Chapter 21
“ป๋ายป๋าย มาได้แล้วครับ”
กรีนเรียกป๋ายให้ละกอดออกมาจากดีน่า ผ่านวันนั้นไปได้ 3 วันหลังจากที่กรีนเอาน้องมาฝากไว้กับบลู ระหว่างนั้นดีน่าชวนเ้าตัวเล็กเล่นทั้งวัน จนทำให้ติดเล่นกับพี่ดีน่าของเขาไปแล้ว
“ไหนบอกว่ากลัวพี่ไม่มารับไงป๋ายป๋าย”
“ก็พี่กรีนแวะมาหาเค้าทุกวันอยู่แล้วไง ขออยู่กับพี่ดีน่าก่อนไม่ได้เหรอ? สองวันก็ได้”
“งั้นแล้วแต่เธอเลยครับ” กรีนแกล้งพูดเสียงอ่อนออกมา พร้อมทำท่าจะเดินกลับไปที่รถของตัวเอง
“ตัวเล็ก พี่กรีนงอนแล้วนะนั่น” ดีน่ากระซิบบอก
“พี่กรีนงอนเค้าเหรอ?” ป๋ายกระซิบดีน่ากลับเบา ๆ
“ใช่น่ะซี่”
“งั้นเค้าต้องไปง้อก่อนนะพี่ดีน่า”
ดีน่าพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะช่วยป๋ายสะพายกระเป๋าเป้ด้านหลัง ปรับสายกระเป๋าให้พอดีกับตัวน้อง ป๋ายยกกระชับกระเป๋าเป้เข้าแนบแผ่นหลังของตัวเอง จากนั้นก็เดินไปหาพี่กรีนของเขาทันที พอถึงตัวกรีน ป๋ายก็ยกแขนขึ้นกอดแขนคนพี่ กรีนหันมามองการกระทำดังกล่าวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“อะไรครับ?”
“เค้ามาง้อ ๆ ไง พี่กรีนงอนเค้า”
“ก็เธอไม่อยากกลับไปกับพี่แล้ว” กรีนพูดจบป๋ายซบหัวลงที่ต้นแขนของกรีนทันที
“เขาแค่ขออยู่เล่นกับพี่ดีน่าก่อนเอง สองวัน” คนตัวเล็กชูนิ้วขึ้นสองนิ้วและยกไปที่หน้ากรีน
“จะอยู่จริงใช่ไหม?”
“เค้าพูดถึงก่อนหน้านี้ ตอนนี้จะกลับกับพี่กรีนแล้ว นี่ไง ๆ เค้าเก็บกระเป๋ามาแล้ว” ป๋ายหันหลังโชว์กระเป๋าที่สะพายอยู่ให้กรีนดู
“งั้นก็ขึ้นรถได้แล้ว”
“เค้ากลับก่อนนะพี่ดีน่า เป็เด็กดี ไม่ขี้งอนเหมือนพี่กรีนน้า”
“ป๋ายป๋าย” กรีนพูดขึ้นเสียงเข้ม เรียกเสียงหัวเราะจากบลูและดีน่าได้ทันที
หลังจากเอาของของเ้าแมวตัวน้อยขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว กรีนก็บอกลาและขอบคุณบลูกับดีน่าที่รบกวนตลอดสองสามวันมานี้ จากนั้นก็ขับรถตรงไปที่บ้านเขาทันที
เนื่องจากเวลาที่ไปรับคนน้องคือ่เวลาสาย ๆ จึงใช้เวลาไม่นานรถของกรีนก็ถึงหน้าบ้านของเขา ปล่อยให้เป็หน้าที่ของคนตัวเล็กที่กดรีโมทเปิดประตูรั้วและลงไปเปิดประตูหน้าบ้านก่อน ส่วนกรีนก็ค่อย ๆ เหยียบคันเร่งเข้าไปจอดที่ลานจอดรถของบ้าน หลังจากดับเครื่องยนต์และหยิบโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์เรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าบ้านทันที
