แสงรุ่งโรจน์บนกายสี่ยอดแม่ทัพกระซ่านกระเซ็น ดั่งค้อนั์ทุบต้นหญ้าปลิวไปกับลม ขณะเดียวกัน ยอดฝีมือที่เหลือก็ไม่อาจทัดทาน สูญเสียกำลังควบคุมตัวเองเหมือนเกี๊ยวน้ำ ร่วงหล่นจากฟ้ามาดังโครมครามติดๆ กัน
จิตกระบี่แหวกนภา!
จิตกระบี่แหวกนภาอีกแล้ว!
ขาดอีกนิดเ่ิูก็จะะโออกมาอยู่รอมร่อ
กระบี่นี้เป็กระบี่ที่ผ่าเมฆดำเต็มฟ้าเมื่อวันนั้นไม่ผิดแน่ กระบี่อันน่าครั่นคร้ามซึ่งเอาชนะผู้แข็งแกร่งลึกลับคนนั้นได้ จิตกระบี่แหวกนภาออกมาห้าครั้งในคราเดียว ใครเล่าจักอาจหาญต่อกร?
ต่อหน้ากระบี่เช่นนี้นั้น สี่ยอดแม่ทัพเหมือนเด็กอมมือที่รับการโจมตีไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว และเหล่ายอดฝีมือทัพเสริมหลายสิบคนนั่นแม้แต่จะเทียบกับเงาก็ยังห่างไกล
พริบตานั้นที่ทุกอย่างใต้หล้าสิ้นไร้สุรเสียงใด
คนทุกคนล้วนถูกความเพริศแพร้วแห่งกระบี่ที่ขโมยสีสันมาจากโลก หวั่นกลัวจนอกสั่น ต่างก็มองท้องฟ้าตาค้าง
“ให้โอกาสพวกเ้าแล้ว กลับทำให้ข้าผิดหวังนัก แค่คนเขลาที่ถูกหลอกใช้ก็เท่านั้น” หวังเจี้ยนหรูหยัดยืนกลางอากาศธาตุ ปอยผมดำปลิวไหวดั่งเทพีทอดตามองมายังผืนปฐี “ฉินอิ๋ง หากเ้าไม่ยอมออกมา ข้าก็จะไปแล้วนะ”
ฉินอิ๋ง!
สองคำนี้คือผู้สูงสุดแห่งเมืองลู่ิ ชนชั้นสูงลำดับสองของแคว้นเสวี่ย หนึ่งในหัวเรือใหญ่ทั้งสี่แห่งหุบเขาตัดกวาง นามของเ้าเมืองลู่ิ
สองคำนี้ยามเอ่ยจากปากหวังเจี้ยนหรู ช่างเปี่ยมด้วยความยั่วโมโหอย่างไม่คิดจะปิดบัง
แต่ทิศทางสำนักเ้าเมืองยังคงเงียบฉี่
ท่านผู้นี้พูดแล้วต้องรักษาสัจจะยิ่งชีพดุจาา ยังคงเงียบสงัดั้แ่ต้นยันจบ ไม่มีเจตนาจะลงสมรภูมิด้วย แม้สายตาของคนทั้งนครจะไปตกอยู่กับสำนักเ้าเมืองอย่างใกล้ชิด แต่สิ่งปลูกสร้างกว้างใหญ่นั้นก็ยังคงไม่มีเสียงตอบรับ
หวังเจี้ยนหรูยืนหยัดบนอากาศ ชำเลืองั์ตาลงมองทั้งนคร
สิบอึดใจผ่านไป ริมฝีปากของเซียนกระบี่หญิงก็แย้มยิ้มประหลาด
“ถือซะว่าเ้าฉลาด”
เซียนกระบี่หญิงก้มหน้ามองเมืองลู่ิทั้งนคร จากนั้นก็พุ่งตัวขึ้นสู่ฟ้าคราม
โครม!
นางใช้พลังคือกายเนื้อชนกระบวนอักขระปกป้องในตำนาน ‘ไพฑูรย์ปฐีล้านปม’ ทั้งร่างกลายเป็สายแสงลาจาก ก่อนหายไปทางทิศหรดี!
