ซูิเยว่ตบหลังมือของเสี่ยวอวี่เบาๆ เป็การปลอบใจแล้วพูด “ข้าเคยเป็คนที่ทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังก่อนอย่างนั้นหรือ? เ้าวางใจเถิด”
ซูิเยว่คำนวณเวลามาดีแล้ว ขอแค่นางมาถึงก่อนที่นักฆ่าจะมาแล้วช่วยพ่อค้าคนนั้นได้ก็พอแล้ว
หลังจากออกจากเมืองมา สภาพแวดล้อมของถนนทั้งสองด้านก็เริ่มจะรกร้าง ผู้คนก็ค่อยๆ น้อยลง เส้นทางที่แต่เดิมต้องใช้เวลาสองชั่วยาม พอซูิเยว่เร่งให้เดินทางเร็วขึ้นก็ทำให้ลดเวลาลงเหลือแค่หนึ่งชั่วยามก็ถึงแล้ว
วัดเฉิงหวางอยู่นอกตัวเมืองสามลี้ซึ่งแต่ก่อนเป็วัดที่มีชื่อเสียงมากวัดหนึ่ง จากที่ได้ยินมาหากขอพรร้อยครั้งก็เป็ไปตามที่ปรารถนาร้อยครั้ง แต่เพราะภัยธรรมชาติเมื่อหลายปีก่อน วัดเฉิงหวางก็เกิดไฟไหม้ขึ้น ที่แห่งนี้จึงค่อยๆ รกร้างว่างเปล่าขึ้นมา
รถม้าจอดที่ถนนเส้นเล็กด้านข้างวัดเฉิงหวาง เสี่ยวอวี่ประคองซูิเยว่ลงมาจากรถ
สภาพของวัดเฉิงหวางในตอนนี้ทำเอานึกภาพเมื่อก่อนไม่ออกเลย หลังคาผุพัง เสาตรงหน้าประตูก็สีลอก มีแค่ป้ายชื่อวัดตรงหน้าประตูในสภาพเอียงกระเท่เร่ ทั้งยังมองเห็นชื่อวัดเฉิงหวางสามตัวไม่ค่อยชัดเท่าไรนัก
ต้นหญ้าหน้าประตูรกไปหมด แต่ก็ยังเห็นแผ่นหินเขียวๆ เผยออกมาเล็กน้อย มองดูก็รู้เลยว่าไม่มีคนมาที่แห่งนี้นานมากแล้ว
เมื่อซูิเยว่พิจารณารอบๆ เรียบร้อยก็ถลกชายกระโปรงเดินเข้าไปในวัด
เสี่ยวอวี่กับหนิงหยวนตามอยู่ด้านหลังนางด้วยความระแวดระวัง
“คุณหนู สถานที่รกร้างแบบนี้ พวกเราจะมาหาใครหรือเ้าคะ?” เสี่ยวอวี่อดที่จะเอ่ยปากถามไม่ได้
ซูิเยว่หันกลับมาใช้นิ้วชี้วางบนริมฝีปากพร้อมส่งเสียงชู่
ทั้งสามคนค่อยๆ เดินไปช้าๆ จากนั้นก็เข้าไปในวัด ภายในเป็เรือนใหญ่ไม่มีหลังคา ตรงกลางเรือนมีบ่อน้ำอยู่ ส่วนเรือนที่อยู่ตรงข้ามพวกเขาก็คือเรือนหลักของวัดเฉิงหวาง
หลังจากเกิดไฟไหม้เมื่อตอนนั้นก็มีทั้งลมพัดฝนตกมาหลายปี สภาพจึงไม่ได้รับการบำรุงซ่อมแซมทำให้ไม่เหมือนสถานที่ที่คนจะเข้ามาพักอาศัยอยู่ได้
ซูิเยว่เข้าไปด้านในวัดแล้วเริ่มกวาดมองอย่างพิจารณา ชาติก่อนตอนที่นางได้ยินองค์ชายห้าสั่งลูกน้องว่าพ่อค้าคนนั้นซ่อนตัวอยู่ที่นี่ แต่สถานการณ์ในตอนนี้กลับทำให้นางสงสัยเล็กน้อย
ด้านข้างตัวเรือนทั้งสองข้างพังไปหมดแล้ว ดังนั้นคนจึงไม่สามารถเข้ามาอยู่ได้ สิ่งเดียวที่ยังพอดูดีหน่อยก็คือตรงกลางตำหนักหลัก
ซูิเยว่พาเสี่ยวอวี่เดินเข้าไป บนโต๊ะที่อยู่ตรงข้ามกลางประตูใหญ่วางรูปปั้นรูปหนึ่งเอาไว้ซึ่งก็คือเทพูเาที่ถูกสักการะภายในวัดเฉิงหวาง ภายในเรือนผุพัง ไปที่ไหนก็เต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่
ภายในเรือนเงียบมาก ไม่มีการเคลื่อนไหวของคนเลยสักนิด
ซูิเยว่ยืนอยู่หน้าประตู แววตากวาดมองภายในเรือน พื้นที่ภายในไม่กว้างมากบวกกับการผุพังของอาคาร ที่ที่จะเอาตัวเข้าไปอยู่ได้ก็มีแค่ตารางนิ้วเท่านั้น
นางยืนอยู่กับที่เงียบๆ ครู่หนึ่ง เสี่ยวอวี่กับหนิงหยวนที่อยู่ด้านหลังไม่เข้าใจเท่าไร
จากนั้นซูิเยว่ก็พลันเอ่ยขึ้นมาเสียงดังฟังชัด “ข้ารู้ว่าเ้าอยู่ที่นี่ ออกมาเถิด”
จู่ๆ นางก็โพล่งออกมาในสภาพแวดล้อมที่เงียบเช่นนี้เสียงจึงดังเป็พิเศษ เสี่ยวอวี่กับหนิงหยวนมองตากัน ไม่รู้ว่าคุณหนูของตัวเองกำลังทำอะไร?
