หยางติ่งจวินเดินไปถึงนอกทางเดิน หันหน้ามากวาดตามองพวกเสวียนเทียนสามคนสุดท้ายสายตาหยุดอยู่บนร่างเสวียนเทียน หัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยว่า “หวงเทียนรอยื่นคอมาให้ข้าตบหน้าได้เลย ฮ่าๆๆๆ...!”
หลังเสียงหัวเราะลั่นหยางติ่งจวินก็พลันพุ่งเข้าไปในทางเดิน ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างที่สุด
ฟึบ!
หุ่นพลกระบี่ตัวที่หนึ่งฟันหนึ่งกระบี่ลงมารัศมีกระบี่แสงสีขาวบาดตาสายหนึ่งฟันลงมาหาหยางติ่งจวินความเร็วของการลงมือเทียบกับหุ่นพลกระบี่ชั้นหนึ่ง เร็วกว่าเป็เท่าตัว
เสียงชิ้งดังขึ้นรัศมีกระบี่เจิดจ้าฉับพลันก็ปรากฏขึ้น หยางติ่วจวินใช้กระบี่แล้วกระบี่ของเขาปัดกระบี่ยาวในมือหุ่นพลกระบี่ออก ร่างกายชะงักไปนิดหน่อยจากนั้นก่อนที่หุ่นพลกระบี่จะฟันกระบี่ที่สองลงมา เขาก็พุ่งลึกเข้าไปในทางเดิน มาถึงตรงหน้าหุ่นพลกระบี่สองตัวหลัง
“ปราณหยางเก้าแปรพิสดารปราณแท้ะเิพลัง!”
หยางติ่งจวินะโปราณแท้เบิกนภาในร่างของเขาฉับพลันก็แผ่พุ่งออกมา ร่างทั้งร่างปรากฏแสงสีแดงชาดพลังเพิ่มพูนขึ้นมาก
เคร้งๆ!
เคร้ง!
เสียงโลหะปะทะกันต่อเนื่องสามครั้ง พริบตาหยางติ่งจวินกับหุ่นพลกระบี่สองตัวก็แลกกระบี่กันตัวละครั้งจากนั้นก็พุ่งอย่างรวดเร็วผ่านด้านหนึ่งของทางเดินไปแล้วรับกระบี่ของหุ่นพลกระบี่ที่อยู่ใกล้ที่สุดอีกทีหนึ่ง
เกิดเสียงดังสนั่นสามครั้งขึ้นหยางติ่งจวินกลับไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว ไม่นานก็ผ่านชั้นที่สองมาถึงอีกฟากของทางเดิน หุ่นพลกระบี่ทั้งสามถอยกลับไปตำแหน่งเดิม
ถึงแม้จะคาดการณ์ไว้อยู่บ้างแต่เห็นหยางติ่งจวินผ่านด่านที่สอง สีหน้าของหม่าเจินหรูก็เก็บอารมณ์ยินดีไม่ได้ “ดี หยางติ่งจวิน หลังจากฉู่เฟิงเมื่อสามปีก่อนเ้าเป็ศิษย์ในคนที่สองที่เพิ่งขึ้นชั้นเบิกนภาก็ผ่านชั้นที่สองของหอกระบี่ได้ศักยภาพของเ้ามากมายนัก ภายภาคหน้าต้องประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่แน่”
“ขอบคุณผู้าุโที่ชื่นชมศิษย์จะตรากตรำฝึกฝน มุ่งสู่สุดยอดของชั้นเบิกนภา เพื่อต่อสู้ก้าวขึ้นชั้นปฐี”
สีหน้าของหนางติ่งจวินซีดขาวอยู่บ้างแต่หน้าตายังคงได้ใจ มองพวกเสวียนเทียนสามคน สายตาเปี่ยมไปด้วยความดูถูก
หม่าเจินหรูพอใจเป็อย่างมากพยักหน้า เรียก “คนที่สอง ไป๋จั่นเฮ่อ!”
