เซียวกวงฝืนลุกขึ้นนั่ง มองไปที่หยางหนิง แล้วพูดว่า “เ้าคิดว่าเราเป็เพื่อนกันหรือ?”
หยางหนิงนั่งตรงข้ามเซียวกวง แล้วพูดว่า “งั้นก็ต้องดูว่าเ้าทำอย่างไร หากเ้าเห็นค่าในความสัมพันธ์ รู้จักตอบแทนบุญคุณ ข้าก็เป็เพื่อนกับเ้าได้ แต่หากว่าเ้าเนรคุณ งั้นข้าก็คงสงสัยในนิสัยของเ้าแน่ๆ ไม่เป็เพื่อนซะยังดีกว่า”
เซียวกวงยิ้ม แล้วพูดว่า “ถ้าเป็อย่างนั้น จะเป็เพื่อนกับเ้า นี่...นี่มันไม่ง่ายเลยเนอะ?” เขาไอ ก็เลยยกมือขึ้นมาปิดปาก
“ง่ายไม่ง่ายมันอยู่ที่เ้า” หยางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “เ้าลุกขึ้นมานั่งได้ แสดงว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิตแล้ว ข้าเสียเวลาไม่ได้อีกแล้ว จะให้เงินไหม บอกมาจะได้จบๆ”
หยางหนิงรู้ดีว่า การตามหาเสี่ยวเตี๋ย ต้องใช้เงิน ไม่งั้นตลอดทางนั้นจะต้องลำบากมาก
เขาสังหารเซียวอี้ซุ่ยได้เงินมาจำนวนหนึ่ง ก็ใช้ไปจนหมดแล้ว ถึงแม้ว่าจะได้ถุงเงินของมู่เซิ๋นจวินมา แต่เงินในถุงของตาเฒ่านั้นก็ไม่ได้เยอะมากมาย ใช้ได้ไม่นานแน่ๆ
เขายังคิดอยู่นะว่าหากไม่ไหวจริงๆ ก็คงซื้อม้าสักตัวกลางทาง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าม้าราคาเท่าไร แต่รู้มาว่าแคว้นฉู่เหมือนจะขาดแคลนม้า ซื้อม้าตัวหนึ่งไม่ใช่เื่ง่าย
ไม่ว่าจะเป็เซียวอี้ซุ่ยหรือว่ามู่เซิ๋นจวิน คนที่หยางหนิงสังหารล้วนแต่อยู่นอกแผนการทั้งสิ้น เขาไม่ได้คิดจะฆ่าคนชิงทรัพย์จริงๆ
หยางหนิงคิดว่าเซียวกวงจะต้องหาเหตุผลมาอ้าง แต่คิดไม่ถึงว่าเซียวกวงจะพยักหน้า แล้วพูดว่า “เ้าช่วยชีวิตข้า ข้าให้ค่าตอบแทนเ้า ก็เป็เื่สมควรแล้ว”
“ดีมากไอ้น้องชาย!” หยางหนิงยิ้ม ตบมือแล้วพูดว่า “ข้าว่าแล้วว่าเ้าจะต้องเป็คนมีเหตุผล”
เซียวกวงพูดว่า “แต่ว่าเงินร้อยสองร้อยตำลึงที่เ้าจะเอา...!” เขาพูดยังไม่ทันจบ หยางหนิงคิดว่าเขารู้สึกว่ามันมากเกินไป ก็เลยรีบพูดว่า “หากว่าเ้าคิดว่ามันมากเกินไป เราตกลงกันได้นะ ในเมื่อเ้าพูดง่าย ข้าเองก็เป็คนมีเหตุผล”
“เ้าเข้าใจผิดแล้ว” เซียวกวงส่ายหน้า: “ความหมายของข้าคือ เงินแค่ร้อยสองร้อยตำลึงมันไม่พอที่จะตอบแทนที่ช่วยชีวิตข้า หรือว่าชีวิตข้ามีราคาแค่ร้อยสองร้อยตำลึงงั้นหรือ?”
