มือของเซี่ยยวี่หลัวใกล้จะใช้การไม่ได้แล้วจริงๆ
หลังจากกลับถึงบ้านแกะผ้าพันแผลที่ฝ่ามือออก จึงได้เห็นว่าตุ่มน้ำพองบางส่วนถูกบีบจนเปลี่ยนรูปแล้วบางส่วนก็แตกแล้ว มีเืไหลออกมา ย้อมผ้าพันแผลจนกลายเป็สีแดง
เจ็บเหลือเกิน!
ในภพที่แล้วเซี่ยยวี่หลัวยังไม่เคยเจ็บขนาดนี้มาก่อน
เพียงััตุ่มน้ำพองเ่าั้ก็เ็ปถึงหัวใจ
แต่นางไม่ได้ให้เด็กๆ รู้ ก่อนจะรีบเปลี่ยนผ้าพันแผลผืนใหม่ที่สะอาด ห่อมือไว้อีกครั้ง ก่อนจะเริ่มทำงานต่อ
เพียงแต่ มีผ้าพันแผลพันอยู่เต็มมือตอนซาวข้าวจึงได้แต่ใช้ตะเกียบคนด้านใน ตอนผัดอาหาร นางพยายามจับด้ามไม้เบาๆแต่ก็ยังเจ็บ
ท่าทางของนางดูไม่คล่องแคล่วเซียวจื่อเซวียนเห็นเข้าพอดี จากนั้นจึงมองผ้าพันแผลในมือเซี่ยยวี่หลัวจู่ๆก็เข้าใจอะไรบางอย่าง
"พี่สะใภ้ใหญ่มือของท่านเป็อะไรไป? " เซียวจื่อเซวียนลุกขึ้นด้วยความใจ้องมองมือของนางที่พันผ้าพันแผลไว้อย่างแ่า
มือของพี่สะใภ้ใหญ่พันผ้าพันแผลไว้ั้แ่หลายวันก่อนแล้วแต่เขาไม่เคยคิดเป็อื่นเลย เพราะพี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าพันผ้าพันแผลไว้มือจะได้ไม่าเ็ง่ายๆ เขาจึงเชื่อตามนั้น
แต่ตอนนี้ มือยังคงเป็มือเดิม ทว่าท่าทางกลับดูเงอะงะไร้พลัง ต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มอ่อน "ไม่เป็อะไรอาจเพราะขุดดินจนมือเจ็บเล็กน้อย ไม่เป็อะไร อีกสองวันก็หายแล้ว! "
เซียวจื่อเซวียนไม่เชื่อ "พี่สะใภ้ใหญ่ท่านแกะออกให้ข้าดู! "
"แกะออกยุ่งยากเดี๋ยวก็ต้องพันไว้อีก ยุ่งยากเกินไป! " เซี่ยยวี่หลัวไม่ยอม
จู่ๆเซียวจื่อเซวียนก็จับมือของเซี่ยยวี่หลัวไว้
"จื่อเซวียน..."
