หนีเจียเอ๋อร์ได้ยินชัดเจน เสียงของควงเยวี่ยโหลวหลอมหัวใจนางจนอ่อนระทวย พวงแก้มทั้งสองข้างขึ้นสีด้วยความขัดเขิน
ั้แ่เกิดมา หรือกระทั่งชาติก่อนหน้านี้ ที่นางแต่งกับสวีเพ่ยหรานจนถึงขั้นอยู่กินฉันสามีภรรยามาเป็สิบปี หญิงสาวก็เพิ่งเคยได้ยินเสียงแบบนี้เป็ครั้งแรก
ทว่า อาจารย์หาใช่คนหมกมุ่นในกามารมณ์หรือฝักใฝ่ในราคะ เขาคงจะไม่ส่งเสียงออกมาอย่างไร้เหตุผล
หนีเจียเอ๋อร์ลุกขึ้นยืน “อาจารย์ เกิดอะไรขึ้นกับท่านเ้าคะ?”
“ไม่เป็ไร... อย่าเข้ามา!” ควงเยวี่ยโหลวห้ามเสียงดัง แต่เสียงที่เอ่ยออกมาก็ยังพร่าต่ำชวนให้นางหน้าแดง
หนีเจียเอ๋อร์ยืนนิ่งอย่างเชื่อฟัง ไม่กล้าขยับตัวอีก
แต่แล้ว ควงเยวี่ยโหลวที่เพิ่งเอ่ยปากมิให้อีกฝ่ายเดินเข้ามา กลับเผลอสาวเท้าไปหาหนีเจียเอ๋อร์เสียเอง ท่าทางของเขาดูไม่ปกติเลย ริมฝีปากเผยอเหมือนดั่งกระหายน้ำ หน้าแดงก่ำคล้ายกำลังเมามาย
ควงเยวี่ยโหลวทนไม่ไหว ความปรารถนาที่โหมกระพือในร่างกาย ทำให้เขายื่นมือไปยังผ้าพันเอวบนร่างอีกฝ่ายอย่างไม่อาจควบคุมได้
พอลมหายใจหอบกระเส่ารินรดบนใบหน้า หญิงสาวก็ตื่นตระหนก จนผงะถอยออกมา “อาจารย์ เกิดอะไรขึ้นกับท่าน?”
สติที่พอจะหลงเหลืออยู่บ้าง ทำให้นิ้วของควงเยวี่ยโหลวที่กำลังจะยื่นออกไปชะงักค้าง
บ้าเอ๊ย... นี่เขาทำอะไรอยู่?
ควงเยวี่ยโหลวพยายามระงับความปรารถนาที่แล่นริ้วเข้ามา โดยใช้เข็มเงินทิ่มลงบนิัของตัวเอง
ทันใดนั้น ประตูห้องก็เปิดออกอย่างแรง
“ควงเยวี่ยโหลว เ้าออกไปให้พ้นเลยนะ!”
สีหน้าของโจวชิงหวาเปลี่ยนไป พลางกวาดตามองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความสับสน รีบเข้าไปผลักร่างควงเยวี่ยโหลวออก แล้วตรงไปคว้ามือของหนีเจียเอ๋อร์
ควงเยวี่ยโหลวตัวอ่อน ทรุดลงไปกับพื้น ใบหน้าใต้ผ้าคลุมสีดำ ยังคงเต็มไปด้วยแรงปรารถนา
“ชิงหวา เ้าจะพาข้าไปไหน?” หนีเจียเอ๋อร์รู้สึกว่า แม้แต่โจวชิงหวาก็ยังดูแปลกๆ ฝ่ามือของอีกฝ่ายรุ่มร้อนราวกับไฟ เสียงต่ำพร่า คล้ายกำลังข่มกลั้นอะไรบางอย่าง ไม่ต่างจากอาจารย์
มีศิษย์หลายที่เห็นโจวชิงหวาทะยานเข้าไปในห้อง และคว้าร่างของหนีเจียเอ๋อร์ออกมา ก่อนจะตรงดิ่งกลับไปที่เรือน แล้วปิดประตูอย่างแ่า
ตอนนี้เอง ชายหนุ่มจึงค่อยวางใจ พานางไปส่งที่เตียงนอน
แต่เพราะใช้เพิ่งกำลังภายในไป จึงทำให้พิษแพร่กระจายเร็วขึ้นเป็สองเท่า ดังนั้น ทันทีที่วางนางลงบนเตียง ร่างเขาก็ล้มไปทับอีกฝ่ายอย่างเหนื่อยอ่อน
เมื่อมองไปยังใบหน้าเล็กๆ ของหญิงสาว โจวชิงหวาก็คล้ายตกอยู่ในภวังค์ พร่ำพูดดั่งคนละเมอ พลางลูบแก้มของนางด้วยความเผลอไผล “เสี่ยวเอ๋อร์… เ้างดงามยิ่งนัก!”