ภาพตรงหน้าทำให้สี่ยอดแม่ทัพ สีหน้าแววตาะเืใจและตกตะลึง
ใช้พลังกายเนื้อล้วนๆ แหวกกระบวนปกป้องที่ใช้กำลังทั้งนครปลุกปั่นมันขึ้นมาได้สบาย คนๆ นี้ไม่ธรรมดาจริงแท้ ใจของแม่ทัพทั้งสี่รู้ดีว่า หากเปลี่ยนเป็ตัวเอง แม้จะะเิพลังทั้งหมดร่วมกับของวิเศษยังไงก็ตาม การจะปะทะกระบวนอักขระปกป้องก็ไม่ต่างกับเอาแตงโมไปกระแทกกระดาน ทั้งเนื้อตัวรู้สึกเหมือนกระดูกและเนื้อแหลกเป็ผง ไม่อาจสั่นคลอนกระบวนอักขระนี้ได้เลย
ตอนนั้นเองที่เหงื่อเย็นๆ ไหลออกมาจากกายทั้งสี่เป็ความกลัวจับขั้วหัวใจ
พวกเขารู้ในทันทีว่าพวกตนกำลังต่อสู้อยู่กับใคร
โดยเฉพาะเฉินจิ่วซิง ที่หยุดคิดฉับพลันว่าก่อนหน้านี้เขาตกอยู่ในอันตรายขนาดไหน ความจริงแล้วตอนล้อมวงปิดบัญชีนั่น หากมิใช่เพราะหวังเจี้ยนหรูเมตตาปรานี น่ากลัวว่าจะสังหารเขาสิ้นได้ในเวลาชั่ววินาที...อย่าพูดว่าสังหารเขาแค่คนเดียวเลย แม่ทัพอีกสี่คนที่ร่วมมือด้วยก็มีสิทธิ์จะโดนฆ่าไปพร้อมๆ กันด้วยซ้ำ
สตรีผู้นี้น่าครั่นคร้ามกว่าที่ใครคิด
ศึกบนฟากฟ้าวันนี้ สี่ยอดแม่ทัพเองก็เห็นกับตามาแล้ว มองเห็นแสงกระบี่ตัดเมฆาดำท่วมนภาจนหมดสิ้น แต่ก็คิดว่าเมฆดำสลายแล้วอย่างไร ต่อให้ตัดจนเกลี้ยงก็ไม่อาจยืนยันอะไรได้ คลื่นพลังดาบที่กระจัดกระจายหาได้แข็งแกร่งอะไรในสายตาพวกเขาไม่ ทั้งสี่ถึงได้เชื่อมั่นนัก พร้อมใจกันท้าสู้เซียนกระบี่หญิง
แต่พอมาดูตอนนี้ เพราะสภาพการณ์ตอนประมือกันตอนนั้น ชัดเจนว่าห่างกันไกลเกินไป จึงไม่ได้เห็นความเยี่ยมยุทธ์แห่งกระบี่จะๆ ตา บัดนี้มาปะทะด้วยตาตัวเองถึงได้รู้ ว่าจิตกระบี่แหวกนภานั้นถอนรากถอนโคนทุกสิ่งอย่างขนาดไหน
ทุกอิทธิพลในลู่ิต่างก็ะเืไปยันตับ
ไม่นึกเลยว่าการล้อมปราบอันเกรียงไกรนี้จะกลายเป็ละครตลก บุคคลที่ถูกเรียกว่าสี่ยอดแม่ทัพร่วมมือกันสู้ศึกศัตรู กลายเป็เื่ตลกมากขึ้นทุกทีๆ บุคคลสำคัญผู้อำนาจบารมีล้นฟ้าในนคร โดนเล่นเหมือนเป็ลิงค่าง ท้ายสุดก็สิ้นแม้แต่ความกล้าจะไปเก็บหน้าตัวเองกลับมา
อาจจินตนาการได้เลยว่า ระยะเวลายาวนานต่อจากนี้ เรือนร่างในอาภรณ์ขาวพร้อมกระบี่ คงจะกลายเป็ฝันร้ายที่ยากจะลืมเลือนของนครแห่งนี้ไปโดยปริยาย
เ่ิูมองภาพตรงหน้าหมดสิ้นแล้วจึงจากมาอย่างลับๆ หายตัวไปท่ามกลางหมู่ชน
ยังมีอีกหลายเื่ที่เขาปะติดปะต่อไม่ได้
หวังเจี้ยนหรูพลังมากขนาดนั้น ไฉนต้องสังเวยชีวิตจอมยุทธ์ชุดเทานั่นด้วย? นางสามารถพาคนเหล่านี้ไปก่อนหน้าที่สี่ยอดแม่ทัพและกรมบรรพตทมิฬจะมาได้ ใครเล่าจะอาจหาญต้านทาน?
