“ท่าน้าอะไร?” ผู้าุโสองกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ขณะที่มองไปยังหลินไห่อย่างระมัดระวัง
เมื่อครู่ความแข็งแกร่งของหลินเฟิงได้สร้างความประหลาดใจให้แก่ฝูงชน และไม่ทันจะรู้ตัวก็พบว่าหลินไห่ได้เดินขึ้นมาบนลานประลองแล้ว โดยที่เป้าหมายก็คือผู้าุโสอง
“ข้า้าอะไร? นี่เ้าลืมเื่ที่เพิ่งพยักหน้าให้เมื่อครู่นี้แล้วหรือ?” หลินไห่ยิ้มเยาะอย่างเ็า
“น้องชาย หลินเย่เป็ผู้าุโสองของตระกูลหลิน ท่านทำงานอย่างหนักเพื่อตระกูลหลินมาโดยตลอด เื่ในครั้งนี้ยกโทษให้เขาเถอะ” หลินป้าต้าวกล่าว
“ยกโทษให้? หลินป้าต้าว เ้าไม่รู้สึกว่าคำพูดของเ้ามันไร้สาระหรอกเหรอ เมื่อครู่ตอนที่พวกเ้ามุ่งเป้ามาที่ข้ากับลูกชายของข้า เคยคิดบ้างไหม? ว่าข้า หลินไห่ผู้นี้ก็ทำเื่มากมายเพื่อตระกูลหลินเช่นกัน หรือว่าพวกเ้า้ากลับคำพูดของตัวเองต่อหน้าบรรดาเด็กๆ ในตระกูลหลิน?”
หลินไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด สีหน้าของหลินป้าต้าวดูปั้นยากขึ้นมาทันที เื่เมื่อครู่ทุกคนต่างก็เห็นและได้ยินมากับตัวเอง หากเขากลับคำพูดอย่างไร้เหตุผล เกรงว่าต้องเสียหน้ามากแน่ๆ
“จากนี้ไปข้าขอประกาศให้หลินเย่ ผู้าุโสองพ้นจากตำแหน่ง นอกจากนี้ รับมือข้าหนึ่งกระบวนท่า” หลินไห่กล่าวโดยไม่หันไปมองหลินป้าต้าว
“ไม่มีทาง” หลินเย่กล่าวขณะตัวสั่นเทา เขาคิดจะหลบหนีไป
“หึ” สองมือของหลินไห่สั่น บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เสียงแตกร้าวดังขึ้นมา ร่างของหลินเย่ที่กำลังจะหลบหนีพลันแข็งทื่อ บางส่วนของร่างกายถูกแช่แข็งไว้ หนาว… หนาวไปถึงกระดูก ไม่นานร่างของเขาก็ถูกแช่แข็งทั้งตัว นี่เป็ผลลัพธ์จากการกระทำของเขา
“ตูม!” ทันใดนั้นฝ่ามือน้ำแข็งของหลินไห่ก็ฟาดไปที่ร่างของหลินเย่ ทำให้ร่างกายของหลินเย่หยุดอยู่กับที่ เพียงพริบตาเดียวทั่วทั้งร่างก็ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง แม้กระทั่งเืที่ไหลอยู่ตรงมุมปากก็กลายเป็น้ำแข็ง ไม่นานร่างของหลินเย่ก็ล้มลงไปนอนกับพื้น ก่อนจะขดตัวด้วยความหนาวสั่น ั์ตาของเขาจ้องมองไปที่หลินไห่อย่างชั่วร้าย
ระดับการบ่มเพาะของหลินเย่ไม่ได้อ่อนแอเลย เขาจะไม่พ่ายแพ้อย่างหมดท่าแบบนี้ ถ้าหากว่าเขาสู้กลับ แต่ทว่าเขาไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับหลินไห่ และเลือกที่จะหันหลังหนีไป เพราะไม่อยากรนหาที่ตาย
สายตาของผู้คนจำนวนมากต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คิดเลยว่าหลินไห่จะลงมือหนักเช่นนี้ ดูเหมือนว่าผู้นำตระกูลของพวกเขาจะโกรธขึ้นมาจริงๆ นี่ถือว่าเป็คำเตือนของหลินไห่ และยังเป็การกดดันหลินป้าต้าวและคนอื่นๆ ทางอ้อม
“ใครก็ได้มายกเขาออกไป งานชุมนุมประจำปีจะได้ดำเนินการต่อ และผู้าุโหกจะเป็ผู้ดำเนินงาน ใครที่ไม่เห็นด้วยจงพูดออกมา” หลินไห่สะบัดแขนเสื้อของตนด้วยท่วงท่าสง่างาม สมกับเป็ผู้นำตระกูลอย่างไม่ต้องสงสัย