เขากระซิบใส่หู ด้วยน้ำเสียงที่เชิญชวนแหบพร่า การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของเขา ทำให้นางถึงกับสั่นสะท้าน
โจวชิงหวาก้มลงจูบหน้าผากหญิงสาวอย่างแ่เบา ดุจสายลมในฤดูใบไม้ผลิอันนุ่มนวล
“ชิงหวา… อย่าทำอย่างนี้!” หนีเจียเอ๋อร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง พลางใช้มือดันหน้าอีกฝ่ายออก ทำให้เล็บไปข่วนเขาโดยมิได้ตั้งใจ แต่ก็พอจะเรียกสติของชายหนุ่มขึ้นมาได้บ้าง
โจวชิงหวาจึงตระหนักได้ว่า สิ่งที่ตนทำลงไปนั้น กำลังสร้างความหวาดกลัวให้นาง
“เสี่ยวเอ๋อร์ ขอโทษ... ข้าขอโทษ... ข้ามิได้ตั้งใจ!”
โจวชิงหวาขอโทษซ้ำไปซ้ำมา แล้วผละไปที่โต๊ะ พลางคว้ากาน้ำมาราดศีรษะตัวเองเพื่อเรียกสติ ก่อนเดินตรงดิ่งไปนอกประตู พยายามนั่งสมาธิใช้กำลังภายในข่มความปรารถนา แต่ก็ยากยิ่งนัก ความร้อนในร่างกายของเขาไม่อาจทุเลาลงได้ ทั้งยังพลุ่งพล่านจนแทบจะะเิออก
เสียงของนางที่ผ่านประตูออกมา ยิ่งทำให้อารมณ์ปรารถนาของโจวชิงหวาพุ่งปะทุ
หนีเจียเอ๋อร์ฟังเสียงครางอันน่าขนลุกของอีกฝ่าย แล้วรีบเดินออกจากเตียงอย่างรวดเร็ว “ชิงหวา เ้าถูกพิษนี่ ข้าจะไปหายาแก้พิษมาให้!”
“ไม่ต้อง… อย่าออกมา!” โจวชิงหวาตะคอก
“แต่ขืนปล่อยไว้แบบนี้ เ้าไม่หายแน่!” นางเคยอยู่ที่หอร้อยบุปผามาก่อน ย่อมทราบถึงฤทธิ์เดชของยากระตุ้นกำหนัดดี... ยิ่งอดทน ก็ยิ่งทุกข์ทรมาน
ชายหนุ่มย่อมรู้ว่านางเป็ห่วง จึงพูดเสียงอ่อนแรง “เสี่ยวเอ๋อร์ ถ้าวันนี้ไม่มียาแก้พิษจริงๆ เ้าเต็มใจจะช่วยข้าหรือไม่?”
ขณะเอ่ยถาม ดวงตาของเขามีแต่ความจริงจัง ไร้ซึ่งร่องรอยอารมณ์
หนีเจียเอ๋อร์กัดริมฝีปากไม่ยอมตอบ... หากไม่มียาแก้พิษ นางก็ได้แต่ต้องพูดคุย เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเขาเท่านั้น
ดวงตาของโจวชิงหวาหมองลง พลางหัวเราะเบาๆ สองสามครั้ง เหมือนจะเยาะเย้ยตัวเอง “ข้ารู้...”
...
ที่ห้องหนังสือ
โจวชิงหวาพาหนีเจียเอ๋อร์ ไปสบทบกับควงเหยาที่ดื่มยาแก้พิษไปแล้ว แต่ฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดก็ยังไม่หมดไปในทันที ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของเขา จึงแดงก่ำล่อลวงผู้คนอยู่บ้าง
“อาจารย์เกิดอะไรขึ้น เหตุใดพวกเราถึงถูกวางยาเล่า?”
ควงเยวี่ยโหลวขมวดคิ้ว ขณะที่มือของเขายังคงใช้เข็มเงินล้างพิษให้ตัวเอง
เืของหนีเจียเอ๋อร์สามารถเข้าไปเสริมฤทธิ์ของหญ้าอวี้ซิน ทำให้พิษของมันรุนแรงขึ้นเป็พันเท่า... ช่างประหลาดนัก!
