หลังจากที่ไอค์ออกจากห้องไป ซาจือก็กอดเอวของหร่านซวี่จือไว้แน่น แล้วเอ่ยถามเสียงใส “พี่ชาย พี่เหมือนกับหนูอย่างนั้นหรือ? ”
หร่านซวี่จือใช้ปลายนิ้มััผมของเธอ และเนื่องจากเขาไม่ได้พูด ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าเขายอมรับ
พยาบาลจดบันทึกข้อมูลไว้หมดแล้วเอ่ยว่า “คุณทังเหวย ตอนที่เราตรวจ DNA ของคุณ เราพบบางสิ่งที่แปลกประหลาด อีกสักครู่จะมีคุณหมอที่รักษามาชี้แจงสถานการณ์ให้คุณฟังนะคะ”
หร่านซวี่จือเกิดความรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
สองสามนาทีผ่านไป ก็มีหมอสวมชุดกาวน์สามสี่คนเดินเข้ามา คนหน้าสุดถอดผ้าปิดปากออก เผยให้เห็นหน้าตาที่แก่ชรา “ทังเหวย? ”
หร่านซวี่จือพยักหน้า
“อีกเดี๋ยวจะให้คุณทำความเข้าใจได้โดยง่าย” คุณหมอให้พยาบาลเปิดโปรเจกเตอร์ในห้องผู้ป่วย ส่วนหมออีกหนึ่งคนก็วางฟิล์มเอกซเรย์ไว้บนนั้น ตรงกำแพงจึงมีภาพ DNA ฉายเป็ภาพวิดีโอ 3D
“นี่คือ DNA ของคุณ” หมอชี้ไปหนึ่งในภาพนั้น “นี่คือ DNA ของ DS เพียงตัวเดียวที่ศูนย์วิจัยของรัฐบาลเปิดเผยออกมา”
“ความคล้ายคลึงของพวกคุณอยู่ที่ร้อยละแปดสิบ” หมอท่าทางตึงเครียด “นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจนถึงตอนนี้”
“แต่ว่า คุณกับ DNA ตัวนั้นมีความแตกต่างทางด้านกายภาพ DS คือระดับสูงสุดของซอมบี้ที่มีอยู่และเป็ผู้นำของเหล่าซอมบี้ แม้ว่าคุณจะคล้ายกับ DS ที่มีความสามารถในการรวบรวมซอมบี้ แต่มีบางส่วนของ DNA ที่ซอมบี้ทั่วไปไม่สามารถแบ่งแยกออกได้ พวกเขาจะถูกคุณดึงดูด จากนั้นก็จะมาหาคุณแต่จะไม่มีทางฟังคำสั่งของคุณ และจะฆ่าคุณ ดังนั้น”
“คุณคือเป้าหมายโจมตีของซอมบี้ทั้งหมด”
จนถึงตอนนี้ ในที่สุดหร่านซวี่จือก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหลายวันมานี้ ทีมของเขาถึงได้เจอการโจมตีจากเหล่าซอมบี้หลายครั้งหลายครา และสาเหตุที่ทำไมทีม G8 ถึงได้เจอกับฝูงซอมบี้อย่างไม่คาดคิดจนถึงขั้นสูญสิ้น
เหมือนกับที่ปิงโหยวจี้พูดไว้ไม่มีผิด เพราะเขาเป็คนก่อเื่ที่น่าเศร้าทั้งหมด และเขาคือต้นตอของความชั่วร้ายทั้งหมด
เพราะว่าเพิ่งผ่านการกำเนิดความใคร่มา ร่างกายของหร่านซวี่จือจึงยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ บวกกับาแน้อยใหญ่บนตัว ทำให้คิดว่าคงยังไม่สามารถเดินได้ใน่เวลานี้
ขณะที่กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น หร่านซวี่จือก็รู้สึกว่ามีคนเอามือมาวางทาบบนหน้าผากของตนเอง
“รอจนถึงหน่วยบัญชาการ ฉันจะพานายไปจดทะเบียนสมรส”
