ภายในห้องโถง จวนสกุลหลี่
หลี่เฉินจีทิ้งกายลงนั่งบนเก้าอี้ในตำแหน่งประมุข โดยใช้มือขวาจับหัวเสือบนเท้าแขน แล้วกวาดตามองคนของกองกำลังเฉินจีหยิง ซึ่งอยู่ตรงข้ามตนอย่างเ็า เพื่อรับฟังเื่ราวทุกอย่างที่คนตรงหน้าเล่า
มีโลงศพที่ถูกทำขึ้นอย่างหยาบๆ วางอยู่ในห้องโถง
ทุกคนต่างยืนสงบนิ่ง เพื่อแสดงความไว้อาลัยต่อร่างไร้ิญญาในโลง
“เ้าบอกว่ากู่ไห่เป็ผู้สังหารฮ่าวหรานอย่างนั้นหรือ?” หลี่เฉินจีถาม พลางหรี่ตามองคนใต้อาณัติ
“ใช่... ใช่ขอรับ!” คนของเฉินจีหยิงก้มศีรษะตอบรับ
“ฮ่าๆๆ! เฉินจีหยิงเอ๋ย... เฉินจีหยิง! แม้ข้าจะส่งมอบพวกเ้าให้กับหลี่ฮ่าวหรานไปแล้ว แต่ข้าก็เคยเป็ผู้บังคับบัญชามาก่อน เช่นนี้แล้ว เ้ายังกล้าที่จะโป้ปดข้าอีกหรือ?” หลี่เฉินจีพูดอย่างเยือกเย็น
“ข้า... ข้าไม่!” คนของเฉินจีหยิงขบฟันแน่น พลางปฏิเสธอย่างร้อนรน
“ท่านลุง เป็กู่ไห่ที่สังหารพี่ใหญ่!” ชายในชุดฮั่นฝู[1]กล่าวเสริม
“คุณชายสองกล่าวถูกต้องขอรับ!” คนของกองกำลังเฉินจีหยิงอีกสองคนะโสนับสนุน
หลี่เฉินจียิ้มเย็น ยกมือชี้นิ้วไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยืนห่างออกไป ก่อนบัญชา “เ้า เ้าและเ้า มาลากพวกมันออกไปตัดหัวที่จัตุรัส!”
“ขอรับ!” ผู้ใต้บังคับบัญชากลุ่มหนึ่งกรูเข้ามาทันที
“ท่านลุง ท่านจะทำอะไรกัน!?” คุณชายรองพลันอุทานอย่างใ
“ท่านหัวหน้า เหตุใดท่านถึงได้สั่งปะาข้า เหตุใดท่านถึงได้สั่งปะาข้า!” คนทั้งสามที่ถูกจับ ร้องอุทานอย่างหวาดกลัว
อย่างไรก็ตาม หลี่เฉินจีได้ออกคำสั่งไปแล้ว ผู้ใต้บังคับบัญชากลุ่มหนึ่งก็ดึงคนทั้งสามออกมาตามคำบัญชาทันที
“คุณชายสองช่วยด้วย... คุณชายสองช่วยพวกข้าด้วย!” ทั้งสามร้องวิงวอนอย่างน่าสงสาร
คุณชายสองที่ในตอนนี้ ยังคงตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ตรงหน้า ได้แต่ยืนอึ้ง
“ท่านหัวหน้า ข้าผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้ด้วย เป็เพราะคุณชายสองขอให้ข้าพูดเช่นนี้! ท่านหัวหน้าได้โปรดอภัย!” คนทั้งสามที่ถูกดึงตัวออกมา ะโสารภาพ พร้อมร้องไห้สะอื้นด้วยความพรั่นพรึง อย่างหมดสภาพ
แต่กระนั้น คำสั่งของหลี่เฉินจีถือเป็ที่สุด อีกทั้งคนอื่นๆ ก็ไม่กล้าร้องขอ
“อ๊าก!” เสียงะโดังมาจากนอกห้องโถง
“อ๊ากๆๆ!”
เสียงกรีดร้องสามครั้งดังขึ้น ทำให้ทุกคนในห้องโถง ถึงกลับสั่นสะท้านด้วยความหวั่นเกรงทันที
“ท่านลุง...!” คุณชายรองร้องเรียกด้วยใบหน้าถอดสี
หลี่เฉินจีหันศีรษะกลับมามองเขานิ่ง ก่อนสั่งเสียงเบาว่า “พรุ่งนี้ ต้องฝากทุกอย่างเอาไว้ในมือเ้าแล้ว จงไปที่ทะเลเหนือ เพื่อปกป้องเกาะเถอะ!”
