ท่ามกลางสายม่านหมอก เสียงร้องดังขึ้นรอบด้าน ตู้เยว่ิและคนอื่นๆ มองดูมหาสมุทรที่คลื่นโหมซัดกระหน่ำ รู้สึกมหาสมุทรในเวลานี้ราวกับน้ำเดือดในหม้อขนาดใหญ่ใบหนึ่ง ยามนี้ภายในหม้อมีงานเลี้ยงล่าสัตว์งานหนึ่งกำลังดำเนินอยู่ เหยื่อที่ถูกไล่ล่าก็คือเรือเหาะที่บินหนีขึ้นจากน้ำไม่ทัน นักล่าก็คือฉลามคลั่งอสูรฟ้าที่แต่ละตัวเป็สัตว์ประหลาดขนาดมหึมา
“ฉลามคลั่งอสูรฟ้าเป็สัตว์อสูรที่อาศัยอยู่รวมกันเป็ฝูง มีฉลามคลั่งอสูรฟ้าตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้น บริเวณใกล้เคียงก็จะต้องมีฝูงฉลามคลั่งอสูรฟ้าออกล่าเหยื่อฝูงหนึ่งอย่างแน่นอน พลั้งเผลอเพียงนิดเดียว สัตว์อสูรตัวใหญ่ชนิดนี้ก็จะกลายเป็ฝันร้ายของนักเดินเรือทันที ถึงแม้พวกมันจะเป็เพียงสัตว์อสูรระดับสี่ ขอบเขตระดับกลางเท่านั้น แต่กลับสามารถใช้พลังต่อสู้ของสัตว์อสูรระดับสี่ในขอบเขตระดับสูงได้ ข้อด้อยเพียงอย่างเดียวของพวกมันก็คือขนาดร่างกายที่ใหญ่โตเกินไป ะโสูงไม่ได้ ยิ่งมิมีโอกาสบินขึ้นไปในกลางอากาศ แม้ว่า์จะมอบครีบขนาดใหญ่คู่หนึ่งให้แก่พวกมันก็ตาม กระนั้นก็ไม่สามารถที่จะรับน้ำหนักของร่างกายพวกมันไม่ได้ ดังนั้น ขอเพียงเรือเหาะพวกเราลอยอยู่กลางอากาศ สัตว์ร้ายชนิดนี้ก็ไม่เป็อันตรายต่อพวกเราแล้ว!” จ้านอู๋มิ่งชี้ไปที่ฝูงฉลามั์ซึ่งรวมตัวเป็กลุ่มในมหาสมุทรแล้วพูดขึ้น
“ศิษย์น้อง ไฉนเ้าถึงคุ้นเคยกับสัตว์อสูรในท้องทะเลยิ่งนัก?” ตู้เยว่ิถามด้วยความประหลาดใจ
ถึงแม้ก่อนจะมาเมืองวันสิ้นโลก เขาก็ได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสัตว์อสูรในมหาสมุทรวันสิ้นโลกระดับหนึ่งแล้วเช่นกัน แต่ฉลามคลั่งอสูรฟ้าชนิดนี้กลับไม่ได้ปรากฏอยู่ในตำรา “ใช่ ศิษย์น้องจ้าน ข้าได้อ่านหนังสือแนะนำสัตว์อสูรในมหาสมุทรเล่มล่าสุด ในนั้นไม่มีการแนะนำเกี่ยวกับฉลามคลั่งอสูรฟ้าแต่อย่างใด มีสัตว์อสูรร้ายกาจชนิดนี้ในน่านน้ำใกล้เคียง เกรงว่าแต่ละสำนักนิกายหลักล้วนต้องประสบความสูญเสียอย่างหนักหนาสาหัสแล้ว นาวาปราณจิติญญาชั้นสูงก็ไม่สามารถทนต่อการกระแทกใส่อย่างรุนแรงขนาดนี้ได้”
