ทันทีที่มู่จื่อหลิงเอ่ยปากเช่นนี้ออกไป ความไม่สงบในใจฮองเฮาก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้ภายนอกจะยังราบเรียบไร้คลื่นลม ทว่าผ้าไหมภายใต้แขนเสื้อนั้นถูกกำแน่น เล็บแหลมคมทิ่มทะลุผ้าไหมจนเกือบจมเข้าไปในเนื้อ
นางควรจะเดาได้ั้แ่แรก มู่จื่อหลิงพูดเช่นนี้ออกมาได้ก็แสดงว่าจะต้องมีวิธีรักษาหลงเซี่ยวหนาน และไม่ปล่อยให้ตนเองเกิดเื่
เพียงแต่ มู่จื่อหลิงมีความสามารถใดกันแน่ถึงรักษาพิษกู่ในตัวหลงเซี่ยวหนานได้?
ฮ่องเต้มองมู่จื่อหลิงด้วยความประหลาดใจ ถามอย่างสนอกสนใจ “หืม? หลิงเอ๋อร์พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
เห็นฮ่องเต้ไม่ถือสาคำพูดของมู่จื่อหลิง ความกล้าหาญของหลงเซี่ยวเจ๋อก็มากขึ้นมาอีก มีสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน “พี่สะใภ้สาม ท่านจะรักษาพี่ห้าอย่างไร?”
ตอนนี้เขาถึงนึกขึ้นมาได้ ั้แ่ต้นจรดท้ายพี่สะใภ้สามมิเคยพูดเลยว่านางรู้ว่าพี่ห้าถูกพิษกู่ชนิดใด มีเพียงเขาที่ร้อนรน และเ้าอ้วนสิงกู้เหวินที่พูดจาเลอะเทอะเลื่อนเปื้อนเท่านั้น
มุมปากมู่จื่อหลิงยกขึ้นเป็รอยยิ้มจาง แสร้งอธิบายใหญ่โตราวกับเื่ใหญ่ “เสด็จพ่อ และทุกคนคิดว่าสามารถรักษาพิษกู่ได้ก็ควรรู้เื่กู่ รู้เื่กู่ก็สามารถเลี้ยงกู่ได้ แต่ว่านี่เป็เพียงสิ่งที่ทุกคนคิดเท่านั้น หม่อมฉันไม่รู้ไม่เข้าใจเื่กู่จริงๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเลี้ยงกู่ ยามนี้หม่อมฉันพูดว่าสามารถรักษาองค์ชายห้าได้ จะว่าเป็เพราะโชคก็มิใช่”
มู่จื่อหลิงชะงักไป หยิบกล่องไม้จันทน์อันวิจิตร ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือออกมาจากแขนเสื้อ
ทันทีที่หยิบกล่องใบเล็กออกมา ไม่รู้ว่าเพราะกล่องใบเล็กนั้นวิจิตรแปลกตา หรือเป็เพราะเหตุผลใด สายตาของทุกคนในที่แห่งนั้นล้วนจับจ้องไปที่กล่องใบเล็กนั้นอย่างพร้อมเพรียงกัน ความสนใจและความประหลาดใจถูกดึงดูดให้สูงขึ้น ครุ่นคิดว่าภายในกล่องใบเล็กงดงามนั้นบรรจุสิ่งใดไว้
มู่จื่อหลิงมองการตอบสนองของทุกคนอย่างพึงพอใจ อ้าปากพูดต่อไป “สาเหตุที่หม่อมฉันมั่นใจว่าสามารถรักษาองค์ชายห้าให้หายได้ เป็เพราะสิ่งที่อยู่ด้านใน ไม่ว่าพบกู่ชนิดใดก็ไม่สามารถ เล็ด ลอด สาย ตา ไปได้!”
คำพูดส่วนท้ายนั้นนางแสร้งทำทีเป็ลึกลับ พูดออกมาทีละคำอย่างเชื่องช้า
เล็ดลอดสายตาไปไม่ได้?