หลินเฟิงเผยรอยยิ้มเมื่อมองไปยังท่านพ่อ นี่คือโลกที่ผู้แข็งแกร่งจะได้รับความเคารพ เมื่อก่อนหลินไห่อาจจะไม่โต้แย้งอะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่แข็งแกร่ง เขาเพียงแค่ไม่อยากเปิดเผยเท่านั้นเอง
ไม่มีใครกล้าสงสัย หลินป้าต้าวและผู้าุโคนอื่นๆ แม้ว่าจะโกรธมากแต่ก็ต้องข่มกลั้นเอาไว้
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป หลินเฟิงอยู่ในกลุ่มที่อ่อนแอที่สุด และดูเหมือนว่าจะมีเพียงแค่หลินยู่คนเดียวที่อยู่ในขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 8 ส่วนที่เหลืออยู่ในขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 7 หลังจากผ่านไปได้ 6 รอบ หลินเฟิงผู้ซึ่งทุกคนเห็นว่าเป็เพียงขยะ กลับไม่แพ้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ในกลุ่มที่สี่มีเพียงแค่เขากับหลินยู่ที่ทำได้ ดังนั้นผู้ที่ผ่านเข้ารอบต่อไปในกลุ่มที่สี่นั่นก็คือ หลินเฟิงและหลินยู่
ส่วนอีกสามกลุ่ม กลุ่มที่หนึ่งหลินเชียนยังไม่เคยลงมือเลยสักครั้ง เพราะว่าคู่ต่อสู้ขอยอมแพ้ทุกคน แน่นอนว่าทุกคนในกลุ่มที่หนึ่งอยากจะเก็บแรงไว้แย่งชิงตำแหน่งผู้ที่ผ่านเข้ารอบอีกคนมากกว่า หลินหงในกลุ่มที่สองและหลินอู๋ของกลุ่มที่สาม ในฐานะที่เป็เมล็ดพันธุ์ที่ดีของตระกูลหลิน พวกเขาไม่เคยแพ้แม้แต่ครั้งเดียว นอกจากนี้ยังมีอีกคนหนึ่งที่อยู่ในการคาดการณ์ของทุกคนนั่นก็คือ หลินเหินบุตรชายของผู้าุโหก ทุกการต่อสู้ล้วนได้รับชัยชนะมาทั้งหมด แน่นอนว่าเขายังไม่ได้เจอกับหลินอู๋
ในที่สุด แม้ว่าการต่อสู้จะยังไม่เสร็จสิ้น แต่ผู้ที่ผ่านเข้ารอบก็ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว สองกลุ่มแรกได้ทำการประลองเสร็จสิ้นไปแล้ว กลุ่มที่สามและกลุ่มที่สี่เหลือแค่การประลองในรอบสุดท้าย
“กลุ่มที่สาม หลินอู๋คู่กับหลินเหิน กลุ่มที่สี่ หลินเฟิงคู่กับหลินยู่” ผู้าุโหกประกาศ ฝูงชนล้วนรู้สึกสนใจที่ทั้งสี่คนนี้ต่างก็ได้รับชัยชนะ พวกเขาอยากจะเห็นความแข็งแกร่งของหลินเหินว่าจะมากน้อยสักแค่ไหน และหลินเฟิงจะสามารถเอาชนะหลินยู่ที่อยู่ในขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 8 ได้หรือไม่?
แต่ทุกคนก็ไม่คิดว่าหลินเหินและหลินเฟิงจะสามารถเอาชนะหลินอู๋กับหลินยู่ได้ พลังของหลินอู๋นั้นแข็งแกร่งมาก เขาเป็เหมือนผู้นำของคนรุ่นเยาว์ตระกูลหลินก็ว่าได้ ส่วนหลินเฟิง ถึงแม้ว่าเขาจะสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนมาแล้วหลายครั้ง แต่เมื่อสามเดือนก่อน เขาเพิ่งจะทะลวงขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 6 ได้ และเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ทว่ามันก็ไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับหลินยู่ได้ อย่างมากในระยะเวลาสามเดือนนี้ หลินเฟิงอาจจะโชคดีได้ทะลวงผ่านไปยังขอบเขตนักรบลมปราณขั้น 7 หรือขั้นที่ 8 ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจเอาชนะหลินยู่ที่อยู่ในขอบเขตนักรบลมปราณขั้น 8 มานานได้
