ก่อนหน้านี้รอบกายถังเหล่ยปกคลุมไปด้วยปราณแท้พลังยุทธ์ที่ทำให้เขาหนีออกไปไม่ได้
แต่ยามนี้ค่ายกลป้องกันถูกวางเรียบร้อยแล้ว และแผนภาพค่ายกลก็อยู่ในมือของเยียนหลิงซาน ต่อให้ถังเหล่ยทำลายม่านป้องกันรอบกายได้ แต่หากจะทำลายค่ายกลป้องกันจากด้านใน พลังของเขาในตอนนี้คงยากเกินไป
“เ้าจะทำอะไรกันแน่!?”
ถังเหล่ยที่คิ้วขมวดถามขึ้น
“เ้าเป็ศิษย์จากตระกูลเล็ก ไม่มีทางรู้หรอกว่าโลกภายนอกนั้นกว้างใหญ่เพียงใด และคงไม่รู้ด้วยว่าบนโลกใบนี้มีวิชามหัศจรรย์มากมายแค่ไหน แต่วันนี้เ้าโชคดีนักที่จะได้ตายด้วยวิชาต้องห้ามของโลกตงฮวง! ‘วิชากลืนิญญา’ !”
เยียนหลิงซานเหยียดรอยยิ้มชั่วร้าย สายตาที่เขามองถังเหล่ยไม่ต่างกับกำลังมองก้อนเนื้อก้อนหนึ่ง
‘อะไรนะ? วิชากลืนิญญาหรือ? เป็ไปได้อย่างไร!?’
เมื่อถังเหล่ยได้ยินชื่อวิชากลืนิญญา เขาก็ใจหายวาบ
เขารู้จักวิชานี้ดี แต่เขาไม่เชื่อว่ายอดยุทธ์ตัวเล็กๆ คนหนึ่งอย่างเยียนหลิงซานจะรู้จักวิชาต้องห้ามเช่นนี้
สำหรับผู้ฝึกตนนั้นิญญายุทธ์สำคัญมาก ระดับของิญญายุทธ์ที่ปลุกขึ้นมาจะตัดสินการพัฒนาของผู้ฝึกตนในอนาคต
หากคิดจะเพิ่มระดับิญญายุทธ์ภายหลังก็นับว่ายากเย็นแสนเข็ญ ส่วนผู้ฝึกตนที่ปลุกิญญายุทธ์ระดับธรรมดาขึ้นมา ก็ไม่อาจเพิ่มระดับได้อีก
และสมบัติอย่างตะเกียงแก้วเลี้ยงิญญาล้วนอยู่ในมือของยอดฝีมือระดับราชันตง ผู้ฝึกตนตัวเล็กๆ ไม่มีแม้แต่โอกาสได้ััมัน
แต่มีผู้ฝึกตนบางส่วนที่ไม่ยินยอมพร้อมใจ โดยเฉพาะคนที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อย แต่มีความทะเยอทะยานสูง พวกเขาจึงสืบทอดวิชากลืนิญญานี้มา
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าคนคิดค้นวิชากลืนิญญาคือใคร ขนาดถังเหล่ยที่อยู่ในฐานะราชันปรุงยาและบุตรบุญธรรมของราชันตงที่นับว่ามีสถานะสูงส่งในโลกตงฮวง ก็ยังไม่รู้ที่มาของวิชากลืนิญญาแม้แต่น้อย
รู้เพียงว่านี่คือวิชาต้องห้ามที่กระจายไปในโลกนับไม่ถ้วน และราชันตงก็เคยบัญชาคำสั่งห้ามไว้อย่างชัดเจนว่า หากพบผู้ใดใช้วิชากลืนิญญา ก็ให้สังหารได้ทันที
แต่ผู้คนมากมายล้วนมิอาจต้านทานต่อความเย้ายวนของวิชากลืนิญญาได้ แม้กระทั่งในตระกูลใหญ่ ก็มีคนบางส่วนลอบใช้วิชากลืนิญญา ส่วนราชันตงก็ทำได้เพียงหลับตาข้างหนึ่ง
วิชากลืนิญญา หรือเรียกอย่างง่ายก็คือ วิชาลับกลืนกินิญญายุทธ์อย่างหนึ่ง ผู้ฝึกตนที่ใช้สามารถกลืนกินิญญายุทธ์ของอีกคนหนึ่ง และเอามาเพิ่มระดับิญญายุทธ์ของตัวเองได้
วิธีการกลืนกินเช่นนี้อันตรายมาก ผู้กลืนกินจะต้องสะกดผู้ถูกกลืนกินให้นิ่งที่สุด เพราะหากโดนสะท้อนกลับ ิญญายุทธ์ของผู้ที่ใช้วิชากลืนิญญาจะได้รับาเ็
ถึงจะเสี่ยง แต่วิธีการเช่นนี้ก็ทำให้ิญญายุทธ์เพิ่มระดับได้อย่างรวดเร็ว ในเมื่อิญญายุทธ์ของเยียนหลิงซานเป็ระดับิญญาขั้นสูง หากกลืนกินิญญายุทธ์ระดับนภาเข้าไปอีก เช่นนั้นแล้วิญญายุทธ์ของเขาเยียนหลิงซานก็จะเพิ่มเป็ระดับปฐีขั้นกลางได้เป็อย่างน้อย เพราะการเพิ่มความเร็วอย่างน่ากลัวเช่นนี้ จึงทำให้วิชากลืนิญญาถูกสั่งห้าม
ถังเหล่ยคิดไม่ออกว่า ยอดยุทธ์ตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะรู้จักวิชากลืนิญญาได้เยี่ยงไร!?
