เมื่อมีฉินอวี่อยู่ด้วย หวังจงและหลิวเจ๋อก็โล่งใจขึ้นมาก พวกเขากลับไปขุดหลุมฝังศพตามปกติ และความเร็วในการขุดก็ช้าลง หลิวเจ๋อเป็คนตรงไปตรงมา นึกอะไรขึ้นได้เขาก็ถามไปทั้งหมด
“พี่หลี่ เ้าเปิดใช้รอยผนึกฝ่ามือแล้วทำไมจึงมาอยู่ที่นี่ ใช้ชีวิตระดับต่ำเช่นนี้เล่า? เ้าไปล่วงเกินใครมาหรือ?” หลังจากหลิวเจ๋อนำดินออกมาแล้วก็ถามขึ้นทันที
“พูดตามตรงนะ ตอนข้ามาที่นี่ข้าอยู่ในสภาพที่เกือบตาย เมื่อฟื้นขึ้นมา ความทรงจำก็ปนกันยุ่งเหยิงไปหมด เพียงแต่ ข้าจำได้ว่าข้าไปทำอะไรใครสักคนหนึ่ง หรือพูดได้ว่า การเปิดรอยผนึกฝ่ามือไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย คนเปิดรอยผนึกฝ่ามือมีตั้งมากมาย แต่หากเหนือขึ้นไปไม่มีผู้ใดก็ไม่มีประโยชน์?” ฉินอวี่กล่าวอย่างเรียบเฉย และส่งสายตากลับไปยังใบหน้าของทั้งสองคนอีกครั้ง
ทั้งสองคนต่างมีความรู้สึกเช่นเดียวกันต่อคำพูดของฉินอวี่ และหวังจงก็พูดออกไปอย่างปลงใจ “พี่หลี่พูดถูก หากมีใครเหนือขึ้นไป พวกเราคงไม่ถูกส่งตัวมาที่นี่ และไม่รู้ว่าจะต้องอยู่เดียวดายไปถึงเมื่อไร โชคดีที่พี่หลี่มาที่นี่ ไม่เช่นนั้น คงมีหวังต้องแก่ตายอยู่ที่นี่เป็แน่”
“พวกเ้าเป็คนที่ไหนกัน? ทำไมจึงมาอยู่ที่นี่?” ฉินอวี่เอ่ยปากถามพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย
“พวกเราล้วนเป็คนของเมืองจุ้ยโหมว เฮ้อ เป็เพราะไม่มีทรัพยากรในการฝึกฝน จึงต้องกลายมาเป็คนขุดหลุมศพ” หลิวเจ๋อถอนหายใจ
“ในตอนนั้นที่ต้าโหมวเทียนขาดแคลนทรัพยากรฝึกฝน อีกทั้งความถนัดของพวกข้าก็ไม่โดดเด่น จึงได้แต่ทำงานหยาบๆ เท่านั้น” หวังจงตอบอีกครั้ง
“อย่าเพิ่งโกรธไปเลย รอให้ระดับฝึกฝนเพิ่มขึ้น เดี๋ยวก็มีพื้นที่ให้ได้ออกหน้าเอง” ฉินอวี่ปลอบทั้งสองคน สิ่งที่สงสัยอยู่ในใจคือ ต้าโหมวเทียนคือชื่อของเหวลึกแห่งนี้หรือ? และเหวลึกแห่งนี้มีขนาดใหญ่ขนาดไหนกัน ถึงต้องถูกแบ่งออกเป็เขตเช่นนี้
“คงเหลือแต่ให้เป็เช่นนี้แล้วล่ะ รอให้ระดับการฝึกฝนของข้าถึงขั้นกุมารทิพย์ ข้าจะไปยังสนามรบปรโลก เพื่อจะลองดูว่าข้าจะสามารถสายเืของเผ่าประหลาดที่อยู่ในร่างกายได้หรือไม่ หากสามารถได้มันมา ข้าก็จะได้ไปแดนโหมวโต้ว จะได้ลองดูให้รู้กันว่าข้าจะสามารถเป็หนึ่งในสิบสองอสูรธรณีได้หรือไม่” หวังจงกัดฟันและพูดอย่างหนักแน่น