ทั้งสี่คนเดินขึ้นไปบนเวทีประลอง หลินเหินโค้งให้หลินอู๋ตามมารยาทและกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “เ้าจะผ่านไปยังรอบต่อไป การประลองในรอบนี้จะไม่มีการต่อสู้”
“ถึงแม้ว่ามันจะถูกกำหนดมาแบบนั้น แต่ข้าหลินอู๋ก็จะยังยืนยันที่จะสู้ และทำให้ทุกคนเห็นว่าใครเป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มที่สาม” หลินอู๋ส่ายหน้าขณะที่กล่าวออกมาเสียงดัง
“ข้ายอมแพ้” หลินเหินยิ้มและไม่สนใจ เขาหันหลังเดินลงไปด้านล่างเวทีประลองอย่างแน่วแน่
“หลินอู๋เป็ผู้ชนะ” ผู้าุโหกประกาศออกมาด้วยรอยยิ้มขมขื่น เพราะลูกชายของตนประกาศขอยอมแพ้
“ขี้ขลาด” หลินอู๋สบถออกมาจากนั้นก็หันหลังเดินจากไป เหลือแต่หลินเฟิงและหลินยู่สองคนที่ยืนอยู่บนเวทีประลอง
“ฮ่าๆ ในที่สุดก็ถึงตาของหลินยู่กับไอ้ขยะนี่แล้ว หวังว่าหลินยู่จะสามารถให้บทเรียนแก่มันหนักๆ” หลินป้าต้าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นะเื เดิมทีเขาคิดว่าการประลองในรอบที่สอง หลินเฟิงจะถูกทุบตีเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง แต่กลับคาดไม่ถึงว่าการบ่มเพาะของไอ้ขยะนี่จะไม่ธรรมดา มันสามารถเอาชนะเกือบทุกคนที่อยู่ในกลุ่มสี่ได้
“วางใจเถอะ ในใจของยู่เอ๋อร์ได้คำนวณไว้แล้ว เขาจะทำให้ไอ้ขยะนั่นขายหน้าอย่างแน่นอน” ผู้าุโสามกล่าวอย่างมั่นใจ เขาเชื่อมั่นในระดับการบ่มเพาะของลูกชายตัวเองมาก ติด 1 ใน 3 อาจจะยากไปหน่อย แต่ถ้าเป็ 1 ใน 5 ก็ยังพอมีหวัง
“จะรอดู” หลินป้าต้าวกล่าวขณะพยักหน้า
ตอนนี้รอยฝ่ามือบนใบหน้าของหลินยู่ได้หายไปแล้ว แต่ทว่าความเ็ปในครั้งนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในใจ เขาจะลืมฝ่ามือของหลินเฟิงไปได้อย่างไร? เขาเกลียดหลินเฟิงมาก แต่ในขณะเดียวกันก็หวาดกลัวอีกฝ่ายเช่นกัน
นายน้อยขยะในวันวาน ตอนนี้กลับดูลึกลับและน่าเกรงขาม ความแข็งแกร่งของกู่ซงยังเทียบกับหลินเฟิงไม่ได้เลย มิหนำซ้ำยังถูกหลินเฟิงโยนทิ้งจากภัตตาคารเหมือนขยะชิ้นหนึ่งอย่างง่ายดาย ขนาดหลินเหยี้ยนที่ใช้ดาบ เมื่อเผชิญหน้ากับหลินเฟิง ดาบของเขาก็กลายเป็ของเล่นไปทันที นี่ทำให้หลินยู่ไม่มีความมั่นใจเลยว่าจะสามารถเอาชนะหลินเฟิงได้
หลินยู่รู้สึกได้ถึงสายตาของผู้ชมที่อยู่รอบๆ เวทีประลองกำลังจ้องมาที่เขาอยู่ ริ้วรอยบนใบหน้าของหลินยู่กระตุกขึ้นมา เขารู้ว่าเวลานี้มีคนไม่น้อยเลยที่รอชมเขาสั่งสอนหลินเฟิงอยู่ รวมไปถึงพ่อของเขาด้วย แต่ว่าเขาจะสามารถสั่งสอนหลินเฟิงได้จริงๆ หรือ?
“ในเมื่อสามารถผ่านเข้ารอบได้ ก็ไม่เห็นต้องสู้กันเลย เ้าว่าไง?” หลินยู่กล่าวด้วยน้ำเสียงเหลาะแหละ
หลินเฟิงมองไปที่หลินยู่ด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่พูดอะไร
“ไอ้สารเลว” หลินยู่ด่าในใจ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และกล่าวอย่างจำใจว่า “ข้ายอมแพ้”
“หืม?” ผู้าุโสามและคนอื่นๆ ต่างตะลึงและมึนงงเมื่อได้ยินที่หลินยู่พูด ฝูงชนเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน หลินยู่ เขายอมแพ้?