“คุณโนเอล!!” กรีนรีบเดินไปหาคนตัวเล็กทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกดัง ๆ และสรรพนามที่แปลกไป
“ว่าไงตัวเล็ก?” พอเดินถึงตัวอีกคน กรีนก็ถามขึ้นทันที
“พาใครเข้าบ้าน?!” ป๋ายกอดอกมองกรีนด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง
“หื้ม? หมายถึงอะไรครับ?” กรีนขมวดคิ้วหลังจากที่ได้ยินคำถามของคนน้อง
“เค้าได้กลิ่นน้ำหอมคนอื่นนะพี่กรีน พี่พาใครเข้าบ้าน”
กรีนเริ่มรู้แล้วว่าคนน้องกำลังหมายถึงอะไร สำหรับการรับกลิ่นของครึ่งทางจะดีมากกว่าแมวปกติมากอยู่แล้ว ยิ่งกับป๋ายที่สามารถแยกกลิ่นได้เก่งกว่าคนอื่นก็คงจะได้กลิ่นของบ้านที่เปลี่ยนไป
“มานี่ครับ วางกระเป๋าลงแล้วมานั่งฟังพี่อธิบาย” แม้ว่าจะหงุดหงิดที่ได้กลิ่นน้ำหอมของบุคคลปริศนา แต่ก็ยังคงทำตามคำบอกของกรีนทันที
“พี่เอาใครมาที่บ้าน?” น้ำเสียงที่ใช้ถามอาจจะดูอ่อนลงแล้ว แต่ใบหน้าที่แสนจะบึ้งตึงยังไม่ได้เปลี่ยน
“จำได้ไหมที่พี่บอกว่ามีขโมยมาขโมยของที่ร้าน” กรีนเริ่มอธิบายทันทีที่คนน้องนั่งลงที่โซฟาตำแหน่งข้าง ๆ เขา
“เค้าจำได้”
“คนที่เป็คนแจ้งเ้าหน้าที่คือคนที่พี่พามาที่บ้านครับ พี่มาเลี้ยงข้าวขอบคุณที่เขาช่วยแจ้งเ้าหน้าที่ให้ เพราะตอนนั้นเป็ตอนกลางคืน พี่ก็อยู่ที่ชานเมืองกับเธอ เวย์กับเกรซก็อยู่บ้าน ไม่มีคนอยู่ที่ร้านเลย เขามีธุระตอนนั้นแล้วก็เดินผ่านที่ร้านพี่พอดีเลยเห็นโจร เข้าใจที่พี่พูดไหม?”
“เค้าเข้าใจทั้งหมดเลยนะ แต่ทำไมต้องพามาที่บ้านด้วย ร้านอาหารข้างนอกก็มีนี่”
“ตอนแรกพี่นัดเวย์กับเกรซมากินข้าวที่บ้านด้วยอยู่แล้ว เพราะจะคุยเื่ที่ร้าน ก็เลยนัดเขามากินข้าวด้วยกันทีเดียวไปเลย เพราะ่นี้พี่ไม่ได้มีเวลามาก” ป๋ายฟังจบก็ทำจมูกฟุดฟิด ๆ สูดดมกลิ่นรอบตัวเพิ่มเติม
“มันมีแค่กลิ่นเดียวนะที่แปลก ๆ ไป เค้าไม่เห็นได้กลิ่นเพิ่มเลย”
“ปกติเวย์กับเกรซใช้น้ำหอมของที่ร้านไงครับตัวเล็ก เธออาจจะชินกลิ่นพวกนั้นไปแล้ว”
“มีแค่นี้แน่นะพี่กรีน ไม่มีแมวตัวใหม่นะ”
“มีแค่นี้จริง ๆ ครับ ไม่ได้พาแมวตัวไหนมาทั้งนั้น พามาพี่ก็แพ้สิ ตอนนี้พี่อยู่ด้วยได้แค่กับเธอนะ” ป๋ายคิดตามและพยักหน้าออกมา ก็จริงอย่างที่กรีนบอก ว่านอกจากแมวที่ฉีดวัคซีน กรีนก็ยังคงแพ้ขนแมวตัวอื่นอยู่
“แล้วไปนะพี่กรีน เค้าจับตามอง”
“จะผลัดกันงอนแบบนี้ไปทั้งวันเลยหรือไงเนี่ย?”