“อสูรธรณี... หาก้าเป็อสูรธรณีอย่างน้อยที่สุดก็มีโอกาสหนึ่งในหมื่น ทั้งชีวิตข้าก็เป็ได้แค่อสูรอารักขาทั่วไป ก็จะได้ไม่ต้องกังวลเื่ทรัพยากรของการฝึกฝน” หลิวเจ๋อขุดดินอย่างดุเดือด บ้วนน้ำลายลงพื้นและพูดอย่างหนักแน่น
ฉินอวี่หรี่ตาลง รู้สึกดีใจอยู่ในใจ ได้สายเืจากร่างของเผ่าประหลาด? หรือว่า เผ่าประหลาดที่เขาพูดถึงจะเป็เผ่าหยาจื้อ? ฉินอวี่จำได้ว่าผู้นำเผ่าหยาจื้อส่งตัวอันดับหนึ่งไปยังสนามรบปรโลก และฉินอวี่ก็พูดขึ้นทันที “จะสามารถได้รับสายเืของเผ่าประหลาดจากในสนามรบปรโลกได้จริงหรือ? ข้าได้ยินมาว่า เผ่าประหลาดนั่นแข็งแกร่งมากเลยทีเดียว ดูเหมือนจะเป็พวกเผ่าหยาจื้อ สายเืพวกนั้นเอามาได้ยากมากเลยทีเดียว”
“ใช่ ยากมากๆ แต่ก็มีคนเคยทำได้มาแล้ว ได้ยินมาว่าในครั้งนี้มีคนหนึ่งในเจ็ดสิบสองอสูรธรณีที่กระตุ้นสายเืประหลาดนี้ขึ้นมาได้แล้ว พละกำลังแข็งแรงจนไม่อาจมีใครเทียบได้ ได้ยินมาว่ามีโอกาสได้กลายเป็หนึ่งในสามสิบหกขุนพล์เลยทีเดียว” หวังจงถอนหายใจ ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวัง
ฉินอวี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้กระตุ้นสายเืของหยาจื้อและเสวียนอู่ แต่เขาก็มีพลังปราณของหยาจื้อและเสวียนอู่อยู่กับตัว เดิมทีก็กลัวว่าตัวตนของตนเองจะถูกเปิดเผย แต่เมื่อดูจากตอนนี้แล้วก็รู้ว่าตนเองอาจคิดมากเกินไป
สามสิบหกขุนพล์ เจ็ดสิบสองอสูรธรณี?
ดูเหมือนว่าเหวลึกแห่งนี้จะมีความซับซ้อนมากกว่าที่คิดไว้ หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ฉินอวี่ก็พูดต่อไป “จริงสิ พวกเ้าเปิดรอยผนึกอะไรกันมาหรือ?”
“รอยผนึกตันเถียน ข้าเปิดได้เท่านี้ก็ดีมากแล้วล่ะ” หลิวเจ๋อมองฉินอวี่อย่างอิจฉาในความสามารถ
“ข้าไปล่วงเกินคนคนหนึ่งมา ต่อให้เปิดผนึกฝ่ามือแล้วจะอย่างไร?” ฉินอวี่ถอนหายใจเล็กน้อย แต่กำลังใช้ความคิดเื่เหล่านี้ ตามที่อันดับสองเคยบอกไว้ คนของฝ่ายต้าโหมวจะมีรอยฝ่ามืออยู่กลางระหว่างคิ้ว แต่หวังจงกับหลิวเจ๋อกลับไม่มี หรือว่า รอยฝ่ามือของพวกเขาจะอยู่ที่หน้าอก? และพวกที่มีรอยผนึกฝ่ามืออยู่ระหว่างคิ้ว คือคนที่เปิดจุดผนึกทะเลทุกข์หรือ?
