เย่เฟิงหันไปเผชิญหน้ากับชายผิวเข้ม ใบหน้าใต้หน้ากากเหยียดยิ้มมุมปาก “ไอ้ลูกเต่า มีเคล็ดวิชาอะไรก็จงใช้ออกมาซะ”
สายตาของลัวลี่กลอกกลิ้งไปมา “ผู้าุโ พวกเราต่างคนต่างอยู่เถอะ อย่ายุ่งเกี่ยวกันเลย การต้องเข่นฆ่ากันเองคงจะไม่คุ้มหรอกมั้ง?”
“ว่าไงนะ?” เย่เฟิงถามด้วยโทนเสียงสูงขึ้น “หลงหว่านเอ๋อร์เป็เพื่อนของฉัน พวกนายคิดรังแกเธอ ฉันยังจะอยู่เฉยได้อีกเหรอ?”
“เพื่อน?” ชายผิวเข้มมึนงงชั่วขณะ ใจนึกไปถึงงานประมูลสินค้าที่เมืองหลางฝาง ตอนนั้นดูเหมือนทั้งคู่ยังไม่รู้จักกัน อีกทั้งชายสวมหน้ากากลงมือสังหารทานหลางเจี้ยน ถือเป็การฉีกหน้าตระกูลหลงต้องนับว่าเป็ศัตรูกันด้วยซ้ำ แล้วทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็เพื่อนกันได้?
หลงหว่านเอ๋อร์ใบหน้าแดงก่ำยืนอยู่ด้านข้างกำลังก่นด่าเขาอยู่ในใจ ใครเป็เพื่อนกับเขากัน ช่างหน้าไม่อายเสียจริง!
“คนสวย ฉันแนะนำว่าเธออย่าคิดหนีดีกว่า” ร่างสูงเดินเข้าไปหาหลงหว่านเอ๋อร์พลางยิ้มกรุ่มกริ่ม “สภาพของเธอตอนนี้ ไม่ว่าจะหนีไปที่ไหนก็คงไม่ต่างกันหรอกมั้ง?”
ตอนนี้เขาคิดจู่โจมหลงหว่านเอ๋อร์ก่อน อย่างน้อยก็ทำให้เธอหนีไม่ได้อีก จากนั้นค่อยตามไปสมทบกับลัวลี่ ร่วมมือกันโจมตีเย่เฟิงอีกที พอคิดแผนในใจเสร็จสรรพก็รู้สึกมั่นใจยิ่งขึ้น
เพื่อให้เื่จบได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เขาก็สะกิดปลายเท้าพุ่งเข้าหาหลงหว่านเอ๋อร์ซึ่งยืนพิงต้นไม้ ระหว่างนั้นก็กำหมัดทั้งสองข้างก่อนจู่โจมออกไป นี่เป็เคล็ดวิชาสุดยอดของสำนักหมัดเทวา หมัดปืนใหญ่สามจักรพรรดิ!
เขารวบรวมลมปราณประสานเข้ากับกำปั้นทั้งสองข้าง ไอพลังของมันดูดุดันราวกับพยัคฆ์ร้าย ลัวเหลยจงใจเล็งหมัดไปยัง่อกของเธอ เพราะไม่อยากให้มันกระทบใบหน้าสวย หากใบหน้าของเธอถูกทำลาย เขาต้องนึกเสียดายมากแน่ แค่โจมตีกลางอกก็ทำลายเส้นลมปราณของเธอได้ เพียงเท่านี้ก็ทำให้เธอหลบหนีไม่ได้แล้ว!
เมื่อหลงหว่านเอ๋อร์เห็นเช่นนั้นก็หวั่นวิตก เธอรีบใช้วิชาตัวเบาหนีไปด้านหลังต้นไม้ อีกฝ่ายรีบตามติดพร้อมใช้หมัดคู่โจมตีต้นไม้ วินาทีที่หมัดสองข้างปะทะลำต้นก็เกิดแรงะเิทันที เศษไม้ปลิวว่อนรอบบริเวณ ตามด้วยเสียงต้นไม้ขนาดใหญ่พังครืนไปครึ่งหนึ่ง แสดงถึงอานุภาพของหมัดคู่นั้น
เมื่อหญิงสาวเห็นดังนั้นก็ไม่กล้าดันทุรังต่อสู้ด้วย ระหว่างเคลื่อนตัวหลบก็คอยมองเย่เฟิงตลอด หวังให้เขาจัดการลัวลี่แล้วรีบมาช่วยเธอ
สถานการณ์ของหลงหว่านเอ๋อร์อยู่ในสายตาของเย่เฟิงตลอด ทว่าเขากลับอยากให้เธอเปลืองกำลังต่อสู้ให้มากหน่อย เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากที่จะตามมาเมื่อต้องบีบบังคับเธอ ชายหนุ่มตั้งท่าสู้ด้วยมือเปล่าและเบนความสนใจไปยังคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าก่อนยิ้มเยาะ “มาเถอะ แสดงให้ฉันดูหน่อยว่าระหว่างหมัดของฉันกับหมัดของสำนักหมัดเทวา อะไรจะแข็งแกร่งกว่ากัน!”
