ในฐานะที่เป็คนชอบโอ้อวด ซุนเฟยจะชอบมากหากได้รับความเลื่อมใสจากสาวงามอย่างชาร์ซีคนนี้ ดังนั้น เมื่อเขาเห็นช่างตีเหล็กสาวชาร์ซีแสดงท่าทางตื่นตะลึง ในตอนนั้นก็พลันรู้สึกว่าตัวเองช่างเป็คนฟุ่มเฟือยจริงๆ แต่เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้รับของตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุด
ดังนั้นเขาจึงแสดงท่าทางดีใจอย่างไม่ปิดบัง
“ฮึๆ ฮ่าๆ ใช่แล้ว เอาไปฝึกฝีมือ เ้าไม่ต้องกดดันจิตใจตัวเองนะ มันไม่สำคัญหรอกถ้าเ้าจะเสียมันไปทั้งหมด เพราะข้ารวบรวมอัญมณีพวกนี้ได้อีกจำนวนมาก ฮ่าๆๆ เ้าแค่พยายามออกเรี่ยวแรงทั้งหมดในการควบคุมค้อนเวทมนตร์นี้ และเพิ่มเทคนิคการตีเหล็กให้เข้ารูปก็พอ...ฮึๆ ข้ายังรอปรมาจารย์ช่างตีเหล็กเข้ารูปชาร์ซีมาสร้างไอเทมเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดให้แก่ข้าอยู่นา”
“นี่...เอาล่ะ นายท่านซุนเฟย ข้า...ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี...ข้าขอบใจท่านมาก...หลังจากนี้...หากต้องซ่อมแซมหรือสร้างไอเทมเพื่อท่าน ข้าชาร์ซีจะไม่รับเหรียญทองจากท่านเลยสักเหรียญเดียว” วินาทีนี้ ช่างตีเหล็กสาวแสนสวยชาร์ซีถูกความใจกว้างไม่เห็นแก่ตัวของซุนเฟยทำเอาซาบซึ้งใจอย่างมาก นางพูดตะกุกตะกักเล็กน้อยขณะที่ขอบคุณเขา “นายท่านที่ผู้ยิ่งใหญ่ ไอเทมหรืออาวุธชิ้นใดของข้าที่นี่ ท่านสามารถเลือกหยิบมันไปได้ตามใจเลย”
ซุนเฟยดีใจมาก
พูดกันตามตรง หลังจากที่เขาได้เข้าสู่ ‘ลุกค์ โกลไลน์’ แผนที่ที่สองของโลก Diablo ไอเทมของชาร์ซีที่อยู่ที่นี่ สำหรับซุนเฟยมันเก่าแล้ว ดังนั้นความเกรงใจอะไรนั่นของชาร์ซีมันไม่จำเป็ ในความเป็จริง ซุนเฟยก็แค่เอาใจใส่ชาร์ซีเท่านั้น หรือจะพูดให้ถูกหน่อยก็คือเอาใจใส่ในฐานะช่างตีเหล็กชาร์ซี
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำก่อนหน้านี้ก็เพื่อเอาชนะใจมิตรภาพของช่างตีเหล็กสาวสวยชาร์ซี หากนางกลายเป็ช่างตีเหล็กที่สามารถสร้างไอเทมเวทมนตร์ได้ ไม่ว่าจะเป็โลก Diablo หรือเมืองแซมบอร์ดของแผ่นดินอาเซรอทก็ไม่อาจละเลยนางได้ แม้ว่าตอนนี้ชาร์ซีอาจเป็เพียงช่างตีเหล็กธรรมดาๆ แต่หากนางสามารถควบคุมค้อนเวทมนตร์ได้ พร์ของนางก็จะสูงขึ้น อนาคตจะพัฒนาได้อย่างไม่มีขีดจำกัดและยิ่งมีการสนับสนุนของซุนเฟยแล้ว ความก้าวหน้าของอาชีพในอนาคตจากช่างตีเหล็กธรรมดาๆ ของชาร์ซีจะเลื่อนเป็ ‘ปรมาจารย์ช่างตีเหล็กเข้ารูป’ ก็ไม่ใช่เื่ที่เป็ไปไม่ได้ ด้วยวิธีนี้ นางจะมีบทบาทสำคัญมากสำหรับแผนในอนาคตของซุนเฟย
นี่เป็การลงทุนในอนาคต
