หลังจากนั้นเฉินเฟิงจึงกดวางสายโทรศัพท์
จริงๆ แล้วเขาก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าครอบครัวของหลิ่วอีอีเป็ยังไง
ถึงแม้ว่าเขาจะเคยไปนอนค้างที่บ้านหลิ่วอีอีเมื่อคืนก่อนหน้า แต่เขาก็รู้แค่ว่าบ้านเธอตกแต่งอย่างหรูหราตระการตา
ความทรงจำจากชาติก่อนบอกเขาว่า ภูมิหลังของหลิ่วอีอีนั้นไม่ธรรมดาเป็แน่
แต่เฉินเฟิงไม่รู้ว่า มันไม่ธรรมดาขนาดไหน
เพราะหลังจากที่เฉินเฟิงถูกจ้าวฉินเสวียสวมเขา เขาก็หมดความสนใจในเื่รักๆ ใคร่ๆ ไปหมดแล้ว
เขาทุ่มเททุกอย่างให้ตลาดหุ้นและธุรกิจอย่างเต็มที่!
ความเข้าใจของเฉินเฟิงในอดีตชาติเกี่ยวกับผู้หญิง มีแค่พวกเธอจะส่งผลต่อความเร็วในการซื้อขายหุ้นของเขาแค่นั้น
เขาในชาติก่อนชื่นชอบการแข่งขันในตลาดหุ้นและโลกธุรกิจมากกว่า เขาจึงไม่ได้สนใจจะหยุดพักเพื่อดูวิวทิวทัศน์ข้างทาง
หลังจากเกิดใหม่ในชาตินี้ เฉินเฟิงก็ได้รู้จักกับเ้าสัวอสังหาริมทรัพย์มากมาย
เขาไม่จำเป็ต้องต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนักหนาสาหัสเหมือนในชาติก่อน
ชาตินี้เขาสามารถชะลอความเร็วลง แล้วเพลิดเพลินกับชีวิตวัยรุ่นที่หนุ่มสาวทั่วไปควรได้รับบ้าง
ในที่สุดลิฟต์ก็หยุดลง เมื่อทุกคนออกจากลิฟต์ หยางฮุ่ยเหยียนก็ถามเฉินเฟิงอย่างอดไม่อยู่
"เมื่อกี้นี้คุณโทรเรียกแฟนมากินข้าวด้วยกันเหรอ?"
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินเฟิงจึงกระซิบตอบ
"พูดให้ชัดคือ เธอเป็คู่หมั้นของฉัน พรุ่งนี้พวกเราจะไปจดทะเบียนสมรสกัน แล้วเธอยังเป็ผู้ร่วมลงทุนอันดับสองกับผู้จัดการของบริษัทการเงินเฟิงฮวาเจว๋ต้ายของฉันด้วย ฉะนั้นแล้ว ได้โปรดอย่าเผลอตกหลุมรักฉันเด็ดขาด ไม่งั้นฉันคงลำบากใจน่าดู"
ด้วยประโยคนี้ เฉินเฟิงยกระดับสถานะของหลิ่วอีอีสูงขึ้นอีกหน่อยและตักเตือนหยางฮุ่ยเหยียนอีกครั้ง
แต่เอาเข้าจริง
ยิ่งเฉินเฟิงบอกให้หยางฮุ่ยเหยียนหยุดสงสัยในตัวเขา หรืออย่าชอบเขา
บางครั้งบางคราว
มันก็ส่งผลในทางตรงกันข้าม
ในตอนนี้ เงาของเฉินเฟิงค่อยๆ ฝังลึกลงไปภายในใจของหยางฮุ่ยเหยียนแล้ว
เพียงรออีกแค่ไม่กี่ปี เมื่อเธอโตเป็ผู้ใหญ่ เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ที่ฝังรากนี้คงงอกงามอย่างรวดเร็ว
"เอาจริงๆ ตอนนี้ฉันเริ่มอยากรู้จักคู่หมั้นของนายด้วย ผู้หญิงแบบไหนกันที่ทำให้ผู้ชายที่ไม่ได้รักเธอกลับยอมจดทะเบียนสมรสด้วย ฉันจำได้ว่านายเป็นักศึกษาปีสามใช่ไหม คนที่แต่งงานั้แ่ยังเรียนไม่จบแบบนี้ก็หาไม่ค่อยได้"
หยางกั๋วเฉียงครุ่นคิด
"เธอต้องใช้เวลาแต่งตัวสักพัก เธอบอกว่าไม่อยากทำให้ผมขายขี้หน้า...งั้นคุณอาจจะต้องรอนานสักหน่อย เดี๋ยวความอยากรู้อยากเห็นนั่นของคุณก็ได้รับคำตอบ"
เฉินเฟิงพูดพร้อมเผยรอยยิ้มบนใบหน้า เขาไม่ได้กังวลเื่ของหลิ่วอีอีเลยแม้แต่น้อย
เพราะว่าในสายตาของเฉินเฟิง หลิ่วอีอีคือผู้หญิงที่ฉลาดและพึ่งพาตนเองได้
พวกเขาคุยกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงงานเลี้ยงที่ผู้เฒ่าหวังจัดไว้ให้
ในฐานะเ้าภาพ ตอนนี้ผู้เฒ่าหวัง ภรรยา และลูกชายของเขารออยู่ที่โต๊ะแล้ว
"พี่หวัง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ ผมมางานมือเปล่าแบบนี้คงไม่ถือสากันนะครับ..."
