“ฟู่ผิงเซียงมีบทเรียนเช่นนี้แล้ว ต่อไปต้องไม่มายุ่งกับพวกเราอีกแน่” หนิงซิ่วหลันรีบพูด
กู้เจิงไม่คิดในแง่ดีขนาดนั้น การพบกันระหว่างนางกับฟู่ผิงเซียงในหลายๆ ครั้งได้บอกนางว่า สตรีผู้นี้มีจิตใจชั่วร้าย ไม่ใช่ว่านางแยกแยะถูกผิดไม่ได้ แต่นางไม่สนใจมัน นางมองข้ามชีวิตผู้คน นางเป็คนเห็นแก่ตัว คนแบบนี้กู้เจิงไม่เห็นอกเห็นใจอะไรมากนัก
“กู้เหยา เ้าช่วยพูดกับพี่ใหญ่เ้าสิ” หนิงซิ่วหลันขอร้องกู้เหยา
“ข้าหนาว ขาทั้งสองข้างของข้าเย็นไปหมดแล้ว ข้าอาจจะอยู่ไม่พ้นคืนนี้ และหลังจากนี้คงไม่ได้เจอท่านพ่อท่านแม่อีกแล้ว นี่เป็เพราะสิ่งที่ฟู่ผิงเซียงก่อขึ้น” กู้เหยาสะอึกสะอื้น “ทำไมยังต้องไปช่วยนางอีก?”
“ช่วยข้าด้วย...” เสียงของฟู่ผิงเซียงค่อยๆ อ่อนลง
“ท่านพี่กู้ ช่วยนางด้วยเถอะ นั่นเป็ถึงชีวิตคน พวกเราไม่ควรโหดร้ายแบบนี้” หนิงซิ่วหลันกระตุกแขนเสื้อของกู้เจิงเบาๆ อย่างอ้อนวอน
“ถ้าอยากช่วย เ้าก็ไปช่วยเอง” กู้เจิงพูดพลางจูงกู้เหยาเดินต่อไป นางคิดว่าด้วยนิสัยของหนิงซิ่วหลันจะต้องตามมาติดๆ แน่
คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินกู้เหยากระซิบบอกว่า “พี่ใหญ่ พี่ซิ่วหลันเข้าไปช่วยฟู่ผิงเซียงแล้วเ้าค่ะ”
กู้เจิงหมุนตัวไปมอง นางเห็นหนิงซิ่วหลันกำลังเดินลงเขาเพื่อไปช่วยฟู่ผิงเซียง
“พี่ใหญ่ ทำยังไงดี?” กู้เหยาร้อนใจ คนอย่างฟู่ผิงเซียงถึงไม่ช่วยก็ไม่ได้รู้สึกผิด แต่หนิงซิ่วหลันนั้นไม่เหมือนกัน
กู้เจิงสบถในใจแล้วพูดกับกู้เหยาว่า “เ้าอยู่นี่ ข้าจะไปดูเอง”
“พี่ใหญ่ ข้ากลัว ข้าจะไปกับท่าน”
กู้เจิงพยักหน้า
ฟู่ผิงเซียงอยู่ไม่ไกลจากพวกนางมากนัก ห่างกันแค่ร้อยกว่าก้าว เมื่อกู้เจิงกับกู้เหยาเดินมาถึง ก็เห็นหนิงซิ่วหลันยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงหน้า ฟู่ผิงเซียงตกลงไปในหลุมพรางขนาดใหญ่ ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีกับดักจับสัตว์อยู่ใต้หลุมพราง ตอนนี้แขนของนางถูกกับดักจับสัตว์หนีบไว้อย่างน่ากลัว เืไหลออกมาเจิ่งนองเต็มพื้น
กู้เจิงเห็นฟู่ผิงเซียงสีหน้าเปลี่ยนไปมาก หลุมพรางแบบนี้มีไว้เพื่อจัดการสัตว์ป่าเพียงแค่ชนิดเดียว นั่นก็คือสัตว์ป่าขนาดใหญ่ ไม่แน่ว่าที่นี่อาจจะมีเสือหรืออะไรทำนองนั้น
“ท่านพี่กู้ ทำยังไงดี?” พอเห็นกู้เจิงตามมาด้วย หนิงซิ่วหลันก็ถอนหายใจโล่งอก