“สัตว์อสูรชนิดนี้มิใช่สัตว์อสูรในทะเลน้ำตื้น ปกติพวกมันมักอาศัยอยู่ในทะเลน้ำลึก แต่ว่าที่นี่มิใช่น่านน้ำมหาสมุทรธรรมดา แต่เป็สถานพำนักของคุนเผิง สัตว์อสูรของที่นี่ล้วนแล้วแต่ถูกคุนเผิงต้อนเข้ามาอาศัยอยู่โดยเจตนา ต่อมา สัตว์อสูรเหล่านี้จึงอยู่ปกป้องสถานพำนักของคุนเผิงตลอดมา เพียงเคลื่อนไหวไปมาอยู่เฉพาะในพื้นที่บริเวณนี้เท่านั้น มิออกไปไหนอีก ผู้คนส่วนใหญ่มิรู้จักความเคยชินของสัตว์อสูรชนิดนี้ นักเสี่ยงโชครุ่นก่อนเนื่องจากมีจำนวนค่อนข้างน้อย กลิ่นอายและเืลมไม่มากเพียงพอ จึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของฉลามคลั่งอสูรฟ้า จึงสามารถรอดพ้นจากทุกอย่างโดยบังเอิญ” จ้านอู๋มิ่งพูดอธิบาย
“ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ ดูแล้วครั้งนี้ลูกศิษย์ของแต่ละสำนักนิกายหลักล้วนประสบความสูญเสียมิน้อย” ตู้เยว่ิมองไปที่เงาร่างที่กำลังดิ้นรนอยู่ในมหาสมุทร ส่วนใหญ่เป็ลูกศิษย์ของสำนักนิกายอื่น ศิษย์ของสำนักบริบาลเดรัจฉานาเ็ล้มตายน้อยมาก เรือเหาะเพียงไม่กี่ลำเท่านั้นที่สภาพสะบักสะบอมยิ่งนัก แต่สุดท้ายพวกเขาก็ส่ายไปมาและเหินขึ้นไปกลางอากาศสำเร็จ ชัดเจนยิ่งนักว่าศิษย์ของสำนักบริบาลเดรัจฉาน เนื่องจากมีพร์ของการบริบาลสัตว์ร้าย สามารถคาดการณ์ของการโจมตีของสัตว์อสูรล่วงหน้าได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้นจึงประสบความสูญเสียน้อยที่สุด แต่ว่าที่ลอยตัวขึ้นอย่างง่ายดายเหมือนเช่นเรือเหาะของตู้เยว่ิ มีจำนวนน้อยเพียงไม่กี่ลำเท่านั้น
“รีบเร่งเดินทางออกจากบริเวณนี้กันเถอะ เมื่อกลิ่นคาวเืที่นี่แพร่กระจายออกไป จะต้องดึงดูดพวกสัตว์อสูรเข้ามาร่วมงานฉลองอันบ้าคลั่งนี้อย่างมากมาย หากดึงดูดสัตว์ร้ายที่สามารถบินได้เข้ามา ถึงเวลานั้นก็จะยุ่งยากแล้ว” จ้านอู๋มิ่งเตือนขึ้น
“ฟังจากที่อู๋มิ่งพูดแล้ว ฉินเกอ เ้าตั้งใจควบคุมเรือให้ดี!” ตู้เยว่ิสูดหายใจลึกๆ คำหนึ่ง พูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม
“ได้เลย!” ฉินเกอรับคำคราหนึ่ง เร่งพลังของหินอัคคีิญญาเพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง เพิ่มความเร็วของเรือเหาะ พุ่งทะยานมุ่งหน้าสู่ส่วนลึกของน่านน้ำทันที ไม่นานก็พ้นจากแถบบริเวณมหาสมุทรที่สับสนวุ่นวายนั้น ทุกคนเพิ่งถอนหายใจโล่งอกออกมาคำหนึ่ง พลันจ้านอู๋มิ่งะโขึ้นมาเสียงดังลั่น
