโอสถท่านนั้นไม่ได้ แต่คิดดูแล้วคงไม่ต่างกันเท่าไรนัก! หลิงหวาฮูหยินแอบดีใจเงียบๆ หากสามารถผูกมิตรกับคนปรุงโอสถผู้มีอนาคตไกลได้สักผู้หนึ่งแล้ว ต่อให้คิดคำนวณดูอย่างไร ย่อมไม่มีทางขาดทุนแน่นอน แม้ว่าจะถูกเขาแอบยัดใส่วัตถุดิบยาบางอย่าง ก็คงไม่เป็อะไร
การจัดการกับหญ้าฟื้นพลังหยางและผลซานหยินนั้นง่ายกว่า แต่เมื่อเทียบกับ่เวลาสั้นๆ ในการจัดการกับพลังชีวิตและิญญาของปีศาจแล้ว ถือว่ามันยังเทียบไม่ติด แต่เมื่อเห็นลู่อวี่จัดการวัตถุดิบยาได้อย่างราบรื่น ภายในห้องโถงก็พลันเงียบกริบไปพักหนึ่ง เมื่อทุกคนเห็นลู่อวี่จัดการกับวัตถุดิบยาอยู่ ก็อดรู้สึกจุกขึ้นมาไม่ได้ พวกเขาพูดไม่ออกอธิบายไม่ถูกขึ้นมากันทันที ราวกับว่าคนที่กำลังปรุงยาอายุวัฒนะอยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่เด็กหนุ่มที่อยู่ในวัยยี่สิบปี แต่เป็ปรมาจารย์ปรุงโอสถผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่ง
แม้ว่าจะเป็เพียงการจัดการวัตถุดิบยาเท่านั้น แต่ดูจากการกระทำของลู่อวี่แล้ว สิ่งนั้นล้วนทำให้ทุกคนตื่นตาตื่นใจ และทึ่งไม่น้อย เพราะบรรดาคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ ต่างมีสถานะสูงส่งทั้งสิ้น มีคนไม่น้อยที่เคยเห็นคนปรุงโอสถในแต่ละขั้นจัดการกับวัตถุดิบยามาแล้ว หากไม่ได้รู้จักหรือสนิทสนมกันมากนัก ก็มีน้อยคนนักที่คนปรุงโอสถจะยินยอมให้เข้ามามุงดูอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ในขณะที่กำลังปรุงยาอายุวัฒนะ
เมื่อทุกคนได้มาเห็นลู่อวี่จัดการกับตัวยาในตอนนี้ ต่างก็รู้สึกว่าคนปรุงโอสถก่อนหน้านี้ จัดการกับวัตถุดิบยาได้ต่ำกว่าระดับมาตรฐานและทำได้หยาบนัก ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าคนปรุงโอสถทุกคนจะจัดการกับวัตถุดิบยาได้ และคุณภาพของวัตถุดิบยาหลังจากนั้นก็เหมือนและต่างกันไม่มากนัก
แต่คนปรุงโอสถเป็อาชีพที่ละเอียดอ่อน ความต่างเพียงเล็กน้อยย่อมทำให้เกิดความต่างได้ชัดเจน เพียงคิดก็รู้แล้วว่าวัตถุดิบยาที่ลู่อวี่จัดการไว้ การปรุงยาอายุวัฒนะในครั้งนี้ย่อมมีผลความสำเร็จสูง แม้ว่าจะยังไม่ได้เริ่มปรุงยาอายุวัฒนะ แต่ทุกคนคิดว่าระดับความสามารถของลู่อวี่สมกับชื่อเสียงคนปรุงโอสถขั้นห้า
ทางด้านลูกศิษย์ทั้งสามคนของเกาะหลิงหวาเซียนต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน โดยเฉพาะหลินเหยา ดวงตาคู่งามเบิกค้าง ปากเล็กๆ ของนางก็พึมพำพูดคำที่แม้แต่ตัวนางเองยังไม่ทันรู้สึกตัว
แม้ว่าลู่อวี่จะไม่ได้สังเกตอากัปกิริยาของทุกคน แต่เคล็ดวิชาลับที่ฝึกฝนมาหลายปี ยังทำให้เขาสามารถนำของที่จะนำไปใช้ส่วนตัวหลายชิ้นเก็บใส่แหวนลับหลบเลี่ยงจากสายตาของทุกคนได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นการออกมาครั้งนี้ ถือว่าได้เก็บเกี่ยวมากทีเดียว