ในขณะที่ทุกคนกำลังรอชมความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหลินเฟิงอยู่นั้น หลินยู่กลับเลือกที่จะยอมแพ้และจากไปโดยไม่ต่อสู้
“เกิดอะไรขึ้น?” หลินป้าต้าวกล่าวด้วยสีหน้าที่ดูแย่
“บางทีเสี่ยวยู่คงอยากให้เขาได้รับความอัปยศในการแข่งขันรอบสุดท้าย” ผู้าุโสามอธิบาย แต่ตัวเขาเองกลับไม่เชื่อแบบนั้น
ในการประลองรอบที่สอง ผู้ที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ หลินเชียน หลินหง หลินเฟิง หลินยู่ หลินอู๋ หลินเหิน หลินอิ่งและหลินลี่
รอบที่สามเป็การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ และเป็การต่อสู้แบบตัวต่อตัว ซึ่งต้องคัดออก 4 คน
ั์ตาของหลินอิ่งและหลินลี่ล้วนมองไปที่หลินเฟิง พวกเขาภาวนาในใจ ขอให้ได้คู่กับหลินเฟิง ถ้าหากได้ประลองกับหลินเฟิง พวกเขาจะได้ผ่านเข้ารอบต่อไปเพื่อก้าวไปยังรอบสี่คนสุดท้าย
“รอบแรก หลินเชียนสู้กับหลินอิ่ง” เมื่อผู้าุโหกกล่าวจบ สีหน้าของหลินอิ่งก็ดูซีดขาวทันที เพราะนี่เป็สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
“หลินเชียน แม้ว่าข้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเ้า แต่ ณ จุดนี้ ข้า้าที่จะต่อสู้ หวังว่าเ้าจะทำให้ข้าเห็นความแข็งแกร่งของเ้าสักหน่อย” ในเมื่อไม่มีทางเลือก หลินอิ่งมีเพียงแต่ต้องต่อสู้เท่านั้น ผู้คนแอบพยักหน้ายกย่องอย่างลับๆ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าต้องพ่ายแพ้แต่ก็ไม่ลังเลที่จะต่อสู้
“ก็ได้” หลินเชียนกล่าวอย่างเ็า ั์ตาที่ดูหยิ่งยโสเหลือบมองไปยังหลินอิ่ง
“ข้าจะลงมือแล้วนะ” หลินอิ่งะโและพุ่งเข้าไปโจมตีหลินเชียน กระทั่งจิติญญาแห่งนักรบก็ไม่ใช้ ถึงอย่างไรก็ต้องแพ้แน่นอน นางแค่อยากเห็นความแข็งแกร่งของขอบเขตแห่งจิติญญาว่าจะแข็งแรงสักแค่ไหน
“น้ำแข็ง” หลินเชียนะโ แม้ว่ามือของหลินอิ่งจะยังไม่ได้ัักับหลินเชียน แต่พริบตาเดียวการเคลื่อนไหวของหลินอิ่งก็เชื่องช้าลง และรู้สึกว่าร่างหนักขึ้นเป็พันจิน
เมื่อมือเรียวสวยของหลินเชียนได้ัับนร่างกายของหลินอิ่ง ทำให้หลินอิ่งกลายเป็ก้อนน้ำแข็งสีขาวราวกับหิมะ และแพร่กระจายไปทั่วร่างของนางในชั่วพริบตาเดียว
“แพ้” ฝ่ามือของหลินเชียนแตะไปบนร่างของหลินอิ่ง ร่างกายของหลินอิ่งได้ทรุดลงไปนอนกับพื้นและหนาวสั่นอย่างต่อเนื่องอยู่ตรงนั้น คล้ายกับผู้าุโสองเมื่อครู่ไม่มีผิด
“แข็งแกร่งยิ่งนัก นี่หรือคือพลังอำนาจของขอบเขตแห่งจิติญญา ดีนะที่ข้าไม่ต้องเจอกับหลินเชียน” คนอื่นๆ ต่างรู้สึกโชคดี บางส่วนก็เห็นอกเห็นใจหลินอิ่ง
“การประลองรอบแรก หลินเชียนเป็ผู้ชนะ รอบที่สอง หลินหงปะทะหลินยู่” ผู้าุโหกประกาศ
“ข้ายอมแพ้” หลินยู่ยิ้มอย่างขมขื่น เป็ธรรมดาที่เขาไม่สามารถต่อกรกับหลินหงได้ คาดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะต้องพ่ายแพ้ถึงสองครั้ง และถูกคัดออกได้เร็วขนาดนี้
“การประลองในรอบที่สอง หลินหงเป็ผู้ชนะ รอบที่สาม หลินเฟิงต่อสู้กับหลินลี่”
“เยี่ยม!” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของหลินลี่ หลินลี่เป็ผู้ฝึกยุทธ์ในระดับขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 8 นอกจากนี้เขายังคิดว่าตัวเองไม่สามารถเอาชนะคนอื่นๆ อีก 7 คนได้ ยกเว้นแค่หลินเฟิงเท่านั้น แน่นอนว่าเขาสามารถคิดเช่นนี้ได้... แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้