ฉันเลิกคิ้วขึ้น เอาเถอะคิดซะว่าฉันไม่ได้ถามแล้วก็ไม่ได้ยินที่เขาพูดละกัน
“สู้ๆ นะ” ชิงิยกกำปั้นให้ฉัน ฉันยกกำปั้นขึ้นมาแล้วชนเข้ากับมือของเขา
“ผม ผมไปส่งนะ” ซืออีนั่วลุกขึ้นยืนอย่างขลาดกลัว อุ้มงูขาวนั่นไว้ในอ้อมแขน ดูๆ ไปแล้วเขาน่าจะอายุไม่เยอะฉันยิ้มตาหยีมองเขา “นายเข้าร่วมการทดสอบด้วยรึเปล่า” หน้าเขาแดงขึ้นมาจากนั้นก็หลบอยู่ข้างหลังงูขาวนั่นก่อนจะพูดออกมาเบาๆ
“ผม...ผมซ้ำชั้น”
“...” เอ่อคิดซะว่าฉันไม่ได้ถามก็แล้วกันนะ
“ฉันก็เหมือนกัน...” เหมาเหมายกมือขึ้นช้าๆ หลังจากนั้นชิงิ เจียงเหยี่ยนก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นมาเงียบๆ
ฉันกระตุกยิ้มมุมปากบางทีฉันอาจจะไม่ซ้ำชั้นก็ได้ เพราะแม้แต่เข้าเรียนสำหรับฉันยังยากเลย!
พอถึงหน้าประตูฉันก็ปฏิเสธเสี่ยวนั่วออกไป“ไม่ต้องไปส่งหรอกเดี๋ยวนายจะขายหน้าซะเปล่าๆ”
ซืออีนั่วมองหน้าฉันจู่ๆ ชิงิก็พูดขึ้นมา“ต้องมีสไตล์”
ฉันมองสายตาที่จริงจังของชิงิเขาพูดถูกต่อให้ฉันจะเป็คนธรรมดาต่อให้คนอื่นจะมองฉันไม่ดีแต่ฉันก็ต้องมีสไตล์ของตัวเอง
“โอเคงั้นฉันให้เสี่ยวนั่วไปส่ง” ฉันเดินออกไป สะบัดผมแรงๆและเราจะบินไป
“อื้อ” ซืออีนั่วรับคำด้วยเสียงหนักแน่นจากนั้นงูขาวตัวนั้นก็กลายเป็งูหลามสีขาวตัวใหญ่ั์ในทันที ฉันรีบขึ้นไปนั่งและพวกเราก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมาเหมา เจียงเหยี่ยน และชิงิยืนส่งพวกเราอยู่ที่หน้าประตูถึงแม้ว่าฉันจะรู้จักพวกเขาแค่วันเดียวแต่ฉันก็ชอบพวกเขามากจริงๆ
การทดสอบของนักศึกษาใหม่จะไม่อนุญาตให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในเขตที่ทดสอบแต่ทางมหาลัยจะมีการถ่ายทอดสดให้ดูซึ่งพวกเขาสามารถติดตามดูการทดสอบของฉันอยู่ภายในหอพักได้
เหมือนได้ออกทีวีเลยดังนั้นฉันต้องทำให้ดีที่สุดจะไม่หนีไปไหนจนวินาทีสุดท้ายเพื่อไม่ให้พวกเขาต้องขายหน้าและก็เพื่อตัวฉันเองและต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของคนธรรมดาด้วย
แต่ว่าถ้าฉันอยู่ไม่ถึงวินาทีสุดท้ายล่ะ
โอ๊ยยยยย คุณผีทั้งหลายทั้งชีวิตนี้ฉันยังไม่เคยเจอพวกเธอเลย แต่จู่ๆ ก็ต้องมาจับพวกเธอ ต่อให้เป็การจับไก่แต่ถ้าไม่เคยฝึกมันก็จับไม่ได้อยู่ดีนะ
ฉันนั่งอยู่บนลำตัวของงูหลามขาว บอกตัวเองให้หยุดคิดอะไรฟุ้งซ่านยังไงซะมันก็เป็เื่ที่ช่วยไม่ได้ฉันร้องะโออกมา
“อ้าาาาาาาา วู้วววววววแค่ก แค่ก แค่ก!!!” บินสูงเกินไปแล้วแต่แบบนี้ก็รู้สึกผ่อนคลายดีเหมือนกัน
และในตอนนี้หอประชุมสีขาวขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นมาสู่สายตาของฉันอาคารด้านล่างเป็อาคารขนาดใหญ่ราวกับวิหารกรีกโบราณ
หลังคาสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีขาวด้านล่างเป็เสาหินขนาดใหญ่พื้นกระเบื้องโปร่งใสรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีการจัดเรียงอย่างประณีตและสวยงาม
เสี่ยวไป๋ส่งฉันลงที่บันไดขั้นแรกซืออีนั่วมองฉันผ่านกลุ่มผมหน้าม้านั่นอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“สู้ๆ นะครับพี่เสี่ยวหลัน” พูดจบเขาก็ขี่งูขาวบินจากไป
ฉันเก็บกระดาษที่เจียงเหยี่ยนให้ฉันแล้ววิ่งขึ้นบันไดสีขาวนั้นบันไดโปร่งแสงส่องประกายดูสวยงามอย่างกับวิหารของเทพเ้า
ทันใดนั้นฉันก็เห็นเด็กสาวที่มากับผีกองกอยแต่เธอไม่ได้หันมามองฉัน
"ฟึบ!" เสียงหนึ่งดังขึ้นและเธอก็ะโผ่านหน้าฉันขึ้นไปจากนั้นผีกองกอยที่ตามเธอมาก็ะโผ่านฉันไปและหันมามองฉัน “อ้า...”
