หยางมามาเปลี่ยนสีหน้าทันทีก่อนเอ่ย “ไร้สาระเสียจริง บ่าวรับใช้พวกนั้นกล้ารังแกเ้านายถึงเพียงนี้เชียวหรือ ไม่เห็นบุตรหลานตระกูลหลัวเช่นคุณหนูสามอยู่ในสายตา ทั้งยังไม่เห็นหัวเหล่าไท่ไท่อีกหรือ? คุณหนูสาม ข้าไม่ได้จะตำหนิท่าน แต่เหตุใดจึงไม่บอกกล่าวเหล่าไท่ไท่? เหล่าไท่ไท่ต้องให้ความเป็ธรรมแก่ท่านแน่นอน”
เหอตังกุยก้มหน้าพลางถอนหายใจ “ตอนที่ข้าลื่นล้มก็มีโทสะอยู่เต็มอก เดิมทีคิดจะไปบอกเหล่าจูจง แต่ระหว่างทางกลับพบพี่รองและน้องสี่ ข้าทำให้พี่รองไม่พอใจเสียก่อน รู้ดีว่าความผิดนั้นยากจะหลีกเลี่ยงจึงไม่กล้าไปพบเหล่าจูจงเ้าค่ะ”
หยางมามาส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คุณหนูรองเป็คนอารมณ์ดีและร่าเริงมาก คุณหนูสามยั่วโทสะคุณหนูรองได้เยี่ยงไร?”
เหอตังกุยตำหนิตนเอง “ข้าเห็นคุณหนูรองและคุณหนูสี่มีสาวใช้เดินถือโคมไฟนำหน้า พวกนางคงจะไปเรือนฝูโซ่วของเหล่าจูจงเช่นกัน ชุดใหม่ของพวกนางทอประกายแวววาวภายใต้แสงโคม ทว่าเมื่อมองดูตัวข้า เสื้อผ้าล้วนขาดวิ่น ทั้งยังเลอะน้ำมันและโคลนตม ข้าละอายใจที่ต้องไปพบพี่สาวน้องสาวทั้งสองดังนั้นจึงหลบหลังพุ่มดอกไม้เหม่ยเหรินฮวา รอให้พวกเขาเดินผ่านไปก่อนค่อยกลับเรือนซีคั่ว พรุ่งนี้จึงจะไปหาเหล่าจูจง”
“คิดไม่ถึงว่าพี่รองและน้องสี่จะหยุดตรงหน้าพุ่มดอกไม้แล้วบอกว่าอยากจับผีเสื้อ พวกนางไม่รอให้ข้าตอบโต้ ทันใดนั้นมือข้างหนึ่งของข้าที่ดันพื้นพยุงร่างไว้ก็รับรู้ถึงความเ็ปรุนแรงจนต้องรีบชักมือกลับ พลันได้ยินเสียงร้องใของคุณหนูรอง เมื่อมองตามสายตาของนางจึงเข้าใจทันที ตอนคุณหนูรองจับผีเสื้อก็เผลอเหยียบมือของข้าโดยบังเอิญ ทว่าข้าสมควรตายยิ่งนัก การที่ข้าชักมือกลับทำให้รองเท้าของนางเปรอะเืบนฝ่ามือข้า”
หยางมามาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “เื่นี้เป็เพียงอุบัติเหตุ คุณหนูรองและคุณหนูสามต่างไม่คาดคิด คุณหนูรองรักญาติพี่น้อง เมตตาต่อบ่าวรับใช้เสมอ คงเป็เพราะรองเท้าใหม่ที่นางรักสกปรกจึงนึกโกรธ ทว่าหลังจากนั้นหลายเดือน แม่บ้านหวังฉี่ก็ยังไม่ส่งเงินให้ท่านหรือ?”
เหอตังกุยส่ายศีรษะพลางเอ่ย “ครั้งหนึ่งข้าเคยเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ พลั้งปากว่าจะเชิญเหล่าจูจงมาเป็ผู้ตัดสินเื่นี้ ป้าหวังจึงกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มว่าหากเงินอยู่ในมือข้าก็ไร้ประโยชน์ ยิ่งใช้ยิ่งน้อย แต่หากอยู่ในมือนางจะมีประโยชน์กว่า ยิ่งใช้ยิ่งมาก เมื่อได้กำไรก็จะเป็ผลดีต่อข้าด้วย”
ใบหน้าหยางมามามืดทะมึน ก่อนเอ่ยถามเสียงเข้ม “ท่านถามนางหรือไม่ว่าใช้เงินอย่างไร? แล้วท่านได้รับกำไรหรือไม่?”