ตอนนี้ ใบหน้าของคุณชายสองยังคงฉายแววหวาดหวั่น อยากจะร้องขอความเมตตา
แต่มีใครบางคนที่อยู่ด้านข้างดึงเขาไว้ ก่อนกระซิบ “คุณชายสอง ท่านยังมีโอกาสที่แก้แค้นให้คุณชายใหญ่ แต่ไม่อาจหลอกลวงท่านหัวหน้าได้ การที่เขามิได้ลงโทษปะาชีวิตท่าน ก็ถือว่าเมตตามากแล้ว!” ชายปริศนาบอกเสียงเบา
คุณชายสองเงยหน้า สบสายตาเย็นะเืของหลี่เฉินจี ก็รู้สึกหวาดผวาและใ จึงได้ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาอีก
หลี่เฉินจีมองดูทุกคนในห้องโถง ด้วยสายตาเรียบเฉยและเยียบเย็น
“ทีนี้ ใครพอจะเล่าให้ข้าฟังอีกครั้งได้หรือไม่ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ระหว่างที่หลี่ฮ่าวหรานอยู่ในทะเลพันเกาะ” หลี่เฉินจีพูดอย่างเฉยชา
จากนั้น คนของเฉินจีหยิงที่ยังมีชีวิตรอด ก็อธิบายเื่ราวอย่างละเอียดให้ท่านหัวหน้าทราบ
ครั้งนี้ ไม่มีการบิดเบือนเื่ราวไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ หลี่เฉินจีตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ พลางเคาะนิ้วกับเท้าแขนของเก้าอี้หัวพยัคฆ์เบาๆ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย
หลังจากเล่าทุกอย่างจบ ก็เกิดความเงียบงันไปทั่วโถง ทุกคนต่างมองไปยังหลี่เฉินจี อย่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร
“เื้ัอย่างนั้นหรือ? ฮ่าๆ!... หลี่ฮ่าวหราน เ้าช่างสร้างแต่ปัญหาจริงๆ องค์หญิงเสี่ยวเยว่ตายด้วยน้ำมือของเ้าจริงหรือ? ฮ่าๆ!” ประกายเย็นเยือกวาบขึ้นในดวงตาของหลี่เฉินจี
เขาค่อยๆ ลุกขึ้น ย่างเท้าเดินไปยังโลงศพ
“เอ๊ะ!”
ทันทีที่ฝาของโลงถูกเปิด ไอเย็นก็ลอยออกมา เห็นได้ชัดว่ามันมีไว้เพื่อรักษาสภาพศพ หลี่เฉินจีมองไปยังร่างของหลี่ฮ่าวหรานนิ่ง
ศีรษะหายไป ร่างกายมีแต่โลหิต ทว่าแขนกลับกลายเป็เพียงท่อนกระดูกขาวโพลน
หลี่เฉินจีค่อยๆ หยิบกระดูกของผู้เป็หลานชายขึ้น ดวงตาได้รูปคู่นั้นพลันวาบประกาย
“ไขกระดูกสะอาดถึงเพียงนี้?” หลี่เฉินจีเอ่ย พลางขมวดคิ้วแน่น
“ท่านหัวหน้า ไม่ว่าอย่างไร การตายของพี่ใหญ่ก็เกี่ยวข้องกับกู่ไห่ สิ่งที่พี่สองพูดคือความจริง!” ชายอีกคนร้องบอก
“กู่ไห่?” หลี่เฉินจีหรี่ดวงตาลงอย่างนึกสงสัย
“หลี่เฉินจีรับพระราชโองการ!” จู่ๆ เสียงะโก็ดังมาจากนอกห้อง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ท่าทีของทุกคนในห้องโถงก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
หลี่เฉินจีเร่งเดินออกไปนอกห้องทันที จึงพบชายคนหนึ่งสวมชุดคลุมทางการ กำลังยืนอยู่บนนกกระเรียนั์ และมองมาทางตน
“ข้าน้อยหลี่เฉินจี ขอคารวะ! ยินดีที่ได้พบท่านเทวทูตอีกครั้ง” หลี่เฉินจีโค้งคำนับทันที
“มีพระราชโองการ ให้หลี่เฉินจีจัดระเบียบกองกำลังเฉินจีหยิงใหม่ภายในสามเดือน! เพื่อรอรับคำบัญชาจากองค์จักรพรรดิ์!” ข้าราชสำนักบนนกกระเรียนเซียน กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“พ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมน้อมรับพระราชโองการ!” หลี่เฉินจีตอบรับอย่างเคารพ
ข้าราชสำนักได้ยินเช่นนั้น ก็หัวเราะ “ท่านหลี่ ยินดีด้วย! สามเดือนหลังจากนี้ โปรดนำกองกำลังเฉินจีหยิงไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ์... หมดเื่แล้ว ข้าขอลา”
“น้อมส่งท่านเทวทูต!” หลี่เฉินจีกล่าวตอบ
นกกระเรียนั์ส่งเสียงร้องยาว ก่อนพาร่างของข้าราชสำนักบินขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว
“ท่านหัวหน้าได้ตำแหน่งคืนแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“ท่านหัวหน้า หากท่านสั่ง เราก็พร้อมจะกลับมาทันที!”