หยางหนิงตกตะลึงไป รู้สึกแปลกใจ คิดในใจว่าจะโชคดีแบบนี้ั้แ่ต้นปีหรือ พยายมข่มน้ำเสียงแล้วพูดว่า “งั้นความหมายของเ้าคือ?”
“อย่างน้อยต้อง!” เซียวกวงยกมือขึ้นมา กางมือออกมาห้านิ้ว “ห้าร้อยตำลึงทอง!”
หยางหนิงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา แล้วพูดว่า “เยี่ยมไปเลยน้องชาย เซียวกวง ข้าดูคนไม่ผิดจริงๆ เ้า...!” เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็หยุด มองไปั้แ่หัวจรดเท้าของเซียวกวง มองไปด้วยสีหน้าแปลกๆ ยิ้มแห้งๆแล้วพูดว่า “เ้าคนแซ่เซียว ข้าก็อยากจะรู้ว่า เงินห้าร้อยตำลึงทองจะเอามาจากไหน?”
เซียวกวงขมวดคิ้ว “เ้าพูดอะไรให้เกียรติกันบ้าง เงินห้าร้อยตำลึงทองไม่ใช่เงินมากมายอะไร ข้าบอกว่าจะให้เ้า ก็จะไม่ให้เ้าขาดไปสักสลึงเดียว”
หยางหนิงคิดในใจว่าขี้โม้แบบไม่เปลี่ยนสีหน้า เงินห้าร้อยตำลึงทองไม่ใช่เงินก้อนใหญ่ การแสดงให้ร้อยเลย เห็นท่าทางของเขาจริงจัง ก็ไม่เหมือนว่าแกล้ง ก็เลยเดินขึ้นไปถามอย่างสงสัยว่า “เ้ามีเงินห้าร้อยตำลึงทองจริงๆ หรือ? ข้าก็ไม่ใช่คนโลภ เ้าให้ข้าแค่ร้อยตำลึงก็พอแล้ว”
“คำพูดคนเราต้องศักดิ์สิทธิ์ ข้าพูดแล้วไม่คืนคำ” เซียวกวงยกมือขึ้นจับศีรษะ ดูเหมือนเขายังดูอ่อนแอ “เงินห้าร้อยตำลึงทอง จะไม่ขาดแม้แต่สลึงเดียว เมื่อถึงเมืองหลวง ข้าจะให้เ้าทันที”
หยางหนิงถึงได้เข้าใจ แล้วพูดว่า “เ้าบอกว่าทอง ต้องไปเอาที่เมืองหลวง?”
เซียวกวงพูดว่า “เ้าคิดว่าข้าจะเอาให้เ้าตอนนี้เลยหรือไง?”
“ให้ไม่ได้ยังจะพูดมากอีก” หยางหนิงชักสีหน้า แล้วพูดว่า “เซียวกวง เ้าก็อายุยังไม่มาก แต่ทักษะการคุยโวของเ้าไม่เลวเลยนะ ชนะข้าไปอีก พูดออกมาก็ห้าร้อยตำลึงทอง ยังให้ข้าไปเอาที่เมืองหลวงอีก? เ้าคิดว่าข้าโง่หรือไง ความคิดของเ้า ข้าดูออกหมด”
“หือ?” เซียวกวงยังคงนิ่ง “ความคิดอะไรกัน?”
หยางหนิงชี้ไปที่จมูกของเซียวกวงแล้วพูดว่า “เ้าจะเข้าเมืองหลวง ไม่อยากไปคนเดียว อยากจะให้ข้าคุ้มกันเ้าไปส่งที่เมืองหลวง ใช่ไหมล่ะ? เ้าคิดว่าข้าจะเห็นแก่เงินห้าร้อยตำลึงทอง แล้วจะไปส่งเ้าที่เมืองหลวงโดยไม่ลังเลเลยงั้นสิ” ตลอดทางให้ข้าเป็ผู้คุ้มกันแบบฟรีๆ เขาอุทานเบาๆ แล้วชี้ไปที่หน้าของตัวเอง “เ้ามองหน้าข้า เหมือนคนโลภมากหรือไง?”