“มีกำไรที่ไหนล่ะเ้าคะ หลังจากนั้นข้าไปหานางอีกสองสามรอบก็ยังไม่คืบหน้า” เหอตังกุยมองไปด้านนอกพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ชาผลเซียงจามาแล้ว มามาดื่มให้ชุ่มคอสักหน่อยเ้าค่ะ พวกเราเลิกสนทนาเื่ไม่จรรโลงใจจะดีกว่า มามาคงหิวแล้วใช่หรือไม่”
หยางมามายังอยากถามรายละเอียดอีกสักหน่อย แต่เมื่อช้อนตามองก็เห็นเด็กสาวใบหน้ากลมเดินยกชาที่มีไอร้อนพวยพุ่งเข้ามาในห้อง คิดไม่ถึงว่าด้านหลังนางจะมีเงามาชนแขนจนร่างโงนเงน น้ำชาถ้วยนั้นกำลังจะกระฉอก ขณะหยางมามาหลบหลีกด้วยสัญชาตญาณกลับรู้สึกเพียงด้านหน้ามีเงาแวบผ่าน เมื่อมองอีกครั้ง น้ำชาผลเซียงจาถ้วยนั้นไม่ได้กระฉอกแต่กลับไปอยู่ในมือของคุณหนูสาม
เหอตังกุยยกถ้วยชาให้หยางมามา พลางเอ่ยตำหนิ “เหตุใดจึงเร่งรีบเดินเพียงนี้ หากน้ำชาลวกแขนผู้ใหญ่เป็แผล เ้าจะต้องรับโทษโบยยี่สิบไม้” เหอตังกุยขออภัยหยางมามา “ขออภัยที่ทำให้หยางมามาใเ้าค่ะ โชคดีที่ข้ายืนรอยกน้ำชาให้หยางมามาพอดีจึงเข้าไปรับได้ทัน น้ำชาในถ้วยจึงไม่กระฉอก หยางมามาโปรดดื่มชาให้หายใเถิดเ้าค่ะ”
หยางมามาพยักหน้าพลางรับถ้วยชาก่อนเอ่ย “ลำบากคุณหนูสามแล้ว ข้ากระหายน้ำพอดี” เมื่อสูดดมก็ััถึงกลิ่นหอม นางจึงก้มลงจิบเพื่อทดสอบความร้อนของน้ำ ก่อนดื่มอีกหลายอึก นางเงยหน้าพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อร่อยยิ่งนัก รสชาติหวานกว่าแกงผลไม้ที่จวนเสียอีก อืม...หอมจริง ๆ ดื่มแล้วสดชื่น ชานี้ทำอย่างไรหรือ?”
เหอตังกุยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรพิเศษนัก เพียงใช้ผลเซียงจาชุบน้ำตาลทรายแดง นำไปอบด้วยไฟ ทำเช่นนี้ซ้ำ ๆ หลายรอบก็เสร็จแล้วเ้าค่ะ แต่ข้าอยู่บนเขาจึงขาดวัตถุดิบหลายอย่าง ชาผลไม้จึงทำโดยไม่พิถีพิถันมากนัก มามากระหายจึงคิดว่ามันอร่อย เมื่อกลับถึงจวนแล้วมีวัตถุดิบครบ ข้าจะทำให้มามากินเล่นสักหลาย ๆ จิน” นางหันมองนอกประตู ก่อนเอ่ยตำหนิ “ไฮว่ฮวา ครั้งนี้ข้าจะไม่ถือสา ต่อไปเ้าต้องใจเย็นกว่านี้ อย่าเดินชนข้าวของไปทั่ว เตรียมสำรับอาหารให้หยางมามาหรือยัง?”
