ภายในใจของหลินหยางนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกสงสัยแต่เขาก็ยังเลือกที่จะเดินตามอีกฝ่ายไป
พระราชวังภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิดสายลมเย็นสบายที่พัดผ่านในยามค่ำคืน
ในตอนที่หลินหยางมองไปเห็นต้วนเทียนหยาที่กำลังยืนจ้องกลับมาที่เขาอยู่ตรงกลางของลานกว้างเล็กๆนั่นความรู้สึกเย็นเยือกที่อีกฝ่ายส่งผ่านเข้ามามันยิ่งทำให้เขารู้สึกหนักอึ้งมากขึ้นไปอีก
เหล่าทหารองครักษ์ที่กำลังเดินลาดตระเวนอยู่รอบๆนั้น พอเห็นทั้งสองคนกำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่ ก็เบิกตาโตทันทีอดไม่ได้ที่จะหยุดยืนดูทั้งสองคน ไม่มีใครรู้ว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรชูอวิ๋นอย่างทั้งสองคนนั้นกำลังจะทำอะไร
ต้วนเทียนหยาที่ยืนอยู่ภายใต้ท้องนภายามค่ำคืนนี้ยังคงดูลึกลับและทรงพลังเหมือนเดิม
ภายใต้ผ้าคลุมสีดำทมิฬที่ปลิวสไวเบาๆ อยู่ท่ามกลางสายลมยามค่ำคืนนั้นเป็ตัวตนอันน่ากลัวที่ตัวหลินหยางเองก็ยังไม่สามารถตรวจสอบได้
ดาบยาวอันเลื่องชื่อที่เหน็บเอาไว้บริเวณเอวนั้นราวกับเป็สัตว์ร้ายที่กำลังซ่อนตัวอยู่พอมันถูกชักออกจากฝัก ก็ััได้ถึงความรังสีฆ่าฟันอันดุดันทันที
ต้วนเทียนหยายืนมองหลินหยางที่กำลังนิ่งอยู่จากนั้นก็พูดเข้าเนื้อหาหลักทันทีโดยไม่อ้อมค้อมตามลักษณะดั้งเดิมของเขา
“รับมือข้าหนึ่งดาบ”
หลินหยางรู้สึกคุ้นหูกับคำพูดประโยคนี้มาก
เขาเคยพูดคุยกับต้วนเทียนหยาสองครั้ง
ครั้งแรกคือ “รับมือข้าหนึ่งฝ่ามือ”
มาคราวนี้ดุดันยิ่งขึ้นไปอีก “รับมือข้าหนึ่งดาบ”
รู้สึกเหมือนกับว่าท่านผู้นี้จะรู้จักแต่วิธีใช้กำปั้นมาพูดคุยกับเขาอย่างเดียวเลย
“หมายความว่าอย่างไรหรือท่านผู้าุโ?” หลินหยางไม่ยอมขยับแบบงงๆ อย่างนี้แน่
“ชื่นชมเพลงดาบของเ้า”คำพูดของต้วนเทียนหยาทำให้สีหน้าของหลินหยางดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
ยอดฝีมือสุดแกร่งท่านนี้มาเพื่อเพลงดาบเฟิ่งอู่หวังหลีของเขา
ต้วนเทียนหยาไม่เคยพูดอะไรอ้อมค้อมพอกล่าวจบเขาก็ชักดาบสะบั้นฟ้าออกมาทันที
ใบมีดสีดำอันน่าหวาดหวั่นนั่นถึงกับทำให้หลินหยางรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองจมลงไปในมหาสมุทรแห่งความสิ้นหวังอยู่ครู่หนึ่ง
อีกฝ่ายเอาจริง
หลินหยางเรียกเอาดาบเฟิ่งอู่ออกมาถือไว้ในมือทันที
ถึงแม้หลินหยางต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือสุดแข็งแกร่งที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเลยแบบนี้แต่นอกจากเขาจะไม่รู้สึกหวาดกลัวแล้วเขากลับยิ่งรู้สึกกระหายการต่อสู้มากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