ตอนนี้เขามีพลังยุทธ์ในขั้นฟันฝ่าแล้ว กำลังอยู่ใน่เริ่มต้นใช้ยาอายุวัฒนะให้มากขึ้น มีการใช้ยาวิเศษจำนวนไม่น้อย หากมีโอกาสหยิบเอายาวิเศษใน่ที่ปรุงยาอายุวัฒนะให้ผู้อื่นมาใช้ส่วนตัวได้ คงทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อย แม้แต่ความรวดเร็วในการจัดการวัตถุดิบยาก็เพิ่มขึ้น
เขาเองก็เชื่อว่าต่อให้มีมหาเทพมาเฝ้าดูอยู่ข้างกาย ก็คงไม่อาจจับเคล็ดวิชาลับการซ่อนของเอาไปใช้เองของเขาได้ เพราะวิธีการนี้ใช้กันมาเป็ร้อยเป็พันปีแล้ว ช่างเป็วิธีการสุดยอดและสมบูรณ์แบบนัก
ผู้เฒ่าของตระกูลหลินที่ถูกส่งตัวไปขอวัตถุดิบยา ได้เดินทางมาที่เขาหนิงชุยเฟิงด้วยความรวดเร็วประหนึ่งหายตัว ด้วยเขาอยู่ในฐานะหนึ่งในผู้ส่งสารของตระกูลหลิน มักจะติดต่อกับทางเขาหนิงชุยเฟิงอยู่ประจำ จึงได้เข้าพบกับลูกศิษย์ของเขาหนิงชุยเฟิงอย่าง หลิวข่าย ที่ทำหน้าที่รับสารอย่างราบรื่น
หลิวข่ายผู้นี้คือหนึ่งในลูกศิษย์ของเซินหยวนชิง ถึงแม้จะมีความสามารถในการปรุงยาอายุวัฒนะที่ไม่เก่งกาจนัก แต่เก่งในการจัดการกับเื่จิปาถะไม่น้อย แม้ว่าตำแหน่งไม่สูง และเป็เพียงคนหนึ่งที่ทำหน้าที่ส่งสารรับสาร แต่อันที่จริงมีอำนาจในมือมากนัก จึงถือเป็ที่หนึ่ง ในการดูแลจัดการเื่ภายนอกของเขาหนิงชุยเฟิงก็ว่าได้
หลินเซี่ยวเฟิงและหลิวข่ายถือได้ว่าเป็คนสนิทกัน เพราะหลังจากที่เสนอว่า้าหญ้าเช้าเย็นเพียงเล็กน้อย หลิวข่ายก็ไม่พูดมากความ รีบเรียกลูกศิษย์คนหนึ่งมาสั่งกำชับ จากนั้นก็หันกลับมาถามสารทุกข์สุกดิบกับหลินเซี่ยวเฟิงต่อ
หลังจากหลินเซี่ยวเฟิงฟังคำพูดของลู่อวี่แล้ว คิดว่าการมาขอยาครั้งนี้คงเป็เื่ยาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าน่าจะไม่มีปัญหาใด พวกเขาทั้งสองพูดคุยกันไปเรื่อยๆ เมื่อพูดมาถึงสาเหตุที่หลินเซี่ยวเฟิงเดินทางมาขอวัตถุดิบยา คนตระกูลหลินก็เป็ฝ่ายบอกกล่าวอย่างไม่คิดปิดบัง แม้รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนของเขาหนิงชุยเฟิง กับคนในตระกูลลู่จากเทียนอวิ๋นจะตึงเครียด แต่หญ้าเช้าเย็นนี้ก็ไม่นับเป็ของล้ำค่าอะไรมากนัก
แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่เขาพูดจบ หลิวข่ายก็ชักสีหน้าเล็กน้อย ไม่นานก็ปรับสีหน้าราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมกับเปลี่ยนเื่พูด อีกทั้งยังคงพูดคุยกับเขาอย่างสบายใจ ทว่ามือที่อยู่ข้างใต้กลับแอบบีบแผ่นหยกไว้ชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็ส่งสารออกไปทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้