หยางมามาช้อนตามองสตรีชุดเทาอายุสิบเจ็ดสิบแปดปีด้านนอก แววตาของนางเหมือนสัตว์น้อยที่ใกลัว ดวงตาสีดำแยกจากสีขาวชัดเจนคู่นั้นเปรียบดั่งยาสองเม็ดบนกระเบื้องขาว
สตรีชุดเทาบิดชายเสื้อไปมาด้วยความประหม่าภายใต้สายตาจับจ้องของหยางมามา ก่อนเอ่ยตอบ “ศิษย์พี่ใหญ่บอกว่าอาหารจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ให้เชิญแขกไปกินข้าวที่ห้องปีกข้างเรือนฝั่งเหนือเ้าค่ะ เมื่อครู่ข้าพบเจินิระหว่างทาง นางได้ยินว่าข้าจะมาพบคุณหนูจึงฝากบอกว่าห่อยาที่คุณหนูให้ท่านอาจารย์ใช้ดีมาก อยากให้ท่านทำอีกสักสองห่อเผื่อรักษาอาการปวดขาเ้าค่ะ”
“โอ้?” น้ำเสียงของเหอตังกุยแฝงการเย้ยหยัน “ท่านแม่ชีไท่ซั่นชอบหมอนอิงสมุนไพรที่ข้าส่งให้หรือไม่? อาการปวดเอวของนางเป็อย่างไรบ้าง?”
สตรีชุดเทาพยักหน้าเอ่ย “เจินิบอกว่าท่านอาจารย์ใช้เพียงสองวันอาการปวดเอวก็หาย มีแรงเดินเหินมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ท่านอาจารย์จึงฝากเจินิมาบอกว่าคุณหนูเหอสามารถหยิบสมุนไพรในห้องยาใช้ได้ตามสบาย ขอเพียงคุณหนูเหอทำห่อยารักษาอาการปวดขาให้นางสักสองห่อเ้าค่ะ”
เหอตังกุยเอ่ยด้วยรอยยิ้มภายใต้ผ้าคลุมหน้า “กระนั้นหรือ ได้ผลขนาดนี้เชียว? ข้าไม่กล้าปฏิเสธคำสั่งของแม่ชีไท่ซั่นหรอก เ้ารีบไปบอกเจินิ ต่อให้คืนนี้ข้าไม่ได้นอน อย่างไรก็ต้องทำยาให้ท่านแม่ชีจนเสร็จ ให้ท่านแม่ชีรอรับได้เลย” สตรีชุดเทาขานรับแล้ววิ่งออกไปทันที
หยางมามาเลิกคิ้วเอ่ยถาม “ห่อยาอันใดรักษาอาการปวดเอวได้ผลเพียงนี้? ที่แท้คุณหนูสามก็เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ด้วยหรือ? เรียนวิชามาจากที่ใดเ้าคะ เหตุใดข้าไม่เคยรู้มาก่อน?”
เหอตังกุยหัวเราะก่อนเอ่ย “มามาก็รู้ว่าข้ารู้หนังสือเพียงไม่กี่ตัว หากบอกว่าตนเชี่ยวชาญการแพทย์ จะไม่ทำให้ท่านหมอในใต้หล้าหัวเราะข้าจนฟันร่วงหรือ เป็เช่นนี้เ้าค่ะ หลายเดือนก่อนข้าไม่มีอะไรทำจึงอยากเรียนรู้อักษร ข้าอ่านหนังสือแพทย์สองเล่มจนจำวิธีรักษาเอวได้ จึงทำหมอนอิงสมุนไพรส่งให้แม่ชีในวัด คิดไม่ถึงว่าจะได้ผล ช่างน่ายินดีจริง ๆ ท่านแม่ชีดูแลข้ามาหลายวัน ข้าต้องทำหมอนอิงอีกสองสามใบเพื่อตอบแทนบุญคุณท่านแม่ชี”
“คุณหนูสามช่างใจบุญสุนทานนัก” หยางมามาพยักหน้า ก่อนเอ่ยถามอีกครั้ง “เหตุใดเด็กสาวเมื่อครู่จึงเรียกท่านว่าคุณหนู? เห็นได้ชัดว่านางเป็แม่ชีในอารามแห่งนี้”
เหอตังกุยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ใช่เ้าค่ะ นางเป็แม่ชีในวัดนี้ ชื่อทางธรรมคือไหวเวิ่น นางกับฉานอีเข้ากันได้ดี เมื่อได้ยินว่าฉานอีได้เป็สาวใช้ของข้า นางก็นึกอิจฉาจึงขอร้องให้ข้ารับนางเป็สาวใช้อีกคน จะได้กลับไปตระกูลหลัวด้วยกัน ข้าตอบรับ ทั้งยังตั้งชื่อให้นางว่าไฮว่ฮวา แต่ข้าก็บอกนางแล้วว่าข้าไม่สามารถตัดสินใจรับสาวใช้คนที่สองกลับจวนด้วยตัวเองได้ จะต้องถามความเห็นของมามาที่มารับข้าก่อนว่าสามารถรับนางกลับจวนด้วยได้หรือไม่”
หยางมามาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดเนิบนาบ “คุณหนูสาม สาวใช้ในจวนของพวกเรามีมากมาย เมื่อกลับจวนแล้ว นายหญิงรองจะต้องส่งสาวใช้ที่ดีที่สุดไปที่เรือนซีคั่วแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากสาวใช้ในจวนที่เป็ลูกหลานบ่าวรับใช้ ก็ยังมีบ่าวที่ถูกซื้อตัวมาจากตลาดชิงเฉ่าหนิว ผ่านการอบรมสั่งสอนโดยเฉพาะ ทำงานคล่องแคล่วว่องไว ท่านก็จะสบายใจไปด้วยใช่หรือไม่?”
เหอตังกุยพยักหน้าพลางหัวเราะเบา ๆ “ท่านพูดมีเหตุผล เช่นนั้นก็ช่างมันเถิด พรุ่งนี้พวกเราต้องออกเดินทางแต่เช้า มามาก็เดินทางมาไกล โปรดดื่มชาอีกสักถ้วยเพื่อให้ร่างกายสดชื่น อีกประเดี๋ยวข้าจะให้ฉานอีพาท่านไปกินข้าวที่ห้องปีกข้างเรือนฝั่งเหนือนะเ้าคะ”
หยางมามาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูสามลงมือชงชาด้วยตัวเอง ข้าต้องดื่มหมดถ้วยแน่นอน”
“อ๊ะ แย่แล้ว” ทันใดนั้นเหอตังกุยก็ร้องอุทานพลันมองถ้วยชาในมือของหยางมามา ก่อนะโ “มามา ท่านรีบทิ้งถ้วยชาเดี๋ยวนี้เ้าค่ะ”
หยางมามาวางถ้วยชาบนโต๊ะด้วยความแปลกใจ ก่อนเอ่ยถาม “เกิดเื่อันใดหรือ?”
เหอตังกุยมองมือของตนครู่หนึ่ง ก่อนเหลือบมองมือหยางมามา พลางเอ่ยขออภัย “ขออภัยมามาด้วย เมื่อครู่ข้าลืมไปว่ามือของข้ายังมีผงคัน แต่กลับยกน้ำชาให้มามา...มือของท่านยกถ้วยชาที่ข้าเคยจับ ท่านไม่คันใช่หรือไม่?”
เมื่อไม่พูดก็ยังไม่รู้สึก แต่เมื่อคุณหนูสามพูดขึ้นมา หยางมามาก็เริ่มคันที่ฝ่ามือของตนเสียแล้ว ความคันทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนอาการคันของเหอตังกุยก่อนหน้านี้ไม่มีผิด เป็อาการคันแปลกประหลาดที่เจาะเข้าในกระดูก สองมือของนางเริ่มถูไถและเกาตามร่างกาย ช่างทรมานยิ่งนัก
เหอตังกุยนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ก่อนะโไปนอกหน้าต่าง “ฉานอี รีบไปยกน้ำแร่สะอาดเย็น ๆ ให้มามาล้างมือสักถัง”
หยางมามาได้ยินว่ามีน้ำเย็นล้างมือก็ทนรอคนยกเข้ามาไม่ไหว นางจึงวิ่งออกจากห้องไปหาน้ำทันที พลันเห็นเด็กสาวใบหน้ากลมยกถังน้ำเดินเข้ามา นางรีบรับถังวางบนพื้น ก่อนนำมือลงแช่พร้อมถูล้างทำความสะอาดทันที ความคันทุเลาลงไม่น้อย นางเรียกเหอตังกุย “คุณหนูสาม ท่านมาแช่น้ำสักหน่อยเถิด ทำเช่นนี้ก็ไม่คันแล้ว”