บางครั้งปัญหาที่คิดไม่ออก ก็มิได้้าคำตอบ
มองหวังเจี้ยนหรูโอบกอดเด็กน้อยไว้แล้วหายไปจากเวหา เ่ิูถึงวางใจลงได้ เขารู้สึกเหมือนบางอย่างในชีวิตขาดหายไป เขาทั้งเศร้าสร้อยและเสียใจ
ยามดวงตะวันลับหายหลังภูผา เขาก็กลับมาเคหาสน์ตระกูลเย่
ฉินหลันรอเขาอย่างใจจดจ่อ ความโกลาหลในเมืองวันนี้ทำให้นางกลัวว่าเ่ิูจะโดนลูกหลง เมื่อเห็นเขาปลอดภัยกลับมา ฉินหลันถึงสบายใจขึ้น
ค่ำคืนนั้นไร้เภทภัยใด
หลายวันต่อมา เ่ิูก็ยังคงอยู่ที่คฤหาสน์ ไม่กลับสำนักกวางขาว
มีข่าวคราวหลายอย่างแพร่ออกมาไม่ขาดสาย
ข่าวเซี่ยโหวอู่สู้รบจนตัวตายในสมรภูมิดึงความสนใจเ่ิูได้
ตามข่าวที่ได้มาตามท้องถนน เซี่ยโหวอู่สู้กับพรรคพวกของหญิงมารจนตัวตาย ได้รางวัลเกียรติยศของกรมบรรพตทมิฬ เห็นว่าแม่ทัพใหญ่ของกรม ผู้กองพลทิศทักษิณเฉินจิ่วซิงเป็คนกล่าวคำอาลัยด้วยตัวเอง แล้วยังจะสนองตอบความปรารถนาของเซี่ยโหวอู่เป็อย่างดีด้วย
ความจริงแล้วเื่นี้พาให้ตระกูลเซี่ยโหวและเฉินจิ่วซิงคิดหนัก เดิมทีเซี่ยโหวอู่ถูกวางตำแหน่งไว้เป็ทัพหลัง ไม่จำเป็ต้องเข้าไปโรมรันในสนามรบ ปลอดภัยเป็ที่สุด พอถึงเวลาแค่ให้ตราประทับทหารเจิมสักสองสามจุด ได้รับความดีความชอบของทหาร ไม่เกินปีสองปี เซี่ยโหวอู่ย่อมจะเดินทางสายทหารได้ราบรื่นเป็แน่ ใครจะรู้ว่าจะเกิดเื่เช่นนี้ขึ้น ตระกูลเซี่ยโหวโศกเศร้าจับจิต แต่ก็มิกล้าต่อว่าแม่ทัพแต่อย่างใด
ทว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองฟาก กลับมีรอยร้าว
ข่าวว่ามาว่าเหล่าทหารกรมบรรพตทมิฬที่เข้าวงรบด้วยกันกับเซี่ยโหวอู่วันนั้น ล้วนเป็พวกชนชั้นสูงของเมืองทั้งหมด หกคนนั้นได้แผลนิดเดียว แต่ตระกูลเซี่ยโหวสืบอยู่หลายวันจึงได้ความ สุดท้ายก็ไม่อาจล่วงรู้ว่าใครสังหารเซี่ยโหวอู่...