“ช่วยไม่ได้แล้ว” กู้เจิงกล่าวเสียงเย็น
ฟู่ผิงเซียงที่ติดอยู่ในกับดักเสียเืไปมาก สติของนางเริ่มเลือนลาง เมื่อได้ยินกู้เจิงพูดเช่นนี้ นางจึงฝืนใจให้เข้มแข็ง “ไม่ อย่าทิ้งข้า อย่าทิ้งข้า”
“ทำไมถึงช่วยไม่ได้ล่ะ?” หนิงซิ่วหลันไม่เชื่อ “พวกเราต่อบันไดแล้วลงไปช่วยนางได้นะ”
“แล้วหลังจากทำบันไดเล่า? าแเช่นนี้ของนางไม่อาจรอได้ จำต้องเร่งรักษาในทันที”
“ท่านจะช่วยนางแล้วใช่ไหม?” หนิงซิ่วหลันมองใบหน้าเ็าของกู้เจิง “ไหนๆ พวกเราก็อยู่ตรงนี้กันแล้ว ท่านพี่กู้ ช่วยนางเถอะ”
“แล้วจะเอาอะไรมาทำเป็บันได? ต้องใช้เวลาแค่ไหนกัน?” กู้เจิงชี้นิ้วไปยังหลุมขนาดใหญ่ที่ฟู่ผิงเซียงตกลงไป “หลุมพรางใหญ่ขนาดนี้ เ้าคิดว่ามีไว้ดักกระต่ายหรือ?”
หนิงซิ่วหลันกับกู้เหยามีสีหน้าหวาดกลัว
“ขุดหลุมใหญ่ขนาดนี้ แสดงว่ามีสัตว์ป่าขนาดใหญ่อยู่แถวนี้ ฟู่ผิงเซียงเืไหลตั้งมากมาย บางทีสัตว์ป่าพวกนั้นคงจะได้กลิ่นกันแล้ว หนิงซิ่วหลันตอนนี้ข้าจะบอกเ้าอีกครั้ง ต่อให้ช่วยนางขึ้นมาได้ ข้าก็จะไม่พานางไปด้วย เพราะเืของนางจะดึงดูดสัตว์ป่ามาได้ง่าย” กู้เจิงพูดจบ ก็จูงกู้เหยาเดินย้อนกลับไปทางเดิม
ฟู่ผิงเซียงสลบไปแล้ว ต่อให้หนิงซิ่วหลันจะใจอ่อนเพียงใดแต่นางเองก็กลัวอยู่ดี นางรีบวิ่งตามกู้เจิงไปติดๆ
แม้ทั้งสามคนจะหมดแรงแล้ว แต่ก็ไม่มีใครกล้าหยุดเดิน พวกนางเกรงว่าถ้าหยุดพักแล้วอาจจะหนาวตายได้ แต่ถ้าเดินไปเรื่อยๆ อย่างน้อยก็ยังมีไออุ่นให้ร่างกาย และอีกอย่างก็กลัวว่าจะมีสัตว์ป่าอยู่แถวๆ นี้ด้วย
พวกนางเดินกันมาจนรอบด้านมีเพียงก้อนหินขนาดใหญ่ ไม่มีต้นไม้แม้แต่ต้นเดียว หนทางด้านหน้ามีแค่เส้นทางสูงชันที่ทอดยาวไปสู่ยอดเขา
“ที่นี่น่าจะปลอดภัยแล้วกระมัง” กู้เจิงพึมพำพลางมองรอบๆ
“พี่ใหญ่ ข้าหนาวเหลือเกินเ้าค่ะ” กู้เหยาเกาะติดกู้เจิง
“ข้าก็หนาวเหมือนกัน” หนิงซิ่วหลันก็เขยิบเข้าใกล้พวกนางเช่นกัน
“งั้นช่วยกันหาว่ามีตรงไหนที่พอจะพักได้ไหม?” บนยอดเขามีก้อนหินใหญ่อยู่มากมาย หากมีช่องหินที่สามารถเข้าไปได้ พวกนางก็จะสามารถไปพักเอาแรงได้สักพักหนึ่ง
พวกนางช่วยกันมองหาช่องหินไม่นาน ก็พบช่องที่พอจะเข้าไปหลบพักได้จริงๆ ทั้งสามคนรีบมุดเข้าไปในซอกหิน
“เท้าของข้าดูเหมือนจะไร้ความรู้สึกไปแล้ว” หนิงซิ่วหลันสะอึกสะอื้น
“ใช้มือถูสิ” กู้เจิงก็เริ่มใช้มือถูเท้าเพื่อคลายความเย็นเช่นกัน
หนิงซิ่วหลันกับกู้เหยาเริ่มทำตามกู้เจิง