สำหรับจอมยุทธ์แล้วการได้ประลองกับยอดฝีมือสุดแข็งแกร่งคือเื่ที่พวกเขาไขว่คว้ามากที่สุดั้แ่หลินหยางได้รับวิชาเฟิ่งอู่หวังหลีมานั้น เขายังไม่เคยมีโอกาสได้ประมือกับผู้ที่มีความสามารถในด้านกระบวนท่าที่ฝีมือทัดเทียมกับเขาเลย
ดาบของต้วนเทียนหยานั้นอาจจะช่วยให้เขาได้รับประสบการณ์การต่อสู้อันยอดเยี่ยมมาก็เป็ได้
ดาบเฟิ่งอู่ชี้ใส่ดาบสะบั้นฟ้า
หลินหยางไม่ได้ใส่ชุดเกราะราชันเหล็กขาวส่วนต้วนเทียนหยาเองก็ควบคุมพลังให้อยู่แค่ในระดับสูงสุดของเซียนเทียนเท่านั้น
ทั้งสองฝ่ายต่างก็เจตนาจะใช้วิชาดาบเพียงอย่างเดียวในการประลอง
การประลองที่อยู่ๆ ก็เกิดขึ้นแบบกะทันหันนี้กลับเป็ส่วนที่เงียบที่สุดในบริเวณพระราชวังเสียอย่างนั้น
ประกายดาบที่ส่องสว่างอยู่บนคมมีดนั้นราวกับเป็โลกทั้งใบของพวกเขา
ทันใดนั้นเองต้นไม้ต้นหนึ่งที่ทนรับแรงกดดันไม่ไหวก็ถูกสายลมพัดผ่านจนใบไม้ค่อยๆ ร่วงลอยมาอยู่บนใบดาบของหลินหยางพอดี
ฟึบ
มีเสียงอ่อนๆ ของใบไม้ที่ถูกความคมของใบมีดตัดขาดเป็สองท่อนดังขึ้น
พอหลินหยางลืมตาขึ้นตัวเขากับดาบในมือก็หลอมรวมเป็หนึ่งเดียวกัน ขยับพุ่งใส่อีกฝ่ายอย่างดุดัน
เฟิ่งอู่หวังหลี!!
หลินหยางเลือกใช้ออกด้วยสุดยอดวิชาดาบสะท้านภพของตัวเองทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย
เพลงดาบนี้โผล่มาจากส่วนลึกสุดของความทรงจำของเขาถึงแม้ว่ามันจะยังไม่สมบูรณ์แต่อานุภาพของมันนั้นเทียบเท่ากับเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงแล้วอีกทั้งยังเข้าคู่กับพลังฟ้าดินธาตุอัคคีในตัวเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบในเสี้ยวพริบตานั้น ทั้งตัวดาบก็แปรเปลี่ยนไปเป็พญาวิหคเพลิงอันสง่างามตัวหนึ่ง
แกว๊ก!
เสียงร้องของพญาวิหคดังสนั่นไปทั่วทั้งสนามจากนั้นก็มีประกายเพลิงอันศักดิ์สิทธิ์ส่องแสงสว่างไปทั่วทุกทิศเผาไหม้อากาศโดยรอบ ฉีกกระชากมิติเวลา บินทะลวงออกไปพร้อมกับใบดาบ พุ่งเข้าใส่ดาบสะบั้นฟ้าสีดำทมิฬของต้วนเทียนหยา
สมกับเป็ต้วนเทียนหยา
ขนาดเผชิญหน้ากับเพลงดาบที่ยอดฝีมือหลายคนยังต้องหวั่นเกรงของหลินหยางนี้มือที่ถือดาบของเขากลับยังคงนิ่งสงบไม่สั่นไหว พลันยกชี้ขึ้นฟ้าสูง
ประกายดาบสีดำสายหนึ่งพุ่งขึ้นสู่ฟ้าจนทะลวงถึงชั้นเมฆ
ดาบของหลินหยางเป็ดั่งวิหคที่โบยบินอยู่บนผืนนภารวดเร็วว่องไว ไร้ร่องรอย แต่กลับคมกริบจนน่ากลัว
ดาบของต้วนเทียนหยานั้นเป็ดั่งเข็มทิศของโลกใบนี้เที่ยงตรงดุดัน เพียงดาบเดียวก็สามารถทำลายทุกความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนทิ้งได้ในทันที
หนึ่งดาบผ่ามิติ!!