เมื่อหยางกั๋วเฉียงเห็นผู้เฒ่าหวัง เขาก็ยิ้มกว้างและเข้าไปกอดเขาอย่างอบอุ่น
"มือเปล่าที่ไหนกัน? เห็นๆ กันอยู่ว่ามาพร้อมกับที่ดิน ไม่รู้จะขอบคุณยังไงเลย"
ผู้เฒ่าหวังเองก็พูดคุยต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เฉินเฟิงมองดูคุณนายหลิง ภรรยาของผู้เฒ่าหวัง เห็นได้ชัดว่าเธอเป็คุณนายที่ดูแลตัวเองดีมาก ดูจากรูปลักษณ์ที่ยังคงความสวยไว้ได้ จากนั้นจึงมองไปที่หนูน้อยเสี่ยวหวังในวัยเจ็ดขวบที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
'ไม่คิดเลยว่าตอนเด็กจะดูน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้...'
เฉินเฟิงคิดในใจ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าคุณชายหวังตัวน้อยคนนี้ที่ในอนาคตจะรู้จักกันในชื่อ "สามีแห่งชาติ" ตอนเด็กจะดูน่ารักน่าเอ็นดู
"เฉินเฟิง นี่ลูกชายฉันเอง เสี่ยวหวังตัวน้อย ในอนาคตคงต้องฝากนายสั่งสอนเขาให้ดีๆ แล้ว"
เมื่อผู้เฒ่าหวังเห็นเฉินเฟิงจ้องมองลูกชายของเขา เขาจึงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
"ไม่ต้องกังวล ผมจะปลูกฝังเขาให้เห็นมุมมองของชีวิตอย่างที่ควรจะเป็"
เฉินเฟิงตอบรับอย่างเป็ธรรมชาติ เขาถือว่าตนเองเป็พ่อบุญธรรมของเสี่ยวหวังแล้ว
"ทางนี้คือภรรยาของฉัน ประธานบริษัทหลิงกรุ๊ป ว่าที่แม่บุญธรรมของนาย"
ผู้เฒ่าหวังผายมือไปทาง หลิงหนิง ภรรยาของเขา แล้วแนะนำตัวเธออย่างเป็ทางการ
"หลังจากพวกเราเซ็นสัญญาการเดิมพันแล้ว ผมจะเรียกคุณว่าแม่บุญธรรม"
เฉินเฟิงมองหลิงหนิงอีกครั้ง ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อกินมื้อดึกเป็หลัก
แต่มาเพื่อทำให้สัญญาการเดิมพันฉบับแรกกับผู้เฒ่าหวังบรรลุข้อตกลง
แม้ว่าทั้งสองจะทำสัญญาปากเปล่าแล้ว แต่เฉินเฟิงก็ยังกังวลว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
สัญญาปากเปล่าใดๆ ย่อมไม่ปลอดภัยเท่าสัญญาที่เขียนเป็ลายลักษณ์อักษร
หลังจากเซ็นสัญญาการเดิมพันกันแล้ว ก็จะเป็เวลาเซ็นสัญญาโอนส่วนแบ่งยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเฉียนต๋ากรุ๊ปให้เฉินเฟิงเช่นกัน
เมื่อสองสัญญานี้ถูกลงนามแล้ว เฉินเฟิงจึงจะสามารถพูดคุยเกี่ยวกับสัญญาการเดิมพันกับหยางกั๋วเฉียงต่อได้
ความคิดของเฉินเฟิงนั้นค่อนข้างสมเหตุสมผลในทางปฏิบัติ เพราะว่าพ่อแม่แท้ๆ ของเขายังมีชีวิตอยู่ ไม่จำเป็ต้องรีบหาพ่อแม่บุญธรรมอะไรขนาดนั้น
เหตุผลที่เขาต้องยอมรับพ่อแม่บุญธรรมนั้น มีเพียงเพื่อให้ได้หุ้นของเฉียนต๋ากรุ๊ปมาครองอย่างราบรื่น
