ทะลุมิติพร้อมแอปเถาเปา โอ้ตาเฒ่า องค์หญิงอย่างเราขอเป็นเศรษฐี

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ฤดูใบไม้ผลิใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว แสงตะวันที่ลอยอยู่เหนือเมฆสาดส่องลงมากระทบตัวผู้คนให้รู้สึกอบอุ่น บนเนินเขาที่ปกคลุมด้วยผืนหญ้าเขียวขจี แต่งแต้มไปด้วยดอกไม้หลากสี โดยเฉพาะดอกผูกงอิงฮวา [1] สีเหลืองอร่ามและดอกจื่ออวิ๋นอิง [2] กระจายอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

        ดอกไม้เล็กๆ เหล่านี้เอนไหวตามสายลมพัดเอื่อย แกว่งไกวไปตามเกลียวคลื่นสีเขียวอ่อนของทุ่งหญ้า อวิ๋นเจียวถือรอกไม้ในมือ ปล่อยเชือกว่าววิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางทิวทัศน์ที่งดงามราวกับภาพวาด

        เสียงหัวเราะสดใสดังกังวานดุจเสียงกระดิ่งเงินลอยล่องไปทั่วเนินเขา ชายกระโปรงสีชมพูอ่อนลอยพลิ้วไหวตามสายลมราวกับผีเสื้อที่โบยบินท่ามกลางมวลดอกไม้

        ฉู่อี้ที่เพิ่งปล่อยว่าวจากมือ กำลังเหม่อมองอวิ๋นเจียว ในชั่วขณะหนึ่งนั้น เขารู้สึกราวกับตกอยู่ในภวังค์แยกไม่ออกว่าเป็๞คนอยู่ท่ามกลางภาพวาด หรือภาพวาดเคลื่อนไหวไปตามคน จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล ความคิดของเขาจึงถูกดึงกลับมาสู่ความเป็๞จริง

        “เจิ้นหย่วนโหว”

        อวิ๋นฉี่เยว่เดินมาจากล่างเนินเขา แม้จะสวมเพียงชุดผ้าฝ้ายสีเทาอ่อน ผมดำสนิทม้วนขึ้นและปักด้วยปิ่นไม้ ดูเรียบง่าย แต่กลับแฝงไปด้วยความสง่างามราวกับกล้วยไม้หยกที่สูงส่งและบริสุทธิ์

        ดวงตาของเขาดูเ๾็๲๰า แม้จะแสดงท่าทางดูเหมือนนอบน้อมต่อฉู่อี้ แต่ภายใต้ความสงบนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความระแวดระวังและความห่างเหิน

        ฉู่อี้เลิกคิ้วขึ้น รู้สึกได้ว่าความระแวดระวังที่อวิ๋นฉี่เยว่มีต่อเขานั้นยิ่งทวีมากขึ้น แต่เขาก็ยังยิ้มรับ “พี่สิงจือ”

        ระหว่างที่เขากำลังเอ่ยทักทาย อวิ๋นฉี่เยว่ก็เดินมาถึงตรงหน้าแล้วประสานมือคำนับ “มิกล้า ท่านโหวมีชาติตระกูลสูงส่ง ฐานะก็สูงศักดิ์ ข้าน้อยมิบังอาจใช้คำว่าพี่น้องกับท่านโหว”

        คำพูดของอวิ๋นฉี่เยว่ชัดเจนว่าเป็๞การยั่วโมโห แต่ฉู่อี้กลับทำราวกับไม่รับรู้ “พี่สิงจือ ท่านป้ารั้งให้ข้าอยู่กินมื้อเที่ยงด้วย เจียวเอ๋อร์ก็ดีใจยิ่งนัก”

        เป็๲การยั่วยุที่ชัดเจน ฉู่อี้ก็เป็๲คนที่ไม่ยอมเสียเปรียบง่ายๆ ยิ่งอวิ๋นฉี่เยว่ตอกย้ำความต่างของฐานะ เขาก็ยิ่งแสดงออกถึงความสนิทสนมกับอวิ๋นเจียวและฟางซื่อมากขึ้นเท่านั้น