เอาเถอะคิดซะว่านี่เป็การทักทายของเขาละกัน เพราะมีแค่เขาคนเดียวที่หันมาทักทายฉันฉันจึงยิ้มและโบกมือให้เขา “สู้ๆ นะ”
เขากะพริบตาปริบๆ “อ้า...” จากนั้นเขาก็ะโขึ้นไป
ต่อมาฉันก็เห็นผู้คนที่เคยเห็นตอนอยู่ที่ห้องพักผู้โดยสารหลายคนมารวมกลุ่มกันอยู่ทุกคนล้วนแต่ะโขึ้นไปเหมือนกับที่เห็นในการ์ตูนแต่ฉันนี่เหนื่อยอย่างกับหมาแล้วเนี่ย
ฉันเดินขึ้นบันไดที่สูงอย่างกับจะฆ่าคนนี่อย่างยากลำบากสมควรแล้วแหละที่ฉันจะเป็คนสุดท้าย ข้างหลังฉันไม่มีใครแล้วนี่พวกเขาคิดจะถามความรู้สึกของคนธรรมดาอย่างฉันบ้างไหมเนี่ย อย่างเช่นว่าควรจะมีลิฟต์สักหน่อยอะไรแบบนี้
ในตอนที่ฉันมองขึ้นไปฉันก็เห็นทุกคนยืนอยู่บนพื้นหินสี่เหลี่ยมจัตุรัสนั้นอย่างเป็ระเบียบและดูเหมือนท่าทางทุกคนล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์กันมาแล้วทั้งนั้น
ฉันเห็นหินแผ่นสุดท้ายยังว่างอยู่จึงเข้าไปยืนบนแผ่นหินนั้นพลางพรูลมหายใจด้วยความเหนื่อยหอบ
“ขอแสดงความยินดีกับนักศึกษาทุกคนที่เข้ามาเรียนที่มหาลัยเทพและปีศาจแห่งนี้อย่างราบรื่นและเริ่มต้นบทเรียนใหม่...” มีเสียงผู้หญิงดังมาจากท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งฉันแหงนหน้าขึ้นไปมองก็เห็นเพียงแค่ก้อนเมฆที่ลอยอยู่เหนือหัว “เพื่อให้ทราบถึงสถานภาพและความสามารถของนักศึกษาใหม่ทุกคนในการที่จะใช้คัดแยกเข้าชั้นเรียนนักศึกษาจะต้องเข้ารับการทดสอบจากทางมหาลัย หลังจากที่เข้ามาในวงแหวนเวทมนตร์แล้วทุกคนจะมีเวลา15 นาทีในการเตรียมตัว หลังจาก 15 นาทีจะเริ่มมีการปล่อยภูตผีออกมาทุกคนต้องทำให้ผีพวกนั้นยอมแพ้ให้ได้ ขอให้ทุกคนโชคดีและได้รับคะแนนที่ดีจากการทดสอบครั้งนี้”
วงแหวนเวทมนตร์มันคืออะไร
ในตอนที่ฉันมองไปรอบๆฉันก็รู้สึกว่าที่ใต้ฝ่าเท้ามันว่างเปล่าและทุกคนก็ตกลงไปท่ามกลางกลุ่มแสงสีขาวนั้นทันทีที่แท้ข้างล่างนี่มันคือวงแหวนเวทมนตร์เหรอเนี่ย
“อ้า!...” ฉันกรีดร้องขึ้นมาตามสัญชาตญาณผ่านไปสักพักฉันถึงพบว่าเท้าของฉันยืนอยู่บนพื้นแล้ว ฉันอึ้งไปพักหนึ่งจากนั้นแสงสีขาวที่รายล้อมตัวฉันก็ค่อยๆสลายหายไปและมีห้องรับแขกในบ้านพักค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา
“เวลาเตรียมตัวเริ่มนับถอยหลัง” จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น ให้ตายเถอะ เวลาเริ่มนับถอยหลังแล้ว