หลังสิ้นเสียง เย่เฟิงใช้หมัดแปดทิศเปิดฉากจู่โจมฝ่ายตรงข้าม พลังของเขาพุ่งโจมตีใบหน้าและกลางอกของชายผิวเข้ม!
“จะเล่นดวลหมัดกับฉันเหรอ?” ลัวลี่ที่คอยมองอยู่แอบยินดีอยู่ในใจ กระบวนท่าหมัดของสำนักหมัดเทวาได้รับการยอมรับจากทุกคนว่าไม่มีใครเทียบเคียงได้ เพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็สามารถะเิพลังได้รุนแรง! คิดจะดวลพลังหมัดกับเขา ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายหรอกเหรอ?
เพราะเชื่อมั่นในกระบวนท่าหมัดของสำนักตัวเองอย่างถึงที่สุด ในชั่วพริบตานั้นลัวลี่จึงพุ่งหมัดทั้งสองของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว กำปันสองข้างอัดแน่นด้วยพลังลมปราณ ก่อนปะทะกับหมัดของเย่เฟิงอย่างแรง!
ชั่วขณะที่หมัดของทั้งคู่ปะทะกันก็เกิดแรงะเิขึ้น เกิดกระแสลมรุนแรง ใบไม้จำนวนมากปลิวกระจายเต็มท้องฟ้า!
“อะไรกัน พวกเรามีระดับพลังลมปราณเทียบเท่ากัน แล้วทำไมฉันถึง...” ลัวลี่เอ่ยด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นกรีดร้องอย่างน่าเวทนา เขาถูกพลังนั้นกระแทกจนปลิวออกไปราวกับว่าวที่ถูกตัดเชือก ก่อนร่วงกระแทกพื้นอย่างแรง!
เย่เฟิงเห็นดังนั้นก็ยิ้มเยาะในใจ สำนักหมัดเทวาดูท่าก็มีดีแค่ชื่อ! แม้ทั้งคู่จะมีระดับพลังลมปราณสี่ปีเหมือนกัน แต่พลังภายในของลัวลี่แข็งแกร่งเพียงครึ่งหนึ่งของเย่เฟิงเท่านั้น นอกจากนี้หมัดแปดทิศยังเหนือชั้นกว่าหมัดปืนใหญ่สามจักรพรรดิมาก ตอนที่ทั้งคู่ปะทะกัน พลังของเย่เฟิงก็พุ่งเข้าไปทำลายเส้นลมปราณหมัดของอีกฝ่ายจนก่อให้เกิดความเสียหายหนัก!
“เอาไปอีกหมัด!” เย่เฟิงะโอย่างดุดัน และทะยานไปข้างหน้าพร้อมใช้หมัดคู่จู่โจม!
เมื่อลัวลี่เห็นดังนั้นก็หวาดผวาสุดขีด รีบตะเกียกตะกายลุกหนีทันที ชั่วพริบตาเขาใช้วิชาตัวเบาหนีออกไปไกลนับสิบเมตร!
น่าเสียดายที่หนีไม่พ้น เพียงเย่เฟิงใช้ย่างก้าวไร้เงา บริเวณเดิมที่เขาอยู่ก็เห็นเป็เพียงภาพติดตา หมัดสองข้างของเขาพุ่งหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วและยากจะหลบหลีก ก่อนกระแทกใบหน้าและกลางอกของลัวลี่ขณะหลบหนี
‘ปัง’ เสียงกระแทกดังขึ้นตามมาด้วยเสียง ‘กร๊อบ’ เห็นได้ชัดว่าพลังหมัดของเย่เฟิงสามารถหักกระดูกซี่โครงทั้งหมดของอีกฝ่ายได้ หลังถูกซัดพลังใส่ ร่างผอมบางของชายผิวเข้มก็ปลิวตกหน้าผาไป
“อ๊าก—” ลัวลี่กรีดร้องอย่างน่าเวทนาก่อนเสียงของเขาจะค่อยๆ เบาลงและขาดหายไป ตกจากหน้าผาสูงชันขนาดนี้ ทั้งยังาเ็สาหัส ดูท่าแล้วคงไม่มีทางรอดชีวิตได้อีก
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตานี้ถึงกับทำให้ลัวเหลยตกตะลึง! เขานึกไม่ถึงว่าศิษย์น้องจะถ่วงเวลาเย่เฟิงไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว เพียงเผชิญหน้ากันศิษย์น้องของเขาก็พ่ายแพ้ย่อยยับจนตกหน้าผาไปแล้ว เขาได้ยินมาว่าชายสวมหน้ากากคนนี้อายุเพียงยี่สิบต้นๆ เท่านั้น ทำไมถึงน่ากลัวขนาดนี้?
ถึงอย่างไรเขาก็ยังถือว่าตัวเองเป็ผู้มีฝีมือสูงส่งในสำนักหมัดเทวา! ลัวเหลยเปลี่ยนความคิดอย่างรวดเร็ว ในเวลานั้นเองก็ได้ยินเสียงหวานดังจากด้านข้าง
“ไอ้สารเลว ตายซะเถอะ!” เมื่อหลงหว่านเอ๋อร์เห็นฝ่ายตรงข้ามละความสนใจจึงไม่คิดหนีอีก หญิงสาวหมุนตัวกลับมาะโพร้อมใช้แรงจากเท้าขวาเตะคางอีกฝ่าย
“เทพัผงาด!”
