เพราะนักฆ่ายอมสารภาพ ท่านเ้าอำเภอจึงให้คนนำตัวเขาออกมาจากทางลับ
หลังจากที่ปล่อยทิ้งไว้หลายวัน าแบนตัวของนักฆ่าก็เน่าเปื่อยจนมองสภาพเดิมไม่ออก รอบๆ าแมีรอยย่นของิั ผิวบวมแดงเป็จุดใหญ่ มีแมลงวันบินตอมอยู่ตลอดเวลา
ในตอนที่เวินซีมาถึงอำเภอ หมอกำลังช่วยรักษาาแให้เขา
ขณะนั้นยังมีกลิ่นเหม็นเน่าตลบอบอวลไปทั่ว
“คุณหนูเวินซีขอรับ” นักฆ่าเอ่ยปากอย่างนอบน้อม ท่าทีเปลี่ยนไปราวกับเป็คนละคน
“พูดมาเถิด จะสารภาพเช่นไร?” เวินซีมองดูเขาพลางเดินเข้าไปด้านใน หาที่นั่งแล้วนั่งลง
“ก่อนที่ข้าจะสารภาพ ได้โปรดช่วยข้าเื่หนึ่งได้หรือไม่”
“ช่วยหรือ? ว่ามาสิ จะให้ข้าช่วยอันใด”
“ข้ายังมีน้องสาวที่ยังอยู่ในวัยเยาว์คนหนึ่ง คุณหนูเวินซีได้โปรดช่วยปกป้องนางด้วย”
นักฆ่ารู้ดีว่าหลังจากที่สารภาพไปแล้วจะเกิดเื่อันใดขึ้น แต่เขาก็ไม่สามารถทนฝืนอยู่ในอุโมงค์ลับนั้นได้อีกต่อไป
บิดามารดาของเขาเสียชีวิตไปหลังจากที่ให้กำเนิดน้องสาว เขาจึงมีนางเป็ครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ที่เขามาเป็ทหารลับของหลานเยว่เฉิงก็เพื่อทำงานหาเงินให้นางได้มีชีวิตที่ดีขึ้น
หากเขาตายไป จะไม่มีผู้ใดดูแลนาง แต่หากเขายอมสารภาพ หลานเยว่เฉิงจะต้องลงมือกับนางเป็แน่ มิสู้ใช้โอกาสนี้หาคนมาปกป้องนางเสียจะดีกว่า
“ตอนนี้น้องสาวเ้าอยู่ที่ใด?” เวินซีเห็นว่าเขาขอให้ช่วยเื่นี้ ก็มิได้ปฏิเสธ
“น้องสาวข้าอยู่ในเมืองหลวง ข้าซื้อคนรับใช้ไว้ดูแลนางหนึ่งคน และส่งเงินกลับบ้านให้นางทุกเดือนเพื่อให้มีชีวิตที่ดี”
“คุณหนูเวินซี สารจากที่นี่จะไปถึงเมืองหลวงต้องใช้เวลาสี่วัน ข้าอยากให้หลังจากที่ข้าสารภาพแล้ว ท่านต้องหยุดสารของหลานเยว่เฉิงไว้ให้ได้ หรือพาน้องสาวของข้าหนีไปภายในสี่วัน”
“คุณหนูเวินซี หากท่านทำมิได้ หากข้าตายไปิญญาก็มิอาจจะสงบ”
“ข้ารับปากเ้า” เวินซีตอบตกลง
ถึงแม้ว่านางจะไม่คุ้นชินกับเมืองหลวง แต่นางมีจ้าวต้านที่เป็ถึงเทพแห่งา ย่อมมีเส้นสายในเมืองหลวงแน่
เมื่อเห็นว่านางรับปาก นักฆ่าก็สงบลงทันที เขามองไปที่หมอ พลันชักมือกลับ
“ท่านหมอมิต้องรักษาแล้วขอรับ”
“เหตุใดกัน? หากไม่รักษา าแจะติดเชื้อ เ้าอาจจะตายได้”
หมอมองดูเขาพลันลุกขึ้นยืน แล้วดึงมือออกมาเพื่อจะทำการรักษาต่อ
“คนที่เป็ลูกน้องของหลานเยว่เฉิง หากติดตามเขาแล้วจะต้องถูกพิษ และต้องใช้ยาถอนพิษทุกๆ เดือนถึงจะมีชีวิตต่อไปได้ แม้จะหลุดพ้นจากเงื้อมมือของเขา ข้าก็มิสามารถมีชีวิตต่อไปได้หรอก”
ในตอนที่นักฆ่ายอมสารภาพ เขาก็เตรียมใจตายไว้แล้ว แต่เมื่อคิดว่าได้ใช้ชีวิตของตนเพื่อแลกกับชีวิตของน้องสาว มันก็คุ้มค่า
“อีกนานเท่าไรกว่าพิษจะออกฤทธิ์?” เวินซีนั่งลงวัดชีพจรให้เขา
“อีกสามวันขอรับ”
“รักษาเถิด หากเ้าสารภาพแล้วยังมีชีวิตกลับมา ข้าจะช่วยเ้าถอนพิษ”
“คุณหนูเวินซี ข้าขอบพระคุณน้ำใจขอรับ แต่พิษนี้ไม่สามารถถอนได้ ก่อนหน้านี้มีคนเคยทดลองมาแล้ว ฝืนถอนพิษไปก็มีแต่จะทำให้มันออกฤทธิ์เร็วขึ้นขอรับ”
“ข้าบอกว่าถอนได้ก็ได้สิ”
เวินซีลุกขึ้นยืนส่งสายตาให้หมอ หมอจึงรีบรักษาเขาต่อทันที
นักฆ่ามองดูนางด้วยแววตาที่ไม่อยากเชื่อ
“เ้าชื่ออันใด?” นางเริ่มซักถาม
“เหล่าทหารของหลานเยว่เฉิงต่างใช้นามแฝง ข้ามีนามว่าสืออี คุณหนูเวินซีเรียกข้าว่าสืออีเถิดขอรับ หากคุณหนูเวินซีสามารถถอนพิษได้ สืออีจะติดตามท่านไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่”
สืออีตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากเตียง แล้วคุกเข่าลงกับพื้น
“เ้าติดตามหลานเยว่เฉิงมานานเท่าไร?”