ฝ่ามือนั้นอบอุ่นอย่างมากและมันก็ส่งผ่านความรู้สึกที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นวางใจ
ศีรษะของหร่านซวี่จือนั้นขยับเข้าหาทิศทางนั้นอย่างไม่รู้ตัว
หรือบางทีการผสานของอัลฟ่ากับโอเมก้านั้นยิ่งทำให้รู้สึกว่าใกล้ชิดกันมากขึ้นก็เป็ได้ ขอเพียงสถานที่ที่มีปิงโหยวจี้อยู่ก็ทำให้ความกังวลใจและไม่ปลอดภัยก็จะหายไปหมดสิ้น
หากตนเองนั้นอยู่ในโลกนี้จริง บางทีอาจจะยินดีอยู่ที่นี่ตลอดไปเลยก็ได้
อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตัวคนเดียว
รุ่งเช้าของสองวันถัดมา ทีม V5 ก็เตรียมออกเดินทาง
ครั้งนี้โชคดี ฐานย่อยนั้นได้จัดเตรียมเฮลิคอปเตอร์สำหรับกองกำลังพิเศษไว้ให้พวกเขา อีกทั้งยังสำรองน้ำมันไว้ให้พร้อม หากระหว่างทางไม่เจอเื่ไม่คาดคิดอะไร วันนี้ก็น่าจะเดินทางไปถึงที่หมายได้
หร่านซวี่จือกอดปืนและนั่งอยู่ข้างประตูห้องโดยสารของเฮลิคอปเตอร์ เท้าข้างหนึ่งหย่อนอยู่ด้านนอก ดวงตาเหม่อมองไปไกล
หร่านซวี่จือ: “สองสามสาม ถ้าหากว่าซวี๋ฮ่าวไปถึงหน่วยบัญชาการอย่างปลอดภัย ก็เท่ากับว่าภารกิจของฉันเสร็จสิ้นใช่ไหม? ”
ระบบ: “ใช่ครับ”
“ทังเหวย นั่งตรงนี้อันตรายมาก หรือไม่นายก็เข้าไปข้างในไหม? ” ไอค์หันศีรษะแล้วเตือนหร่านซวี่จือ
คนทั้งหมดในทีมรู้ว่าหร่านซวี่จือคือโอเมก้าแล้ว อีกทั้งยังเป็โอเมก้าของปิงโหยวจี้ด้วย ดังนั้นการพูดจาเหมือนแต่ก่อนจึงเป็การไม่สมควรอย่างยิ่ง
ั้แ่เกิดเื่กับหร่านซวี่จือ ซวี๋ฮ่าวก็ไม่กล้าเข้าหาและพูดคุยกับเขา เหมือนว่ายังคงรู้สึกผิดกับเื่ที่ตนเองได้ก่อไว้
ท่าทีที่เปลี่ยนชัดที่สุดเห็นจะเป็เควิน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ่นี้เวลาเควินเจอหร่านซวี่จือนั้นเหมือนกับถูกฟ้าผ่า เขาเดินเหมือนิญญาหลุดลอย ดูแล้วไม่ต่างอะไรจากซอมบี้เลย
หร่านซวี่จือพยักหน้าและลุกขึ้นจากขอบประตู
ขณะยังไม่ทันยืนมั่นคง ทันใดนั้นเฮลิคอปเตอร์ก็สั่นไหว
คนทั้งหมดบนนั้นก็สั่นไหวอย่างรุนแรงไปด้วย มีอัลฟ่าคนหนึ่งศีรษะกระแทกกับผนังห้องโดยสารด้านหลัง จนเกิดความรู้สึกโมโหเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้นกัน? ”
ปิงโหยวจี้ยืนอยู่ตรงขอบประตูและใช้มือยันประตูไว้ เขามองลงไปด้านล่างพร้อมกับขมวดคิ้ว ท่าทางเคร่งเครียด “นี่มัน...”
หร่านซวี่จือเองก็งงๆ จึงตะเกียกตะกายให้ร่างกายมั่นคงแล้วคลานไปดู
“พระเ้า...” ซาจือปิดปากตนเองแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ซอมบี้เยอะแยะเลย...”