ไป๋จั่นเฮ่อผ่านหุ่นพลกระบี่ตัวที่หนึ่งแต่ถูกหุ่นพลกระบี่สองตัวข้างหลังสกัดไว้ตกอยู่ในวงล้อมการโจมตีของหุ่นพลกระบี่สามตัวสถานการณ์วิกฤติติดพันจนได้รับาเ็เล็กน้อยสุดท้ายหม่าเจินหรูจึงเข้าไปในทางเดินช่วยไป๋จั่นเฮ่อออกมา ผ่านด่านล้มเหลว
แต่หม่าเจินหรูยังคงพอใจกับไป๋จั่นเฮ่อเหมือนเดิมเอ่ยว่า “พลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งสามารถผ่านหุ่นพลกระบี่ตัวที่หนึ่งได้ก็ดีมากแล้วศิษย์จำนวนมากเข้าสำนักในมาหนึ่งปีก็ยังไม่อาจทำได้ ไม่ต้องเสียใจ คนที่สามหลินอู๋อิ่ง”
หลินอู๋อิ่งคล้ายกับหม่าเทาตอนชั้นที่หนึ่งโดนหุ่นพลกระบี่ตัวที่หนึ่งขับไล่ออกมา
เพิ่งเข้าขั้นเบิกนภา ผ่านมาถึงชั้นที่สองได้ต่อให้ล้มเหลว หม่าเจินหรูก็ยังให้กำลังใจ เอ่ยว่า “หลินอู๋อิ่ง ความสามารถพอใช้ได้วันหลังสามารถกลายเป็ยอดฝีมือชั้นหนึ่งในระดับขั้นเดียวกันได้ อย่าท้อแท้คนที่สี่หวงเทียน"
ถึงตาเสวียนเทียน สายตาของหยางติ่งจวินไป๋จั่นเฮ่อ หลินอู๋อิ่งสามคนตวัดฉับมา มองที่ร่างของเสวียนเทียนอย่างพร้อมเพรียง
โดยเฉพาะไป๋จั่นเฮ่อกับหลินอู๋อิ่งสองคนสายตาเห็นได้ชัดว่าร้อนรนอยู่บ้าง เห็นชัดว่าเป็กังวลอยู่ว่าเสวียนเทียนจะผ่านชั้นที่สองได้หรือไม่ถ้าผ่านได้ เขากับหยางติ่งจวินก็เสมอกัน ถ้าผ่านไม่ได้ก็คือแพ้ ต้องโดนหนึ่งฝ่ามือ
ในสายตาของทั้งสองคนหยางติ่งจวินยืนอยู่บนตำแหน่งที่ไม่มีทางแพ้ชั้นที่สามนั่นไม่ใช่ของที่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งจะผ่านได้คนที่ผ่านชั้นที่สามได้ั้แ่อยู่ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งล้วนเป็ตำนานของสำนักกระบี่์สุดท้ายสำเร็จก้าวขึ้นชั้นปฐีกลายเป็จอมยุทธ์ผู้พิทักษ์สำนักของสำนักกระบี่์
เสวียนเทียนเดินเรื่อยเปื่อยอย่างสบายๆมาถึงปากทางเข้าทางเดิน สูดหายใจลึกครั้งหนึ่ง ร่างกายโค้งลงวินาทีต่อมาเสวียนเทียนก็ราวกับลูกธนูดอกหนึ่งที่พุ่งจากแล่งเลียบกำแพงด้านขวาพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ชั่วพริบตาก่อนที่เสวียนเทียนจะพุ่งไปข้างหน้าเขาขยับยกเท้าอย่างรวดเร็ว แล้วกระทืบอย่างแรงบนพื้นทีหนึ่งทำให้ความเร็วของเขาเทียบกับเมื่อตอนชั้นที่หนึ่งยังเร็วมากกว่า ราวกับเงาติดตา
ในเวลาเดียวกัน ที่ทางเดินพลันมีรัศมีกระบี่สามสายปรากฏขึ้นเสวียนเทียนทำให้หุ่นพลกระบี่ลงมือในเวลาเดียวกันอีกครั้ง
หุ่นพลกระบี่ที่มีพลังของชั้นเบิกนภาขั้นสองระดับกลางลงมือเร็วกว่าอยู่มากจริงๆครั้งนี้เสวียนเทียนผ่านหุ่นกระบี่ตัวที่หนึ่งมาอย่าง่ายดาย แต่รัศมีกระบี่ของหุ่นพลกระบี่สองตัวข้างหลังแทบจะฟันลงมาตรงหน้าเสวียนเทียนในเวลาเดียวกัน