เป็คำที่ทั้งร้ายกาจและแปลกประหลาดมากมายนัก! สำหรับหนอนกู่อันน่ากลัวที่ผู้คนต่างหวาดผวาแล้ว นี่เป็ทั้งเื่มหัศจรรย์และไม่น่าเชื่อที่ใหญ่หลวงนัก!
คนทั้งหมดยิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีก สายตาล้วนจ้องไปที่กล่องเล็กนั้นอยู่นาน แม้แต่สิงกู้เหวินที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็ลืมความหวาดกลัวไปชั่วขณะ เงยศีรษะพรวดพราดขึ้นมาดูสิ่งที่อยู่บนมือมู่จื่อหลิง
สีหน้าราบเรียบไร้คลื่นอารมณ์ของฮองเฮาดูเหมือนจะคลายลง หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย กำปั้นภายใต้แขนเสื้อกำเข้าหากันแน่นขึ้นไปอีก เป็ไปได้อย่างไร? ข้างในนั่นเป็สิ่งของเช่นใดกันแน่จึงได้ทำให้กู่ไร้หนทางเล็ดลอดไปได้?
หลงเซี่ยวเจ๋อข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ที่สุด จ้องกล่องใบไม่เล็กโดยไม่ละสายตาไป พลางถามขึ้นด้วยความแปลกใจอย่างทนไม่ไหว “พี่สะใภ้สาม ข้างในมีสิ่งใดถึงได้ร้ายกาจเพียงนั้น?”
มู่จื่อหลิงไม่รีบร้อนเปิดกล่องใบน้อย แต่กลับนำเข้าไปไว้ในแขนเสื้ออีกครา เพิ่มความกระหายใคร่รู้ให้คนทั้งหมด แน่นอนว่าต้องตีเหล็กตอนที่ยังร้อน
จู่ๆ สีหน้าของมู่จื่อหลิงก็เปลี่ยนไป นางเม้มริมฝีปากเล็ก ใบหน้าขมขื่นนั้นน้อยอกน้อยใจนัก “เสด็จพ่อ หม่อมฉันมิได้หลอกลวงเบื้องสูง แต่ แต่เมื่อครู่ใต้เท้าสิงกลับไม่แยกแยะผิดถูกกล่าวว่าหม่อมฉันหลอกลวงเบื้องสูง หากหม่อมฉันเป็คนธรรมดาสามัญก็ช่างเถิด แต่ตอนนี้หม่อมฉันคือฉีหวางเฟย ว่ากันตามหลักแล้วจำต้องรักษาความน่าเกรงขามของราชวงศ์ ทว่าใต้เท้าสิงกลับ...โทษฐานใหญ่โตเช่นนี้หม่อมฉันรับมิไหวเพคะ”
มู่จื่อหลิงพูดพลางก้มศีรษะหลุบสายตา ท่าทางได้รับความอยุติธรรมใหญ่หลวง นางมิได้พูดให้ชัดเจน แต่ท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ของนาง ทุกคนล้วนเข้าใจแล้วว่านาง้าให้ฮ่องเต้ออกหน้าให้นาง
นับว่าถูกต้อง ฉีหวางเฟยผู้สง่างามถูกเซ่าชิงต้อยต่ำแห่งศาลต้าหลี่รังแกอย่างถึงที่สุด ตัดสินโทษใหญ่โตเพียงนี้ให้อย่างมั่วซั่ว เื่นี้เผยแพร่ออกไปไม่จวนฉีอ๋องจะเสียเกียรติ แม้แต่ราชวงศ์ก็จะไม่เหลือความเป็หน้าเป็ตา!
เสิ่นซือหยางที่ไม่ยิ้มแย้มไม่พูดจามาโดยตลอดเห็นเช่นนี้มุมปากก็อดที่จะกระตุกไม่ได้ ทว่าถูกเคราสีดำที่ทั้งหนาทั้งยาวปกคลุมเอาไว้ ปกปิดร่องรอยผ่อนคลายลงบริเวณมุมปากของเขาได้เป็อย่างดี
เด็กสาวผู้นี้ช่างเ้าเล่ห์เสียเหลือเกิน!