ระดับความสูงของเฮลิคอปเตอร์เพียงแค่ไม่กี่สิบเมตร มองจากหน้าต่าง้าลงมาด้านล่าง สามารถมองเห็นซอมบี้ยั้วเยี้ยที่กำลังไหวตัว อีกทั้งยังสามารถเห็นได้ว่ามันเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว
“นี่มันฝูงซอมบี้คลั่ง” ปิงโหยวจี้ใบหน้าตึงเครียด “สถานที่แบบนี้ ทำไมถึงมีฝูงซอมบี้คลั่ง? ”
“ได้ยินว่า ทีม G8 ก็เจอสถานการณ์แบบนี้” เควินเอ่ย “ลีวาย เราจะทำอย่างไรดี? ”
“ระยะห่างจากหน่วยบัญชาการยังเหลืออีกเท่าไหร่? ”
“น่าจะราวสามร้อยกิโลเมตร ดูจากปริมาณน้ำมันตอนนี้น่าจะได้” คนขับตอบ
อุปกรณ์ติดต่อสื่อสารนั้นแบตเตอรี่หมดนานแล้ว หากว่าตอนนี้ยังไม่สามารถรายงานเื่ฝูงซอมบี้คลั่งนี้ให้กับหน่วยบัญชาการรับรู้ เกรงว่าคงเกิดโศกนาฏกรรมใหญ่หลวงแน่
อีกทั้งตำแหน่งของหน่วยบัญชาการนั้นเป็ความลับ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีซอมบี้ที่รู้ หากเปิดเผยออกไป คงจบเห่แน่นอน
ในที่สุดหร่านซวี่จือที่โซเซไปมาก็จับประตูแล้วลุกขึ้นมาได้ เบื้องหน้าที่ปรากฏอยู่คือซอมบี้นับพันนับหมื่นที่กำลังปีนขึ้นมายังทิศทางที่เฮลิคอปเตอร์อยู่
หลายตัวที่พุ่งมาด้านหน้าคือ HB ปิงโหยวจี้เตรียมหยิบปืนออกมาจากในลังหนึ่งกระบอก จากนั้นก็ะเิศีรษะตัวด้านหน้าสุด
คนในทีมทุกคนจึงเริ่มเล็งยิง HB ที่อยู่ข้างล่าง
แต่ก็เปล่าประโยชน์ เพราะมีซอมบี้ปีนขึ้นมาจากรอบทิศมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังกลืนกินทุกอย่างที่กีดขวางพวกมันไม่ให้มาถึงตรงนี้
“หัวหน้า! ” คนขับะโ “ด้านหน้าก็เป็เขตแดนหน่วยบัญชาการแล้ว ทำอย่างไรดีครับ? ”
“ไปที่อื่นก่อน! รอจนซอมบี้ถอยออกไปก่อนค่อยลงจอด! ” ปิงโหยวจี้ะโ
“แต่ว่าน้ำมันสำรองใกล้จะหมดแล้วนะครับ! ”
ซาจือกับซวี๋ฮ่าวใจนใบหน้าซีดเผือดไม่มีสี ทั้งสองคนหดตัวตัวสั่นอยู่ตรงมุม
หร่านซวี่จือเม้มปากแล้วค่อยๆ แกะมือของซาจือที่จับเสื้อเขาไว้แน่นออก
“ปิงโหยวจี้” หร่านซวี่จือลุกขึ้นยืน “พวกนายขับตรงไปทางหน่วยบัญชาการเถอะ ฉันมีวิธี”
คนทั้งหมดหันมามองหร่านซวี่จือด้วยความหวัง
“ไม่ต้องใช้วิธีนายหรอก! ” ใบหน้าของปิงโหยวจี้นั้นเย็นะเือย่างไม่มีสิ่งใดเทียบได้ แววตาเหี้ยมโหดของเขาทิ่มแทงหร่านซวี่จือ
“ถอยไป ฉันเอง” ปิงโหยวจี้เอ่ยกับคนขับ
ะเิของเฮลิคอปเตอร์ถูกเล็งไปจุดที่มีซอมบี้ HB กระจุกรวมมากที่สุด อย่างไรก็ตาม การจัดการเก็บซอมบี้ที่ฉลาดนั้นเป็วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้
หร่านซวี่จือมองเห็นฝูงซอมบี้ล้มตัวลงเป็แถบแต่กลับมีซอมบี้นับไม่ถ้วนปีนขึ้นมาอีก
“ซวี๋ฮ่าว” หร่านซวี่จือปลดปืนบนตัวลงมาแล้ววางไว้ข้างซวี๋ฮ่าว “ฝากซาจือกับพวกนายหน่อยนะ”
เขากดมือลงบนไหล่ของซวี๋ฮ่าว ดวงตาจ้องมองที่เขาอย่างตั้งใจ ในแววตานั้นแฝงหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย
สี่เดือนก่อนหน้านี้ เพราะเขา ทีมที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีของประเทศชาติต้องถูกฝูงซอมบี้กัดกิน
ขณะนี้เฮลิคอปเตอร์ลำนี้ได้ขนความหวังที่จะช่วยกู้มวลมนุษยชาติ
ความผิดพลาดในอดีต ณ ตอนนี้ ไม่สามารถชดใช้คืนได้
หร่านซวี่จือเดินไปริมประตู สุดท้ายเขาก็หันศีรษะมองดูเงาด้านหลังของปิงโหยวจี้
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องราวกับหัวใจฉีกขาดของซาจือ หร่านซวี่จือะโลงจากเฮลิคอปเตอร์