“เค้าไม่ได้งอนสักหน่อย”
“ครับ ๆ ไม่ได้งอน แต่เบะปากจนปากล่างจะถึงพื้นอยู่แล้ว”
“พี่กรีนนิสัยไม่ดี ล้อเค้า” ป๋ายตีเข้าที่แขนของกรีนเบา ๆ
กรีนอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ป๋ายฟังเรียบร้อยแล้วก็บอกให้ป๋ายไปอาบน้ำให้เรียบร้อยก่อนมากินข้าว ป๋ายใช้เวลาในห้องน้ำนานเหมือนเคย จนกรีนต้องไปเคาะประตูเรียกให้น้องออกมา
พอป๋ายออกมา อาหารทุกอย่างบนโต๊ะก็ถูกจัดไว้เรียบร้อยแล้ว ป๋ายเดินมานั่งประจำที่ของเขา มือเลื่อนหาคลิปวิดีโอในโทรศัพท์ที่จะดูในตอนที่กินข้าว ส่วนกรีนก็เช็ดผมป๋ายให้แห้งสนิทก่อนนะมานั่งประจำที่ของตัวเอง
ก๊อก ก๊อก
ยังไม่ทันจะได้ลงมือกินข้าวมื้อกลางวัน เสียงเคาะประตูบ้านของกรีนก็ดังขึ้นเสียก่อน กรีนที่นั่งประจำที่พร้อมกินข้าวก็ต้องลุกไปเปิดประตูเพื่อดูว่าใครมา
“อ้าว คุณมิเกล”
“สวัสดีครับคุณกรีน เกลขอโทษที่รบกวนครับ พอดีว่าเกลทำกำไลข้อมือหาย พยายามหาทุกที่ที่เกลไปแล้วก็ไม่เจอเลย เกลขอรบกวนเข้าไปหาในบ้านคุณกรีนได้ไหมครับ?” ผู้มาเยือนพูดอธิบายเหตุผลที่ต้องมารบกวนกรีนในวันนี้
“อ่า ได้เลยครับ เชิญเลย” กรีนเปิดประตูต้อนรับแขกให้เข้ามา หลังจากที่มิเกลเข้ามาที่บริเวณโถงกลางบ้านก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นเพราะเห็นว่าวันนี้กรีนไม่ได้อยู่คนเดียว ใได้ไม่นานก็ยิ้มและก้มให้คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว ผู้มาเยือนเดินไปที่โซฟาและหาของของตนทันที กรีนก็ปล่อยให้แขกของเขาหาต่อไป ส่วนตัวเขาก็เดินไปหาป๋ายที่อยู่ที่โต๊ะกินข้าว
“เขามาหาของที่ทำหายครับป๋ายป๋าย” ไม่รอช้า กรีนอธิบายให้คนตัวเล็กฟังทันที
“คนที่ช่วยแจ้งเ้าหน้าที่ใช่ไหม? กลิ่นเดียวกันเลย” ป๋ายมองหน้ากรีนเพื่อถาม สักพักก็หันไปมองผู้มาเยือน
“ใช่ครับ”
“แล้วเขาทำอะไรหาย? ทำไมต้องมาหาที่บ้านเราด้วย”
“กำไลข้อมือครับ เขาบอกว่าหาทุกที่ที่ไปแล้วไม่เจอ เลยลองมาหาที่นี่”
“กำไลข้อมือ?”