“ช่างมันเถิด อธิบายกับเ้าไปก็ไร้ประโยชน์ หากวันหน้าข้ากลายเป็ราชันยุทธ์ หรือจ้าวยุทธ์ ข้าต้องไปขอบคุณเ้าในยมโลกแน่”
เยียนหลิงซานหัวเราะลั่น แล้วในมือก็ปรากฏก้อนหินสีดำสี่ก้อน
หินสะกดิญญา
หินชนิดนี้เป็สิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อใช้วิชากลืนิญญา มันสามารถสะกดความสามารถของิญญายุทธ์ในร่างกายผู้ฝึกตนได้ชั่วคราว ยิ่งผู้ฝึกตนพลังต่ำเท่าไหร่ ผลกระทบของหินสะกดิญญาก็ยิ่งมากเท่านั้น
มีบางจักรวรรดิที่ถึงกับเอาหินสะกดิญญามาสร้างเป็ลูกศรไว้ใช้สังหารผู้ฝึกตน
ฟุ่บๆ...
ถังเหล่ยไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ถูกเยียนหลิงซานปาหินสะกดิญญาใส่แขนขาของเขาด้วยพละกำลังมหาศาล
แขนและขาของถังเหล่ยมีหินสะกดิญญาข้างละก้อน เขารู้สึกว่าการเชื่อมต่อิญญายุทธ์ในจุดตันเถียนของตัวเองเบาบางลง
จากนั้นเยียนหลิงซานก็ทำลายปราณแท้พลังยุทธ์ที่ปกคลุมตัวถังเหล่ย
“ให้ความร่วมมือหน่อย ข้าไม่ทำให้เ้าทรมานนักหรอก”
เยียนหลิงซานกล่าวด้วยน้ำเสียงดุร้าย เป้าหมายของเขาคือิญญายุทธ์ของถังเหล่ย ต่อให้ต้องตัดแขนขาของถังเหล่ย ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเขา
ถังเหล่ยรู้ว่าตัวเองในตอนนี้ไร้ซึ่งทางตอบโต้ โอกาสเพียงหนึ่งเดียวคือตอนที่เยียนหลิงซานใช้วิชากลืนิญญา
เยียนหลิงซานคิดมาตลอดว่าิญญายุทธ์ของถังเหล่ยอยู่ในระดับนภา แต่เขารู้ดีว่าิญญายุทธ์ัคชสารในร่างนั้นไม่ใช่แค่เพียงระดับนภา
การกลืนกินิญญายุทธ์ระดับนภากับกลืนกินิญญายุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์เป็อะไรที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และเมื่อเยียนหลิงซานพบว่าตัวเองประเมินระดับิญญายุทธ์ในร่างถังเหล่ยต่ำเกินไป นั่นคือเวลาที่เขาจะเอาคืน!