เกล็ดอัญมณีในโลก Diablo เป็ของล้ำค่าที่สุด เป็สมบัติล้ำค่าในตำนาน แต่สำหรับแผ่นดินอาเซรอทมันไม่ใช่สิ่งที่หาได้ยาก ไม่อย่างนั้นแมซโซลาและลูเซียโนที่เป็แค่นักบวชและอัศวินพลังระดับสามดาวจะได้หีบเหล็กกล่องใหญ่ขนาดนี้มาหรือ
ทั้งสองคนต่างยิ้มและหัวเราะขณะสนทนากัน ทหารรับจ้างสาวเอเลน่าที่จัดเตรียมข้าวของสำหรับเดินทางเสร็จแล้วก็เดินมาหาซุนเฟยพร้อมโบกมือมาแต่ไกลๆ เวลาของซุนเฟยเริ่มกระชั้นชิดเข้ามาแล้ว จึงกล่าวลากับช่างตีเหล็กสาวสวยชาร์ซีแล้วหันหลังเดินจากไป
แต่เมื่อเขาเดินมาหยุดตรงหน้าเอเลน่าก็ต้องใอย่างมาก
ทหารรับจ้างสาวนอกจากจะจัดเตรียมไอเทมและชุดเกราะแล้ว นางยังพกกระเป๋าเล็กใหญ่ที่ใส่ของอย่างอื่นอีกมากมาย มีทั้งหม้อสีดำสำหรับทำอาหาร โครงเหล็กที่ดูประณีต ฟืน เนื้อสัตว์กับผัก และยังมีผ้าน้ำมันหนาผืนใหญ่หลายผืนสำหรับกางเต็นท์พร้อมทั้งเสาเต็นท์และเพื่อความสะดวกในการพกพา เอเลน่าใส่ของลงเกวียนไม้ที่มีวัวนมสีขาวลายสีเหลืองที่เป็วัวสำหรับผลิตนมของ ‘ค่ายโร้ก’ มาลากเกวียน
เหล่าโร้กสาวน่ารักนับสิบกว่าคนต่างพากันล้อมรอบเกวียน น้ำตาอาบหน้าขณะที่ยืนข้างๆ เอเลน่า และกำลังร่ำลาเอเลน่าด้วยท่าทางไม่เต็มใจ
“เอ๊ะ...พวกเ้าทำอะไรกัน?” ซุนเฟยพลันทำหน้างงๆ ไปชั่วครู่
“ของพวกนี้เป็ของใช้จำเป็สำหรับการเดินทางไป ‘ลุกค์ โกลไลน์’ ...” มีโร้กสาวน่ารักผมสั้นมองซุนเฟยเหมือนถามอะไรปัญญาอ่อนแล้วพูดอย่างมีเหตุมีผลว่า “ตลอดการเดินทางจะต้องข้ามูเาใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน แล้วไหนจะต้องข้ามทะเลทรายแห่งความตายอีกซึ่งมันอันตรายมาก การเดินทางตั้งสองพันกว่าลี้ เกรงว่าพวกเ้าคงต้องเดินทางตั้งสองสามเดือนกว่าจะถึง เพราะฉะนั้นในด้านเสบียงอาหารพวกเ้าจะต้องไม่ประมาท”
“ใช่แล้ว นายท่านซุนเฟย ท่านต้องดูแลพี่เอเลน่าให้ดีๆ นะ...”พวกโร้กสาวต่างกำชับอย่างเป็กังวล “แน่นอนว่า นายท่านก็ต้องระวังตัวเช่นกัน ได้ยินว่า DIABLO ปิดกั้นเส้นทางบนูเา ตลอดการเดินทางคงอันตรายมากๆ น่าจะมีมอนสเตอร์และปีศาจนับไม่ถ้วนยึดครองพื้นที่อยู่แน่ๆ!”
ซุนเฟย “...”
เขาไม่มีเวลาอธิบายมาก ได้แต่ดึงแขนของเอเลน่า ไม่สนใจเสียงโห่ร้องและปรบมือของเหล่าโร้กสาวคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่บริเวณรอบๆและมีสีหน้าตื่นใอยู่ด้านหลัง เขาวิ่งมาที่ท่าเรือของวอร์ริฟแล้วเลือก ‘ไปทางทิศตะวันออก’ จากนั้นก็ ‘ตกลง’ ชั่วพริบตาทั้งสองคนและวอร์ริฟก็หายไปจากสายตาของทุกคน
พวกโร้กสาวคนอื่นๆ ต่างอ้าปากค้าง
“หลังจากสังหารแอนเดเรียแล้ว วอร์ริฟคนที่ไร้ประโยชน์ที่สุดในค่ายก็มีพลังแบบนี้...โอ้พระเ้า ไม่รู้ว่าพวกเราสามารถไป ‘ลุกค์ โกลไลน์’ ผ่านเขาได้ไหม?”