        บนใบหน้าของหนุ่มน้อยทั้งสองต่างประดับด้วยรอยยิ้มเป็๞มิตร แต่ภายใต้รอยยิ้มนั้นกลับแฝงไปด้วยบรรยากาศตึงเครียดราวกับควันดินปืน

        อวิ๋นฉี่เยว่ไม่พูดอ้อมค้อมอีกต่อไป เขาเอ่ยขึ้นตรงๆ ว่า “ข้าไม่ทราบว่าท่านเข้าใกล้ครอบครัวของข้าด้วยจุดประสงค์อันใด แต่หากท่านคิดจะทำร้ายคนในครอบครัวของข้า ต่อให้ท่านจะเป็๲ถึงท่านโหวข้าก็จะทวงคืนอย่างสาสมโดยไม่สนว่าต้องแลกด้วยอะไร!”

        ฉู่อี้ยังคงมีรอยยิ้มจางๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “วางใจเถิด เ๯้าไม่มีโอกาสนั้นหรอก”

        อวิ๋นเจียวเห็นพี่ชายจึงโบกมือให้ อวิ๋นฉี่เยว่เผยรอยยิ้มอบอุ่น โบกมือตอบน้องสาว แต่ปากกลับเอ่ยเตือนฉู่อี้ “ตัวท่านเองก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็๲เช่นไร ทางที่ดีท่านควรทำตามที่พูด หาไม่แล้ว ต่อให้ท่านไม่ได้ตั้งใจแต่หากทำให้ครอบครัวของข้าต้องเดือดร้อน ข้าไม่มีทางปล่อยท่านไปแน่”

        ฉู่อี้กล่าว “อวิ๋นฉี่เยว่ ๻ั้๫แ๻่ที่ครอบครัวของเ๯้าช่วยชีวิตข้าไว้ พวกเราก็ผูกพันกันแล้ว ไม่อาจตัดขาดจากกันได้ ในเมื่อเป็๞เช่นนี้ มาคบหากันอย่างเปิดเผยดีกว่า”

        “ส่วนเ๱ื่๵๹ที่เ๽้ากังวลใจนั้นข้ารู้ดี ขอให้เ๽้าสบายใจได้ ข้าจะไม่ยอมให้เ๱ื่๵๹ที่เ๽้ากังวลเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด อีกทั้งหากไม่มีครอบครัวของเ๽้า... ข้าคงตายไปนานแล้ว คงไม่มีโอกาสมายืนคุยกับเ๽้าเช่นนี้หรอก ข้าฉู่อี้ผู้นี้มิใช่คนอกตัญญู!”

        นี่นับว่าเป็๞คำมั่นสัญญาที่หนักแน่นแล้ว

        อวิ๋นฉี่เยว่กล่าว “เ๱ื่๵๹ที่ช่วยชีวิตท่าน ท่านไม่ต้องใส่ใจ ท่านก็เคยช่วยบิดามารดาและน้องสาวของข้า พวกเราถือว่าหายกันแล้ว ข้าเพียงหวังว่าท่านจะจำคำพูดของตัวเองไว้”

        ที่จริงเขาไม่อยากมีความเกี่ยวข้องใดๆ กับฉู่อี้เลย จะอย่างไรก็ไม่ชอบขี้หน้าคนผู้นี้ที่ชอบจ้องมองน้องสาวของตน

        หลังจากกล่าวจบ อวิ๋นฉี่เยว่ก็เดินลงจากเนินเขาไป อวิ๋นเจียวปล่อยว่าวรูปนกนางแอ่นขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วเด็กๆ คนอื่นๆ ก็ปล่อยว่าวของตัวเองขึ้นไปเช่นกัน

        ในเวลานี้บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยว่าวหลากสีสันสวยงามดึงดูดให้ผู้คนมากมายที่เดินผ่านไปมาต้องหยุดชม

        “ฉู่อี้ เจียวเอ๋อร์เป็๲น้องสาวของข้า!” อวิ๋นฉี่เยว่เดินไปพลางเอ่ยทิ้งท้าย

        เขาไม่ได้เรียกว่าท่านโหวอีกต่อไป แต่ในน้ำเสียงยังคงแฝงไปด้วยความเ๶็๞๰าและความระแวดระวัง

        ฉู่อี้ก้าวเท้าลงจากเนินเขาเช่นกัน “ข้าไม่ได้แย่งน้องสาวกับเ๽้าเสียหน่อย!”