“ท่านหัวหน้าได้รับการอภัยโทษแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ตอนนี้ ทุกคนกำลังยินดี จนแทบจะลืมการตายของหลี่ฮ่าวหรานไปสิ้น
“ตราคำสั่งอยู่ไหน?” หลี่เฉินจีเอ่ยถามเสียงเรียบ
“กู่ไห่ยึดไปแล้วขอรับ!” คนของกองกำลังเฉินจีหยิงตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“กู่ไห่อีกแล้วหรือ? ดูเหมือนว่า ก่อนที่ข้าจะไปเมืองหลวง คงต้องไปเยี่ยมเยือนคนผู้นี้สักหน่อย” ดวงตาของหลี่เฉินจีช่างเย็นเยียบ ทว่า ในความเยียบเย็นนั้น กลับมีแสงวาวโรจน์ทอประกาย
...
แคว้นต้าฮั่น ณ พระราชวังทะยาน์
บัดนี้ กู่ไห่ในเครื่องแต่งกายสมฐานะ บนศีรษะสวมมงกุฎทรงต่ำ บนร่างใส่เสื้อคลุมัสีดำ กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ พร้อมกวาดตามองลงไปยังเหล่าขุนนางสองแถว ด้านซ้ายคือ กู่ฉินกับกลุ่มเถ้าแก่ ส่วนด้านขวา คือเกาเซียนจือ เฉินเทียนซาน ฮวางบู เิไท่และผู้มาใหม่คนอื่นๆ
ปัง!
กู่ไห่ตบเข้าที่เท้าแขนของเก้าอี้บัลลังก์ พร้อมมองไปยังกลุ่มขุนนางทางด้านซ้าย ประกายเ็าวาบผ่านดวงตาคมทั้งสอง
เมื่อเห็นเช่นนั้น ท่าทีของเหล่าขุนนางจึงค่อยๆ แปรเปลี่ยน
“แคว้นต้าฮั่นเพิ่งจะก่อตั้งได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน เหตุใดถึงมีข่าวว่าเริ่มมีการซื้อขายตำแหน่งขุนนางกันแล้ว? ไม่ว่าใครก็สามารถซื้อตำแหน่งได้ ตราบเท่าที่มีเงินเช่นนั้นหรือ?” กู่ไห่จ้องมองเหล่าขุนนางด้วยสายตาเยียบเย็น
“ฝ่าา ตอนนี้ดินแดนกว้างใหญ่เกินไป มีตำแหน่งว่างมากมาย หลายที่ยัง้าคน แม้ว่าพวกเราจะแต่งตั้งผู้ที่มีความสามารถไปเป็จำนวนมาก แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
เพื่อให้ทุกพื้นที่สามารถบริหารงานได้เร็วที่สุด จึงได้คิดแผนนี้ขึ้นมา จะได้สามารถจัดการงานได้ในระยะเวลาอันสั้น ทั้งยังสามารถเพิ่มเงินในท้องพระคลังได้อีกด้วย” ขุนนางผู้หนึ่งกล่าวขึ้นอย่างทื่อๆ
“แต่คนที่ซื้อขายตำแหน่ง มิใช่คนในตระกูลของพวกเ้าหรอกหรือ? หึ! เพิ่มเงินในท้องพระคลัง? แล้วจำเป็ต้องเพิ่มถึงขนาดนั้นเลยหรืออย่างไร?” กู่ไห่ถามอย่างเยือกเย็น
เหล่าขุนนางเมื่อได้ยินเช่นนั้น ต่างก็ไม่กล้าพูดอะไร
“เสด็จพ่อ ดินแดนของเรากว้างใหญ่นัก ดังนั้นในระยะเวลาอันสั้นนี้ กำลังคนของเราไม่เพียงพอจริงๆ จึงทำให้ไม่สามารถบริหารจัดการได้ครอบคลุมทุกพื้นที่” กู่ฉินถอนหายใจเล็กน้อย พลางอธิบายแทนเหล่าเถ้าแก่
“หากยังไม่อาจทำได้ ก็หยุดไว้ก่อน เ้ามิได้จัดให้มีการสอบคัดเลือกขุนนางหรอกหรือ? การทดสอบความรู้ เพื่อคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถ และพร์เข้ามาทำงาน มันยังไม่เพียงพอหรืออย่างไร?” กู่ไห่กดเสียงต่ำ