‘กระบี่แรกฟ้า’ ออกจากฝัก
ประกายแสงสีฟ้าฉับพลันก็ฉายวาบชั่วพริบตากลายเป็รัศมีกระบี่สีฟ้าสายหนึ่ง
เสียงเคร้งดังสนั่นสองครั้งดังขึ้นกระบี่ยาวของหุ่นพลกระบี่สองตัวพริบตาก็ถูกปัดออกความเร็วของเสวียนเทียนชะงักไปเพียงครึ่งพริบตา แล้วก็พุ่งพรวดไปข้างหน้าต่อมาปรากฏที่อีกด้านหนึ่งของทางเดิน
“อะไรกัน? เร็วขนาดนี้ก็ผ่านไปได้แล้ว?”ไป๋จั่นเฮ่อกับหลินอู๋อิ่งดวงตาเบิกโตสิ่งที่เสวียนเทียนแสดงออกมาให้เห็น เกินไปจากความคาดคิดของทั้งสองคน
ในใจทั้งสองคิดว่า “หยางติ่งจวินผิดมนุษย์แล้ว คนผู้นี้ยิ่งเก่งกาจราวกับเป็ปีศาจเลย”
“หรือจะฝึกวิชาตัวเบาชั้นนิลขั้นต้นได้ถึงชั้นบรรลุสมบูรณ์แล้ว?หรือฝึกวิชาตัวเบาชั้นนิลขั้นกลางมาแล้ว? ถึงกับหนึ่งกระบี่ปัดการโจมตีของหุ่นพลกระบี่ทั้งสองได้ความสามารถของเด็กคนนี้ไม่เป็รองหยางติ่งจวินเลย!”
ชั่วขณะนั้นหม่าเจินหรูทำหน้าประทับใจสายตามองเสวียนเทียน ท่าทางเปลี่ยนไปมากยกเสวียนเทียนขึ้นมาสูงระดับเดียวกับหยางติ่งจวิน
“ดีมาก ฮ่าๆๆๆ...!”
หม่าเจินหรูดีใจจนหัวเราะลั่นขึ้นมา “มีศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งที่ผ่านชั้นที่สองของหอกระบี่โผล่ขึ้นมาทีเดียวสองคนนี่เป็ยุครุ่งเรืองที่ไม่เคยปรากฏในสำนักเรามาถึงยี่สิบปีอนาคตของสำนักเราอยู่ในมือพวกเ้าแล้ว ต้องเฉิดฉายมีหน้ามีตา แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ฮ่าๆๆๆ! ไป๋จั่นเฮ่อ หลินอู๋อิ่งพวกเ้าออกจากหอกระบี่ได้แล้ว รออยู่กับหม่าเทาที่ด้านนอก ข้าพาพวกเขาทั้งสองไปชั้นที่สามเพื่อเปิดหูเปิดตาไม่นานก็ลงมา”
ทั้งสามคนล้วนยินดี มีเพียงหยางติ่งจวินที่มีสีหน้าหงุดหงิดกลายมาเป็เสมอ เสียโอกาสอันดีที่จะเล่นงานเสวียนเทียนนี่ทำให้หยางติ่งจวินยากจะยอมรับได้
เสวียนเทียนกับหยางติ่งจวินตามหม่าเจินหรูมาถึงชั้นสามของหอกระบี่
กำแพงด้านซ้ายของชั้นที่สามสลักชื่อของคนสิบกว่าคนอยู่ เช่น ลู่อู๋โจว ไป๋ลี่ถง เจิ้งเทียนอี หลิงอี้เฉิน...เป็ต้นล้วนเป็บุคคลที่เคยมีชื่อเสียงลือลั่นของสำนักกระบี่์
เสวียนเทียนมองไปยังชื่อหนึ่งที่อยู่ท้ายสุด ปรากฏว่าเป็...ฉู่เฟิง
หม่าเจินหรูกล่าวว่า “คนเหล่านี้ล้วนเป็บุคคลที่พลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งก็ผ่านชั้นสามของหอกระบี่ได้ในประวัติศาสตร์สำนักเราล้วนเป็ยอดอัจฉริยะแห่งยุคที่หายากยิ่งในหลายสิบปีหรือในร้อยปี หากพวกเ้าผ่านชั้นที่สามได้ก็ทิ้งชื่อของตนเอง สลักไว้บนกำแพงตราบกาลนานได้”