กู้เจิงเริ่มหมดหวัง นางรู้สึกว่าตัวเองคงจะต้องตายที่นี่ วิธีการตายเช่นนี้นางรับไม่ได้เลยสักนิด
“กู้เหยา อย่าหลับนะ” เห็นน้องสี่ค่อยๆ ง่วงงัน กู้เจิงก็ะโเสียงดังเพื่อเรียกสติ หนิงซิ่วหลันเองก็ดูเหม่อลอย กู้เจิงแอบคิดในใจว่าแย่แล้ว “พวกเ้าห้ามหลับ ได้ยินหรือไม่”
เมื่อถูกกู้เจิงคอยเรียกสติ ทั้งสองก็ตื่นตัวขึ้นมาเล็กน้อย
“พี่ใหญ่ ดูเหมือนว่าตรงนั้นจะมีแสงไฟนะเ้าคะ” กู้เหยามองเห็นแสงไฟอยู่ไกลๆ
กู้เจิงมองไปยังตำแหน่งที่กู้เหยาชี้ นางเห็นแสงไฟริบหรี่ตามที่กู้เหยาบอก นางจึงรีบคลานออกมาจากซอกหิน แล้วะโไปยังทิศทางที่เห็นแสงไฟ “ช่วยด้วย ช่วยด้วย--”
“ไม่ใช่ภาพลวงตาของข้าหรอกหรือ” กู้เหยาพึมพํา เมื่อนางคิดได้ว่าน่าจะกำลังมีคนจะมาช่วยแล้ว กู้เหยาก็เริ่มมีกำลังใจ นางรีบเข้าไปช่วยกู้เจิงะโว่า “ช่วยด้วย พวกเราอยู่ทางนี้”
ทิศทางของแสงไฟตรงมาที่ที่พวกนางทั้งสามคนรออยู่
เมื่อเห็นแสงไฟเริ่มเข้ามาใกล้ ทั้งสามคนก็พากันวิ่งเข้าไปหาด้วยความตื่นเต้น
กู้เจิงเห็นคนที่เดินนำหน้าขบวน เขายังไม่ทันได้เปลี่ยนจากชุดเฉาฝู ใบหน้าเ็าฉายแววตื่นกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ดวงตาสุขุมยากจะปิดบังความวิตกกังวลได้ วินาทีที่เขาเห็นนาง สีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลง ก่อนจะยกยิ้มอย่างดีใจ เขาก้าวเข้ามาถึงตัวของกู้เจิงแล้วดึงนางเข้ามากอดไว้แนบอก
“ท่านพ่อ” กู้เหยาเห็นบิดาก็มาในกลุ่มด้วย นางร้องไห้ออกมาเสียงดังเป็เด็กๆ
หนิงซิ่วหลันมองหาคนรู้จักในกลุ่มคน เมื่อนางเห็นพ่อกับน้องสามอยู่ในกลุ่ม นางก็วิ่งเข้าไปหาพวกเขา
จ้าวหยวนเช่อก็อยู่ในกลุ่มที่มาช่วยเช่นกัน เขาสวมเสื้อคลุมสีดำท่ามกลางหิมะขาวโพลน ทำให้ยิ่งดูโดดเด่นสง่างาม ตอนที่เขาได้ยินเสียงะโขอความช่วยเหลือดังมาจากยอดเขา เขาก็ฟังออกทันทีว่าเป็เสียงของกู้เจิง เขาข่มกลั้นความดีใจและห้ามตัวเองไม่ให้วิ่งขึ้นเขาไปหานาง ทว่ายามนี้เมื่อเห็นกู้เจิงอยู่ในอ้อมอกของเสิ่นเยี่ยน ความยินดีเมื่อครู่ก็หายไปในพริบตา วินาทีนี้เขาไม่อาจทนมองทั้งสองคนกอดกันได้ สองมือของเขากำแน่นอยู่ใต้เสื้อคลุม
เสิ่นเยี่ยนรีบถอดเสื้อคลุมของเขาออกแล้วสวมให้กับกู้เจิง เขาจูงมือนางเพื่อพาลงจากูเา
ยามที่เดินทางลงมาได้ครึ่งทาง กู้เจิงก็ชะงักฝีเท้าลง นางชี้ไปยังบริเวณหนึ่งในป่า “ฟู่ผิงเซียงอยู่ตรงนั้นเ้าค่ะ”