ซูิเยว่ไม่ได้รีบร้อนจึงเดินตามหาจนทั่ว หากส่งเสียงเช่นนั้น ไม่แน่อาจทำให้คนคนนั้นใได้
หลังจากพูดจบ ภายในเรือนก็ยังคงเงียบ
ซูิเยว่ยกมุมปากขึ้น ท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม น้ำเสียงยังเจือไปด้วยเสียงหัวเราะ “ข้ารู้ว่าเ้าอยู่ที่นี่ไม่ต้องซ่อนหรอก ถ้าอยากมีชีวิตอยู่ก็ออกมาเจอข้า”
ผ่านไปอีกครู่หนึ่งภายในเรือนยังคงเงียบสงบไม่มีการเคลื่อนไหวเลยสักนิด แม้แต่ซูิเยว่เองก็เริ่มสงสัยว่าตัวเองจำผิดไปหรือไม่
ขณะที่นางกำลังจะออกคำสั่งให้หนิงหยวนไปค้นหา ตอนนี้เองที่ด้านหลังรูปปั้นกลางตำหนักก็มีเสียงดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงปัง จากนั้นแผ่นไม้ก็ร่วงลงมา
วินาทีนั้นหนิงหยวนก็เข้ามายืนบังด้านหน้าซูิเยว่แล้วมองไปทางนั้นอย่างระมัดระวัง
ต่อมาก็เห็นใบหน้าเปรอะคราบสีเทาของคนคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังรูปปั้น
คนคนนั้นดูแล้วท่าทางอายุสี่สิบกว่า เสื้อผ้าบนตัวทั้งสกปรกและขาด ผมเผ้าก็รุงรัง แถมใบหน้าเปื้อนฝุ่นเป็ปื้น เขาเดินออกมาจากด้านหลังรูปปั้นอย่างระมัดระวัง ในมือถือไม้ท่อนหนึ่งหยุดยืนอยู่ตรงที่ห่างจากซูิเยว่สองจ่าง [1]
หนิงหยวนกับเสี่ยวอวี่พอเห็นภาพนี้ก็ถึงกับตะลึงไป พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะมีคนซ่อนตัวอยู่ที่นี่จริงๆ
บุรุษคนนั้นเอ่ยปากแล้วมองซูิเยว่ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความระวังตัว “เ้าเป็ใคร?”