“สี่ปีขอรับ”
“เ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าหลานเยว่เฉิงเป็คนเช่นไร?”
“หากคุณหนูเวินซีอยากรู้ สืออีจะไม่ปิดบังแม้แต่น้อยขอรับ” หมอพยุงสืออีให้ขึ้นไปบนเตียงอีกครา
เขารับการรักษาไปพลางตอบคำถามของเวินซี
“หลานเยว่เฉิงเป็บุตรบุญธรรมของท่านขันทีหลานซิวจื่อ ผู้คนในเมืองหลวงต่างเรียกเขาว่าคุณชายหลาน เขาเป็ราชเลขาของฮ่องเต้ เป็คนที่ระมัดระวังตัวมาก”
“เขามิให้ทหารลับติดต่อกัน นอกจากถ่ายทอดคำสั่งต่อกันแล้วหากพบว่าทหารลับมีการพบปะกันจะถูกสังหารทันที”
“ข้าติดตามเขามาสี่ปี ไม่เคยรู้ว่าจำนวนทหารลับที่เขามีอยู่นั้นมากน้อยเพียงใด ทุกครั้งที่ออกไปปฏิบัติภารกิจกับผู้อื่น ข้าไม่เคยได้รู้จักใครมาก่อน ทุกคนต่างก็ต้องรักษาชีวิตของตน”
“พูดได้ว่าเขาเป็คนที่ไม่มีจุดอ่อนเลย อีกทั้งยังจงรักภักดี นี่เป็เหตุผลที่ฮ่องเต้ทรงไว้วางพระทัยในตัวเขา”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เวินซีจึงรู้ถึงสาเหตุที่นักฆ่าพวกนั้นคอยจะฆ่านาง
เป็คนที่โเี้จริงๆ
ระหว่างที่พูดคุยกันก็มีคนรับใช้คนหนึ่งผลักประตูเข้ามา ทุกสายตาจึงจับจ้องไปทางนั้น เขาไม่กล้าเงยหน้าและคุกเข่าอยู่ที่พื้นหน้าประตูอย่างนอบน้อม
“ท่านเ้าอำเภอขอรับ ขบวนแห่ศพของตระกูลเวินกลับมาแล้วขอรับ ตอนนี้คนตระกูลเวินกำลังแจกโจ๊กอยู่ที่หน้าประตูขอรับ”
“ในเมื่อตระกูลเวินคึกคักเช่นนี้ คงไม่มีวันใดเหมาะสมเท่าวันนี้อีกแล้ว เราไปชี้ตัวคนร้ายกันเถิด”
เวินซีเอ่ยพลางแสยะยิ้ม จากนั้นลุกขึ้นเมื่อหมอจัดการปิดาแให้สืออีเสร็จเรียบร้อย
“ตามที่คุณหนูเวินซีจะปรารถนาขอรับ” สืออีลุกขึ้นมาจากเตียง
“ไปกันเถิด”
เวินซีก้าวเดินอย่างมั่นใจ มุ่งหน้าไปที่จวนตระกูลเวิน ในยามที่มีผู้คนมากมายเพียงนี้ นางอยากจะเห็นนักว่าพวกเขาจะแก้ตัวอย่างไร
ส่วนท่านเ้าอำเภอก็พาเ้าหน้าที่เดินตามไป
ขณะนั้นที่หน้าประตูตระกูลเวินมีการตักโจ๊กแจกจ่าย จึงมีคนอยู่กันคับคั่ง แม้เหล่าคนรับใช้จะพยายามรักษาความสงบเรียบร้อย แต่ก็ไม่เป็ผล
“คุณหนูเวินเยียนเ้าคะ ตักให้ข้าชามหนึ่งเถิด ข้ามิได้ทานข้าวมาสามวันแล้ว”
“คุณหนูเวินเยียน ทางนี้ๆ”
“คุณหนูเวินเยียน ขอบคุณขอรับ ท่านเป็คนจิตใจดีจริงๆ”
“ตระกูลเวินช่างประเสริฐยิ่งนัก”
......