นอกจากนี้ยังมีข่าวคราวของหญิงมารอับแสงแทรกมาด้วย
หญิงมารอับแสงที่ได้รับการยืนยันว่ามีอยู่จริงเป็บุตรีของเครือการค้าชิงหลัว หนำซ้ำยังเป็ศิษย์สำนักกวางขาว เครือการค้าชิงหลัวและสำนักกวางขาวเผชิญหน้ากับคำร้องขอเสียงยืนยัน ด้วยความเงียบไม่ปริปากพูด
แล้วก็มีข่าวรั่วไหลมาอีกว่าหญิงมารอับแสงตอนอยู่ในสำนักกวางขาวนั้น มีสัมพันธ์อันดีกับเ่ิูมากที่สุด ความสนใจจึงค่อยๆ มีแนวโน้มมาตกอยู่ที่เ่ิูแทน
เ่ิูยังนิ่งไม่ไหวติง
เขาอยู่ในสวนปณิธานของคฤหาสน์ ฝึกฝนวันแล้ววันเล่า
เขาอยากไปหาเด็กน้อยในสักวัน การจะทำให้นางจดจำเขาให้ได้ต้องใช้พลังที่แข็งแกร่งอย่างมาก เพราะหวังเจี้ยนหรูเคยเอ่ยไว้แล้ว ว่าเมื่อนางเข้าสู่ด้านมืดพลังจะเพิ่มพูนอย่างก้าวะโ แม้จะไม่ฝึกฝนอะไรก็สามารถเหยียบผู้แข็งแกร่งไม่ด้อยกว่ากันจมดินได้เลย เ่ิูไม่ได้มีร่างกายเฉกเช่นนาง เขาต้องฝึกหนักอย่างเดียว
อีกอย่างคือพลังที่หวังเจี้ยนหรูสำแดงออกมานั้น ได้กระตุ้นเ่ิูเข้า
จากความพ่ายแพ้ไร้ทางพลิกของสี่ยอดแม่ทัพในวันนั้น ทำให้เ่ิูได้รู้ว่าต่อให้กลายเป็ผู้แข็งแกร่งของเมืองลู่ิ ก็ยังคงเป็แค่มดปลวกตัวจ้อยในโลกอันกว้างใหญ่นี้เท่านั้น เขาไม่ควรพอใจกับการเติบโตของพลังตัวเองในตอนนี้
วิชาลมหายใจไร้ชื่อบวกกับเคล็ดวิชาลับในท่วงทำนองยุคเทพมาร เ่ิูมั่นใจว่าต้องเลื่องลือไปทั่วดินแดนแน่
พริบตาเดียว ครึ่งเดือนก็ผ่านพ้นไป
ฉินหลันคอยดูแลข้าวปลาอาหารให้เ่ิูตลอดสามมื้อ รบกวนเขาน้อยมาก ถังซานมารายงานสถานการณ์ของธุรกิจสามวันห้าวันที
หลังจากเ่ิูเก็บซุนอวี้หู่ที่ทิงเทาซวนเป็ต้นมา หลิวหยวนชั่งเ้าสำนักสำมะโนประชาก็รักษาทหารไว้ไม่เคลื่อนพล และกิจการทิงเทาซวนก็โด่งดังในข้ามคืน เมื่อลมปากเผยแพร่ออกไป กิจการอย่างอื่นของตระกูลเย่ก็สงบมั่นคงขึ้นเยอะ ค่อยๆ เข้าสู่ภาวะสมดุลเข้าทุกที
เื่พวกนี้ เ่ิูไม่ใคร่จะสนใจอยู่แล้ว ดังนั้นจึงแค่ตอบรับนิดหน่อยเท่านั้น ถังซานเห็นแล้วก็สุดจะทำอะไรได้
วันนี้
เ่ิูฝึกสี่กระบวนยุทธ์ทหารเอกหนึ่งนิรันดร์อยู่ในสวนปณิธาน
สี่กระบวนยุทธ์นี้เ่ิูจับทางได้คร่าวๆ แล้ว ท่าสุดท้ายอย่างกระบี่พิพากษานั้นลึกซึ้งเป็พิเศษ เ่ิูทำได้ พลังภายในเคลื่อนตัว กระตุ้นกระบี่เทพกว้างไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือพุ่งจากท้องฟ้า พลังอำนาจมากพอจะทำลายล้างศัตรูอาณาเดียวกันในพริบตา
ตอนนี้เองกลับมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
ฉินหลันเดินเข้ามาสีหน้าแปลกใจ “เสี่ยวหยู นอกคฤหาสน์มีคนขอพบเ้า”
“โอ๊ะ? ใครกัน?” เ่ิูถามไปตามสภาพ เขาเองก็รู้ว่าคนที่มาขอพบต้องพิเศษกว่าคนอื่น เพราะหากเป็คนน่าเบื่อที่ขอคำยืนยันเื่หญิงอับแสง หรือพวกชนชั้นสูงเล็กๆ ที่ส่งของกำนัลให้ล่ะก็ ฉินหลันต้องขับไปอยู่แล้ว
“เป็เด็กหนุ่ม” ฉินหลันว่า “เขาบอกว่านามเขาคือสวี่เกอ ยังบอกอีกว่าขอเพียงเ้าได้ยินเชื่อเขา เ้าจะจำเขาได้”
สวี่เกอ?
