ในที่สุดตระกูลเซียวก็มาถึง!
สายตาของหลิ่วอิงหรี่ลง มองเห็นเซียวว่านจุนที่อยู่กลางฝูงม้าที่กำลังควบเข้ามาจากไกลๆ! ความขมขื่นแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ! การเดินทางมายังมณฑลเชียนเจ๋อครั้งนี้ทำให้ตระกูลหลิ่วโหวพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ และสิ่งที่ทำให้เขาขุ่นเคืองและโกรธแค้นที่สุดก็คือต้นเหตุของเื่นี้คือเด็กชายที่อายุยังไม่ถึงสิบห้าปี!
ตระกูลเซียวมีบุตรชายที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!
อัจฉริยะล้ำเลิศ พร์ล้ำเลิศ เติบใหญ่ขึ้นไปจะต้องมีบุญวาสนาแน่!
ความคิดอยากฆ่าคนในใจหลิ่วอิงพลันพลุ่งพล่าน!
วันนี้ข้าจะปล่อยให้เ้าเด็กนี่มีชีวิตรอดต่อไปอีกสักพักก่อน แล้วคอยดูก็แล้วกัน!
ข้าจะคอยจับตามองดูเ้าอยู่ตลอด เมื่อใดที่เ้าออกห่างไปจากสายตาพวกคนของสำนักเ่าั้เมื่อไร ข้าจะลงมือสังหารเ้าเอง! “หลิ่วเฉิง หวังจัว กลับมา!” หลิ่วอิงเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาที่เหลืออยู่ทั้งสองคนให้กลับมา!
เมื่อกองกำลังหลักของตระกูลเซียวมาถึงแล้ว หลิ่วอิงรู้ดีว่าต่อให้เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าจะอยู่ในสภาพที่อ่อนแอและเหนื่อยล้ามากขนาดไหน แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ทดสอบว่าฝีมืออีกฝ่ายเป็ของจริงหรือไม่แล้ว หากไม่เรียกพวกหลิ่วเฉิงกลับมาในตอนนี้ เมื่อกองกำลังหลักของตระกูลเซียวมาถึง พวกเขาคงไม่มีโอกาสได้กลับมาอีกเป็แน่แท้!
เดิมทีทั้งสองต่างก็กำลังรอฟังคำสั่งของหัวหน้าโดยกึ่งวิ่งกึ่งจอดอยู่กับที่ ในที่สุดเมื่อได้ยินคำสั่งให้ถอยกลับมา หลิ่วเฉิงกับหวังจัวก็โล่งใจ เพราะพวกเขากลัวจริงๆ ว่าหัวหน้าจะบังคับให้พวกเขาไปต่อสู้กับ ‘ปีศาจ’ ตัวนั้น!
เพียงแต่เมื่อหลิ่วอิงได้ตัดสินใจที่จะละทิ้งความคิดจะสังหารเซียวหลิงอวิ๋นแล้ว เซียวหลิงอวิ๋นกลับไม่ปล่อยให้พวกเขาหนีไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเขาไม่อยากปล่อยให้ศัตรูทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าหนีรอดไปโดยง่าย!
เมื่อเห็นว่าหลิ่วเฉิงและหวังจัวกำลังจะถอยกลับ!
เซียวหลิงอวิ๋นก็ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงจิตสังหารที่เย็นะเื กล่าวเย้ยหยันอย่างไร้ปรานี “ได้ยินผู้คนร่ำลือว่านักยุทธ์ของตระกูลหลิ่วมีความดุดันไร้เทียมทาน ไม่หวาดกลัวความตาย เมื่อได้เห็นในวันนี้แล้วจึงรู้ว่าที่ลือกันไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด จริงๆ แล้วเป็แค่ฝูงไก่ที่ขี้ขลาดกลัวตายเท่านั้น พอเผชิญหน้ากับศัตรูที่ฆ่าสหายของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อเอาชีวิตตัวเองรอดแล้วก็ไม่คิดสู้ หนีไปเสียแล้ว!