‘เหอะ กำไลข้อมือหลุดงั้นเหรอ? ใส่ไว้กับข้อมือจะไม่รู้ว่ามันหลุดได้ยังไง? เค้าต้องไปพิสูจน์ซะแล้ว ต้องทำแบบในละครที่ดูกับพี่ดีน่า’
“ป๋ายป๋าย ไม่ต้องวางแผนอะไรในใจเลยนะ”
“เค้าเปล่าสักกะหน่อย” ป๋ายปฏิเสธออกมาหลังจากที่โดนกรีนดักไว้
“เปล่าอะไรครับ ทำหน้าตาเลียนแบบตัวร้ายในหนังแบบนั้น เขาแค่มาหากำไล ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่น”
“เหอะ พี่กรีนรู้ได้ไง นั่นน่ะ ครึ่งทางเหมือนเค้าแน่ ๆ แมวดูแมวออกนะ”
“เห้อ พี่ดีน่าให้ดูอะไรเนี่ย แมวเ้าเล่ห์ถึงเ้าเล่ห์ขึ้นร้อยเท่า”
“พี่กรีนอย่าดูถูกเค้านะ คนนั้นกำไลหายจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะทำเป็แกล้งมาหาก็ได้”
“ตัวเล็ก ไม่พูดถึงคนอื่นแบบนั้นนะครับ” กรีนเอ็ดขึ้นมา
“อย่าปกป้องคนนั้นซี่ พี่กรีนต้องอยู่ข้างเค้านะ”
“พี่ปกป้องเธออยู่ต่างหากครับ”
“ที่ไหนกันเล่า ก็พี่กรีน-”
“ขอโทษนะครับ พอดีเกลหากำไลเจอแล้ว” ในขณะที่กรีนกับป๋ายกำลังยืนเถียงกัน แขกของบ้านก็เดินเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
“ครับ คุณมิเกล อ้อ นี่คุณมิเกลครับป๋าย เธอทักทายคุณมิเกลสิ” กรีนพูดขึ้นและส่งสายตาดุ ๆ ให้ป๋ายยอมทักทายมิเกล
“คุณมิเกล เค้าชื่อป๋าย เป็แมวตัวโปรดพี่กรีนน้า” ป๋ายทักทายออกไปด้วยรอยยิ้มอัตโนมัติหลังจากที่เห็นสายตาดุ ๆ ของกรีน กรีนเองก็ได้แต่ส่ายหัวให้กับประโยคทักทายแขกของน้อง
“สวัสดีครับป๋าย เราชื่อมิเกลนะ ไม่รู้เลยว่าคุณกรีนเลี้ยงแมวด้วย” ทางคนเป็แขกก็ทักทายกลับมาด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
‘ไม่เห็นต้องรู้เลย! เค้าไม่ให้คุณสนิทกับพี่กรีนนะ!’
แม้จะเถียงกลับไปในใจ แต่ภายนอกป๋ายก็ยังคงส่งรอยยิ้มไปหาอีกคนอยู่
“คุณมิเกลอยู่ทานข้าวด้วยกันไหมครับ?”
‘พี่กรีน!’ ป๋ายหันขวับทันทีที่กรีนเอ่ยชวนอีกคนร่วมโต๊ะอาหาร
“เค้าอิ่มแล้วนะ ขอขึ้นห้องก่อน”
“ป๋ายป๋าย” เ้าของชื่อไม่รอฟังคนพี่แต่อย่างใด เขารีบสาวเท้าขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้านทันที
“ขอโทษแทนเ้าตัวเล็กด้วยนะครับ” กรีนพูดออกมาด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
“ไม่เป็ไรเลยครับ เกลเข้าใจ แมว ๆ ก็เป็กันแบบนี้แหละครับ”
“ขอโทษที่ถามนะครับ แต่คุณเกลเป็ครึ่งทางหรือเปล่า?”