พลั่ก!
ลัวเหลยไม่ทันได้ตอบโต้ อีกทั้งระดับพลังลมปราณของเทียบไม่ได้กับของหลงหว่านเอ๋อร์ เมื่อถูกกระแทกคางอย่างจังก็ถึงกับหน้าแหงนขึ้นฟ้าก่อนหงายหลังล้มลง ฟันหลายซี่หลุดจากปาก
“เทพัฟาดหาง!” เมื่อกำลังได้เปรียบ หลงหว่านเอ๋อร์ย่อมไม่มีปล่อยให้โอกาสหลุดมือ เธอหมุนตัวเตะกลางอกของลัวเหลย ส่งผลให้เขาปลิวไปไกลนับสิบเมตร ร่างพุ่งไปราวกับะุแล้วชนต้นไม้เต็มแรง จากนั้นร่วงลงพื้น
ลัวเหลยกระอักเื เวลานั้นเขาไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกแล้ว ‘กระบวนท่าเตะัสยบ’ จัดเป็สุดยอดเคล็ดวิชาของตระกูลหลง ลัวเหลยไม่ทันป้องกันตัวก็ถูกลูกเตะจากหลงหว่านเอ๋อร์ถึงสองครั้งจนาเ็สาหัส
ทันทีที่สิ้นกระบวนท่า หญิงสาวรีบรวบรวมพลังลมปราณเพื่อควบคุมฤทธิ์ยาที่กำเริบขึ้นมาใหม่ แม้จะพยายามสุดกำลังทว่ายิ่งเวลาผ่านไปร่างกายกลับยิ่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ เธอวิ่งหนีเต็มฝีเท้าอย่างไม่ลังเล คิดกลับไปที่เชิงเขาเพื่อขอให้ผู้าุโตระกูลหลงช่วยรักษาอาการของตน
ทว่าเย่เฟิงซึ่งสังเกตสถานการณ์ฝั่งนี้อยู่ตลอดก็ขยับไล่ตามทันที เขาสามารถใช้ย่างก้าวไร้เงาได้อย่างต่อเนื่อง! ระดับพลังบ่มเพาะที่สูงขึ้นก็มีประโยชน์มากขึ้นไปด้วย ทั้งยังไม่สิ้นเปลืองพลังเลยสักนิด เพียงพริบตาก็คว้าตัวหลงหว่านเอ๋อร์ไว้ได้ ก่อนดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน
“คิดจะหนีงั้นเหรอ? มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก” เย่เฟิงแค่นหัวเราะ เขากอดร่างนุ่มนิ่มของเธอแน่น ก่อนหน้านี้หลงหว่านเอ๋อร์ใช้พลังไปกับลูกเตะสองครั้ง ทำให้ตอนนี้ไม่เหลือแรงกดฤทธิ์ยาอีก ร่างบางอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ยิ่งเวลาผ่านไปสติของเธอก็ยิ่งเลือนราง อย่าว่าแต่ขัดขืนเย่เฟิงเลย กระทั่งควบคุมตัวเองไม่ให้แนบชิดกับเขายังทำไม่ได้ ทำได้เพียงหอบหายใจเท่านั้น
‘ยุ่งยากจริง...’ เย่เฟิงคิดระหว่างอุ้มเธอเดินไปถึงตัวลัวเหลยซึ่งาเ็หนัก
“ถ้าแกฆ่าฉัน สำนักหมัดเทวาไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่!” ลัวเหลยกระอักเื ใบหน้าโเี้แสดงสีหน้าคุกคาม
“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว” เย่เฟิงดึงพลังชี่ออกมาทำให้กระบี่สีแดงเพลิงปรากฏขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มปลิดชีวิตอีกฝ่ายโดยใช้กระบี่แทงลำคอ จากนั้นถีบร่างตกหน้าผาไป เขาจดจำคำสอนของซูเฟยหยิ่งได้ดี ศัตรูที่คุกคามเรา เมื่อมีโอกาสก็ต้องกำจัดให้สิ้นซาก!
จากนั้นสายตาของเขาก็หันไปมองหลงเสียนที่อยู่ด้านข้าง หลงหว่านเอ๋อร์เห็นแววตาของเขาก็เหมือนจะได้สติขึ้นมาเล็กน้อย เธอโอบรอบคออีกฝ่ายพลางถามแ่เบา “นาย... จะทำอะไร... เขา?”
“ฉันจะให้มันชดใช้ด้วยชีวิต!” เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พลางนึกถึงหญิงสาวที่ะโตึกตายที่โรงแรมในเมือง เขาไม่มีทางปล่อยหลงเสียนเอาไว้แน่!
หลงหว่านเอ๋อร์ใจสั่นระรัว นี่เขาคิดจะสังหารคนตระกูลหลงของเธอเหรอ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้