“นางตายแล้ว เหมาะสมกับสิ่งที่นางทำแล้ว” เสิ่นเยี่ยนพูดด้วยความโกรธ
กู้เหยาและหนิงซิ่วหลันที่ได้ยินถ้อยคำนี้ต่างก็ตัวสั่น ถ้าไม่ใช่เพราะกู้เจิงพวกนางก็คงมีสภาพไม่ต่างจากฟู่ผิงเซียงมากนัก
ที่ตีนเขามีผู้คนมารอกู้เจิง กู้เหยา และหนิงซิ่วหลันมากมาย มีสองสามีภรรยาเสิ่นและชุนหง คนในตระกูลกู้ และคนจากตระกูลหนิง แม้แต่คนของตระกูลฟู่ก็มารออยู่ที่ตีนเขาอย่างร้อนใจ ชุนหงร้องไห้จนหน้าแดงไปหมด นางเอาแต่โทษตัวเองมาตลอดที่ไม่เอะใจว่าคุณหนูโดนลักพาตัวไป
เมื่อกลุ่มคนที่รออยู่ที่ตีนเขา เห็นพวกกู้เจิงและคนอื่นๆ กำลังเดินลงเขามา พวกเขาต่างก็กอดกันร้องไห้อย่างโล่งใจ
“ปลอดภัยกันแล้ว” นางหญิงเสิ่นถอนหายใจอย่างโล่งอก
นางหญิงเว่ยซื่อตรงเข้าไปกอดบุตรสาวคนเล็ก นางไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ กู้อิ๋งก็ร้องไห้ด้วยเช่นกัน
“ลูกสาวข้าล่ะ?” เยี่ยนซื่อนายหญิงของตระกูลฟู่ร้องถามเมื่อไม่เห็นบุตรสาวของตนเอง นางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าตวนอ๋องแล้วถามเสียงสั่น “ท่านอ๋อง เซียงเอ๋อร์ของข้าเล่า? นางก็ขึ้นไปบนเขาด้วยเช่นกัน”
จ้าวหยวนเช่อไม่อาจเอ่ยวาจาใดออกมาได้ เมื่อต้องเผชิญกับคำถามของเยี่ยนซื่อ
“แม่ทัพเยี่ยนมาแล้ว” เสียงหนึ่งดังขึ้น
กู้เจิงมองไปยังสายตาของทุกคน นางเห็นบุรุษร่างสูงใหญ่ แผ่นหลังเหยียดตรงสวมชุดฉางฝูสีดำกำลังเดินลงมาจากบนเขา ชายผู้นั้นเพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็คนที่เคยผ่านสมรภูมิรบมาแล้ว
“จื่อเซี่ยน? เซียงเอ๋อร์ล่ะ?” เยี่ยนซื่อเดินเข้าไปหาน้องชาย ด้านหลังแม่ทัพเยี่ยน มีบ่าวรับใช้กำลังหามเปลที่ทำแบบชั่วคราว บนเปลมีเสื้อคลุมของจื่อเซี่ยนคลุมเอาไว้
เยี่ยนซื่อเดินเข้าไปดู นางคิดจะเปิดเสื้อคลุมออกก็ถูกแม่ทัพเยี่ยนห้ามเอาไว้ เขาเอ่ยเสียงเฉียบขาดว่า “ผิงเซียงติดอยู่ในหลุมดักจับสัตว์ป่า ตอนที่พบนาง...” เขาไม่ได้พูดต่อ
ภาพตรงหน้าของเยี่ยนซื่อดำมืด เยี่ยนจื่อเซี่ยนรีบเข้าไปประคองนางไว้ “ท่านพี่?”
“ขะ ข้าอยากดูนาง” เยี่ยนซื่อไม่อยากจะเชื่อ นางไม่เชื่อว่าบุตรสาวที่เมื่อวานยังมาออดอ้อนนางอยู่จะจากโลกนี้ไปแล้ว
กู้เจิงหันหลังให้กับครอบครัวของฟู่ผิงเซียง นางก้าวขึ้นรถม้าพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของเยี่ยนซื่อ “เซียงเอ๋อร์--”