ต้วนเทียนหยาใช้ออกด้วยสุดยอดเพลงดาบระดับเทวะที่เป็เพลงดาบของตัวเองจริงๆครั้งแรก
เป็เพลงดาบที่แม้แต่ตอนเผชิญกับซ่างกวันหงก็ยังไม่ได้ใช้ออกไปพอมันถูกฟาดฟันลงมา จิติญญาแห่งดาบก็พุ่งทะลุคมดาบวิหคเพลิงของหลินหยางไปทันทีทะลวงเข้าไปถึงข้างในจิตใจของหลินหยาง
เวรเอ๊ย!
น่ากลัวเกินไปแล้ว!!
ครั้งแรก...
นี่เป็ครั้งแรกที่หลินหยางได้ััถึงความหวาดกลัวที่ไม่อาจต้านทานได้
นี่เป็การตอบสนองโดยธรรมชาติเมื่อคนเราต้องเผชิญหน้ากับเพลงดาบที่แข็งแกร่งโดยที่ไม่อาจต่อต้านได้
ไม่ว่าใครก็ตามเมื่ออยู่ใต้คมดาบของวิชาหนึ่งดาบผ่ามิติแล้ว ก็จะรู้สึกราวกับว่าท้องฟ้ากำลังพังทลายเศษซากของผืนฟ้าร่วงหล่นลงมาทับใส่ตัว
ไม่มีทางหลบ ไม่มีทางหนี
มีแต่เพียงความสิ้นหวังและความพ่ายแพ้ที่กำลังรออยู่
น่ากลัวเกินไปแล้ว...
ถ้าต้วนเทียนหยาเลือกใช้วิชานี้ออกไปตอนเกิดเหตุการณ์ที่พระตำหนักยงเหอละก็เกรงว่ามันจะสามารถทำให้ซ่างกวันหงและหลินไป๋ชวนนั่นต้องหวาดกลัวจนขี้หดตดหายแน่นอนแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมยอดนักดาบผู้นี้ถึงเลือกที่จะเก็บไพ่ตายเอาไว้แต่กลับเอาออกมาใช้ต่อหน้าหลินหยางแบบนี้
ถ้าเปลี่ยนเป็คนอื่นเกรงว่าคงจะยอมแพ้อย่างสิ้นหวังไปั้แ่ตอนที่ต้องเผชิญกับจิติญญาของดาบที่แข็งแกร่งจนะเืฟ้าสะท้านภพนี่แล้ว
แต่หลินหยางก็คือหลินหยาง
ในตัวเขานั้นตั้งเป้าไว้แล้วว่า้ากลายเป็ตัวตนที่แข็งแกร่งทรงพลังที่สุดในจักรวาลนี้เขาจะมายอมแพ้ให้กับแค่จิติญญาดาบของอีกฝ่ายได้อย่างไร
ว้าก!
ต้องสู้!!
หลินหยางเร่งพลังฟ้าดินธาตุไฟในตัวจนไปถึงจุดสูงสุดในสภาวะที่ไม่ได้ใส่ชุดเกราะวิเศษอยู่นั้น นี่เป็พลังการต่อสู้ที่สูงที่สุดของเขาในตอนนี้แล้ว
พญาวิหคเพลิงบนดาบเฟิ่งฮว๋างราวกับััได้ถึงเืลมอันร้อนแรงของหลินหยางตัวของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นอีกหนึ่งเท่า
ปีกเพลิงคู่หนึ่งพลันปลดปล่อยพลังความร้อนอันรุนแรงออกมา
จะงอยปากของมันเป็ตัวแทนของความแน่วแน่และความดื้อรั้นไม่ยอมแพ้ของหลินหยางแข็งแกร่งสุดขีด พุ่งเข้าใส่คลื่นดาบของวิชาหนึ่งดาบผ่ามิติของต้วนเทียนหยา
ตึง
คมดาบทั้งสองปะทะกันจนเกิดเป็เสียงดังกังวานส่งเสียงไปได้ไกลถึงราวๆ พันเมตร
เหล่าทหารองครักษ์ที่อยู่รอบๆ ต้องยกมือขึ้นมาอุดหูทันทีแม้แต่พวกของเหวินไท่เป่ยและซูิชุนที่รีบวิ่งมาดูยังรู้สึกเหมือนกับว่าถูกเสียงนี้สั่นะเืไปถึงสมอง
“เกิดอะไรขึ้น?”เหวินไท่เป่ยเอ่ยขึ้นอย่างมึนงง “ไอ้หยาทำไมทั้งสองคนนั้นถึงตีกันได้เล่า!”