“รีบพุ่งลงด้านล่าง ดำลงไปใต้น้ำ!” เสียงะโของจ้านอู๋มิ่งทำให้ทุกคนตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้ฉินเกอไม่รีรออีกแล้ว ส่วนหัวเรือพุ่งลงไปในน้ำทันที ดำลึกลงไปในใต้น้ำกว่าสิบวา เวลานี้มีเสียงนกร้องที่คมชัดดังมาจากบนฟากฟ้า ทุกคนแผ่ประสาทััออกตรวจสอบ พบนกทะเลจำนวนมากบินอยู่บนท้องฟ้าเหมือนเมฆดำกลุ่มหนึ่ง กำลังโผบินมาและเลยผ่านไปยังทิศทางที่พวกเขาเพิ่งจากมา ทุกคนมองหน้ากัน สถานที่นี้มีสัตว์อสูรที่สามารถบินได้จริงๆ ด้วย ดูจากลักษณะของฝูงนกอสูรก็ทราบแล้วว่าล้วนเป็นกล่าเหยื่อทั้งหมด และยังเป็นกล่าเหยื่อที่อยู่กันเป็ฝูงอีกด้วย
ถ้าเมื่อครู่เรือเหาะยังคงบินอยู่บนท้องฟ้า เกรงว่าเวลานี้คงถูกนกฉีกกระชากเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว “ตูมมม…” เรือเหาะเกิดอาการสั่นะเืขึ้นมาอย่างกะทันหัน พลังรุนแรงสายหนึ่งก็ดึงเรือเหาะที่กำลังจะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำลงสู่ใต้น้ำอีกครั้ง ทุกคนต่างพากันใ หันมองไปรอบด้าน เห็นหนวดขนาดั์สองสามเส้นม้วนพันบนลำตัวเรือจากรอบๆ เรือเหาะ
“ปลาหมึกอสูรกระหายเื!” จ้านอู๋มิ่งอุทานเสียงต่ำคราหนึ่ง ขว้างลูกแก้วออกไปอย่างรุนแรงเม็ดหนึ่ง กระแทกลงบนหนวดเส้นหนึ่ง ทันทีที่ลูกแก้วัักับหนวดก็ะเิออก เกิดไฟสีเขียวสลัวๆ ขึ้นมากลุ่มทันที แม้จะอยู่ภายในน้ำก็ไม่ดับ
“อ๊ากก…” เรือเหาะสั่นะเือย่างรุนแรง ปลาหมึกอสูรกระหายเืคล้ายดั่งเกรงกลัวเปลวเพลิงนั้นยิ่งนัก หนวดที่กำลังลุกไหม้สะบัดไปมา แทบจะสะบัดหลายคนกระเด็นออกจากเรือเหาะ
“ฉับ…” ประกายดาบพาดผ่าน พลันหนวดก็คลายออกอย่างกะทันหัน ลอยขึ้นสู่พื้นผิวน้ำทันที ตู้เยว่ิ ฉินเฮ่าหราน ตลอดจนต้วนหลิวฉางลงมือพร้อมกัน ตัดหนวดที่ม้วนพันบนลำเรือเ่าั้จนขาดสะบั้น ฉินเกอมิกล้าชักช้า เร่งพลังอัคคีิญญาเพิ่มขึ้น เรือเหาะพุ่งพรวด ทะยานลอยจากน้ำขึ้นสู่กลางอากาศทันที มหาสมุทรแถบนี้อันตรายเกินไปแล้ว พวกเขามัวแต่สนใจเื่ซ่อนตัวจากฝูงนกอสูรกลุ่มนั้น กลับมิได้สังเกตเห็นปลาหมึกอสูรที่อยู่ใต้มหาสมุทร เล่นเอาวุ่นวายกันไปพักหนึ่ง ที่โชคดีก็คือปลาหมึกอสูรกระหายเืเป็สัตว์อสูรที่อยู่โดดเดี่ยว มิต้องวิตกว่าจะเจอตัวอื่น หากพวกมันมากันกลุ่มหนึ่งจริงๆ เช่นนั้นทุกคนคงทุกข์หนักแล้ว หนวดหลายเส้นของปลาหมึกอสูรกระหายเืนั้นล้วนาเ็แล้ว ทราบว่าคนเหล่านี้ตอแยลำบาก คำรามเสียงต่ำคราหนึ่ง ดำดิ่งลงไปในน้ำลึกและหลบหนีไป สัตว์อสูรระดับสูงมิได้โง่เขลา ทราบว่าทำอะไรไม่ได้ ก็เร่งรีบหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากกลิ่นอายของสัตว์อสูรปลาหมึกหายไป หลายๆ คนจึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกคราหนึ่ง ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันเกินไปแล้ว ทำให้ทุกคนทำอะไรมิถูก “ทุกคนระวังกันหน่อย น่านน้ำแถบนี้ไม่ธรรมดา” ตู้เยว่ิเตือนขึ้นคำหนึ่ง ทว่ามิต้องให้ตู้เยว่ิเตือน ทุกคนล้วนกระจ่างแจ้ง ประสบการณ์ที่เพิ่งประสบมาบอกให้พวกเขารู้ว่า สถานที่แห่งนี้ชะล่าใจมิได้เลยแม้แต่น้อย เผลอไผลวูบเดียวก็อาจจะถูกฝังร่างอยู่ในปากของสัตว์อสูรเสียแล้ว
“ศิษย์น้องจ้าน เ้าค้นพบสัตว์อสูรเ่าั้ได้อย่างไร?” หลังจากเหตุการณ์สงบลง ฉินเฮ่าหรานถามขึ้น จ้านอู๋มิ่งสามารถคาดการณ์สัตว์อสูรทั้งสองกลุ่มได้อย่างแม่นยำ สิ่งนี้ทำให้ฉินเฮ่าหรานประหลาดใจยิ่งนัก
“ััที่หกโดยธรรมชาติ” จ้านอู๋มิ่งยิ้มๆ เขาไม่สามารถที่จะบอกกับทุกๆ คนได้ว่าตนฝึกฌานบ่มเพาะเคล็ดวิชาคัมภีร์เทพอนัตตา สามารถััรับรู้พลังจิติญญาที่แข็งแกร่งได้ แม้ว่าที่นี่จะสามารถสะกดข่มฐานการบ่มเพาะพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ ทว่าพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาสูงส่งจนมิอาจนำพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้มาเปรียบเทียบกันได้ พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาในร่างจ้านอู๋มิ่งมีไม่มากนัก และส่วนใหญ่ถูกจ้านอู๋มิ่งนำไปใช้หล่อเลี้ยงบำรุงกายเนื้อของเขา
โดยปกติ จ้านอู๋มิ่งไม่สามารถดูดซับพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาแบบเดียวกับการดูดซับพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้จากภายนอกได้ตลอดเวลา ได้แต่นำเอาพลังงานทุกชนิดมาใช้เคล็ดวิชาที่เรียนรู้จากคัมภีร์เทพอนัตตา ทำการขัดเกลาแปรเปลี่ยน กลายเป็พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตา อัตราการขัดเกลาแปรเปลี่ยนเชื่องช้ายิ่ง เนื่องจากพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ระหว่างฟ้าดินมีปริมาณน้อยเกินไป และคุณสมบัติก็ย่ำแย่มาก ให้ความรู้สึกเหมือนใช้สำลีหนึ่งคันรถไปสร้างผนังกำแพง คิดจะใช้สำลีสร้างกำแพงให้แข็งแรงเท่ากับการสร้างด้วยทรายกับก้อนหิน ระดับความยากจึงเป็ที่คาดคำนวณได้ มีวิธีที่รวดเร็วและดีกว่าในการยกระดับพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตา ก็คือการดูดซับธาตุแห่งชีวิตของผู้อื่น หรือธาตุแห่งชีวิตและผลึกของสัตว์อสูร