กู่ฉินทำได้เพียงก้มหน้าลง
“เิไท่!” กู่ไห่ขานเรียกเสียงต่ำ
“กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ!” เิไท่ก้าวออกมาข้างหน้า
“ผ่านมาหนึ่งเดือน หน่วยองครักษ์เสื้อแพรได้เตรียมการไปถึงไหนแล้ว?” กู่ไห่ถาม พลางมองชายตรงหน้า
“มีผู้ถูกคัดเลือกเข้ามาราวสามพันคนแล้ว แม้ไม่นับว่ามีพลังระดับสูง แต่ก็มีศักยภาพที่จะพัฒนาขึ้นได้เรื่อยๆ ดังนั้นในยามนี้ องครักษ์เสื้อแพรจึงสามารถเริ่มทำงานได้บางส่วนแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เิไท่กล่าวเสียงเข้ม
“ดี! ข้าจะมอบราชโองการเก้าัแก่เ้า เพื่อให้เข้าไปตรวจสอบเกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่งขุนนาง ผู้ใดที่ทำการทุจริตรับสินบน หรือสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน จะต้องถูกลงโทษตามกฎหมายอย่างเป็ธรรม เ้าสามารถตรวจสอบได้ทุกพื้นที่ ราชโองการเก้าันี้ ถือเป็ดั่งตัวแทนของข้า!” กู่ไห่พูดเสียงต่ำ ก่อนจะยื่นราชโองการให้อีกฝ่าย
“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา!” เิไท่รับราชโองการ ก่อนจะก้าวถอยออกไป
เหล่าขุนนางาุโที่อยู่ด้านข้าง ต่างมีสีหน้าแข็งทื่อ ก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อย ยังไม่มีใครรู้ว่าโลหิตจะหลั่งไหลดั่งสายฝนในไม่ช้า
“ฮวางบู!”
“กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ!” ชายหน้าบากกล่าวอย่างนอบน้อม
“เ้าส่งทหารม้าจากทุกเมือง เข้ามาร่วมทำภารกิจกับองครักษ์เสื้อแพรในครั้งนี้ด้วย” กู่ไห่สั่งเสียงต่ำ
“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา!” ชายหน้าบากตอบรับ
“ตอนนี้เกาะจิ๋วหวู่และอีกห้าแคว้นมนุษย์ เป็อย่างไรบ้าง?” กู่ไห่มองไปยังกู่ฉิน ก่อนเอ่ยถาม
“ทูลเสด็จพ่อ มีสามแคว้นที่เจรจากันได้อย่างราบรื่น แต่อีกสองแคว้น กลับไม่เป็ไปตามที่คาดการณ์ไว้” กู่ฉินตอบ พลางขมวดคิ้วแน่น
“เฉินเทียนซาน!”
“กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ!”
“เ้าจงนำกองกำลังรักษาชายแดนทุกแห่ง เริ่มขุดถนนตัดผ่านูเา เปิดเส้นทางสัญจรให้กับเหล่ามนุษย์บนเกาะจิ๋วหวู่ โดยก่อนอื่น ให้เจาะอุโมงค์สองเส้น ตัดเส้นทางแคว้นที่ไม่ยอมจำนนต่อต้าฮั่นของข้า!
ขณะเดียวกัน มันก็ขึ้นอยู่กับเ้าแล้ว ว่าจะทำให้อีกสองแคว้นยอมจำนนต่อแคว้นเราได้อย่างไร” กู่ไห่กล่าวเสียงต่ำ
“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา!”
“เกาเซียนจือ!”
“กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ!”