กลุ่มโจรลวงโลกเช่นนี้ สมควรถูกนำมาเปรียบกับนักรบอาชาเงาของราชสำนักแล้วอย่างนั้นหรือ นี่เป็การด้อยค่านักรบอาชาเงาชัดๆ สบประมาทราชวงศ์อย่างโจ่งแจ้ง ถุย!”
หลิ่วเฉิงและหวังจัวที่เพิ่งหันหลังกลับและกำลังจะเดินจากไป ร่างของพวกเขาก็เกิดอาการสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง ทั้งโกรธและอับอายอย่างที่สุด เืลมพุ่งพล่านไปทั่วศีรษะอย่างรุนแรง ทั้งสองหันหลังกลับมาทันที!
ทางด้านหลิ่วอิงที่นั่งอยู่บนหลังม้าเองก็ตัวสั่นสะท้าน หลิ่วิกับหลิ่วอวิ๋นเทาก็โกรธจัดจนตัวสั่นเช่นกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะล้มลงไปกองกับพื้น
ทั้งสองคนที่ได้รับาเ็สาหัสอยู่แล้ว พลันหมดสติไปในทันทีด้วยความโกรธ!
“เด็กน้อย เก็บปากของเ้าเอาไว้เสีย นักยุทธ์ตระกูลหลิ่วของเราไม่ใช่อะไรที่เด็กหนุ่มไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเ้าจะมาดูถูกได้ตามใจชอบ!” หลิ่วเฉิงชี้ไปที่จมูกของเซียวหลิงอวิ๋น ะโด้วยความโมโห!
“ดูถูกรึ?” เซียวหลิงอวิ๋นเย้ยหยันกลับ “โน่น ศพทั้งห้านั่นเป็ของตระกูลหลิ่วของพวกเ้าใช่หรือไม่ อ้อ ยังมีอีกคนที่วิ่งหนีไปอย่างคลุ้มคลั่งนั่นด้วย ตอนนี้เหลือเพียงพวกเ้าสองคนแล้ว อ้อ ข้าลืมไป พวกสัตว์ปีกและสุนัขเหล่านี้ ก่อนที่จะได้กลายเป็มนุษย์ สติปัญญาคงจะมีจำกัด พวกเ้าทั้งสองคนอาจจะจำพวกพ้องเหล่านี้ไม่ได้กระมัง?”
“เ้า...” หลิ่วเฉิงโกรธจัด เพราะถูกอีกฝ่ายปฏิบัติราวกับพวกเขาเป็แค่สัตว์!
“ไปเถอะ! ข้าเซียวหลิงอวิ๋นผู้สูงส่งคนนี้ ไม่จำเป็ต้องสนใจไก่สองตัวที่ขี้ขลาดกลัวตายพวกนี้หรอก อีกอย่าง ดาบเล่มนี้เองก็เป็ของตระกูลหลิ่วของพวกเ้าด้วย ขโมยดาบเ้าของบ้านไปแล้ว และยังฆ่าไก่ทั้งหมดของเ้าบ้านหมดเล้าอีก มันคงจะมากเกินไปหน่อย ข้าจะเมตตาไว้ชีวิตพวกเ้าทั้งสองคนก็แล้วกัน!”
อดทนไม่ไหวแล้ว ขอสู้ตายก็แล้วกัน “ไอ้หนู ข้าจะฆ่าเ้า!” หลิ่วเฉิงและหวังจัวที่มีเส้นเืปูดโปนขึ้นบนใบหน้าพุ่งทะยานออกไปด้วยท่าทางที่น่ากลัว!
หากในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขายังเอาแต่หดหัวไม่ยอมสู้ตายแล้ว ชั่วชีวิตนี้พวกเขาคงได้มีชีวิตอยู่อย่างอับอายขายขี้หน้าอย่างไร้ที่สิ้นสุด และจะไม่มีวันเงยหน้าขึ้นมองใครได้อีก! ยิ่งเื่การบรรลุและก้าวหน้าหลังจากนี้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย!