หยางติ่งจวินมองชื่อบนกำแพงดวงตาฉายแววปรารถนาจะขันแข่งอย่างแรงกล้า อยากสลักชื่อของตนเองไว้สืบทอดในสำนักกระบี่์ตราบนานเท่านาน
เสวียนเทียนมองชื่อของฉู่เฟิงในใจมีไฟขึ้นมาเงียบๆ “ในเมื่อฉู่เฟิงทิ้งชื่อไว้ได้ข้าก็ไม่อาจแพ้เขาได้”
ที่สำนักกระบี่์คู่ต่อสู้ในใจของเสวียนเทียนมีเพียงฉู่เฟิงคนเดียว ส่วนหยางติ่งจวินเสวียนเทียนไม่ได้นับเขาเป็เื่อะไรทั้งสิ้น
หม่าเจินหรูเห็นทั้งสองคนกระตือรือร้นอย่างมากก็เอ่ยว่า“ทุกคนล้วนอยากทิ้งชื่อไว้ตราบนานเท่านานแต่สำนักเราหลายสิบปีก็ยากจะมีสักคนหนึ่ง ชั้นที่สามใน่ที่พลังวัตรอยู่ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งจะผ่านไปไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้นหยางติ่งจวิน เ้าก่อน”
หยางติ่งจวินพุ่งเข้าไปในทางเดินด้วยใจคึกคะนองหุ่นพลกระบี่ฟันลงมาหนึ่งกระบี่ ความเร็วเร็วถึงขีดสุด หยางติ่งจวินหลบก็หลบไม่พ้นหนึ่งกระบี่ยกขวางกั้น
เคร้ง!
เสียงดังสนั่นดังขึ้นร่างของหยางติ่งจวินราวกับะุปืนใหญ่ ถูกหุ่นพลกระบี่ฟันปลิวออกมาจากทางเดินหลังเหยียบลงพื้นยังถอยไปอีกถึงสี่ห้าก้าว สุดท้ายก็ก้นจ้ำเบ้านั่งลงบนพื้นดวงตาตะลึงงัน
หุ่นพลกระบี่ชั้นที่สามความสามารถทัดเทียมชั้นเบิกนภาขั้นสามระดับกลางไม่ใช่สิ่งที่หยางติ่งจวินจะต้านทานได้อย่างแน่นอน
หม่าเจินหรูเอ่ยขึ้น “หยางติ่งจวินเ้าผ่านชั้นที่สองได้ก็เป็อัจฉริยะที่สำนักเราหลายสิบปียากจะพบสักคนแล้วคนที่ทิ้งชื่อไว้บนชั้นที่สามนี้ล้วนเป็จอมยุทธ์ผู้พิทักษ์สำนักในประวัติศาสตร์ของสำนักเราเทียบกับพวกเขาไม่ได้ ไม่นับเป็อะไร อย่าได้เก็บเป็ปมในใจไป”
“ทราบแล้ว ผู้าุโหม่า!” หยางติ่งจวินลุกขึ้นยืน ปากพูดเช่นนี้แต่ในใจอย่างไรก็เสียความมั่นใจอยู่บ้าง
ทว่า เมื่อหยางติ่งจวินหันไปมองเสวียนเทียนในใจก็คิด ข้าไม่ไหว เ้าก็ไม่ไหว ฮึ!
เสวียนเทียนมุมปากยกขึ้นเล็กน้อยมองยังไม่มองหยางติ่งจวิน หยางติ่งจวินถูกเมินยิ่งไม่สบอารมณ์
หม่าเจินหรูเอ่ย “หวงเทียน เ้ามาลองดู!”
เสวียนเทียนเดินไปถึงนอกทางเดินครั้งนี้เสวียนเทียนไม่ได้ใช้วิชาตัวเบาพุ่งตรงเข้าไป แต่ก้าวหนึ่งก้าวเข้าไปในทางเดิน
เข้าใกล้หุ่นพลกระบี่ตัวแรกด้านหน้าสามเมตรเสียงฟึบก็ดังขึ้น รัศมีกระบี่เจิดจ้าสายหนึ่ง ฉับพลันก็แหวกอากาศมาถึงความเร็วของกระบี่เทียบกับหุ่นพลกระบี่ชั้นสอง เร็วกว่าเกินหนึ่งเท่า
‘กระบี่แรกฟ้า’ ออกจากฝัก รัศมีกระบี่สีฟ้าตามติดท่วงท่าการชักกระบี่ ฟันตรงออกมา
เคร้ง!