เซียวกวงยื่นนิ้วชี้ไปที่จมูกของหยางหนิง ไม่ได้ปฏิเสธ แถมยังพยักหน้าแล้วพูดว่า “เ้าพูดถูก ข้า้าให้เ้าเข้าเมืองหลวงไปพร้อมข้าจริงๆ”
“เ้าเลิกคิดไปได้เลย” ที่แท้เงินห้าร้อยตำลึงทองก็เป็แค่คำพูดเลื่อนลอย ทำให้หยางหนิงรู้สึกไม่พอใจมาก “ถือว่าข้าโชคร้าย ข้าเอาเปรียบคนอื่นไม่เป็ไร แต่คนอื่นจะมาเอาเปรียบข้าฝันไปเถอะ” เขาลุกขึ้น หันหลังจะไป “เ้าไปตามทางของเ้า ข้าจะไปตามทางของข้า ไม่มีทางลงเรือลำเดียวกัน ลากันตรงนี้เลยล่ะกัน อย่าได้เจอกันอีก”
เซียวกวงก็แค่ตัววุ่นวาย เมื่อวานหากไม่ใช่เพราะเขามีอันตรายถึงชีวิต หยางหนิงทนไม่ไหวเห็นเขาตายอยู่ตรงนั้น ถึงได้ช่วย หากวันนี้เ้านี้พ้นขีดอันตรายแล้ว ยังคิดจะลากตัวเขาไปอีก ไม่มีทางแน่นอน
หยางหนิงไม่ได้ลืมเื่ของนินจาฮิดะ ใครจะไปรู้ว่าคนพวกนั้นยังตามหาเซียวกวงอยู่หรือเปล่า หากยังตามหาอยู่เกิดเจอขึ้นมา ตัวเขาเองก็ต้องถูกลากไปเอี่ยว
เซียวกวงอยากจะลุกขึ้นยืนแต่ยืนได้แค่ครึ่งเดียว ร่างกายก็โซซัดโซเซ ใช้มือกดไปยังจุดไท่หยาง แล้วก็ล้มลงไป หยงหนิงเดินไปแล้วหลายก้าว ได้ยินเสียง ก็เลยหันหลังมาดู แล้วก็ขมวดคิ้ว
“เ้า...เ้าช้าก่อน!” เซียวกวงพูดว่า “เ้าบอกว่าเ้ามีเื่ด่วนต้องไปทำ เื่อะไรกัน?”
หยางหนิงพูดว่า “บอกเ้าไปแล้วอย่างไร? เ้าช่วยข้าได้งั้นหรือ?”
“ก็ไม่แน่” เซียวกวงสีหน้ามั่นใจมาก “ข้ามีเพื่อน...ที่ร้ายกาจมาก หากเ้ามีเื่เดือดร้อนอะไร ต่อให้ข้าจะช่วยเ้าไม่ได้ แต่พวกเขาน่าจะช่วยได้”
หยางหนิงคิดในใจว่าเ้านี่เอะอะจะเข้าเมืองหลวง หรือว่าเขาจะอาศัยอยู่ในเมืองหลวง? ดูเขาผิวพรรณนุ่มนิ่ม ก็เห็นได้ชัดว่าเขาน่าจะอาศัยในบ้านที่มีฐานะ ไม่แน่อาจจะมีเส้นสาย
ตัวเขาเองตามหลังขบวนสำนักคุ้มกันมาหลายวันแล้ว แต่ติดอุปสรรคแล้วอุปสรรคเล่า หากสำนักคุ้มกันเดินทางกันเร็ว ก็น่าจะถึงเมืองหลวงแล้ว
หากตามไม่ทัน ก็ต้องตามหาเอาในเมืองหลวง แต่ว่าเขารู้ว่า นั่นคือเมืองหลวง มันไม่ใช่เล็กๆ หากจะค้นหาคนๆ เดียวในเมืองหลวงที่กว้างใหญ่ หากเขาคนเดียว คงเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร มันยากมาก แต่เวลาไม่คอยท่า ต้องตามหาเสี่ยวเตี๋ยยิ่งเร็วยิ่งดี หากปล่อยเวลาให้นานไป เสี่ยวเตี๋ยจะยิ่งตกอยู่ในอันตราย
แต่ว่าหยางหนิงก็รู้ว่า เขาสามารถอาศัยเส้นสายของเซียวกวงตามหาคนในเมืองหลวงได้ แต่จะแสดงออกไม่ได้ว่าเขา้าแบบนั้น
“เื่ของข้า ข้าจัดการเองได้” หยางหนิงตั้งใจพูดออกไปว่า “เ้าเป็คนไม่น่าเชื่อถือ”
เซียวกวงแสดงออกว่าโกรธมาก แล้วพูดว่า “ั้แ่เด็กจนโต ไม่เคยพูดเรื่อยเปื่อย เ้า...เ้ากล้าบอกว่าข้าไม่น่าเชื่อถืองั้นหรือ?”