เหอตังกุยส่ายศีรษะ “หยางมามาอาจยังไม่รู้ว่ายาเตียวซานเย่านั้นไร้ยาแก้พิษ ไม่สามารถล้างหรือถูออกได้ ผู้ที่โดนผงยาจะมีอาการคันสองถึงสามวันจึงจะหายดี ความรู้สึกที่เดี๋ยวก็คันเดี๋ยวก็หยุดเช่นนี้ เมื่อคันขึ้นมาอีกครั้ง ความรุนแรงก็จะเพิ่มขึ้นจนยากทนไหว คราวที่แล้วข้าได้ลิ้มลองรสชาติของยาเตียวซานเย่า ทำให้ข้ากลัวมากว่าจะบังเอิญััมันอีก ด้วยเหตุนี้จึงหาหนังสือเกี่ยวกับยานี้จนทั่วห้องสมุด แต่กลับไม่พบวิธีทำยาแก้พิษ ข้าขอโทษจริง ๆ เ้าค่ะมามา ล้วนเป็ความผิดข้าที่ทำให้ท่านลำบาก”
เป็จริงดังคาด หยางมามารู้สึกว่ามือที่แช่น้ำเริ่มคันอีกครั้ง มันรุนแรงกว่าก่อนหน้านี้นัก นางจึงเกาอย่างหนัก
“หยางมามา อย่าเกาแรงถึงเพียงนั้นเ้าค่ะ” เหอตังกุยห้ามปราม “หากิัเป็แผลแล้วลมซึมผ่านจะคันหนักกว่าเดิมนะเ้าคะ ท่านยังต้องคันเช่นนี้ไปอีกสองสามวัน หากเกาจนเป็แผลแล้วอาการคันเจาะไปถึงหัวใจจะทำอย่างไร?”
หยางมามาได้ยินดังนั้นก็หยุดเกาทันที อาการคันประหลาดนี้มันสามารถเจาะทะลวงไปในข้อต่อกระดูกได้ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงลูบมือตามร่างกายเช่นเดียวกับเหอตังกุย ทว่ามันกลับไม่สามารถบรรเทาความคันได้”
เหอตังกุยถอนหายใจ พลางเอ่ยปลอบ “มามา ท่านไม่ต้องกลัว เมื่อครู่ข้าก็ถูมืออยู่นาน ผงคันบนิัน่าจะไม่มีแล้ว อีกทั้งท่านได้รับพิษผ่านการััถ้วยชา ข้าจึงคิดว่าท่านอาจไม่มีอาการร้ายแรงเหมือนข้า เมื่อย้อนคิด คราที่แล้วข้าััผงคันจำนวนมาก ทว่าตอนนี้ััน้อยกว่า หนึ่งวันก็น่าจะดีขึ้น”
หยางมามากัดฟันไม่พูดไม่จาราวกับกำลังอดกลั้นความโกรธไว้ เหอตังกุยมองนางด้วยความเป็ห่วงพลางเอ่ยถาม “มามา ท่านหิวหรือยัง? ข้าจะให้ฉานอีพาท่านไปกินข้าว หากท่านใช้ตะเกียบไม่สะดวกก็ให้นางป้อนท่านได้เ้าค่ะ ฉานอีมีน้ำใจ วันนี้ให้นางอยู่รับใช้ท่านที่เรือนฝั่งเหนือก็แล้วกัน”
หยางมามาที่กัดฟันไม่ปริปากอยู่นาน ในที่สุดก็เอ่ย “แต่ไหนแต่ไรมาเหล่าหนูไม่เคยด่าว่าเ้านาย แต่คุณหนูสี่ทำเกินไปจริง ๆ นางเพิ่งอายุเก้าขวบแต่กลับใช้ยาเตียวซานเย่าเป็เสียแล้ว ทั้งยังใช้กับญาติพี่น้องของตนอีก ช่างเกินไปเสียจริง หากไม่เตือนเหล่าไท่ไท่ให้อบรมสั่งสอนนางให้ดีเสียั้แ่ตอนนี้ ต่อไปนางอาจใช้สารหนูหรือสารพิษหัวนกกระเรียนแดงได้สักวัน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้