"พี่สะใภ้ใหญ่ท่านแกะออก ให้ข้าดู! " เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและเด็ดขาด
เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่าคราวนี้ไม่อาจปิดบังได้อีกได้แต่ตอบตกลง "เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เ้าดู แต่เ้าห้ามพูดอะไร ห้ามบอกจื่อเมิ่ง! "
เซียวจื่อเมิ่งกำลังเล่นอยู่ภายในห้อง
เซียวจื่อเซวียนพยักหน้าด้วยความหนักแน่น
เมื่อเซี่ยยวี่หลัวแกะผ้าพันแผลออกเซียวจื่อเซวียนจึงเห็นว่ามือเล็กที่เดิมทีเรียวงาม บัดนี้กลับบวมเป่งบนมือเต็มไปด้วยตุ่มน้ำพองเล็กบ้างใหญ่บ้าง บางตุ่มก็แตกแล้วมีเืผสมกับน้ำไหลออกจากฝ่ามือ บางตุ่มยังไม่แตก แต่กลับถูกบีบอัดจนเปลี่ยนรูปอาจแตกได้ทุกเมื่อ
เซียวจื่อเซวียนเห็นแล้วรู้สึกกระวนกระวายใจจับมือของเซี่ยยวี่หลัวด้วยอาการสั่นเทิ้ม
เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่าเด็กคนนี้รู้สึกกลัวจึงรีบชักมือกลับ "ไม่เป็อะไร ผ่านไปสองวันก็หาย! "
เซี่ยยวี่หลัวในอดีตหากมีเส้นผมหลุดร่วงแม้เพียงเส้นเดียวก็ทั้งร่ำไห้ทั้งโวยวายแทบอยากให้คนทั้งโลกได้รู้ แต่ในตอนนี้ มือคู่นี้มีตุ่มน้ำพองขึ้นตั้งมากมายนางกลับเก็บซ่อนปิดบังไม่ให้ใครเห็น ทั้งยังปลอบประโลมเขา
บอกว่าอีกไม่นานก็หาย!
เซียวจื่อเซวียนรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา
จากนั้นจึงพุ่งพรวดออกจากประตูบ้านทันที
เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรจึงะโเรียก "จื่อเซวียนเ้าจะไปไหน" ไม่มีคนตอบนางเขาวิ่งออกไปนานแล้วจนไม่เห็นแม้แต่เงา
เมื่อทำอาหารเย็นเสร็จเซียวจื่อเซวียนจึงกลับมา
ในมือถือหญ้าสมุนไพรไว้กองหนึ่ง
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกอบอุ่นในใจ "เ้าออกไปเก็บสมุนไพรให้ข้างั้นหรือ? "
ท้องฟ้าข้างนอกมืดสนิทแล้ว
เซียวจื่อเซวียนล้างสมุนไพรจนสะอาดจากนั้นจึงสับจนละเอียด "เมื่อก่อนข้าเห็นคนอื่นมีตุ่มน้ำพองขึ้นที่มือก็ใช้หญ้าสมุนไพรชนิดนี้ใช้สองวันตุ่มน้ำก็จะหายไป"
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกอบอุ่นหัวใจยิ่งนัก"ขอบใจเ้ามาก! "
มือของเซียวจื่อเซวียนที่กำลังพันแผลให้เซี่ยยวี่หลัวพลันหยุดชะงักเหมือนจะไม่คาดคิดว่าเซี่ยยวี่หลัวจะขอบคุณเขา เขาช่วยทายาและพันแผลให้นางอย่างรวดเร็วเซียวจื่อเมิ่งะโโลดเต้นเข้ามา
เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้กล่าวอะไร
เซียวจื่อเซวียนนั่งอยู่ด้านหลังเตาไฟเพื่อใส่ฟืนไม่ได้กล่าวอะไรเช่นกัน แต่สายตาของเขาคอยจับจ้องที่มือของเซี่ยยวี่หลัวอยู่ตลอดหากนางจะทำงานหนักอะไร เขาก็จะรีบชิงทำก่อน
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกอบอุ่นอยู่ในใจ
แม้จะเจ็บมือ แต่ในใจกลับอบอุ่นต่อให้เจ็บเพียงใดก็รู้สึกไม่เจ็บแล้ว!
