จุนห่าวเรียกบริกรมาสอบถามข้อมูลเล็กน้อย “่นี้มีเื่อะไรเกิดขึ้นในเมืองซวงหวาบ้างไหม”
บริกรคนนี้เป็คนฉลาด อีกทั้งร้านอาหารของพวกเขาก็ทำธุรกิจกระจายข่าวด้วยเช่นกัน ถ้ามีเงิน จะให้เขาเล่าเื่อะไรก็ย่อมได้
“ท่านอยากทราบข่าวแบบไหนหรือ เพราะราคาของข่าวแต่ละเื่จะแตกต่างกันขอรับ” บริกรกล่าว
“เื่เงินข้าไม่ติดอยู่แล้ว พูดมาทุกเื่นั่นแหละ ขอข่าวเด็ด ๆ เป็หลักแล้วกัน” จุนห่าวตอบ พร้อมนำตั๋วเงินกองหนึ่งออกมาวางไว้บนโต๊ะ
เมื่อบริกรเห็นตั๋วเงินกองนั้น ดวงตาของเขาก็แวววับ เขาเอ่ยขึ้นว่า “หากเป็ข่าวเด็ด ข้ามีอยู่หนึ่งเื่ขอรับ เป็ข่าวของหลานชายเพียงคนเดียวของท่านเ้าเมือง”
“ไหนเล่ามาซิ?" จุนห่าวถาม เขาอยากจะถามข่าวคราวของเซ่าหานอี้อยู่พอดี ราวกับของที่สั่ง ได้มาส่งถึงหน้าประตูแล้ว หรือถ้าเปรียบให้ง่ายกว่านี้ ก็เหมือนกับคนง่วงนอน แล้วมีคนมายื่นหมอนให้
“เื่นี้เป็ข่าวที่รู้กันเฉพาะร้านของเรา ยังไม่ได้ถูกแพร่กระจายออกไปขอรับ หลานชายเพียงคนเดียวของท่านเ้าเมืองถูกอนุภรรยาคนใหม่ของเขาที่เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน ทำให้สิ่งนั้นของเขาใช้การไม่ได้ขอรับ ข้าได้ยินว่า ตอนนี้ความเป็ชายของเขาได้หมดสิ้นไปแล้ว เขา่ชิงอนุภรรยาผู้นี้มาจากการต่อสู้บนถนนก่อนหน้านี้ไม่นาน อนุภรรยาผู้นี้มีนามว่า ‘จางหนิง’ ความเป็จริงคือจางหนิงมีคนรักอยู่แล้ว และไม่ได้ยินยอมทีจะเป็อนุภรรยาของเซ่าหานอี้ ด้วยเหตุนี้เซ่าหานอี้จึงข่มขู่จางหนิงด้วยชีวิตของคนรักของจางหนิง สุดท้ายเพื่อรักษาชีวิตของคนรัก จางหนิงก็ถูกบีบบังคับจนยอมตกลง เซ่าหานอี้จึงพาจางหนิงกลับไปที่จวนในเมืองอย่างมีความสุข โดยไม่ได้คาดคิดว่า จางหนิงจะเป็คนแกร่งกร้าวและหยิ่งในศักดิ์ศรี ตอนที่เซ่าหานอี้กำลังปลุกปล้ำจางหนิง จางหนิงได้ตัดสิ่งนั้นของเซ่าหานอี้จนขาด มีหลายคนได้ยินเสียงร้องะโโหยหวนอย่างน่าสังเวชของเซ่าหานอี้ เซ่าหานอี้ร้องโหยหวนจนสลบไป ณ ตรงนั้นเลยขอรับ”
พอจุนห่าวและหานรุ่ยได้ฟังถึงตรงนี้ ก็เหลือบมองกันและกัน พวกเขารู้สึกกังวล เพราะไม่คิดว่า จางหนิงจะดุดันถึงเพียงนี้ ทั้งเื่ที่เลือกยอมตายดีกว่ายอมอับอาย ไหนจะเื่ตัดเ้าโลกของเซ่าหานอี้ทิ้ง เพื่อแก้แค้นให้ตัวเองอีก
“ถ้าอย่างนั้นจางหนิงที่ไปตัดเ้าโลกของเซ่าหานอี้ทิ้งนั้น ถูกลงโทษอย่างไรหรือ!?” จุนห่าวเอ่ยถาม พลางคิดในใจว่า ‘หวังว่าจะยังทันเวลาอยู่นะ’