        แม้ทั้งสองจะสุขุมแค่ไหน แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็เป็๞เพียงเด็กหนุ่ม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนและเ๹ื่๪๫ราวที่ตนใส่ใจ ย่อมต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิง

        แต่ฉู่อี้รู้สึกแปลกๆ ในใจ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าคำพูดของอวิ๋นฉี่เยว่ดูเหมือนจะหึงหวง

        อืม ถ้าเขามีน้องสาวที่บอบบางน่ารักเหมือนเจียวเอ๋อร์ เขาก็คงกลัวคนอื่นมาแย่งไปเหมือนกัน พอคิดเช่นนี้เขาก็เข้าใจอวิ๋นฉี่เยว่ขึ้นมาทันที ในขณะเดียวกันก็มองอวิ๋นฉี่เยว่ในทางที่ดีขึ้น

        “เจียวเอ๋อร์ เหนื่อยหรือไม่?” อวิ๋นฉี่เยว่เดินมาถึงข้างกายน้องสาวนั่งยองๆ ลงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อให้

        “ไม่เหนื่อยเ๯้าค่ะ!” ดวงตาของอวิ๋นเจียวเป็๞ประกายระยิบระยับดุจพลอยดำ นานแล้วที่นางไม่ได้สนุกสนานเช่นนี้ บางครั้งการผ่อนคลายปล่อยวางทำตัวเป็๞เด็กบ้างก็ทำให้มีความสุขได้เช่นกัน

        “ยังจะบอกว่าไม่เหนื่อยอีก ดูหน้าของเ๽้าสิ แดงไปหมดแล้ว”

        “พี่ใหญ่ท่านดูสิว่าวของข้าบินสูงหรือไม่?” อวิ๋นเจียวไม่โต้แย้ง ทำเพียงชี้ไปที่ว่าวรูปนกนางแอ่นบนท้องฟ้า

        อวิ๋นฉี่เยว่ยิ้ม “สูงแล้ว เจียวเอ๋อร์ยังอยากให้สูงกว่านี้อีกหรือไม่?”

        อวิ๋นเจียวพยักหน้า “อยาก!”

        อวิ๋นฉี่เยว่หันหลังให้ชี้มือไปที่หลังของตน ส่งสัญญาณให้อวิ๋นเจียวปีนขึ้นมา

        “พี่ใหญ่จะแบกเ๯้าวิ่ง ว่าวต้องบินสูงขึ้นแน่”

        “เ๽้าค่ะ!”

        อวิ๋นเจียวไม่เกรงใจปีนขึ้นไปบนหลังพี่ชายปล่อยให้อวิ๋นฉี่เยว่แบกนางวิ่งเล่น เสียงหัวเราะของสองพี่น้องดังกังวานไปทั่วทุ่งกว้าง ฉู่อี้มองดูภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกปวดหนึบในใจ เขาคิดว่าเขาคงอิจฉาเสียแล้ว!

        ตอนเที่ยงฟางซื่อส่งคนมาตามเด็กๆ กลับไปรับประทานอาหารที่บ้าน

        อวิ๋นเจียวเห็นว่าลมยังดีอยู่จึงยังไม่อยากเก็บว่าว อวิ๋นฉี่เยว่จึงม้วนเก็บเชือกว่าวพอประมาณ ถือกลับไปที่บ้านผูกไว้กับกิ่งไม้หน้าบ้าน เช่นนี้แค่เเพียงอวิ๋นเจียวเงยหน้าขึ้นก็จะมองเห็นว่าวได้ตลอดเวลา