“ความลับของไอ้หนูนี่มีมากมายเหลือเกิน เ้าอย่าได้หวังจะสามารถล้วงความลับใดจากเขา” ตู้เยว่ิหัวเราะขึ้น ทุกคนก็ล้วนพากันหัวเราะขึ้นมาแล้ว พวกเขาล้วนเคยถูกจ้านอู๋มิ่งเอาเปรียบมาก่อน แต่แน่นอนว่าก็ได้เสพสุขจากความสำเร็จของจ้านอู๋มิ่งเช่นกัน บนร่างของไอ้หนูคนนี้มีความลับมากมายจริงๆ อย่างเช่นว่าเขาสามารถยกระดับชีพจรสายเืของสัตว์อสูรได้อย่างไร จวบจนกระทั่งตอนนี้ แม้แต่ชนชั้นระดับสูงของสำนักก็ยังมิเข้าใจ อย่าว่าแต่พวกเขาเลย
“ศิษย์พี่ฉิน เลี้ยวเรือเหาะไปทางซ้ายสิบลี้เถอะ” จ้านอู๋มิ่งพูด ทุกคนไม่สงสัยในคำพูดของจ้านอู๋มิ่ง ฉินเกอก็ดำเนินการทันทีเช่นกัน
“หรือว่าเบื้องหน้าจะมีกลุ่มสัตว์อสูรอีก?” ตู้เยว่ิถามอย่างประหลาดใจ
“มิใช่ ข้ามีแผนที่อยู่นี่ชุดหนึ่ง ทำเครื่องหมายชัดเจนว่ามีกระแสน้ำวนอยู่ในมหาสมุทรตรงหน้าเรา เมืองวันสิ้นโลกเคยมีคนเดินทางมาที่นี่ ไม่ทันระวังบังเอิญเข้าไปติดอยู่ในวังน้ำวน ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักหนาสาหัสกว่าจะออกมาได้” พูดพลาง จ้านอู๋มิ่งหยิบแผนที่หนังสัตว์ออกมาผืนหนึ่ง บนนั้นวาดเส้นสายสีดำเป็เส้นๆ มีวงกลมสีแดงสองสามวงและรูปกะโหลกสองสามหัวอยู่ระหว่างตรงกลางเส้นสีดำ
“เส้นสีดำเหล่านี้คือเส้นทางที่พวกเขาได้สำรวจมาก่อน จนถึงตอนนี้ยังนับว่าเป็เส้นทางที่ค่อนข้างปลอดภัย วงกลมสีแดงแสดงว่าแถบนี้เป็เขตอันตรายของมหาสมุทร หัวกะโหลกหมายความว่าเป็แดนมรณะ อันตรายอย่างมาก มีฝูงสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัวอาศัยอยู่ ท่านดู ยามนี้พวกเรากำลังแล่นเรือเดินทางตามเส้นสีดำนี้ ด้านหน้าเป็วงกลมสีแดงอันหนึ่ง…” จ้านอู๋มิ่งชี้ไปที่ตำแหน่งบนแผนที่คราหนึ่ง
“แผนที่นี้คือสิ่งที่องค์หญิงเชียนเชียนขอให้ข้านำมามอบให้เ้ากระมัง?” ต้วนหลิวฉางถาม ในใจเกิดความรู้สึกหึงหวงที่บอกบรรยายมิถูกชนิดหนึ่ง จ้านอู๋มิ่งยิ้มๆ ไม่ได้โต้แย้ง
“ไม่หรอกกระมัง เป็เพราะศิษย์น้องอู๋มิ่งของพวกเราเก่งกาจยิ่ง องค์หญิงเชียนเชียนผู้นั้นเป็เป้าหมายที่ชายหนุ่มเปี่ยมพร์ต่างพากันชื่นชมและแหงนหน้ามอง ศิษย์พี่เฉวียนของพวกเราเองคิดที่จะได้อยู่ใกล้ชิดด้วยล้วนถูกขับไล่ออกนอกประตูมาแล้ว…”
“ไอ้หนู เ้านินทาลับหลังคนอีกแล้ว ระวังศิษย์พี่เฉวียนได้ยินเข้าจะตัดลิ้นของเ้าทิ้งเอานะ!” ตู้เยว่ิขัดจังหวะคำพูดเฉินอวิ๋นหู่ ก่นด่าอย่างหยอกล้อ เฉินอวิ๋นหู่ยิ้มเก้อเขิน ไม่ได้พูดต่ออีก แอบยกนิ้วหัวแม่มือให้จ้านอู๋มิ่ง