เขาอดที่จะยกนิ้วโป้งให้นางในใจไม่ได้ เปลี่ยนสีหน้าเร็วเสียยิ่งกว่าพลิกหน้าตำรา ยั่วความกระหายใคร่รู้เก่งนัก!
ยามนี้หากสังเกตให้ดีก็จะเห็นว่าสองบ่าของมู่จื่อหลิงสั่นเทาน้อยๆ คนที่ไม่รู้ยังนึกไปว่านางน้อยใจเสียจนจะร่ำไห้
ช่างไม่รู้เลยว่า ตอนนี้มู่จื่อหลิงกลั้นไว้ทรมานเพียงใด ฝืนข่มมิให้ตนเองหลุดส่งเสียงหัวเราะออกมา
สิงกู้เหวินเพิ่งพ่นคำพูดออกมาเองว่านางหลอกลวงเบื้องสูง ยามนี้นางก็มีแต้มต่อมาเรียกน้ำย่อยทุกคน แล้วอธิบายได้อย่างกระจ่างแจ้ง นางจึงไม่กลัวว่าฮ่องเต้จะไม่ออกหน้าให้นาง
วันนี้นางไม่เพียง้าให้เ้าอ้วนนี่หลุดไปจากคดีความนี้จะได้ไม่ขวางหูขวางตา แต่ยัง้าให้หมวกขุนนางบนหัวของเขาหลุดไปด้วย อย่างไรเสียให้คนเช่นนี้อยู่ศาลต้าหลี่ก็รังแต่จะเป็หายนะ
มู่จื่อหลิงที่น่าสงสารปานนี้ระบายความทุกข์ใจจากการได้รับความอยุติธรรมทำให้ผู้มองปวดใจนัก
หลงเซี่ยวหนานพิงอยู่บนตั่งนุ่ม เอ่ยด้วยความอ่อนแรง “เสด็จพ่อ พี่สะใภ้สามได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจถูกคนใส่ร้ายป้ายสีพรรค์นี้ ไม่เพียงหน้าตาจวนฉีอ๋องที่มิอาจสูญเสีย หน้าตาของราชวงศ์พวกเราก็มิอาจเสียไปเช่นกัน พระองค์มิอาจอภัยโทษได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
บัดนี้เขารู้แล้วว่าเมื่อครู่พี่สะใภ้สามถึงได้ยอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วยังบีบให้สิงกู้เหวินพูดออกมานั้นมีจุดประสงค์ใด พี่สะใภ้สามมิอาจดูเบาได้จริงๆ ด้วย ฉลาดออกนี่?
แม้หลงเซี่ยวเจ๋อจะไม่รู้ว่ามู่จื่อหลิงกำลังแสดงละครอะไรอยู่ แต่พอเห็นท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ของนางแล้ว เขาก็ปวดใจเช่นกัน เขาก้าวไปข้างหน้าพูดกับฮ่องเต้ทวงหาความยุติธรรม “เสด็จพ่อ พระองค์ก็ทอดพระเนตรแล้ว สิงกู้เหวินผู้นี้ประการแรกไม่เห็นกฎบ้านเมืองในสายตา ล่วงเกินเบื้องสูง สองบังอาจใส่ร้ายป้ายสีฉีหวางเฟย สามดูิ่ความน่าเกรงขามของราชวงศ์ พระองค์ต้องลงโทษให้เด็ดขาด!”
บัดนี้ไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาสลงโทษเ้าอ้วนนี่ หลงเซี่ยวเจ๋อต้องจัดการเขาให้เป็อย่างดีแน่ เขาว่าแล้วว่าพี่สะใภ้สามจะเสียเปรียบ ลงมือในสนามรบที่อยู่นอกเหนือไปจากการควบคุมได้อย่างไร แผนการเอาชนะอย่างแยบคายนี้สมบูรณ์แบบไปแล้ว!