“ใช่ครับ”
“อ้าว ทำไมวันนั้นคุณถึงไม่บอกผม ผมไม่ได้ให้อาหารแมวคุณเลย” กรีนถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะว่าเมื่อวานที่มาฝากท้องที่บ้านของกรีน พวกเขาสั่งมาแค่อาหารสำหรับคนเท่านั้น
“ไม่เป็ไรหรอกครับ เกลกินอาหารคนได้สบายมาก”
“คุณจะทานอร่อยเหรอ? ปกติผมเห็นว่าครึ่งทางเขาจะไม่อร่อยกับอาหารคนเท่าไหร่”
“เป็อย่าง ๆ น่ะครับ ถ้าวันนั้นคุณสังเกต เกลจะกินแค่อาหารรสจืดที่มีปลาเป็ส่วนผสมเลย เ้านายเกลลองให้เกลได้ทานบ่อย ๆ ก็เลยรู้ว่าชอบ”
กรีนพยักหน้ารับรู้คำตอบของมิเกลทันที นี่เป็ความรู้ใหม่สำหรับเขาเลย ก่อนหน้านี้เขารู้แค่ว่าแมวไม่กินอาหารคน และเหมือนเ้าตัวเล็กของเขาก็จะเข้าใจแบบนั้น แต่นี่เขากลับได้รับข้อมูลใหม่สำหรับเขา ว่าครึ่งทางบางคนอาจจะชอบอาหารบางอย่างของมนุษย์ก็ได้
กรีนยิ้มออกมาหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น เขาอยากจะให้เ้าแมวน้อยของเขาลองกินอะไรใหม่ ๆ เผื่อว่าจะไปทดแทนที่การรับรสของน้องที่หายไปได้บ้าง แต่รอยยิ้มที่กรีนแสดงออกมาเพราะนึกถึงป๋าย กลับถูกเข้าใจผิดว่ากำลังมีความสุขเพราะได้คุยกับมิเกล
คนตัวเล็กที่เดินขึ้นไปชั้นบนของบ้านก่อนหน้า แท้จริงแล้วไม่ได้เข้าห้องไป เพียงแค่แอบลอบมองกรีนและมิเกลอยู่ที่บันได พอเห็นรอยยิ้มของกรีนที่แสดงออกมาในขณะที่ได้คุยกับมิเกล เ้าแมวน้อยก็หน้างอลงทันที
‘เค้าจะจดจำการทรยศของพี่กรีนในครั้งนี้เอาไว้ จะให้แมวตัวอื่นมากินอาหารเค้าได้ไง! แถมยังไปยิ้มหวานให้คนนั้นอีก!’
“ขอบคุณสำหรับอาหารนะครับ แล้วก็ขอโทษที่เกลมารบกวนด้วย”
“ไม่เป็ไรเลยครับ คุณมิเกลกลับดี ๆ นะครับ”
หลักจากเสร็จสิ้นธุระ กรีนก็ส่งมิเกลกลับบ้านที่หน้าประตู บอกลากันเรียบร้อยมิเกลก็เดินขึ้นรถคันหรูที่มาจอดรออยู่ที่หน้าบ้านกรีนทันที เท่าที่ดู กรีนคิดว่าเ้านายของมิเกลคงจะมีฐานะเอามาก ๆ เพราะของที่มิเกลใช้ เสื้อผ้าหรือเครื่องประดับต่าง ๆ รวมถึงยี่ห้อรถที่มารับเขาในวันนี้ คงจะมีราคาสูงน่าดู
พอรถที่มารับมิเกลขับพ้นสายตาของเขาไปเรียบร้อยแล้ว กรีนรีบปิดประตูบ้านและขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้านทันที เขาตรงไปที่ห้องนอนของอีกคน พอเห็นสิ่งผิดปกติที่อยู่ที่ประตูห้องของอีกคนก็ยิ้มออกมาทันที บนประตูห้องของป๋ายมีกระดาษที่เขียนข้อความแปะไว้
______________________________________________________
ถึง “เ้านาย”
เค้าจะต้องขออนุญาตงอนเ้านายเป็จำนวน 3 วัน !