ยังดีที่กำจัดหญ้ารกในที่นาไปหมดแล้วและกลับหน้าดินเรียบร้อย ตอนนี้เหลือเพียงแค่นำถั่วไปหว่านปลูกเท่านั้น
นี่ไม่ถือเป็งานหนัก่สองวันนี้เซียวจื่อเซวียนช่วยทายาที่มือของเซี่ยยวี่หลัวตลอดจึงไม่เจ็บเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
ในที่สุดก็นำถั่วไปปลูกจนหมด
ตุ่มน้ำพองของเซี่ยยวี่หลัวก็หายไปหมดแล้วกำลังค่อยๆตกสะเก็ด ส่วนเซียวเฉิงซานผู้นั้นก็ไม่เคยมาอีกเซียวจื่อเซวียนจึงผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก
ในภายหลังได้ยินมาว่าเขาไปก่อกวนบ้านคนอื่นในหมู่บ้านทั้งกินทั้งดื่มอย่างไร้ยางอายอยู่หลายวัน เซียวจื่อเซวียนจึงโล่งใจ
เซียวเฉิงซานผู้นั้นมีความกล้าเพียงพูดปากเปล่าเท่านั้นเขายังไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่าม
หว่านเมล็ดถั่วเสร็จ ก็ผ่านเดือนสองเข้าสู่เดือนสาม
ตอนนี้เป็่ฤดูฝนพลัม [1] ถ้าไม่ใช่วันฝนตกก็เป็วันฟ้าโปร่งหลังจากวันฟ้าโปร่ง อุณหภูมิก็สูงขึ้นเรื่อยๆ
ผักจี้ช่ายตามท้องนาก็แก่แล้วมีดอกผลิบาน กินไม่ได้แล้ว
เวลานี้แสงอาทิตย์เจิดจ้าสรรพสิ่งตื่นขึ้น สรรพสัตว์ก็ทยอยกันตื่นจากการจำศีลในฤดูหนาวหลังจากทำงานในไร่นาจนเสร็จไปกว่าครึ่ง ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ล่าสัตว์เป็พากันเข้าไปในูเาล่าสัตว์เล็กจำนวนหนึ่งที่ตื่นจากการจำศีลนำกลับมาเป็อาหารที่บ้าน
เซี่ยยวี่หลัวล่าสัตว์ไม่เป็แต่ภพก่อนนางเคยเรียนรู้วิธีการวางกับดัก เพียงแต่เื่อย่างการล่าสัตว์นั้นยากเป็พิเศษ เซี่ยยวี่หลัวจึงไม่ได้คิดไตร่ตรองเื่นี้
นางพาเด็กสองคนเดินไปพลางมองหาไปพลาง ดูว่าบนเขามีผักป่าอะไรที่นำมากินได้บ้างรวมทั้งมองหาปลาในแม่น้ำ
มีแม่น้ำก็มีปลามีปลาก็มีอาหารให้กิน เซี่ยยวี่หลัวไม่เชื่อว่านางมีมันสมองที่เก็บความรู้ต่างๆไว้นับพันนับหมื่นทั้งยังมีมือคู่ที่ขยันขันแข็งมากความสามารถ จะเลี้ยงดูตนเองและเด็กสองคนไม่ได้
เซี่ยยวี่หลัวพาเด็กสองคนเดินขึ้นเขาไป ข้างทางมีใบอ่อนที่กำลังแตกใบใหม่ เซี่ยยวี่หลัวเรียนเกษตรมาเคยค้นคว้าวิจัยด้านพฤกษศาสตร์มามาก แค่กวาดสายตามองดู พืชชนิดใดกินได้ชนิดใดกินไม่ได้แค่มองนางก็รู้อย่างชัดเจน
ต้นไม้ใน่แรกล้วนแต่เป็พวกต้นสนและต้นหวาย กินไม่ได้ หญ้าในบริเวณรอบข้างก็ไม่มีชนิดที่สามารถนำไปทำอาหารได้เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกหดหู่เล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
บนเขาไม่มีเช่นนั้นก็ลองไปหาในแม่น้ำดู
เซียวจื่อเซวียนนำทางอยู่ด้านหน้าพวกเขาเดินตามเส้นทางที่ไม่เคยมีใครเดินผ่านเพื่อเดินไปยังริมแม่น้ำ
เชิงอรรถ
[1] ฤดูฝนพลัม มีอีกชื่อเรียกคือฤดูฝนเอเชียตะวันออก หรือ ฝนเดือนห้าเป็่ที่มีฝนตกชุกและตรงกับ่เวลาในการเก็บลูกพลัม จึงตั้งชื่อว่าฤดูฝนพลัม