เมื่อได้ยินคำพูดของหลงเซี่ยวเจ๋อ บ่าของมู่จื่อหลิงก็สั่นรุนแรงมากขึ้นไปอีก!
หลงเซี่ยวเจ๋อเ้าเด็กนี่น่ารักนัก น้ำส้มนี้เติมได้พอเหมาะพอเจาะนัก นางพอใจจริงๆ!
เพียงครู่เดียวก็ตัดสินสิงกู้เหวินออกมาได้ถึงสามโทษฐานใหญ่ แต่ละโทษฐานล้วนมีหลักเหตุผล แต่ละข้อล้วนหนักหนามากขึ้นเรื่อยๆ สามข้อนี้เมื่อรวมกันขึ้นมาไม่เพียงแค่หมวกขุนนางหลุดเท่านั้น
ยามนี้สิงกู้เหวินเพิ่งมีปฏิกิริยาขึ้นมาว่าเมื่อสักครู่มู่จื่อหลิงพูดสิ่งใด และหลงเซี่ยวเจ๋อพูดสิ่งใด
เขาพลันหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี คุกเข่าโขกศีรษะลงบนพื้นให้ฮ่องเต้อย่างฉับพลัน ตามติดมาด้วยคำขอพระราชทานอภัยโทษติดกันเป็พรวนจากปาก “ฝ่าาโปรดอภัยโทษ! ฝ่าาโปรดอภัยโทษ! ยามนั้นขุนนางต่ำต้อยเลอะเลือนไป พูดจาเลื่อนเปื้อน ต่อให้มอบขวัญกล้าเทียมฟ้าให้ผู้น้อย ผู้น้อยก็ไม่กล้าใส่ร้ายป้ายสีหวางเฟย ไม่กล้าดูิ่พระบรมเดชานุภาพของราชวงศ์! ฝ่าาโปรดทรงอภัยโทษ...”
โทษฐานที่หลงเซี่ยวเจ๋อร่ายออกมานั้นล้วนเป็ไปตามหลักการ เพียงแค่ข้อสุดท้ายข้อเดียวฮ่องเต้ได้ยินเข้าก็ไม่สบอารมณ์เสียแล้ว เหลือบมองสิงกู้เหวินอย่างเ็า ตรัสกับเสิ่นซือหยางว่า “ขุนนางเสิ่น จากความผิดทั้งหมดของสิงกู้เหวิน ควรลงโทษเช่นใด”
เสิ่นซือหยางค้อมตัวประสานมือไว้ด้วยกัน พูดอย่างนอบน้อม “ทูลฝ่าา จากกฎหมายเจียหลัว ไม่เห็นกฎบ้านเมืองในสายตา ล่วงเกินเบื้องสูง มีโทษเป็โบยตี ให้ร้ายหวางเฟยและดูิ่ราชวงศ์มีโทษเป็ปะาชีวิตพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เหวินอิ้นตบลงไปที่พนักวางแขนหนักๆ ตรัสด้วยเสียงเย็นเยียบ “ทหาร ลากตัวสิงกู้เหวินไปโบยหนึ่งร้อยไม้ คำนึงถึงหลายปีมานี้ที่ช่วยศาลต้าหลี่คลี่คลายคดีมาไม่น้อยจึงละเว้นโทษตาย ปลดจากตำแหน่งเซ่าชิงแห่งศาลต้าหลี่นับั้แ่วันนี้ไป ส่วนครอบครัวของเขาให้เนรเทศไปชายแดน ไม่อนุญาตให้เข้าเมืองหลวงรับราชการได้ตลอดกาล”
สิ้นเสียงพูดก็มีองครักษ์ที่ดุดันบึกบึนเข้ามาด้วยความรวดเร็ว!