จาก ป๋ายป๋าย
______________________________________________________
กรีนยิ้มให้กับข้อความสั้น ๆ บนกระดาษอยู่เกือบนาที ก่อนจะออกแรงเคาะประตูห้องป๋าย
ก๊อก ก๊อก
“ป๋ายป๋าย เปิดประตูให้พี่กรีนหน่อยครับ” หลังจากเคาะประตูไปสองสามครั้งก็เอ่ยเรียกอีกคนขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้รับเสียงตอบรับกลับมาแต่อย่างใด กรีนจึงเคาะมันอีกครั้ง
“งั้นพี่เข้าไปนะ” ตามที่กรีนคาดการณ์ไว้คือคนน้องไม่ได้ล็อคประตูห้อง
ป๋ายป๋ายเอ้ย งอนอะไรเนี่ย ประตูก็ไม่ล็อค
“ใครให้พี่กรีนเข้ามา”
“ก็เธอไม่ตอบพี่”
“เค้าไม่ตอบก็แปลว่าไม่ให้เข้ามาไง! เค้าเขียนจดหมายไว้ที่หน้าห้องเรียบร้อยแล้วนะเ้านาย” สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้กรีนเอ็นดูป๋ายขึ้นมาอีกเป็ร้อยเท่า
“แล้วนั่นอะไร แพ็คกระเป๋าจิ๋วจะไปไหน?” กรีนที่เหลือบไปเห็นกระเป๋าใบจิ๋วไซส์สำหรับแมวก็ถามขึ้นมา
“เค้าจะต้องหนีไปพักใจอย่างด่วน พี่ดีน่าบอกว่าถ้าเ้านายทำนิสัยไม่ดีก็ให้ไปหาพี่ดีน่าได้เลย”
“เดี๋ยวเถอะนะป๋ายป๋าย จะหนีออกจากบ้านแบบนี้ไม่ได้สิ ถ้าหลงขึ้นมาจะทำยังไง” กรีนพูดขึ้นพร้อมกับคิ้วที่ผูกกันอยู่ตรงกลางจนแทบจะเป็ปม
“เค้าไม่รู้ไม่ชี้”
“ดื้อใหญ่แล้วนะวันนี้ เตรียมตัวเลยครับ พี่กรีนจะพาไปร้านด้วย”
“เค้าไม่ไป!”
“จะเอาอะไรไปก็ใส่กระเป๋าไว้ พี่กรีนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เก็บของแป๊บนึง เสร็จแล้วจะมาตาม”
กรีนไม่ได้ฟังน้องพูดอะไรต่อ กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บของที่จะเอาไปที่ร้านวันนี้ จากนั้นก็กลับมาตามอีกคนที่ห้อง แต่พอกรีนมองไปรอบ ๆ ห้องก็กลับไม่พบกับคนตัวเล็กแล้ว ไล่สำรวจช้า ๆ อีกทีก็พบกับเ้าก้อนสำลีขาวขนปุยที่แอบอยู่ในม่านขาว หันหน้าเข้าหามุมห้อง แต่เ้าตัวเล็กเองก็คงไม่รู้ตัวว่าหางปลายเข้มของเขาโผล่ออกมา
“ป๋ายป๋าย เดินออกมาจากม่านเดี๋ยวนี้เลย”
“เมี๊ยว!!”
‘เค้าไม่ไป!’
“ไม่ดื้อสิครับ ออกมาเร็ว” พอเห็นว่าคนน้องไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรกลับมา กรีนก็เดินไปอุ้มอีกคนมาไว้บนอกทันที จากนั้นก็ไปหยิบกระเป๋าจิ๋วมาใส่เข้าที่ตัวของเ้าแร็กดอลล์ตัวน้อย
“เมี๊ยว!”
‘ปล่อยเค้านะ!’
“จะหนีออกจากบ้านไม่ใช่หรือไง นี่ไง พี่จะพาหนี” พูดจบกรีนก็อุ้มเ้าตัวเล็กลงไปข้างล่างทันที ในขณะเดียวกันเสียงร้องเหมียว ๆ ส่งออกมาอยู่ตลอดเวลา
‘การหนีออกจากบ้านเค้าจะต้องไปคนเดียว! เ้านายปล่อยเค้าลงเดี๋ยวนี้เลยนะ!’