“บนโลกใบนี้คนที่ไม่น่าเชื่อถือมีเยอะแยะไป” หยางหนิงส่ายหัวแล้วถอนหายใจว่า “ตอนนี้เ้ากำลังลำบาก ้าคนช่วย พูดอะไรก็ได้ รอเ้าถึงเมืองหลวงแล้ว ก็จะเห็นข้าเป็แค่ขอทานคนหนึ่งเท่านั้น แล้วก็ตีจากข้าไป ทองเอยเงินเอย สักสลึงเดียวข้าก็คงไม่ได้”
เซียวกวงพูดว่า “เ้าเป็ขอทานหรือ? วรยุทธ์ของเ้าดีมาก สู้เสมอข้าได้ คงไม่ใช่แค่ขอทานหรอกมั้ง?”
หยางหนิงคิดในใจว่าถึงแม้พื้นฐานวรยุทธ์ของเ้าจะดีกว่าคนอื่นมาก แต่ไม่ถือเป็ยอดฝีมือ อย่างน้อยรองจากมู่เซิ๋นจวินก็ยังมีชายชุดเทา เ้ามันยังห่างชั้นนัก แต่ว่าเขาดูว่าออกว่าตัวเขาเองเป็ศิษย์พรรคกระยาจก แสดงว่ารู้เื่ในยุทธภพพอตัว จึงย้อนถามไปว่า “เ้ารู้จักพรรคกระยาจก?”
เซียวกวงพูดว่า “ศิษย์พรรคกระยาจกมีอยู่ทั่วทั้งใต้หล้า แบ่งออกเป็สองฝ่ายเหนือกับใต้ ทำไมข้าจะไม่รู้ล่ะ?”
“แบ่งออกเป็เหนือกับใต้?” หยางหนิงใ ถึงแม้เขาจะพอรู้เื่ของพรรคกระยาจกบ้าง แต่ไม่รู้เื่ที่มีแบ่งเหนือใต้จริงๆ
เซียวกวงดูจากสีหน้า แล้วพูดอย่างสงสัยว่า “เ้าอย่าบอกนะว่าเ้าไม่รู้ว่าพรรคกระยาจกมีแบ่งเหนือใต้?” ทันใดนั้นเองเขาก็หัวเราะออกมา “แสดงว่าเ้าเป็ขอทานตัวเล็กๆ ของพรรคน่ะสิ”
หยางหนิงตอบอย่างไม่พอใจ “เ้าพูดของเ้าเองว่าข้าเป็คนของพรรคกระยาจก ข้าไม่ได้พูดซะหน่อย อีกอย่างเื่ของพรรคกระยาจก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า?” แต่ก็อดถามไม่ได้ว่า “เ้าบอกว่าแบ่งเหนือกับใต้ มันเป็อย่างไรกัน?”