ขโมยไก่ไม่สำเร็จแล้วยังเสียข้าวสารหนึ่งกำมือ สิงกู้เหวินใจนใบหน้าซีดขาว มือไม้อ่อน “ฝ่าาโปรดเมตตา! ฮองเฮาโปรดเมตตา! ฮองเฮา...”
มู่จื่อหลิงชำเลืองมองสิงกู้เหวินที่บัดนี้ถูกองครักษ์จับไว้แน่นเตรียมจะลากออกไป แต่ก็ยังดิ้นรนขอร้องอ้อนวอนก็เย้ยหยันอย่างเงียบเชียบ!
เ้าหมูโง่ตัวนี้เป็หมูตัวที่โง่ที่สุดจริงๆ ด้วย! สุนัขจนตรอกยังรังเกียจที่เร็วไม่พอ มิวายยกฮองเฮาออกมา ฮองเฮาเป็สตรีวังหลังผู้หนึ่งจะให้ความเมตตาได้อย่างไร นี่มิใช่การวางเพลิงให้ฮองเฮาโดยไร้สาเหตุหรือ
ถ้าฮองเฮาออกมือช่วยเขาในยามนี้จะมิน่าประหลาดหรือ หากเื่ที่เขาใช้ทัณฑ์ทรมานบีบให้นางรับผิดในคุกหลวงวันนั้นถูกเปิดโปงออกมาแล้วฮองเฮาไม่แอบปิดปากเขา เขาก็ควรอมิตาพุทธแล้ว ยังมาคิดขอร้องฮองเฮาให้ช่วยเขาอีก
ฮ่องเต้เหวินอิ้นทอดพระเนตรสิงกู้เหวินที่ถูกลากออกไปทว่าปากกลับเรียกหาฮองเฮาไม่หยุด ก็ขมวดพระขนงน้อยๆ หันไปมองฮองเฮาตามจิตใต้สำนึก
ฮองเฮายังคงมีท่าทีสงบเยือกเย็นดังเดิม นั่งอยู่ด้านข้างอย่างเงียบงัน ทำเป็ตามองไม่เห็น หูไม่ได้ยินต่อเสียงร้องอันน่าเวทนาของสิงกู้เหวิน
ใครเลยจะรู้ว่า ยามนี้ในใจนางนั้นขุ่นเคืองเป็ที่สุด ทั้งยังกระสับกระส่าย แต่ว่านางกลับปกปิดได้เป็อย่างดี ไม่แสดงออกมาแม้แต่น้อย
เื่ราวดูเหมือนจะหลุดออกไปจากการควบคุมของนางทีละก้าว มู่จื่อหลิงคล้ายว่าเก่งฉกาจกว่าที่นางคาดเอาไว้!
เมื่อเห็นสิงกู้เหวินถูกลากออกไปแล้ว หน้าตาของหลงเซี่ยวเจ๋อก็เปี่ยมไปด้วยความสะใจ และเอ่ยปากขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว “พี่สะใภ้สาม สิ่งนั้นของท่านคืออันใด รีบนำออกมาดูเร็วเข้า”
เขายังนึกถึงสิ่งที่พี่สะใภ้สามเพิ่งเอาออกมานั้นอยู่โดยตลอด!
ฮ่องเต้ออกหน้าให้มู่จื่อหลิงอย่างน่าเกรงขามเพียงนี้ นางย่อมเบิกบานใจแล้ว จึงไม่ยั่วความอยากรู้อยากเห็นของผู้อื่นอีกต่อไป นำกล่องใบเล็กออกมาจากแขนเสื้ออีกครั้ง
สายตาของคนทั้งหมดย้ายไปที่กล่องใบเล็กวิจิตรนั้นอีกครา
มู่จื่อหลิงเปิดกล่องใบเล็กออกอย่างเชื่องช้า
หลังเปิดออกก็มีจุดส่องแสงสีม่วงขนาดเล็กดีดตัวออกมาอย่างเริงร่า ร่อนลงบนฝ่ามือขาวผ่องของมู่จื่อหลิงอย่างนิ่มนวล
เบื้องหน้าหลงเซี่ยวเจ๋อสว่างวาบโดยพลัน จึงก้มตัวลงไปมอง โพล่งออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว “ว้าว! เป็ลูกกบสามขาที่สวยงามนัก!”