“โอ๊ย ป๋าย พี่เจ็บ” กรีนร้องและสะดุ้ง เพราะในระหว่างที่เขากำลังล็อคประตูบ้านอยู่ เ้าตัวเล็กบนอ้อมแขนใช้เขี้ยวกัดเข้าที่แขนของกรีนโดยที่ไม่ได้ตั้งตัว พอล็อคประตูเรียบร้อยกรีนก็เดินไปที่รถทันที กดเปิดประตูรั้วด้วยรีโมท จากนั้นก็เดินไปที่รถ เปิดประตูฝั่งตัวเองออกและวางเ้าแมวขนปุยลงที่เบาะข้าง ๆ
“ป๋าย จะโกรธแค่ไหนก็ห้ามใช้กำลังแบบที่ทำเมื่อกี้นะครับ เวลากัดเล่น ๆ เวลาคันฟันแล้วมากัดพี่กรีนไม่เคยว่าเลยนะป๋าย” กรีนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังจนเ้าแมวตัวน้อยหงอย
“เหมียว ๆ”
‘เค้าขอโทษ’
ป๋ายะโขึ้นมานั่งที่ตักของกรีน แล้วใช้หัวถูไถไปที่หน้าท้องของกรีนเบา ๆ กรีนก้มลงมองเ้าแร็กดอลล์ตัวน้อยทันที ก่อนจะโน้มลงไปหอมที่หัวของเ้าตัวเล็กเบา ๆ แล้วผละหน้าออกมา
“เมื่อกี้พี่กรีนเจ็บจริงนะตัวเล็ก พี่ต้องดุเพราะมันไม่ดี ถ้าพี่โกรธเธอแล้วตีเธอบ้างเธอจะรู้สึกยังไง? พี่เสียใจทุกครั้งที่เห็นเธอเจ็บนะ เมื่อกี้เธอทำพี่เจ็บเธอไม่เสียใจเหมือนพี่เหรอ? หื้ม?” กรีนอธิบายออกไปและคอยลูบหัวป๋ายตลอด
“เหมียว” เสียงร้องเบา ๆ ถูกส่งออกมาจากเ้าสี่ขาตัวน้อย
‘เค้าเข้าใจแล้ว’
“ไปนั่งที่ตัวเองได้แล้วครับ พี่จะขับรถแล้ว” กรีนพูดจบเ้าตัวเล็กก็ไม่ได้ขยับตัวไปไหน กลับเงยขึ้นมามองหน้ากรีนค้างไว้แบบนั้น
“โอเค ๆ จะนั่งตักก็นั่งครับ แต่อยู่เฉย ๆ นะ ห้ามอ้อน พี่กรีนจะขับรถ มันอันตราย” เ้าตัวเล็กร้องเหมียวรับทราบก่อนที่จะนั่งลงและวางคางไว้ที่หน้าท้องกรีนและอยู่เฉย ๆ ในท่านั้น
“ได้เปรียบไปแล้วนะครับ ทำผิดแล้วก็เป็เด็กดี เชื่อฟังขึ้นมาเลย แล้วพี่จะเอาอะไรโกรธต่อ หื้ม? เดี๋ยวเื่คุณมิเกลเราค่อยไปคุยกันที่ร้าน โอเคไหม?” ป๋ายร้องตอบรับออกมาในขณะที่นอนเฉย ๆ บนตักกรีน ไม่ขยับตามคำสั่ง
กรีนถอยรถออกจากลานจอดรถของบ้าน จากนั้นก็กดรีโมทเพื่อปิดประตูรั้วบ้านให้เรียบร้อย รอดูให้แน่ใจว่าประตูปิดสนิทก่อน ค่อยเหยียบคันเร่งออกไป ระหว่างติดไฟแดงกรีนก็คอยลอบมองเ้าตัวเล็กบนตักเขาอยู่ตลอด แอบยิ้มออกมาเล็ก ๆ เอ็นดูความหงอยที่เ้าเหมียวกำลังเป็ บทจะรั้นก็รั้น บทจะเชื่อฟังก็เชื่อฟังเลยล่ะแมวตัวนี้
ร้านเครื่องหอม Your Cart