เสียงดังสนั่นดังขึ้น
ดวงตาของหม่าเจินหรูกับหยางติ่งจวินล้วนแต่ตะลึงถึงกับต้านไว้ได้?
เสวียนเทียนเพียงถอยหลังหนึ่งก้าวหลังจากนั้นกระบี่ที่สองก็โจมตีไปหาหุ่นพลกระบี่หุ่นพลกระบี่ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวรัศมีกระบี่เจิดจ้าฟันลงมาบนศีรษะของเสวียนเทียนอีกครั้ง เร็วจนถึงที่สุด
เสวียนเทียนล่อหุ่นพลกระบี่ทีละก้าวมาด้านนอกทางเดินเมื่อเห็นเสวียนเทียนเกือบจะออกจากทางเดิน ทันใดนั้น ความเร็วก็เพิ่มขึ้นฉับพลันหนึ่งกระบี่ฟันออกมา ร่างกายวูบหนึ่งก็ผ่านหุ่นพลกระบี่ไป มาถึงทางเดินด้านใน
‘กระบี่แรกฟ้า’ ต้านกระบี่ยาวของหุ่นพลกระบี่ เสวียนเทียนถีบทีหนึ่งก็ถีบหุ่นพลกระบี่ล้มล้มไปด้านนอกทางเดิน
จากนั้น ความเร็วของเสวียนเทียนก็เพิ่มขึ้นพุ่งเข้ามาหาหุ่นพลกระบี่สองตัวที่อยู่ด้านใน
ดวงตาทั้งสองข้างของหยางติ่วจวินเบิกโตอย่างไรก็ไม่อาจเชื่อว่าเสวียนเทียนจะมีพลังเอาชนะหุ่นพลกระบี่ชั้นที่สามได้
หม่าเจินหรูยิ่งตื่นเต้น พึมพำว่า “หรือว่า เพียงแค่่เวลาสามปีสำนักเราก็มีอัจฉริยะแห่งยุคที่พลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งก็ผ่านชั้นที่สามได้ขึ้นมาอีกคน?ฉู่เฟิงมีพลังวัตรถึงจุดสุดยอดของชั้นเบิกนภาขั้นที่หนึ่งผ่านหอกระบี่ครั้งที่สองถึงผ่านได้หวงเทียนสามเดือนก่อนยังพลังวัตรชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าตอนนี้พึ่งก้าวขึ้นชั้นเบิกนภา รายงานตัวได้ไม่นานเองนี่นา?”
เคร้งๆๆๆ!
ในทางเดิน รัศมีกระบี่พุ่งทั่วทิศเสียงดังสนั่นหลายครั้ง
รอจนหุ่นพลกระบี่ที่เสวียนเทียนถีบล้มไปลุกยืนขึ้นมาได้แล้วพุ่งเข้ามาในทางเดิน เสียงก็เงียบลงแล้วเสวียนเทียนผ่านการปิดกั้นของสองหุ่นพลกระบี่ ไปถึงอีกฟากฝั่งของทางเดินแล้ว
หอกระบี่ชั้นที่สาม ผ่านแล้ว!
สมองของหยางติ่วจวินมึนงงไปชั่ววูบเสียงหนึ่งสะท้อนก้องในหัวของเขา นี่เป็ไปไม่ได้ นี่เป็ไม่ได้
หม่าเจินหรูสีหน้าตื่นเต้นยินดีเหลือล้นน้ำเสียงตื่นเต้น เอ่ยว่า “หวงเทียนณ ชั้นที่สามของหอกระบี่ เ้าทิ้งชื่อไว้ได้ตราบนานเท่านาน!”
เสวียนเทียนเดินกลับมาจากทางเดินธรรมดาทางด้านขวาสีหน้านิ่งสงบ มาถึงกำแพงที่สลักชื่อ ที่ข้างชื่อฉู่เฟิงสลักอักษรไว้สองคำ...หวงเทียน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้