……
……
‘ลุกค์ โกลไลน์’
เอเลน่ากวาดสายตามองเมืองในตำนานของแผ่นดินโร้กอย่างตื่นตาตื่นใจ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยคือเมือง ‘ไข่มุกแห่งทะเลทราย’ ไม่ได้คึกคักและเจริญรุ่งเรืองตามที่นักพเนจรบอก กลับกันยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่เงียบเหงา สายลมพัดหอบทะเลทรายสีเหลืองปลิดปลิวไปทั่ว ถนนที่หรูหราโอ่อ่าไม่อาจปกปิดความยุ่งเหยิงได้ ผู้คนในเมืองมีไม่มาก บางครั้งก็เห็นผู้คนที่เดินผ่านไปเต็มไปด้วยสีหน้าหมองคล้ำ ไม่มีชีวิตชีวา เทียบไม่ได้กับ ‘ค่ายโร้ก’ เลย
แต่เวลาในโลก Diablo ของซุนเฟยมีจำกัด เขาจึงไม่มีเวลาให้เอเลน่าได้ชื่นชม ‘ไข่มุกแห่งทะเลทราย’ เขาพาเอเลน่าออกจากเมือง เข้าสู่พื้นที่ทุรกันดาร เดินไปทางทิศเหนือผ่าน ‘ร็อคกี้ เวสต์’ ในที่สุดก็มาถึง ‘ห้องโถงแห่งความตาย’ ใน ‘เนินเขาแห้งแล้ง’ จากนั้นก็เริ่มล้างบางมอนสเตอร์
เควสครั้งนี้คือการตามหา ‘ลูกบาศก์ฮอราดริก’ ที่อยู่ในเขาวงกตใต้ดินของ ‘ห้องโถงแห่งความตาย’
กล่องลูกบาศก์อันน่าเหลือเชื่อนี้เป็สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำเควสอื่นๆ นอกจากนี้ สำหรับซุนเฟยแล้ว กล่องลูกบาศก์ยังมีประโยชน์สำคัญอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การผสานก้อนหินเวทมนตร์ระดับสูงของแผ่นดินอาเซรอท หรือการผสานไอเทมและวัสดุที่สำคัญอย่างอื่น
ทุกที่ในเขาวงกตใต้ดินของ ‘ห้องโถงแห่งความตาย’ เต็มไปด้วยมอนสเตอร์มากมายนับไม่ถ้วน
มอนสเตอร์ที่นี่ ไม่ว่าจะพลังการต่อสู้หรือพลังการป้องกันต่างมีระดับที่สูงกว่ามอนสเตอร์ที่อยู่ในแผ่นดินโร้ก และส่วนใหญ่ก็เป็มอนสเตอร์ใหม่ อย่าง ‘ดวงิญญาคืนชีพ’ ที่ดูเหมือนโครงกระดูก หรือไม่ก็ ‘ซอมบี้’ แต่หลังจากที่มันตาย ผิวเนื้อบางส่วนของมันก็จะะเิออกมากลายเป็พิษลอยคลุ้งบนอากาศ และ ‘มัมมี่’ ที่รูปร่างหน้าตาเหมือนมัมมี่ที่มีพลังฟื้นคืนชีพในตำนานของอียิปต์...
การล้างบางเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เวลานี้มีแต่เสียงกรีดร้องแสบแก้วหู เืที่กระเด็นไปทั่วและเศษซากเนื้อที่ปลิวว่อน น้ำยาและไอเทมที่ปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่องในขณะที่รุดหน้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ช้า เวลาจำกัดการเล่นสี่ชั่วโมงของซุนเฟยก็มาถึง ในที่สุดทั้งสองคนก็สังหารจนมาถึงชั้นที่สามของเขาวงกตใต้ดิน ซึ่งระยะทางระหว่างพวกเขากับบอสใหญ่ที่สุดอย่าง ‘บลัดวิช ไวน์ด‘ ที่เป็ผู้ดูแลเก็บรักษา ‘ลูกบาศก์ฮอราดริก’ อยู่ห่างไปเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น
ซุนเฟยคำนวณเวลาชั่วครู่ คาดว่าจะถูกบังคับให้ออกจากโลก Diablo ก่อนที่จะฆ่าบอส ดังนั้นจึงยอมลามือชั่วคราว เดินทะลุประตูมิติกลับมาที่ ‘ลุกค์ โกลไลน์’
เขามอบไอเทมบางอย่างที่ได้มาจากการล้างบางมอนสเตอร์ครั้งนี้แก่เอเลน่าให้นางจัดการ จากนั้นซุนเฟยก็หาสถานที่ลับตาคนแล้วทำการแลกเปลี่ยนน้ำยาบางอย่างกับเสียงเ็าลึกลับซึ่งเวลาก็หมดพอดี เขาเปิดประตูมิติเดินออกจากโลก Diablo