เอ้า ทำไมถึงได้หุนหันพลันแล่นกันขนาดนี้เล่า ต่อให้ทนไม่ไหวและหวนกลับมาก็จริง แต่ก็น่าจะลังเลอีกสักหน่อย เพื่อที่ตัวเราจะได้ฟื้นฟูลมปราณและพลังกายอีกสักหน่อยก็ยังดี!
นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ!
เซียวหลิงอวิ๋นบ่นพึมพำอยู่ในใจ! เอียงคอเล็กน้อย พลังปราณในกายที่ฟื้นฟูกลับมาได้ถึงสามส่วนแล้วเริ่มไหลเวียนอย่างช้าๆ!
ก่อนจะะโออกไป “หลี่เฉวียน!”
หลี่เฉวียนที่กระชุ่มกระชวยอยู่ด้านหลังยืดตัวตรง ตอบรับเสียงดัง “ขอรับนายน้อย ข้าอยู่นี่แล้ว!”
ด้วยการแสดงพลังอันน่าทึ่งราวกับเทพเ้าของเซียวหลิงอวิ๋นทำให้ดวงตาหลี่เฉวียนนั้นเป็ประกายขึ้นมา รู้สึกภาคภูมิใจในตัวนายน้อยของเขา!
“มานี่สิ ข้าจะให้โอกาสเ้าได้ระบายความโกรธของการถูกไล่ฆ่า จัดการสังหารเ้าสุนัขชั่วสองตัวนี้พร้อมกับข้าเสีย!” เซียวหลิงอวิ๋นกล่าวเสียงดัง
ได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับนายน้อย! ฆ่าสุนัขรับใช้โฉดชั่วสองตัวสุดท้ายของตระกูลหลิ่ว!
หลี่เฉวียนรู้สึกราวกับเืในกายกำลังเดือดพล่าน ตอบกลับเสียงดังด้วยความตื่นเต้นและดีใจจนเสียงสั่นเครือ “ขอรับ นายน้อย!”
จากนั้นเขาก็ตั้งกระบวนท่า พุ่งตัวออกไปข้างหน้า!
“ตาเฒ่าหลี่ รับดาบ!” ชิวเทียนฉี่สะบัดมือ ดาบยาวคมกริบพุ่งทะยานไปในอากาศเป็เส้นโค้งที่สวยงาม!
“ขอบคุณคุณชายชิวมาก!” ครั้นยื่นมือออกไปรับดาบ หลี่เฉวียนหันหน้ากลับมาและกล่าวขอบคุณจากไกลๆ แล้ววิ่งออกไปหานายน้อยของเขาอย่างบ้าคลั่ง!
หลี่เฉวียนไม่รู้เลยว่านายน้อยของเขาแค่เรียกใช้เพราะมีความคิดที่จะให้เขาช่วยแบ่งเบาภาระ เพื่อหาโอกาสฟื้นฟูพลังปราณและพลังกาย แล้วถึงค่อยลงมือสังหารอีกฝ่าย
ว่ากันตามตรง หลังจากที่ได้ัักับพลังต่อสู้ของนักรบตระกูลหลิ่วด้วยตัวเอง เซียวหลิงอวิ๋นยังไม่แน่ใจว่าตัวเขาจะสามารถสังหารศัตรูด้วยลมปราณที่เหลือไม่ถึงสามส่วนได้หรือไม่ หรือต่อให้สามารถสังหารได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่กำลังบ้าคลั่งและมีความตั้งใจอันแน่วแน่ทั้งสองแล้ว ตัวเขาคงไม่สามารถเอาชนะได้อย่างสมบูรณ์แบบแน่นอน และอาจจะเป็ชัยชนะอย่างหมดสภาพก็ได้
การต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่นี้ กองหนุนที่อยู่ด้านหลังพวกเขาจวนจะมาถึงแล้ว เพื่อฆ่าลูกกระจ๊อกอีกสองคนที่เหลือ แลกกับการทำให้ตัวเองได้รับาแเพิ่มอีกสองสามาแ ถือว่าไม่คุ้มสักเท่าไรนัก!