อาวุธของทั้งสองคนนั้นปะทะกันอย่างแม่นยำ
ปลายดาบของดาบเฟิ่งอู่ทิ่มแทงไปที่ปลายดาบสะบั้นฟ้าจุดกึ่งกลางระหว่างทั้งสองนั้นพลังฟ้าดินอันเข้มข้นสีดำกำลังปะทะเข้ากับพลังฟ้าดินสีแดงอย่างรุนแรงสุดขีดเกิดเป็ประกายไฟอยู่ตลอดเวลา
แต่ไม่ว่าใครต่างก็มองออกว่าดาบของหลินหยางกำลังถูกต้วนเทียนหยากดดันกลับไปเรื่อยๆจนมันเริ่มงอเหมือนพระจันทร์เสี้ยว
ถึงหลินหยางจะยืนฝืนต้านเอาไว้สุดกำลังก็ตามแต่ใบดาบอันเพรียวบางถูกใบดาบอันน่ากลัวของฝ่ายตรงข้ามกดดันจนถึงขีดจำกัด
ในที่สุดพลังของหลินหยางก็ถึงขีดจำกัดใบดาบยืดออก ดีดหลุดจากมือของหลินหยางจนลอยขึ้นฟ้าไป
ส่วนหลิหยางก็ถูกแรงสะท้อนอันมหาศาลพุ่งเข้ากระแทกจนกลิ้งไถลไปกับพื้นประมาณสี่ห้าตลบจากนั้นจึงสามารถคุกเข่ากลับมาทรงตัวได้อีกครั้ง
แพ้แล้ว
ถึงแม้จะเป็แค่ความผิดพลาดเล็กๆแต่แพ้ก็คือแพ้
ในการต่อสู้ที่ไม่ได้ใช้พลังรบสูงสุดใช้แต่กระบวนท่าอย่างเดียวเข้าปะทะกันนั้น หลินหยางแพ้ไปครึ่งกระบวนท่า
พื้นที่รอบๆ นั้นพลันกลับสู่ความสงบ
ถึงแม้ว่าการประลองเมื่อครู่นี้ทำให้เหล่าผู้โชคดีที่มีโอกาสได้เห็นนั้นต่างก็รู้สึกยินดีเป็อย่างมาก
แต่หลินหยางกับยังคงติดอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง
หลินหยางยังคงสงสัยอยู่
เขาสงสัยว่าตัวเองแพ้ที่ตรงไหนกันแน่
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ใช้พลังระดับเซียนเทียนเหมือนกันด้านพลังนั้นนับว่าไม่แตกต่าง ถ้าเทียบกันด้านกระบวนท่า เพลงดาบเฟิ่งอู่หวังหลีของเขาก็พิสดารแถมยังเข้ากันได้กับพลังฟ้าดินของตัวเองอีกด้วย
แถมดาบเฟิ่งอู่ของเขาก็เป็ยุทธภัณฑ์ระดับวิถีราชันอีกต่างหากระดับสูงกว่าดาบสะบั้นฟ้าของต้วนเทียนหยาถึงหนึ่งระดับ
แล้วทำไมเขาถึงแพ้ได้ล่ะ?
เขาย้อนรำลึกทุกรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้เมื่อครู่นี้...
และในตอนนั้นเอง ดาบเฟิ่งอู่ของหลินหยางก็ถูกส่งกลับคืนมาทางเขา
ต้วนเทียนหยาที่กำลังยืนมองเขาอย่างเงียบสงบนั้นก็เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็แบบนี้
“ขอบคุณ” หลินหยางรับดาบกลับมาพร้อมกับมองไปที่อีกฝ่าย
ต้วนเทียนหยาที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเป็ดั่งูเาลูกใหญ่อันสูงชันจนถึงตอนนี้หลินหยางก็ยังไม่รู้เลยว่าขีดจำกัดของอีกฝ่ายนั้นอยู่ที่ระดับไหน
แต่ที่รู้สึกสงสัยยิ่งกว่าก็คือยอดฝีมือผู้นี้จะมาประดาบกับเขาตอนกลางคืนแบบนี้ทำไม?