……
ห้องโถงราชวัง เมืองแซมบอร์ด
ซุนเฟยนั่งอยู่บนบัลลังก์พลางคิดทบทวนเกี่ยวกับแผนการเพิ่มพลังของตัวเอง
ภายในสี่ชั่วโมงเมื่อครู่ ตัวละครคนเถื่อนได้เลื่อนเลเวลเป็ 21 คะแนนทักษะ 1 แต้มของซุนเฟย เขาเลือกเพิ่มให้กับ ‘การเหวี่ยงสองมือ’ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้สูงขึ้น
ในระหว่างที่กำลังพิจารณา จิตใต้สำหนึกของซุนเฟยก็เริ่มคิดขึ้นได้ว่า หลังจากที่เลเวลถึง 20 ตัวละครค่าประสบการณ์ของตัวละครที่จำเป็ต้องใช้เลื่อนเลเวลก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการอัพเลเวลก็จะยิ่งช้าลง เมื่อก่อนเวลาแค่สี่ชั่วโมงก็สามารถอัพเลเวลได้ 2-3 เลเวล แต่ตอนนี้แค่สี่ชั่วโมงยังไม่สามารถอัพเลเวลได้เลยสักเลเวล เกรงว่าเมื่อเข้าสู่แผนที่ที่สูงกว่า ความเร็วในการอัพเลเวเลของเขาคงลดฮวบฮาบ และนั่นหมายความว่าการเพิ่มความแข็งแกร่งในโลกแห่งความจริงของซุนเฟยก็จะกลายเป็ช้าลง
“บางทีข้าควรจะเปลี่ยนแผน ชะลอการอัพเลเวลของตัวละครคนเถื่อนไปก่อน และเพิ่มความเร็วในการอัพเลเวลของอาชีพอื่นๆ อีกหกอาชีพ”
ความจริงแล้วในโลก Diablo ทุกอาชีพต่างมีลักษณะพิเศษ ทักษะเฉพาะมากมาย และมีข้อดีข้อเสียของตัวเอง ถ้าสามารถใช้นักรบเผ่าอเมซอน มือสังหาร เนโครแมนเซอร์ พาลาดิน จอมเวท และครูอิด ตัวละครทั้งหกตัวบนแผนที่ ‘ค่ายโร้ก‘ รวมทักษะเจ็ดอาชีพเข้าด้วยกัน ก็น่าจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าคนเถื่อน จุดนี้เห็นได้จากเกมคอมพิวเตอร์โลกเก่า ที่การจะสังหารบอสได้จำเป็ต้องมีกลุ่มผู้เล่นจำนวนมากหลากหลายอาชีพรวมมือกันถึงจะสามารถปราบมันได้สำเร็จ และตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการต่อสู้ก่อนหน้านี้ของเมืองแซมบอร์ด ในตอนนั้นที่ซุนเฟยกำลังต่อสู้อยู่บนสะพาน เขาได้ใช้ทักษะของจอมเวทและคนเถื่อนรวมกันก็สามารถสังหารนักดาบสามดาวแรนดุ๊กได้ในพริบตา ซึ่งนั้นเป็การอธิบายได้ดี
และซุนเฟยเดาว่าถ้าเขาเอาชนะแผนที่ ‘ค่ายโร้ก’ ได้ทั้งเจ็ดอาชีพ ไม่แน่ว่าเสียงเ็าลึกลับนั่นอาจมีรางวัลมากมายที่คุ้มค่ากับการรอคอยให้ก็ได้
แน่นอนว่า นอกจากนี้ซุนเฟยยังคิดถึงวิธีอื่นๆ ด้วย
สำหรับพวกตัวละครในโลก Diablo ความแข็งแกร่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับเลเวลสูงต่ำของตัวละคร คุณภาพของไอเทมก็เป็สิ่งสำคัญ ยิ่งไอเทมมีความแข็งแกร่งก็ยิ่งทำให้ความแข็งแกร่งของตัวละครสามารถเปลี่ยนเป็พลิกฟ้าคว่ำดินได้ง่ายๆ และใน ‘เกมแบบสแตนอโลน’ หากอยากได้ไอเทมดีๆ นอกจากการสังหารมอนสเตอร์แบบปกติ ก็ต้องซื้อไอเทมที่แข็งแกร่งจากร้านค้า NPC ซึ่งมันเป็ทางลัดที่ดีไปอีกแบบ
แต่ก็มีปัญหาขึ้น นั่นคือเขาจะหาเหรียญทองจำนวนมากมาจากไหน?
สุดท้ายซุนเฟยจึงเบนสายตาไปที่ ‘ลูกบาศก์ฮอราดริก’ และก้อนหินเวทมนตร์ ตอนนี้ซุนเฟยต้องเข้าใจเื่บางอย่างเสียก่อน จากนั้นจึงสามารถแน่ใจว่าความคิดของตัวเองนั้นทำได้หรือไม่ ถ้ามันเป็จริงตามที่เขาคิด ซุนเฟยอาจจะมีเงินนับไม่ถ้วนก็เป็ได้
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้