“ข้า้ากำลังทหารที่แข็งแกร่งจำนวนหนึ่ง และทหารม้าของแผ่นดินที่เ้าเป็ผู้คัดเลือกและฝึกฝน เพื่อเข้ามาเป็กองทัพที่หนึ่ง จำนวนแปดแสนนาย
โดยใช้แคว้นของมนุษย์ทั้งสองนี้เป็สนามซ้อมรบ ข้า้ากองทัพที่ไม่อาจทำลายได้ ในศึกครั้งนี้ เมื่อศัตรูไม่มีผู้ฝึกตนเข้าร่วม เ้าก็ห้ามมีเช่นกัน
ข้าหวังว่าในอนาคต แคว้นต้าฮั่นจะแข็งแกร่ง โดยมิใช่ว่ามีเพียงผู้บัญชาการที่แข็งกล้าเท่านั้น แต่ยังมีกองทัพที่แกร่งกล้าด้วยเช่นกัน!” กู่ไห่พูดอย่างจริงจัง
“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา!” เกาเซียนจือตอบกลับเสียงเข้ม
คำสั่งของทางราชสำนัก ยังคงได้รับการอนุมัติอย่างต่อเนื่อง ผ่านการตัดสินใจของกู่ไห่ และไม่มีใครกล้าโต้เถียงกับราชโองการเ่าั้
“ทูลฝ่าา ซ่างกวนเหินขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์คนหนึ่งรายงานเสียงนอบน้อมมาจากนอกห้อง
“โอ้? พาตัวเข้ามา!” กู่ไห่กล่าวด้วยความประหลาดใจ
คนผู้นี้ไม่ยอมรับตำแหน่งขุนนางของแคว้นต้าฮั่น กู่ไห่ก็หมดหนทางที่จะร้องขอ การมาขอเข้าพบในยามนี้ จะต้องมีเื่ด่วนแน่!
ซ่างกวนเหินเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ขุนนางทั้งสองแถวต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย
“ฝ่าา เหยาเจิ้งเทียนมาแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีข่าวร้ายมากราบทูลให้ฝ่าาทรงทราบ ตอนนี้เขารออยู่ด้านนอกตำหนัก” ซ่างกวนเหินพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม
“โอ้?” เหยาเจิ้งเทียน? กู่ไห่แสดงความสงสัยออกมา
เหยาเจิ้งเทียนเป็ถึงผู้ปกครองสูงสุดของเหล่าสัตว์อสูร ก่อนที่กู่ไห่จะตั้งราชสำนัก เขาได้เดินทางมา เพื่อร้องขอให้ช่วยแก้ผนึกหมากล้อมบนกระดองของตน และมอบหนังสือ ‘โครงสร้างเมือง์’ ให้ อีกทั้งยังได้ให้คำมั่นสัญญา ว่าหากกู่ไห่้าความช่วยเหลือ ก็จะเข้ามาช่วยอย่างสุดความสามารถ
สำหรับเหยาเจิ้งเทียนผู้นี้ กู่ไห่กลับรู้สึกขอบคุณนัก สำหรับ ‘โครงสร้างเมือง์’ ซึ่งแม้จะเป็ของไร้ค่าในแผ่นดินเสินโจว แต่สำหรับกู่ไห่ นี่ถือเป็หนังสือที่มีประโยชน์มากทีเดียว
กู่ไห่พาร่างของตน ก้าวลงจากบัลลังก์ั ค่อยๆ เดินตามซ่างกวนเหินออกจากห้องไป
ส่วนเหล่าขุนนาง ต่างก็เดินตามหลังกู่ไห่ไปเช่นกัน
เหยาเจิ้งเทียนยืนอยู่บนลานประลอง พลางส่งยิ้มให้กู่ไห่
“ขอแสดงความยินดีกับท่านกู่… ไม่สิ! ขอแสดงความยินดีกับฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าฮั่น ที่ก่อตั้งแคว้นได้สำเร็จ!” เหยาเจิ้งเทียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ท่านเหยายกย่องเกินไปแล้ว ข้าสงสัยเหลือเกิน ว่าเหตุใดวันนี้ท่านเหยาถึงมาได้?” กู่ไห่ถามกลับด้วยความสงสัย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าเหยาเจิ้งเทียนพลันหายไป แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ตอนที่ท่านกู่สร้างแคว้น ผู้น้อยติดธุระ จึงไม่อาจมาร่วมงานได้ หวังว่าท่านกู่จะให้อภัย แต่การมาครั้งนี้ กลับนำข่าวร้ายมากราบทูล โดยหวังว่าจะเป็ประโยชน์กับท่าน!”