ต้องเป็เช่นนี้แน่นอน
จากนั้น ฉินอวี่ก็ชวนพวกเขาคุยเื่เกี่ยวกับเหวลึกแห่งนี้อีกเล็กน้อย
แม้ว่าทั้งสองคนจะรู้อะไรไม่มากนัก แต่ทั้งคู่ก็รู้เื่โดยทั่วไปของเหวลึกเป็อย่างดี และหลิวเจ๋อก็เป็คนที่มักพูดทุกอย่างที่รู้ และค่อยๆ เปิดเผยความลึกลับของเหวลึกให้ฉินอวี่ได้รับรู้
หากเทียบกับเผ่าหยาจื้อ เหวลึกแห่งนี้เป็เหมือนโลกอีกใบหนึ่ง แผ่นดินถูกแบ่งออกเป็เก้าดินแดน สิบสองเขต และในตอนนี้ฉินอวี่อยู่ในเขตที่เรียกว่าเขตจุ้ยโหมว ซึ่งเป็เขตที่อยู่ใกล้เผ่าหยาจื้อมากที่สุด
จากที่ฟังทั้งสองคนพูดมานั้น การให้ผู้ที่เหมาะสมเป็คนจำกัดความเหวลึกแห่งนี้นับเป็เื่ที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ในเหวลึก คนที่ไม่มีการเปิดรอยผนึกล้วนต้องตาย หรืออาจพูดได้ว่า ผู้เปิดรอยผนึกตันเถียนขึ้นไปถึงจะมีคุณสมบัติพอที่จะมีชีวิตรอด แต่รอยผนึกตันเถียนนับว่าเป็ผนึกระดับชั้นที่ต่ำที่สุด เหนือกว่านั้นคือรอยผนึกฝ่ามือ รอยผนึกทะเลทุกข์ และรอยผนึกะ
สิ่งที่แตกต่างไปจากผนึกฝ่ามือและผนึกทะเลทุกข์ก็คือ ผนึกะนี้มีความพิเศษที่สุด แต่ก็ไม่อาจพูดได้ว่าแข็งแกร่งกว่าผนึกฝ่ามือและผนึกทะเลทุกข์ แต่อย่างไรก็ตาม หากทำการเปิดผนึกะก็จะสามารถสร้างพยนต์มรณะขึ้นมาได้ แต่ผู้ที่เปิดผนึกะทุกคนล้วนแต่ต้องกลายเป็ผู้บ่มเพาะอย่างหนักในเหวลึก
แม้ว่าจะเปิดผนึกระดับต่ำสุดอย่างผนึกตันเถียน ก็ยากที่จะอยู่รอดในเหวลึก หากไม่มีทรัพยากรฝึกฝน ผู้เปิดผนึกตันเถียนแทบทุกคนต่างต้องไปยังชั้นลึกที่สุดของเหวลึกเพื่อทำงานบางอย่างเลี้ยงชีพ อาศัยความเหนื่อยยากแลกกับทรัพยากรฝึกฝน
แน่นอนว่าไม่ได้หมายความว่าผู้เปิดผนึกตันเถียนจะถูกกำหนดให้อยู่ล่างสุด พวกเขาสามารถขยับขั้นขึ้นมาได้ตามพละกำลังและความสามารถของแต่ละคน
เพื่อเป็การกระตุ้นผู้ฝึกตนทุกคน เหวลึกจึงต้องควบคุมทรัพยากรฝึกฝนอย่างเคร่งครัด หาก้าทรัพยากรฝึกฝน ก็จะต้องเข้าร่วมการทดสอบที่เข้มงวดมาก เพื่อให้ได้เป็อสูรอารักขา
ระดับขั้นในเหวลึกแบ่งได้ดังนี้ อสูรอารักขา อสูรธรณีอารักขา เจ็ดสิบสองอสูรธรณี อสูร์อารักขา สามสิบหกขุนพล์ โห่วเหย่ หวัง จวิน และตี้
“พวกเ้าบอกว่าร่างนี้คือร่างของโห่วเหย่หรือ?” ฉินอวี่มองไปยังร่างไร้ศีรษะทางด้านข้าง และพูดอย่างแปลกใจ
“ใช่แล้วล่ะ เหมือนจะได้ยินมาว่าชื่อวั่งเทียนโห่วอะไรนี่ล่ะ อยากจะก้าวไปอีกขั้น แต่กลับพ่ายแพ้ให้จ้านหวังที่หนุ่มที่สุดในการประลองยุทธ์ ถูกหมัดของจ้านหวังะเิศีรษะ ช่างน่าเสียดาย กว่าจะได้เป็โห่วเหย่ก็ยากแสนยาก แต่สุดท้ายก็ถูกฝังอยู่ที่นี่ สู้อยู่เป็โห่วเยว่ของเขาให้สบายไม่ดีกว่าหรือ?” หลิวเจ๋อพูดตามความรู้สึก โห่วเหย่ ระดับเช่นนั้น เป็สิ่งที่เขาไม่อาจจะคิดถึงเลย
ฉินอวี่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป รอให้หลิวเจ๋อได้เป็โห่วเหย่เสียก่อน ถึงตอนนั้นคงไม่คิดเช่นนี้
ฉินอวี่พิจารณาดูซากศพนี้ และแอบตกตะลึงอยู่ในใจ แม้วั่งเทียนโห่วผู้นี้จะตายในา แต่ในร่างกายยังเต็มไปด้วยััแห่งเต๋า เห็นได้ชัดว่าตอนมีชีวิตอยู่เขาเป็ผู้แข็งแกร่งระดับเขตแดนเต๋า นี่ยังเป็เพียงแค่โห่วเหย่ แล้วหากเป็ระดับสูงขึ้นอย่าง หวัง จวิน ตี้ จะมีความแข็งแกร่งถึงเพียงไหน?