แม้ว่าหลี่เฉวียนจะไม่ใช่คนที่กล้าหาญและดุดันเหมือนนักยุทธ์ตระกูลหลิ่วเหล่านี้ เนื่องจากมีชีวิตที่สุขสบายและร่ำรวยใน่หลายปีที่ผ่านมาก็จริง แต่พลังยุทธ์ในฐานะนักยุทธ์ระดับเก้าของเขาก็ถือเป็ของจริง ่เวลาสำคัญเช่นนี้ การต้านทานการโจมตีของอีกฝ่ายเพียงไม่กี่ดาบไม่น่าจะใช่ปัญหา บวกกับการจับตามองและการประสานงานของตัวเขาที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแล้ว ย่อมไม่มีสถานการณ์ที่จะถูกฝ่ายตรงข้ามสังหารอย่างแน่นอน!
ตลอดทาง หลี่เฉวียนผู้เป็พ่อบ้านประจำตระกูลเซียวคนนี้ได้ทุ่มเทให้กับนายน้อยตระกูลเซียวอย่างสุดความสามารถ ภายใต้สถานการณ์ที่ตระกูลเซียวถูกหกตระกูลใหญ่ร่วมกันกดดันเช่นนี้ ผู้คนที่ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ล้วนเป็คนที่ซื่อสัตย์อย่างแท้จริง และคนที่ซื่อสัตย์เช่นนี้ก็เกือบจะถูกอีกฝ่ายยิงธนูตายแล้ว นี่จึงเป็อีกเหตุผลสำคัญที่เซียวหลิงอวิ๋นเรียกให้หลี่เฉวียนมาร่วมสู้ ยังจะมีอะไรที่น่าสะใจยิ่งไปกว่าการลงมือสังหารศัตรูด้วยตัวเอง เพื่อการระบายความคับแค้นใจอีกบ้าง!
หลิ่วเฉิงกับหวังจัวต่างก็ดวงตาที่ลุกโชนด้วยความโกรธ!
ในขณะวิ่งมาด้วยความเร็วสูง อยู่ห่างจากเซียวหลิงอวิ๋นสามสิบหมี่ “ชิ๊ง!” ดาบอันคมกริบถูกชักออกมา เป็ดาบยาวสามฉื่อหกชุ่น กว้างสามชุ่น พลังปราณอันทรงพลังก็ถ่ายเทลงไปในดาบเกล็ดปลาหลังกว้างในมือ ตัวของเขาก็พุ่งออกไปราวกับสายฟ้า ไปข้างหน้าเป็ระยะทางยี่สิบหมี่ในทันที ส่งเสียงคำรามกึกก้อง “ฆ่า”!
พร้อมกับตัวที่ลอยขึ้นไปในอากาศ ดาบเกล็ดปลาหลังกว้างฟาดฟันออกไป พลังดาบกระพือเอาฝุ่นทรายจนฟุ้งกระจายไปทั่ว ก่อนจะฟันลงมาที่เซียวหลิงอวิ๋นด้วยพลังมหาศาลราวกับปลาขนาดใหญ่ที่กำลังโต้คลื่น!
หวังจัวที่ตามหลังมาในระยะห้าหมี่ พร้อมด้วยเสียงดัง “หึ่ง” ดาบยาวสามฉื่อสีเหล็กดำในมือก็สั่นไหวราวกับมีชีวิต เผยให้เห็นแสงดาบที่สุกใสราวกับเกล็ดหิมะ ตามมาด้วยพลังอันน่าเกรงขามของดาบ และพุ่งทะยานไปหาเซียวหลิงอวิ๋น!