“หืม?” กู่ไห่ส่งเสียงอย่างสงสัย
“ตอนที่ท่านกู่ได้รับลูกท้อร้อยปี ข่าวแพร่งพรายมาจากผู้ฝึกตนที่เข้าไปในดินแดนแรกสาบสูญ ดังนั้น ผู้ฝึกตนทั้งระดับก่อ์ แก่นทองคำ และหยวนอิงจำนวนนับไม่ถ้วน จึงเดินทางมายังทะเลพันเกาะ
แต่เมื่อได้ยินข่าวว่าบัดนี้ ท่านกู่ได้ชีพจรัแล้ว เกรงว่าเป็สิ่งล่อใจเสียยิ่งกว่าลูกท้อร้อยปี
บนเกาะแก่งต่างๆ ผู้ฝึกตนระดับหยวนอิง ท่านประมุขเกาะ หัวหน้าสำนัก และท่านอ๋องบางคน ไม่อาจนิ่งนอนใจได้อีก พวกเขากำลังเดินทางมายังเกาะจิ๋วหวู่แล้ว
ข้าได้รับข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ ว่ามีผู้ฝึกตนระดับหยวนอิง มากถึงยี่สิบคนจากสำนักต่างๆ พร้อมใจกันมาที่นี่ เพื่อจะแย่งชิงชีพจรัจากท่าน” เหยาเจิ้งเทียนบอก พลางยกยิ้มฝืดเฝื่อน
“โอ้! ผู้ฝึกตนระดับหยวนอิง? ยี่สิบคนอย่างนั้นหรือ?” สีหน้าของกู่ไห่ราบเรียบ
กู่ไห่เพิ่งพูดจบ สีหน้าของเหยาเจิ้งเทียนก็เปลี่ยนไปทันที เขาเผยสีหน้าเศร้าหมอง ก่อนเอ่ย “ดูเหมือนว่าข้าจะมาช้าเกินไป พวกเขามาถึงแล้ว!”
เมื่อมองออกไปทางทิศใต้ ก็เห็นว่ามีสายรุ้งยาวยี่สิบสายกำลังพุ่งตรงมา พร้อมสายลมกระโชกแรง ซึ่งโบกสะบัดเข้ามายังบริเวณที่พวกเขายืนอยู่
ตูม!
สายรุ้งยาวยี่สิบสาย ลงมาอยู่ที่หน้าพระราชวังทะยาน์ สายลมแรงพัดเข้ามาจากทั่วสารทิศ
กู่ไห่เงยหน้าขึ้นมองร่างยี่สิบร่าง ที่ร่อนลงมาจากฟากฟ้า ด้วยแววตาเย็นะเื
--------------------------------------------------
[1] ชุดฮั่นฝู มีที่มาจากคำว่า ‘ฮั่น: 汉’ ที่มาจากชื่อราชวงศ์ และคำว่า ‘อีฝุ: 衣服’ ที่แปลว่าเสื้อผ้า เรียกรวมๆเป็คำว่า ‘ฮั่นฝู’ ซึ่งมีความหมายว่า ‘เสื้อผ้าของชาวฮั่น’
ฮั่นฝู จึงเป็ชุดประจำชนชาติฮั่น ชาวจีนแต่งกายด้วยชุดฮั่นฝูมาั้แ่สมัยโบราณ จนถึงสมัยราชวงศ์ิล่มสลาย และราชวงศ์ชิงซึ่งถูกปกครองโดยชาวแมนจูที่มาจากทางตะวันออกเฉียงเหนือ ได้เข้ามาปกครองประเทศแทน และได้ปฏิวัติเครื่องแต่งกายของชาวจีนจากชุดฮั่นฝูมาเป็แบบคล้ายๆ ชุดกี่เพ้า หรือ ฉีผาว ซึ่งพบเห็นได้ในปัจจุบันนี้
ดังนั้น ‘ฮั่นฝู’ ก็คือชุดจีนโบราณทั้งหมด ซึ่งสวมใส่กันใน่ที่ถูกปกครองโดยกษัตริย์ชาวฮั่น ซึ่งเริ่มนับอย่างเป็ทางการั้แ่สมัยราชวงศ์ซ่าง (ก่อนหน้านี้มีราชวงศ์เซี่ยด้วย) ไปจนถึงสิ้นสุดราชวงศ์ิ ซึ่งนับรวมชุดในราชวงศ์อื่นๆ ที่อยู่ใน่เวลานี้ด้วยเช่นกัน