“มิมีเื่ใด ขอเพียงมีผลดีต่อพวกเรา ข้าสนับสนุนเ้า” ฉินเฮ่าหรานตบไหล่จ้านอู๋มิ่งคราหนึ่ง หัวเราะพูดขึ้น
“ที่นี่มีเกาะอยู่มิน้อยจริงๆ ไม่รู้ว่าข้างบนมีสิ่งใดบ้าง” ตู้เยว่ิชี้ไปที่เครื่องหมายของเกาะต่างๆ ในแผนที่ของมหาสมุทร
“เกาะเล็กๆ เหล่านี้ไม่ใช่รังเก่าของคุนเผิงอย่างแน่นอน นี่คงเป็ชายขอบของสถานพำนักของคุนเผิง กล่าวกันว่ามีสมบัติทางธรรมชาติมากมายอยู่บนเกาะเหล่านี้ ขนของคุนเผิงนั้นก็ถูกพบบนหนึ่งในบรรดาเกาะเหล่านี้ แต่บนเกาะก็อันตรายอย่างยิ่งเช่นกัน มีร่องรอยของสัตว์อสูรมากมายปรากฏขึ้น” จ้านอู๋มิ่งพูดเตือนขึ้น
“ทำไมถึงมีช่องว่างตรงกลางบนแผนที่นี้เล่า?” ฉินเกอถามขึ้นด้วยความสงสัย
“สถานพำนักของคุนเผิงอยู่ในส่วนว่างเปล่าของแผนที่มหาสมุทรนี้เอง มิมีผู้ใดเคยไปในสถานที่ว่างเปล่าแห่งนั้น ดังนั้นจึงไม่ทราบเส้นทางใดๆ เลย เมืองวันสิ้นโลกได้ทำการสำรวจสถานที่พำนักของคุนเผิงจากแปดทิศทางในมหาสมุทร แต่ไม่มีเส้นทางใดสามารถเข้าสู่เขตแดนที่ว่างนี้ ทุกครั้งล้วนต้องถอยกลับหลังจากประสบการสูญเสียอย่างหนักหนาสาหัส” จ้านอู๋มิ่งพูด
“ดูแล้ว เขตแดนที่ว่างนี้เข้าไปยากลำบาก พวกเราจะไม่เป็ทัพหน้าเสี่ยงอันตรายบุกเข้าไป พวกเราคงต้องสำรวจเกาะเล็กๆ แต่ละเกาะสักครั้งก่อน หลังจากนั้นแล้วค่อยรุดหน้าไป่ตรงกลาง ด้วยวิธีนี้เรายังสามารถรวบรวมสมบัติทางธรรมชาติได้มากขึ้นส่วนหนึ่ง มิมีผู้ใดทราบว่าคุนเผิงเหลืออะไรบนเกาะเหล่านี้บ้าง ก็เหมือนเช่นขนนกคุนเผิงชิ้นนั้น เป็สมบัติล้ำค่า สำหรับสัตว์อสูรนั้น...สิ่งที่พวกเราสำนักบริบาลเดรัจฉานไม่กลัวที่สุดก็คือสัตว์อสูร ขอเพียงมิใช่สัตว์อสูรขอบเขตระดับห้าขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว” ตู้เยว่ิพูดขึ้น
“ข้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของศิษย์พี่ตู้ พวกเราเริ่มจากเกาะเล็กๆ แห่งนี้ก่อนเถอะ” เฉินอวิ๋นหู่พูดสนับสนุนขึ้น
“ที่พวกเราต้องระวังมิเพียงแค่สัตว์อสูรเท่านั้น ยังต้องระวังคนอื่นๆ ด้วย นอกจากศิษย์พี่น้องสำนักเดียวกันแล้ว ที่เหลือล้วนเป็ศัตรูทั้งสิ้น จะต้องระมัดระวัง!” จ้านอู๋มิ่งก็เตือนขึ้นมาคำหนึ่ง
“ประเสริฐ ถ้าเช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ จุดแวะแรกของสถานพำนักของคุนเผิงของพวกเราก็คือเกาะเล็กๆ แห่งนี้” ฉินเฮ่าหรานพูดอย่างร่าเริง ขับนาวาปราณจิติญญาอย่างคล่องแคล่ว รุดหน้ามุ่งไปยังทิศทางเกาะเล็กๆ แห่งนั้นทันที