หลังจากควงเยวี่ยโหลวและควงเหยาหายดีแล้ว พวกเขาก็พากันไปรักษาเหล่าศิษย์ทั้งหลายในสำนักอิ้นเสวี่ย
ควงเหยาส่งยาแก้พิษให้โจวชิงหวา ่เวลาที่ต้องพิษมีเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น แต่กลับสร้างความวุ่นวายไปทั่ว จนบางสิ่งก็ไม่อาจแก้ไขได้แล้ว
มีศิษย์หลายคนที่พบกันหลังพิษกำเริบ ทำให้ศิษย์หญิงบางคนซึ่งไม่อาจแก้พิษได้อย่างทันท่วงที กลับต้องหลับนอนกับศิษย์ชายที่มิได้ชอบพอ ยามตื่นขึ้นมาย่อมรู้สึกอับอาย จนไม่อยากเห็นหน้ากันอีกเลยในชาตินี้
ไม่ต้องให้ควงเยวี่ยโหลวกำชับ ก็ไม่มีใครคิดจะเผยแพร่เื่นี้ออกไป พวกเขาล้วนเป็ศิษย์สำนักอิ้นเสวี่ย ซึ่งเป็ที่รู้จักในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาและแก้พิษ ดังนั้น หากมีใครรู้ว่าคนทั้งสำนักถูกวางยาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเช่นนี้ ย่อมมิใช่เื่ดีแน่!
หลังจากโจวชิงหวากินยาแก้พิษแล้ว สติของเขาก็กลับมาโดยสมบูรณ์ จากนั้น ชายหนุ่มก็เดินไปยังห้องหนังสือ พร้อมหนีเจียเอ๋อร์
ควงเยวี่ยโหลวกำลังจะไปหานางพอดี พอเปิดประตูออกมา ก็เห็นคนทั้งสองมารออยู่ก่อนแล้ว “คุณชายโจว ข้ามีบางอย่างจะคุยกับควงเจียตามลำพัง...”
เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขา โจวชิงหวาก็มิได้เอ่ยอันใด เพียงพยักหน้า แล้วให้หนีเจียเอ๋อร์เข้าห้องไปคนเดียว ส่วนตัวเองก็เดินผละไป
จากนั้น ควงเยวี่ยโหลวจึงปิดประตู
“ท่านอาจารย์ มีเื่อะไรหรือเ้าคะ?” แม้จะเอ่ยถามเช่นนั้น แต่นางก็พอจะคาดเดาได้ ว่าน่าจะเป็เื่ของหญ้าอวี้ซิน
ควงเยวี่ยโหลวหยิบเข็มเงินขึ้นมาจากถาด “ที่หญ้าอวี้ซินส่งกลิ่นตลบอบอวลเช่นนั้น เป็เพราะเืของเ้าหยดลงบนเกสรของมัน ข้าขอเืของเ้าสักสองสามหยดไว้ศึกษาจะได้หรือไม่?”
ที่พิษแพร่กระจาย เป็เพราะเืของนางหรอกหรือ?
หนีเจียเอ๋อร์ใ รีบยื่นมือไปให้ควงเยวี่ยโหลวโดยไม่ลังเล ซึ่งเขาก็มิได้อธิบายอันใดให้มากความ เพียงจิ้มเข็มเงินลงบนนิ้วกลางของนาง แล้วบีบเืให้หยดลงบนถาด ก่อนปล่อยให้นางออกไป เหลือเพียงเขาอยู่คนเดียว
หลังจากทดลองซ้ำไปซ้ำมา ควงเยวี่ยโหลวก็ได้พบกับความเป็จริงบางประการ...
“เืของหนีเจียเอ๋อร์ เหมือนเืของฮ่องเต้จิ่วเทียนแห่งแคว้นหนานหยวนหรือนี่!”
ควงเยวี่ยโหลวยืนนิ่งอยู่ข้างหน้าต่าง ดวงตาสีฟ้าที่อยู่ใต้ผ้าคลุมสีดำ เหม่อมองท้องฟ้าอันดารดาษไปด้วยดวงดาวอย่างเ็า ขณะที่เสียงของอดีตอาจารย์ดังขึ้นในห้วงแห่งความทรงจำ
“ในห้าแผ่นดินนี้ มีสามแคว้นใหญ่และดินแดนเล็กๆ อีกหลายสิบแห่ง ที่เดิมทีล้วนอยู่กันอย่างสงบสุข...”