"ติ๊ก ต๊อก ติ๊กต๊อก"
เวลาเริ่มถอยหลังไปเรื่อยๆทำให้บรรยากาศรอบข้างตึงเครียดขึ้นมาทันทีฉันยกมือกุมขมับ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และตบหน้าตัวเองเบาๆ“เซี่ยเสี่ยวหลันเซี่ยเสี่ยวหลัน เธอต้องใจเย็นๆ นะ ใจเย็นๆ” หลังจากที่ฉันใจเย็นลงฉันก็มองดูรอบๆ ห้องรับแขก ข้างหลังฉันคือประตูใหญ่บานหนึ่ง ข้างหน้าคือบันไดมันคือบ้านพักจริงๆ ด้วย
ฉันยืนสำรวจพื้นบ้านต่อฉันเป็แค่คนธรรมดาแต่จะให้วิ่งวุ่นไปทั่วมันก็ไม่ใช่ฉัน ในหนังผีหลายๆ เื่นั้นคนที่วิ่งไปทั่วคือคนที่จะต้องตาย
ฉันหันไปมองประตูฉันจะหนีโดยที่เพิ่งจะเริ่มไม่ได้แบบนั้นมันน่าขายหน้าเกินไปแล้วอีกอย่างถ้าหนีไปแบบนี้จะต้องสอบไม่ผ่านแน่ๆ
ฉันคลำกระดาษยันต์ที่อยู่ในกระเป๋าเวลาแต่ละวินาทีค่อยๆ ผ่านไป ฉันจะวิ่งไปทั่วไม่ได้ฉันต้องหาที่ซ่อน
ฉันก้าวขาไปทางฝั่งขวาของห้องรับแขกทันทีฉันเห็นห้องครัวและทันใดนั้นสมองของฉันก็เริ่มประมวลผลด้วยความเร็วสูงทันทีเหมือนว่าฉันได้เข้าไปอยู่ในเกมและต้องคิดพิจารณาในทุกๆวินาทีจะมามัวเสียเวลาอยู่ไม่ได้
ห้องครัวเป็แบบเปิดโล่งมีตู้เก็บถ้วยชามหรูหรามีเตาหินอ่อนและเครื่องดูดควันอยู่ตรงกลางกลางโต๊ะหินอ่อนมีเตาสีดำที่สลักลายสวยงามวางอยู่สี่เตา หรูหราไฮโซมาก
ฉันเดินเข้าไปในครัวก่อนที่จะเปิดลิ้นชักและตู้ทั้งหมดเพื่อดูว่ามีอะไรบ้าง
ฉันเจอกล่องเก็บเครื่องครัวอยู่หนึ่งกล่องเยี่ยมไปเลย
จากนั้นฉันก็เจอมีด ช้อนส้อมหนังผีมากมายที่ดูนักแสดงล้วนแต่ตายด้วยของพวกนี้ฉันไม่ใช่เจ็ทลีที่เวลามีมีดหรือส้อมพุ่งเข้ามาแล้วจะสามารถหลบได้อย่างว่องไวขนาดนั้นและฉันก็ไม่สามารถที่จะใช้เอฟเฟกต์พิเศษทำให้มันหักงอได้ด้วยดังนั้นฉันต้องตัดปัญหาด้วยการเอาของนี้ไปทิ้ง อีกอย่างถึงของพวกนี้จะไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกผีแต่อย่างน้อยในหนังผีต่างประเทศที่ฉันดูก็ไม่เคยเห็นว่ามันจะมีใครใช้มีดหรือส้อมฟันผีให้ตายได้แต่กลับกัน ถ้าเราขว้างมีดใส่ผี ผีก็จะขว้างมีดมาแทงเราตายได้
ฉันรีบห่อของที่จะทำให้เกิดอันตรายพวกนี้เอาไว้ก่อนที่จะหมุนตัวเพื่อเปิดหน้าต่างห้องครัวแต่มันถูกล็อกเอาไว้ ที่แท้การทดสอบครั้งนี้ตั้งใจไม่ให้ทุกคนหนีั้แ่แรกแล้ว!