ถ้าไม่อย่างนั้น การปล่อยให้ผู้เฒ่าหวังเซ็นสัญญาเดิมพันอย่างเดียวโดยไม่รับเขาเป็พ่อบุญธรรม อาจทำให้ผู้เฒ่าหวังรออยู่เฉยๆ จนถึงปี 2016 ปีที่เขากลายเป็มหาเศรษฐี แล้วเขาจะค่อยโอนส่วนแบ่งยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเฉียนต๋ากรุ๊ปให้เขา
แต่ถ้าพวกเขาเป็พ่อลูกบุญธรรมกัน ระยะเวลาของการเดิมพันก็สามารถย่นลงได้
ผู้เฒ่าหวังจะต้องโอนหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเฉียนต๋ากรุ๊ปให้กับเฉินเฟิงทันทีหลังจากเซ็นสัญญาการเดิมพัน
เฉินเฟิงไม่้ารับใครเป็พ่อบุญธรรมโดยไม่มีเหตุผลดีๆ รองรับ
เขาต้องหาทางเอาคืนจากลูกชายของผู้เฒ่าหวังอย่างคุณชายเสี่ยวหวังตัวน้อยคนนี้ให้ได้ นั่นจึงเป็เหตุผลที่ทำให้เขาร้องขอการเป็พ่อบุญธรรมของเด็กคนนี้
ทางด้านหลิงหนิงเองก็มองดูเฉินเฟิงด้วยสายตาจริงจังเช่นกัน เห็นว่าเขาหล่อเหลาไม่ธรรมดา สักวันเขาต้องกลายเป็บุคคลที่ยิ่งใหญ่ได้แน่ๆ
เธอเผยรอยยิ้มจางๆ พร้อมตอบรับคำพูดของเฉินเฟิง
"ไม่เป็ไร เธอกับตาเฒ่าหวังเป็พ่อลูกบุญธรรมกันไป ส่วนเธอกับฉันเราเป็พี่น้องกันก็ได้ เรียกกันตามแต่ใครจะสะดวก"
เห็นได้ชัดว่าหลิงหนิงอายุประมาณสามสิบปี คงไม่อยากเป็แม่บุญธรรมของชายหนุ่มวัยรุ่นอย่างเฉินเฟิง
เมื่อได้ยินดังนั้น หยางกั๋วเฉียงจึงพูดแทรกขึ้น
"'ตามแต่ใครจะสะดวก' เหรอ พูดได้ดี ตอนนี้ผมเองก็อยากสาบานเป็พี่น้องกับหลานชายเฉินเฟิงแล้วสิ..."
แน่นอนว่าหยางกั๋วเฉียงเพียงแค่พูดเล่น เพราะว่าผู้เฒ่าหวังซึ่งอายุมากกว่าเขาเพียงปีเดียวได้กลายเป็พ่อบุญธรรมของเฉินเฟิงไปแล้ว
หากเขาสาบานเป็พี่น้องกับเฉินเฟิง แบบนั้นเขาก็ต้องเป็ลูกบุญธรรมของผู้เฒ่าหวังด้วยสิ?
แม้จะพูดว่า 'ตามแต่ใครจะสะดวก' ปกติธรรมดา แต่ฟังดูมันก็ไม่ค่อยน่ารื่นรมย์เท่าไหร่นัก
แต่บรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดติดตลกของหยางกั๋วเฉียง
"ผู้เฒ่าหวังครับ ก่อนเริ่มมื้อดึก พวกเรามาเซ็นสัญญาก่อนดีกว่า เนื้อหาการเดิมพันที่ผมพูดไว้ก่อนหน้านี้ คุณน่าจะจำและเขียนลงในสัญญาแล้วใช่ไหมครับ?"
เฉินเฟิงไม่มีความสนใจอาหารมื้อดึกบนโต๊ะเลย เขาเข้าสู่ประเด็นหลักทันทีที่นั่งลง
"ฉันเตรียมสัญญาไว้แล้ว มาตรวจดูหน่อย ถ้าไม่มีปัญหาก็ลงนามได้เลย"
ตอนนี้ผู้เฒ่าหวังกังวลมากว่าเฉินเฟิงจะไม่เซ็นสัญญาการเดิมพันกับเขา เขาจึงรีบหยิบสำเนาสองชุดออกจากกระเป๋าเอกสารด้วยมือตัวเอง
เพราะตอนนี้เฉินเฟิงรู้จักประธานของปี้หลงเหยียนกรุ๊ปแล้ว หากเฉินเฟิงเปลี่ยนใจไปเซ็นสัญญากับคนอื่นเข้า แบบนี้เขาก็ขาดทุนแย่สิ
หลังจากเฉินเฟิงรับสำเนาสองชุดจากผู้เฒ่าหวัง เขาก็ส่งต่อหนึ่งชุดให้กับหยางกั๋วเฉียงที่กำลังอยากรู้อยากเห็นเื่ชาวบ้านได้อ่าน