พลังอำนาจอันแข็งแกร่งส่วนที่เหลือของจอมอสูรนี้มีความแข็งแกร่งกว่าเผ่าหยาจื้อมากยิ่งนัก!
หากไม่ใช่เพราะเคยเผชิญมาด้วยตนเอง ฉินอวี่ก็คงก็คงยากจะจินตนาการได้ถึงแดนขัดเกลาของสำนักยุทธ์ว่านจ้ง มันครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง มีผู้ทรงกำลังอันแข็งแกร่งถึงสองส่วน ซึ่งแม้เป็หนึ่งในนั้นก็สามารถก่อกวนได้ทั้งแดนคุ่นหลงซิงเฉิน
“เอ๊ะ แล้วทำไมหลุมศพถึงถูกขุดเช่นนี้?” ขณะฉินอวี่กำลังครุ่นคิด เขาก็เหลือบมองไปยังหลุมศพอย่างไม่ตั้งใจ เขารู้สึกแปลกใจที่เห็นหลุมฝังศพดูแปลกไปเล็กน้อย หากดูจาก้าก็เหมือนเป็ผนึกฝ่ามือ ซึ่งก่อนหน้านี้ที่สุสานร้างเขายังไม่ได้ใส่ใจมัน
“เหอะๆ เื่นี้เ้าคงไม่รู้สินะ? หลุมผนึกสะสม เมื่อนำศพฝังที่นี่แล้ว พลังผนึกในร่างของพวกเขาจะไม่สูญสลายไปไหน และเมื่อถึงเวลาขุดค้น สามปีจากนั้น ก็จะสามารถนำขึ้นมาปรับแต่งเป็พยนต์มรณะได้โดยยังไม่สูญเสียพลังไปมากนัก” หลิวเจ๋อพูดอธิบาย
ฉินอวี่จดจำลักษณะของหลุมฝังศพเหล่านี้ไว้โดยละเอียด
หลังจากทั้งสองคนฝังศพของโห่วเหย่ทั้งสองเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามคนก็ออกไปจากสุสานร้าง
“อย่างข้าที่เข้าสู่ขั้นกุมารทิพย์แล้ว จะต้องฝึกฝนผนึกฝ่ามืออย่างไรอีก?” ฉินอวี่เดินไปถามไป ในเมื่อได้มาถึงเหวลึกแล้ว เขาก็้าทำความเข้าใจกับวิชาลับของผนึกฝ่ามือเอาไว้บ้าง หากสามารถฝึกฝนผนึกฝ่ามือนี้ได้ นั่นนับเป็เื่ที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
“พวกเราก็มีเพียงวิชาฝึกฝนของผนึกตันเถียนระดับต้นเท่านั้น หาก้าจะฝึกในระดับที่สูงขึ้นไป ก็จะต้องได้เป็อสูรอารักขาเสียก่อน มีเพียงอสูรอารักขาเท่านั้นที่จะมีวิธีการฝึกฝนหลังจากนั้นได้” หวังจงพูดพลางถอนหายใจ ในแดนต้าโหมวเทียน แม้ว่าจะไม่มีข้อจำกัดอะไรมากนัก แต่หาก้าจะได้อะไร ก็จำเป็ต้องเป็อสูรอารักขาเสียก่อน และต้องเป็อสูรอารักขาเท่านั้นจึงจะมีทรัพยากรฝึกฝนและสามารถฝึกฝนกลวิชาต่างๆ ได้
ฉินอวี่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรมากมาย ส่วนที่เหลือของจอมอสูรคงพยายามที่จะออกไปจากที่นี่มาโดยตลอด และที่นี่ก็มีทรัพยากรฝึกฝนที่จำกัด หาก้ามีทรัพยากรฝึกฝนก็จำเป็ต้องพิสูจน์ตนเอง
ส่วนที่เหลือของจอมอสูร จำเป็ต้องเป็ผู้แข็งแกร่ง มิใช่ผู้อ่อนแอ