กลุ่มคนที่แย่งกันเยอะที่สุดก็คือขอทานในเมือง ยามที่พวกเขาเอาตัวเข้ามาใกล้เพียงเล็กน้อยก็จะได้กลิ่นเหม็นสาบ เวินเยียนรู้สึกสะอิดสะเอียน แต่ก็ต้องยิ้มเข้าไว้แล้วตักโจ๊กแจกจ่ายให้
หากมิใช่เพราะต้องกอบกู้ชื่อเสียงของตระกูลเวิน นางไม่มีทางทำเื่เช่นนี้แน่
“เวินเยียน อดทนหน่อยนะลูก แค่แสร้งทำไปก่อนเท่านั้น อีกเดี๋ยวให้คนรับใช้มาทำให้” ฮูหยินใหญ่เวินรู้ว่าบุตรสาวคิดอันใดอยู่ จึงเอ่ยปากกระซิบปลอบนาง
“รู้แล้วเ้าค่ะ” เวินเยียนตอบกลับ นางหันไปมองหลานเยว่เฉิงที่ยืนอยู่หน้าประตูตระกูลเวินพลันส่งยิ้มให้บางๆ แล้วตักโจ๊กต่อไป
แต่ทันใดนั้นก็เริ่มมีความวุ่นวายเกิดขึ้นกับฝูงชนที่กำลังต่อแถวอยู่
“อันใดกัน?”
“ท่านเ้าอำเภอมาด้วยเหตุใด?”
“มารับโจ๊กหรือ?”
......
ในขณะที่ผู้คนพูดกันไปต่างๆ นานา เ้าหน้าที่ก็พากันล้อมรอบหน้าประตูจวนตระกูลเวิน
“นายท่านเวิน” ท่านเ้าอำเภอยืนอยู่ตรงหน้ากลุ่มคน ส่งยิ้มทำความเคารพเวินอวิ๋นโป
“มิทราบว่าท่านเ้าอำเภอหมายความเช่นไรขอรับ? ข้าจำได้ว่าตระกูลเวินมิได้ทำอันใดผิดนี่ วันนี้เป็วันฝังศพของอวี่ชาง หากทำเื่วุ่นวายเช่นนี้ เกรงว่าเขาจะจากไปไม่สงบนะขอรับ”
เวินอวิ๋นโปจงใจเอ่ยถึงโจวอวี่ชางเพื่อใช้เป็ข้ออ้างไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามายุ่งวุ่นวาย
“นั่นน่ะสิ ท่านเ้าอำเภอหมายความเช่นไร?”
“ท่านเ้าอำเภอ คุณชายโจวมิเคยล่วงเกินอันใดท่านนี่”
“ท่านเ้าอำเภอ เห็นแก่คุณชายโจว ไว้ค่อยมาวันหลังเถิด”
......
ขณะนั้นผู้คนที่ได้รับโจ๊กเมื่อครู่ เมื่อได้ยินคำพูดของเวินอวิ๋นโปก็เกิดความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
พวกเขาได้รับความเมตตาจากโจวอวี่ชาง ไฉนเลยจะปล่อยให้คนอื่นมาทำลายวันฝังศพได้ เช่นนี้แล้วจะทำให้โจวอวี่ชางจากไปอย่างไม่สงบ
“ทุกท่านโปรดอยู่ในความสงบ ข้ามิได้อยากมาทำลายวันฝังของคุณชายโจว ที่ข้ามาวันนี้ ข้าก็ไม่มีทางเลือก เพราะมันเป็เื่ที่หนักหนาพอสมควร”
ท่านเ้าอำเภอยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้ประชาชนเงียบเสียงลง
“มิทราบว่าที่ท่านเ้าอำเภอกล่าวว่าเป็เื่ที่หนักหนานั้น ท่านหมายความเช่นไร? หากเป็เพียงเื่เล็กน้อย วันนี้ท่านเ้าอำเภอจะต้องขอขมาต่อหน้าดวงิญญาของอวี่ชางนะขอรับ”
ยามนี้เวินอวิ๋นโปมีประชาชนคอยสนับสนุนอยู่ จึงมีความมั่นใจมากขึ้น
“แน่นอนอยู่แล้วขอรับ ในเมื่อเป็เช่นนี้ เข้ามา นำเขาเข้ามา”