เ่ิูชะงัก
สวี่เกอแห่งสำนักหงส์ฟ้า?
เขามาที่คฤหาสน์ตระกูลเย่เพื่ออะไร?
เ่ิูคิดด้วยความแปลกใจนัก เขาให้ฉินหลันพาเข้ามา แล้วเปลี่ยนอาภรณ์เป็อีกชุด ล้างหน้าล้างตาเล็กน้อยจึงรุดไปที่โถง
ตอนมาถึงหน้าโถงก็เห็นสวี่เกอในอาภรณ์ขาว กำลังพูดไปยิ้มไปกับฉินหลัน บรรยากาศดีไม่หยอก
เ่ิูเองก็อดยอมรับไม่ได้ว่าหากเปิดประเด็นถึงคู่ต่อสู้ในสมรภูมิหุบเขาปัดป้องคนนี้แล้ว สวี่เกอเป็บุรุษที่ทำให้คนมองเกิดความรู้สึกดีๆ และไว้เนื้อเชื่อใจได้ในคราวแรกที่เห็น อบอุ่นงามสง่า พร์เลิศเลอ จะทำการใดๆ มีแผนก่อนหลังเสมอ เติบโตเป็อัจฉริยะ คำพูดคำจาไม่ธรรมดา เป็ชายที่แวววาวราวกับอัญมณี
“ศิษย์พี่สวี่มาหาข้าที่นี่ ช่างน่าแปลกใจนัก”
เ่ิูเปิดบททักทาย
สวี่เกอยิ้มแล้วยกมือคำนับ “วันนี้ที่ได้พบกับศิษย์พี่ชิงหยู ข้าก็ได้รู้แล้วว่าต้องเจอกับศัตรูผู้เก่งกล้าสามารถ ในสมรภูมิหุบเขาปัดป้องนั้น ศิษย์พี่ชิงหยูสำแดงอำนาจยิ่งยง ทำให้ศิษย์น้องและศิษย์หงส์ฟ้าคนอื่นๆ หน้าดำหน้าแดงจริงๆ”
เ่ิูหัวเราะ ไม่เอื้อนเอ่ยคำใด
ฉินหลันเอ่ยทักทายก็เดินไปจากหน้าห้องโถง
สวี่เกอเอ่ยกอปรรอยยิ้ม “ศิษย์พี่ชิงหยูเป็คนอารมณ์ดี ข้าเองก็จะไม่อ้อมค้อมแล้ว กลุ่มเยี่ยมเยียนของสำนักหงส์ฟ้า สามวันจากนี้ก็จะจากสำนักกวางขาวกลับเมืองหงส์ฟ้าแล้ว เ้าสำนักเฉินของพวกเราเห็นพลังของท่านในสมรภูมิแล้วชื่นชมเป็อย่างมาก จึงอยากถามศิษย์พี่ชิงหยูว่าท่านสนใจจะเข้าสำนักหงส์ฟ้าของเราไหม?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้