ซูิเยว่หัวเราะ “คนที่มาช่วยเ้า”
บุรุษคนนั้นขมวดคิ้ว เขาไม่เชื่อคำที่ซูิเยว่พูดทั้งหมดและยังยืนอยู่ที่เก่าไม่ขยับไปไหน “ข้าไม่รู้จักเ้า แถมข้าเองก็ไม่รู้ว่าเ้ากำลังพูดเื่อะไร”
ซูิเยว่ไม่อยากเสียเวลาพูดไร้สาระกับเขาอีก หากเจอคนขององค์ชายห้าเข้าจะแย่แน่ “ถ้าเ้าไม่เชื่อ เมื่อครู่เ้าก็ไม่จำเป็ต้องออกมาก็ได้ ตอนนี้เ้ารู้แค่ว่าข้ามาช่วยเ้าก็พอ ไปกับข้า แล้วข้าจะคุ้มกันเ้าให้ปลอดภัย”
ตอนที่บุรุษคนนั้นได้ยินคำพูดนี้ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้น แต่เขาก็ยังปากแข็ง “ข้า...ข้าไม่รู้ว่าเ้าหมายความว่าอะไร ข้าเป็แค่ขอทานมาพักผ่อนที่นี่ เมื่อครู่ที่ข้าออกมาก็เพราะกลัวว่าหากไม่ออกมา เ้าจะมาหาเื่ข้า”
ซูิเยว่ขมวดคิ้วหงุดหงิดพูดเสียงเย็น “หวังซวิน ข้ารู้ว่ามีคนกำลังตามฆ่าเ้า เ้าถึงได้หลบซ่อนอยู่ตลอด ข้าจะบอกเ้าให้นะ ถ้าเ้ายังไม่ไปกับข้าในตอนนี้ ข้าก็จะให้ลูกน้องของข้าทุบเ้าให้สลบแล้วพาไปด้วย ในเมื่อคนที่จะฆ่าเ้ารู้ที่ซ่อนของเ้าแล้ว อีกไม่นานพวกเขาก็จะมาที่นี่ จะเลือกอย่างไรก็เป็เ้าที่เป็คนตัดสินใจ”
บุรุษคนนั้นตอนที่ได้ยินซูิเยว่เรียกชื่อเขาออกมา สีหน้าก็แข็งค้าง ไม้ในมือหล่นลงพื้นเสียงดัง แววตามองไปทางซูิเยว่ที่ยกยิ้มหัวเราะด้วยความตกตะลึง
เขาถอยหลังไปสองก้าว “เ้า...เ้าเป็ใคร?”
ซูิเยว่กุมหน้าผากอย่างเหนื่อยใจ “ข้าบอกไปแล้วว่าข้าคือคนที่มาช่วยเ้า สรุปเ้าจะไปกับข้าหรือไม่? คนที่มาฆ่าเ้าใกล้จะถึงแล้วนะ”
ซูิเยว่พูดจบก็โบกมือ “เสี่ยวหยวน จัดการ”
“ขอรับ” หนิงหยวนถลกแขนเสื้อขึ้นเตรียมจะทุบคนให้สลบ
“รอเดี๋ยว” หวังซวินเห็นสถานการณ์แล้วก็รีบยกมือขึ้นมาโบกห้าม “ข้าเชื่อเ้า ข้าจะไปกับเ้า”
“เฮ้อ แบบนี้สิถึงจะถูก”
หวังซวินวางความระมัดระวังเอาไว้แล้วเดินหน้าไปสองก้าว เขาเลือกจะเชื่อคนคนนี้ ถ้าหากนางจะฆ่าเขา เมื่อครู่ก็คงไม่ให้โอกาสเขา
อีกทั้งคนตรงหน้ารู้ตัวตนของเขา แถมยังรู้อีกว่ามีคนตามฆ่าเขาด้วย
“แต่เ้าจะต้องบอกข้าก่อนว่าเ้าคือใคร? ข้าเชื่อเ้าแค่ชั่วคราวเท่านั้น หากเ้ากับเขาเป็พวกเดียวกันล่ะ ในเมื่อเ้ารู้ตัวตนของข้า ทั้งยังรู้ว่าเขาจะฆ่าข้าอีกด้วย”
ตอนที่ซูิเยว่กำลังจะเอ่ยปาก หนิงหยวนก็พลันตัดบทเขา
“คุณหนู”
หนิงหยวนทำหน้าเคร่งขรึม สายตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง เขาพูดเสียงต่ำแล้วมองไปยังหน้าประตู “คุณหนู มีเสียงฝีเท้าเดินมาทางนี้ขอรับ”
แววตาซูิเย็นวาบขึ้นมาทันที “ฟังออกหรือไม่ว่ามีกี่คน?”
“คงจะมีสิบกว่าคนขอรับ” หนิงหยวนพูดเสียงจริงจัง
“เล่นใหญ่จริงๆ เลยนะ” ซูิเยว่คิดว่าเวิ่นจงเฉิงส่งคนมาฆ่าห้าหกคน คิดไม่ถึงว่าจะมีสิบกว่าคนลงมือ
หวังซวินที่อยู่ด้านหลังพวกเขาพอได้ยินดังนั้นก็หน้าขาวซีด ริมฝีปากสั่น ลนลานไม่รู้จะทำอย่างไร “จะ....จะทำอย่างไรดี? พวกเขามาแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ซูิเยว่หันกลับมามองหวังซวิน หวังซินเป็พ่อค้า ส่วนเสี่ยวอวี่ก็ไม่มีวิชาการต่อสู้ ด้านในนี้ก็มีแค่นางกับหนิงหยวนสองคนที่พอจะสู้ได้ แต่ให้รับมือกับคนสิบกว่าคนก็คงไม่ไหว
เชิงอรรถ
[1] สองจ่างมีขนาดประมาณ 6.67 เมตร หนึ่งจ่างเท่ากับ 3.333 เมตร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้