ตามความสัตย์จริง คำพูดนี้ของหลงเซี่ยวเจ๋อโพล่งออกมาอย่างมิทันรู้ตัวจริงๆ
ทว่าไม่รอให้มู่จื่อหลิงให้รางวัลชมเชยเขา เสี่ยวไตกูก็หมุนหัวเปลี่ยนทิศอย่างโกรธเคือง กระดกก้นขึ้น ยกขาเล็กๆ ขึ้นสูงเล็งไปที่หลงเซี่ยวเจ๋อ ปัสสาวะพุ่งเข้าไปในปากที่อ้ากว้างของเขาอย่างแม่นยำไม่มีพลาด!
“โอ้กโอ้กโอ้ก!” กบอะไรกัน ข้าคือคางคกม่วง เ้าคนไม่มีตา กล้าพูดว่าข้าเป็กบแสนอัปลักษณ์พรรค์นั้น
“ถุยถุยถุย!” หลงเซี่ยวเจ๋อพ่นน้ำลายออกมาทันทีด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว กล่าวด้วยความรังเกียจ “พี่สะใภ้สามนี่มันคือสิ่งใดกัน เหตุใดหยาบคายเช่นนี้!”
“แค่กๆ ไม่มีอะไร เสี่ยวไตกูอาจจะชื่นชอบเ้าจึงมอบของขวัญแรกพบหน้าให้เ้า!” มู่จื่อหลิงกลั้นเสียงหัวเราะไว้ ฝืนพูดอย่างสงบนิ่ง
หากมิใช่เพราะผิดกาลเทศะ ครานี้นางจะต้องหัวเราะออกมาดังๆ เป็แน่ เสี่ยวไตกูยอดเยี่ยมเหลือเกิน หลงเซี่ยวเจ๋อเ้าคนไม่มีตาผู้นี้สมควรถูกฉี่ใส่ปากแล้ว!
หลงเซี่ยวเจ๋อดูเหมือนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ของขวัญแรกพบหน้าอันใดกัน กลิ่นสาปรุนแรงนัก!
“หลิงเอ๋อร์ สิ่งนี้คือ?” ฮ่องเต้ถามอย่างสงสัยไม่เข้าใจ
เขามีชีวิตมาหลายสิบปี พบเห็นสิ่งล้ำค่าหายากมาไม่น้อย นี่เป็ครั้งแรกที่ได้พบสัตว์แปลกหูแปลกตาเช่นนี้ ลำตัวเปล่งประกายแสงสีม่วง ดูเหมือนจะฉลาดเฉลียวนัก
“เสด็จพ่อ นี่คือคางคกม่วง มันสามารถรักษากู่ในตัวองค์ชายห้าให้หายดีได้” มู่จื่อหลิงอธิบายอย่างกระชับได้ใจความ
หลงเซี่ยวเจ๋อชี้นิ้วไปที่คางคกม่วงในมือของมู่จื่อหลิง สองตาเบิกกว้างอย่างยากจะเชื่อถือ “เป็...เป็เ้าเล็กจิ๋วนี่?”
สิ้นเสียงพูด เสี่ยวไตกูก็เตรียมก้นตั้งท่าจะแผลงฤทธิ์อีกครั้ง หลงเซี่ยวเจ๋อตาไวเท้าไวจึงถอยกรูดไปหลายเมตรอย่างรวดเร็ว
หึหึ! เมื่อครู่เขาป้องกันไม่ทันจึงถูกปัสสาวะพุ่งใส่ปาก ครั้งนี้เขาเรียนรู้ที่จะฉลาดแล้ว ยังดีที่หลบออกมาเร็ว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้