“ที่แห่งนี้คือที่พำนักของพวกข้า ปกติแล้วก็ไม่มีใครอื่น เมื่อรวมกับคุณปู่เฝ้าสุสานแล้ว รวมทั้งหมดก็มีกันอยู่ห้าคน เดิมทีมีทั้งหมดเจ็ดคน แต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อครึ่งเดือนก่อนนี้ พวกเขาเพิ่งถูกผู้เฒ่าร้องไห้จับตัวไป” หลิวเจ๋อเดินไปพูดไป
ทันทีที่ถึงบริเวณรอบนอกของสุสานร้าง ฉินอวี่เงยหน้ามองตรงไปเบื้องหน้า ก็พบกับคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเหาะเข้ามาจากระยะไกลสุดสายตา
“ช่างเป็กองกำลังที่ยิ่งใหญ่... กองกำลังของต้าหลัวเต้าจวินเป็ไปได้อย่างไรกัน ไป ไปเร็วเข้า!” หวังจงพูดอย่างประหลาดใจ จากนั้นจึงเหาะขึ้นไปในอากาศ
“มานี่เร็ว!” เสียงอันดังกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน
พวกฉินอวี่ทั้งสามคนจึงรีบเหาะตรงไปด้านหน้า
“ข้า้าหลุมวัฏสงสารหกวิถีที่ดีที่สุด หากมีอะไรผิดไปแม้แต่น้อย ระวังชีวิตอันไร้ค่าของพวกเ้าไว้เถอะ!” หญิงสาวงดงามในชุดคลุมดำอุ้มร่างอันโชกไปด้วยเืของชายคนหนึ่งเดินเข้ามา และพูดด้วยน้ำเสียงที่คมชัดและแหบแห้ง
นี่คือหญิงสาวที่สวยงามอย่างยิ่ง กระโปรงสีดำเบาบางปกคลุมร่างกายที่งดงามได้สัดส่วน ทำให้ผู้คนต่างตื่นเต้นด้วยความหลงใหล สะกดจิตใจจนสั่นไหว แต่ใบหน้าของนางกลับมีรอยาแที่ดูน่ากลัวอยู่รอยหนึ่ง จนทำลายรูปลักษณ์อันงดงามหมดลงไปทันที
หวังจงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเหมือนจะคาดเดาสถานะของหญิงสาวคนนี้ได้ ในใจก็เกรงกลัวขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบพยักหน้า
“เหล่าทหารจงฟังคำสั่ง ต่อให้ต้องขุดแดนต้าโหมวเทียนลงไป ก็ต้องหาคนนอกผู้นั้นมาให้ได้ เป็ต้องพบตัว ตายต้องเห็นศพ!” หญิงสาวชุดดำตวาดกร้าว ส่งผลให้แผลเป็บนใบหน้าด้านขวาของนางดูน่ากลัวยิ่งขึ้น เผยให้เห็นความอาฆาตและพยาบาทที่รุนแรง
ฉินอวี่ใขึ้นทันที คนนอกหรือ?
หรือจะเป็หยางเต้า?
ไม่สิ แม้คนผู้นี้จะตายแล้ว แต่ดูจากพลังปราณที่เหลืออยู่ เขาน่าจะไม่ใช่คนที่หยางเต้าจะเอาชนะได้ แม้ว่าคนผู้นี้จะไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งขั้นเขตแดนเต๋าแต่อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะอยู่ในขั้นทลายวิถี
หากไม่ใช่หยางเต้า
แล้วจะเป็ใครได้อีก?