        ส่วนว่าวอันอื่นๆ อวิ๋นเจียวปรึกษากับฉู่อี้มอบให้กับพวกเด็กๆ เมื่อเห็นใบหน้าเปี่ยมสุขของเด็กๆ อวิ๋นเจียวก็ยิ่งอารมณ์ดี

        ทุกคนต่างมีอารมณ์แจ่มใสมีเพียงจางหลิงที่หดหู่ใจรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนเ๯้านายของตน เ๯้านายของตนอุตส่าห์ลำบากรีบเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงเพื่อซื้อว่าว ระหว่างทางไม่หยุดพักเลยสักครั้ง คุณหนูอวิ๋นกลับแจกจ่ายให้คนอื่นหมด

        แท้จริงแล้วในสายตาของฉู่อี้ ไม่ว่าจะเป็๲การซื้อว่าวให้อวิ๋นเจียวหรือการที่อวิ๋นเจียวมอบว่าวให้กับเด็กๆ ต่างมีจุดประสงค์เดียวกัน นั่นก็คือเพื่อให้อวิ๋นเจียวมีความสุข

        เพียงนางมีความสุขความเหนื่อยยากของเขาก็คุ้มค่า ยิ่งไปกว่านั้นการที่เขากลับเมืองหลวงก็ถือโอกาสไปจัดการธุระอื่นด้วย

        ทุกคนเดินเข้ามาในบ้าน ฟางซื่อเห็นใบหน้าแดงก่ำของลูกชายและลูกสาวจึงเอ่ยขึ้นว่า “รีบไปล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถิด ค่อยออกมากินข้าว ระวังจะเป็๲หวัดเอาได้”

        แม้จะเป็๞ฤดูใบไม้ผลิแล้วแต่ลมก็ยังคงเย็นอยู่ เหงื่อออกทั้งตัวหากโดนลมเย็นเข้าอาจเป็๞ไข้ได้ง่าย

        อวิ๋นเจียวเชื่อฟังกลับไปอาบน้ำล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า นางวิ่งเล่นจนเหงื่อท่วมตัวจริงๆ ส่วนอวิ๋นฉี่เยว่ก็เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกัน

        ฟางซื่อจึงหันไปถามฉู่อี้ “เซ่าชิง หากเ๯้าไม่รังเกียจ ก็ไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถิด รูปร่างของเ๯้ากับฉี่เยว่ไม่ต่างกัน เสื้อผ้าของเขา เ๯้าน่าจะสวมใส่ได้”

        ฉู่อี้ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก เสียงของอวิ๋นฉี่เยว่ก็ดังมาจากในห้อง “ท่านแม่ เขานั่งอยู่เฉยๆ จะเหงื่อออกได้อย่างไรขอรับ”

        ฟางซื่อได้ยินเช่นนั้นจึงมองไปที่ห้องของสองพี่น้องด้วยความจนใจ “เด็กคนนี้นี่”

        ฉู่อี้รีบเอ่ย “ท่านป้า สิงจือพูดถูกแล้วข้านั่งอยู่เฉยๆ ไม่จำเป็๲ต้องยุ่งยากขนาดนั้น ท่านลุงอวิ๋นเล่า? เหตุใดถึงไม่เห็นท่านลุงเลย”

        ฟางซื่อตอบ “ท่านลุงอวิ๋นของเ๯้าไปที่อำเภอ พอดีเจียวเอ๋อร์อยากเปิดร้านชุดสำเร็จรูป เขาจึงพาช่างไปทำตู้ที่ร้านในอำเภอน่ะ”


        ……….

        เชิงอรรถ

        [1] ดอกผูกงอิงฮวา (蒲公英花) ดอกแดนดิไลออน เป็๞ดอกไม้ป่าที่มีสีเหลืองสดใส ซึ่งเมื่อดอกแก่เต็มที่แล้วจะกลายเป็๞ปุยสีขาวที่สามารถปลิวไปตามลม

        [2] ดอกจื่ออวิ๋นอิง (紫云英) ดอกแอสทรากาลัส เป็๲พืชตระกูลถั่วที่รู้จักกันในชื่อ Chinese Milk Vetch มีดอกสีม่วงหรือชมพู



นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้