เซียวกวงพูดว่า “รายละเอียดเป็อย่างไร ข้าเองก็ไม่รู้ เหมือนจะเกิดขึ้นเพราะการเลือกเ้าสำนักคนใหม่เมื่อหลายสิบปีก่อน พรรคกระยาจกถึงได้แตกออกจากกัน...!” เขายิ้ม “ดูเหมือนว่าเ้าเองก็ไม่รู้เื่ของพรรคกระยาจกใช่ไหม เ้าอายุก็ไม่มากเท่าไร วรยุทธ์ก็ดี หากเป็ศิษย์พรรคกระจกจริง คงไม่ถูกลืมเป็แน่”
หยางหนิงอดขำไม่ได้ “ต่อให้ดีกว่านี้ ก็เป็ได้แค่ขอทาน มันจะมีประโยชน์อะไร”
“เ้าไม่อยากเป็ขอทานหรือ?” เซียวกวงย้อนถาม “ได้ยินมาว่าพรรคกระยาจกมีหัวหน้าพรรคหัวหน้าสาขา วันหนึ่งเ้าอาจจะได้เป็หัวหน้าสาขาหรือหัวหน้าพรรคขึ้นมา ก็ดูยิ่งใหญ่ดีออก”
“ยิ่งใหญ่บ้าอะไรกัน” หยางหนิงอดสบถคำหยาบออกมาไม่ไหว “ศิษย์พรรคกระยาจกมีตั้งเกือบแสนคน คนที่อยากจะเป็หัวหน้าสาขามีเยอะ คนอยากจะเป็หัวหน้าพรรคก็มีมาก ไม่ต้องพูดถึงว่าโอกาสจะมาถึงเราไหม ต่อให้เป็หัวหน้าสาขาหรือหัวหน้าพรรคจริง เป็ผู้นำกลุ่มขอทานมันน่าเกรงขามตรงไหน? อีกอย่างต่อให้เป็ประมุขพรรคจริง ต้องมาคอยระวังคนใต้บังคับบัญชาที่คอยแต่จะหักหลังอยากจะมาแทนที่ เกิดไม่ระวังก็ถึงชีวิต” แล้วพูดอีกว่า “จริงๆ แล้วยิ่งอยู่สูงยิ่งอันตราย ไม่สู้ใช้ชีวิตธรรมดาๆ ไปวันๆ ดีกว่าตั้งเยอะ”
เซียวกวงตะลึง นิ่งเงียบไป แล้วพูดว่า “ที่เ้าพูดมามีเหตุผล” น้ำเสียงดูจริงจัง
ในตอนนี้เอง ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอก “ใต้เท้า ที่นี่เหมือนจะมีศาลเ้า เข้าไปพักกันก่อนได้”
เสียงที่ดังมานั้นมาอย่างกะทันหัน หยางหนิงกับเซียวกวงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เซียวกวงพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่เนื่องจากร่างกายของเขาอ่อนแอ เลยลุกขึ้นไม่ไหว
หยางหนิงพยุงเซียวกวงขึ้นมา มองไปรอบๆ ทำได้แค่ไปหลบที่ใต้แท่นหิน เขาพยุงเซียวกวงมายังหลังแท่นหิน ตอนนี้ก็ได้ยินเสียงพูดคุยกัน “ทุกคนพักที่นี่กันก่อน พวกเขายังตามมาไม่ทันแน่ รอฟ้ามืดเราค่อยเดินทางกันต่อ” เสียงไม่ไกลจากประตูนัก
หยางหนิงพยุงเซียวกวงไปนั่งใต้แท่นหินแล้วนั่งลง พลันนึกถึงกองไฟที่จุดเอาไว้เมื่อคืน ก็รีบออกไป ทำลายกองไฟที่เห็นกับที่นอนกองหญ้าแห้งให้ดูวุ่นวายเข้าไว้ เมื่อได้ยินเสียงเข้ามาใกล้ ก็ดึงท่อนไม้สองท่อนมาบังข้างหน้าเอาไว้ แล้วเข้าไปหลบหลังแท่นหิน