ใช้เวลาไม่นานกรีนก็ขับรถมาถึงร้าน ก้มดูเ้าสี่ขาบนตักก็พบว่าน้องหลับไปเป็ที่เรียบร้อยแล้ว กรีนค่อย ๆ เอื้อมไปหยิบกระเป๋าใบจิ๋วที่ถอดไว้ที่เบาะข้าง ๆ ก่อนจะหันกลับมาช้อนตัวป๋ายขึ้นมาไว้บนอกและอุ้มออกจากรถไป มาถึงหน้าร้านกรีนค่อย ๆ เปิดประตูออกไม่ให้กระดิ่งที่แขวนอยู่สั่นจนได้ยินเสียง
“พี่กรีนสวัสดีค่ะ” กรีนพยักหน้ารับเกรซเล็กน้อยก่อนจะใช้นิ้วชี้แตะลงที่ปากของตัวเองเพื่อเป็สัญญาณไม่ให้ลูกน้องของเขาส่งเสียง เกรซพยักหน้ารัว ๆ ก่อนจะส่งสายตาไปหาเ้าเหมียวบนอกหัวหน้าของเขาด้วยความเอ็นดู เวย์ที่เดินมาพอดีก็เกือบที่จะส่งเสียงเรียกเพื่อนเขาดัง ๆ แต่ก็ต้องชะงักไปก่อน
กรีนพาป๋ายเข้ามาที่ห้องทำงานของตัวเอง วางกระเป๋าใบจิ๋วกับของของเขาลงที่โต๊ะ จากนั้นก็เดินไปที่โซฟาตัวยาวภายในห้องทำงาน จัดการวางเ้าขนปุยลงบนโซฟา จากนั้นก็เดินไปเปิดแอร์และเปิดโหมดเงียบให้ คนตัวเล็กจะได้ไม่รำคาญ จัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็เดินออกไปทำงานที่ห้องของเวย์
เริ่มปรึกษากันเื่งานกันไปได้สักพักใหญ่ ทั้งคู่ก็ตัดสินใจพักสายตาจากจอคอมและเอกสารก่อน
“ทำไมวันนี้เอาน้องมาด้วยวะ?” เวย์ถามขึ้นในระหว่างที่ทั้งคู่พักกินของว่างที่เกรซเตรียมไว้ให้
“คุณมิเกลไปหาที่บ้าน ตัวเล็กเลยงอนกู แพ็คขนมใส่กระเป๋าเตรียมหัวจะหนีออกจากบ้าน กูเลยเอามาด้วยเลย”
“คุณมิเกล? ไปหามึงทำไม?” เวย์ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
“เขาบอกทำกำไลหาย เลยไปหาที่บ้านกู”
“แผนเบสิคสัด ๆ เลยว่ะ”
“แผนอะไรวะ?”
“มึงดูไม่ออก?”
“ดูไม่ออกอะไร?”
“โห ไอ้เวร มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าคุณมิเกลสนใจมึง”
“สนใจอะไรมึงล่ะ เลอะเทอะชิบหาย”
“แหม เพื่อนกรีน กูรู้จักมึงกี่ปี คนอย่างมึงเหรอจะดูไม่ออก” กรีนยักไหล่ให้กับความรู้ทันของเพื่อนสนิทเขา ก่อนที่จะพูดตอบออกมา
“กูไม่ได้สนใจ”
“เห็นไหม มึงดูออก”
“ก็ใช่ แต่ว่า-“
“นั่นไง! พี่กรีนรู้นี่!” กรีนยังไม่ทันได้พูดจบ เสียงโวยวายของป๋ายก็แทรกขึ้นมา เรียกความสนใจจากกรีนและเวย์ได้ในทันที กรีนยกมือขึ้นตบหน้าผากเบา ๆ แล้วถอนหายใจออกมา
“มึงชวนกูคุยเื่นี้ทำไมไอ้เวย์ วันนี้กูจะได้หายงอนกันไหมวะเนี่ย?” กรีนบ่นเชิงโวยวายออกมา
ผลัดกันงอนมันทั้งวันแหละวะวันนี้