“จากข้อมูลที่ทางเราได้รับมา จางหนิงผู้นี้ถูกท่านเ้าเมืองเซ่าสั่งจำคุกขอรับ พอเขาได้ยินว่า หลานชายของตนเองถูกตัดองคชาตจนขาด ท่านเ้าเมืองก็โกรธเป็ฟืนเป็ไฟ เพราะเื่นี้ถือว่าเป็การตัดธูปของตระกูล ถ้าไม่โกรธก็คงจะแปลก ตอนนั้นเขาอยากจะฆ่าจางหนิงทิ้งไปเสียเลย แต่เซ่าหานอี้คัดค้านไว้ก่อน”
เมื่อเล่าถึงตรงนี้ บริกรก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่งและกล่าวต่อว่า “พวกท่านอย่าคิดว่า การที่เซ่าหานอี้ไม่เห็นด้วย เป็เพราะเขายังอาลัยอาวรณ์ต่อจางหนิงอยู่นะขอรับ แต่เป็เพราะเขาตั้งใจจะทรมานจางหนิงให้เ็ปต่างหาก ถึงจะสามารถบรรเทาความแค้นในใจเขาได้ แต่เดิมจางหนิงก็ถูกเซ่าหานอี้แย่งมาจากข้างถนน เซ่าหานอี้ก็คงไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยมากอยู่แล้ว จากข้อมูลที่เราได้รับมา ตอนนี้จางหนิงถูกทรมานทุกวัน ข้าได้ยินมาว่า เขาคงจะทนได้อีกไม่นานแล้ว อีกทั้งพ่อและพี่ชายของเขาก็ถูกเซ่าหานอี้ฆ่าตายไปแล้ว กลุ่มทหารรับจ้างของพ่อจางหนิงก็ถูกยุบไปแล้วเช่นกัน จริง ๆ ข้าก็สมน้ำหน้าพ่อและพี่ชายของจางหนิงอยู่เหมือนกัน พวกเขาคิดแต่จะขายจางหนิงให้แก่ตระกูลเซ่าเพียงอย่างเดียว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรจากตระกูลเซ่าเลย แถมยังต้องมาจบชีวิตเช่นนี้อีก สถานการณ์ของตระกูลเซ่าในตอนนี้ ช่างน่าเศร้าและน่าหดหู่ยิ่งนัก ตระกูลเซ่าไม่อาจมีทายาทสืบสกุลได้และเริ่มเปิดศึกกันแล้ว หากให้ข้าพูด เป็เพราะเซ่าหานอี้ทำเื่ไม่ดีเอาไว้มาก ถึงได้พบจุดจบเช่นนี้นั่นแหละ สมน้ำหน้าจริง ๆ ส่วนเ้าเมืองเซ่าก็แก่จนเลอะเลือน ไม่รู้จักควบคุมเซ่าหานอี้เอาเสียเลย ทั้งหมดนี้ คือ ผลกรรมของเขาแหละขอรับ ท่านเ้าเมืองจึงต้องมาเผชิญกับสถานการณ์ที่สิ้นหวังของหลานชายเช่นนี้”
จุนห่าวคิดไม่ถึงว่า เ้าหนุ่มนี่จะใจกล้าถึงเพียงนี้ แม้แต่เ้าเมืองเซ่า ก็ยังกล้าพูดลับหลังเขาได้ถึงขนาดนี้ เขายกย่องในความกล้าหาญของเ้าหนุ่มนี่จริง ๆ เขาเห็นด้วยกับความคิดสุดท้ายที่เ้าหนุ่มคนนี้พูด เพียงแต่เขาไม่ได้พูดมันออกมาเท่านั้น
“นอกจากข่าวนี้ ยังมีเื่อื่นอีกไหม?” จุนห่าวถามพลางเคาะโต๊ะด้วยมือขวาไปด้วย แม้ว่าเขาจะได้ทราบเื่ที่เขาอยากรู้แล้ว แต่เขาก็ยังอยากรู้ข่าวอื่น ๆ ของเมืองซวงหวาด้วย เพราะการมีข้อมูลที่มากพอเท่านั้น ถึงจะทำให้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