เพื่อทดสอบความสามารถอย่างนั้นหรือ?
และในตอนที่หลินหยางกำลังเก็บดาบกลับเข้าไปนั่นเองต้วนเทียนหยาก็พูดประโยคที่ยาวที่สุดในชีวิตออกมา
“เพลงดาบของผู้หญิงสุดท้ายแล้วก็ยังอ่อนไปหน่อย... ผู้ชาย ต้องหนักแน่น”
พูดจบเขาก็มอบคัมภีร์เล่มหนึ่งให้หลินหยาง จากนั้นก็หันหลังกลับแล้วก็เดินจากไปจนหายลับไปท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน
เหลือแค่หลินหยางที่ยังคงทบทวนคำพูดสุดท้ายของต้วนเทียนหยาอย่างต่อเนื่อง
ผู้ชาย ต้องหนักแน่น
สหายต้วนก็มีส่วนที่ดูเท่แบบนี้ด้วยหรือ?
เขาก้มลงไปดูคัมภีร์ที่เพิ่งได้มาบนหน้าปกมีตัวอักษรเขียนไว้ว่า
“เพลงดาบสามวิถี”
เวรกรรม
ตั้งชื่ออะไรกันนี่
จืดชืดเกินไปแล้ว...
แต่พอหลินหยางพลิกดูเนื้อหาข้างในแล้วเขาก็เกิดอาการใขึ้นมาอย่างรุนแรง
เพลงดาบสามรูปแบบ แบบแรกก็คือเพลงดาบหนึ่งดาบผ่ามิติของต้วนเทียนหยานั่นเอง
ส่วนอีกสองแบบที่เหลือมันยิ่งสุดยอดเข้าไปใหญ่เป็กระบวนท่าพิฆาตสุดแข็งแกร่งไร้ทียมทาน หลินหยางลองกะคร่าวๆ แล้วน่าจะมีอานุภาพเทียบเท่ากับเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดเป็อย่างน้อย
ต้วนเทียนหยากำลังถ่ายทอดวิชาให้เขา
หลินหยางนั้นหลงไปกับพลังของเพลงดาบเฟิ่งอู่หวังหลีมาโดยตลอดจนเขาเคยคิดว่าจะหาวิธีทำให้เพลงดาบนี้สมบูรณ์แบบด้วย
แต่ต้วนเทียนหยาได้ดึงสติเขากลับมา
สุดท้ายแล้วนี่ก็เป็เพลงดาบของผู้หญิงที่แม้จะมีสำนึกดาบของจักรพรรดิฟ้าหลีหั่วยู่ด้วยก็ตามแต่มันคือเพลงดาบเฉพาะตัวของผู้หญงที่ชื่อ เฟิ่งอู่ ถึงหลินหยางจะฝึกไปจนเชี่ยวชาญแต่สุดท้ายก็คงไม่สามารถแสดงพลังของมันออกมาได้เต็มที่เหมือนกับเ้าของวิชา
สิ่งที่ต้วนเทียนหยาทำคือความเป็ห่วงของผู้าุโที่มีต่อหลินหยาง
เขาคงหวังจะให้หลินหยางได้เห็นโลกของวรยุทธ์ที่กว้างขวางกว่านี้เรียนก็ส่วนเรียน ใช้งานก็ส่วนใช้งาน แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องค้นหาวิถียุทธ์ที่เป็แบบฉบับของตัวเองให้เจออยู่ดี
เพราะเหตุนั้นจึงทำให้เกิดการประลองในวันนี้ขึ้นและเพราะเหตุนั้นหลินหยางจึงได้คัมภีร์เคล็ดวิชาดาบศักดิ์สิทธิ์อันทรงอานุภาพมาด้วยเล่มหนึ่ง
ถึงหลินหยางจะแพ้แต่ก็เป็การแพ้ที่คุ้มค่าอยู่ดี