ถังเหล่ยไม่ได้ขัดขืน เขานั่งลงบนพื้นด้วยสายตาที่มองเยียนหลิงซานอย่างไร้อารมณ์
“ใช่แล้ว ในเมื่อเ้าไม่ต้องทรมาน ข้าก็จะได้ไม่เสียเวลาด้วย”
เมื่อเห็นถังเหล่ยหยุดขัดขืน เยียนหลิงซานก็คิดว่าเขารู้จุดจบของตัวเองแล้ว จึงทำได้แต่เตรียมตัวรอความตาย
เยียนหลิงซานสงบปราณแท้ิญญายุทธ์ในร่างเล็กน้อย ใบหน้าเริ่มปรากฏท่าทีจริงจัง วิชากลืนิญญาหาใช่เื่ล้อเล่น ก้าวผิดก้าวเดียว ทุกสิ่งอาจจะไม่หวนคืนมาอีก
ยังดีที่ถังเหล่ยเป็เพียงระดับผู้ชำนาญยุทธ์ การกลืนกินอาจไม่ยุ่งยากนัก
เมื่อเยียนหลิงซานกินยาไปเม็ดหนึ่ง ปราณแท้ิญญายุทธ์ในร่างก็พุ่งไปถึงจุดสูงสุด แล้วเขาก็ใช้นิ้ววาดไปในกลางอากาศ
ทุกตัวอักษรล้วนเปลืองแรงมาก เพียงเขียนคำว่า ‘กลืน’ ก็เผาผลาญปราณแท้พลังยุทธ์ของเยียนหลิงซานไปมากกว่าครึ่ง
เยียนหลิงซานกินยาเข้าไปอีกเม็ด ซึ่งยาเหล่านี้ล้วนเป็ยาที่เยียนหลิงซานสะสมมาหลายปี ปกติแล้วเขาเก็บรักษามันราวกับสมบัติล้ำค่า แต่ยามนี้กลับเอามากินราวกับเม็ดถั่ว
เยียนหลิงซานรักษาพลังสูงสุดในร่างเอาไว้ตลอดเวลา ก่อนที่จะเขาเขียนคำว่า ‘วิชากลืนิญญา’ สามคำออกมา
ปราณแท้พลังยุทธ์เดิมทีควรจะเป็สิ่งที่ไร้รูปลักษณ์ ทว่าวิชากลืนิญญาทำให้สามคำนี้มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ตัวอักษรที่บิดเบี้ยวขยุกขยิกเหมือนสิ่งมีชีวิตสามตัวลอยอยู่กลางอากาศ
ถังเหล่ยสังเกตเยียนหลิงซานใช้วิชากลืนิญญาโดยไม่กะพริบตา เขามองออกว่าเยียนหลิงซานใช้มันเป็ครั้งแรก เพราะปราณแท้พลังยุทธ์ในร่างเขาเกือบจะไม่พอ
ในร่างของเยียนหลิงซานรักษาปราณแท้เพื่อจับถังเหล่ยเอาไว้อยู่ตลอด เขากลัวว่าถังเหล่ยจะะเิพลังกะทันหัน แต่ถังเหล่ยกลับนั่งอยู่เฉยๆ ตรงนั้น นั่นทำให้เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อย
ถังเหล่ยไม่เหมือนคนที่จะนั่งรอความตาย
แต่ไม่ว่าอย่างไร ‘วิชากลืนิญญา’ สามคำนี้ก็เขียนเสร็จแล้ว
ยากที่เยียนหลิงซานจะหุบยิ้มบนใบหน้าลงได้ ราวกับว่าเขามองเห็นภาพหลังจากที่ตัวเองกลืนกินิญญายุทธ์ของถังเหล่ยจนกลายเป็ระดับราชันยุทธ์แล้ว
งูหลามั์สีม่วงเขียวลอยออกมาจากร่าง และพันรอบแขนของเยียนหลิงซาน จากภายใต้การชี้นำของเขา มันก็ค่อยๆ เลื้อยเข้าไปใกล้คำว่า ‘วิชากลืนิญญา’
เมื่อรอจนงูหลามัักับคำว่า ‘กลืน’ แล้ว วิชากลืนิญญาสามคำก็กลายเป็พลังสายหนึ่งหายเข้าไปในร่างของมัน
ร่างของงูหลามั์เริ่มสั่นไหว เกล็ดหนาแน่นล้วนตั้งชันขึ้นเหมือนว่ามันเ็ป เยียนหลิงซานััได้ถึงแรงกดดันมหาศาล ใบหน้าเขาผุดเหงื่อไหลท่วม
จากนั้นงูหลามั์สีม่วงเขียวอ้าปากพุ่งไปที่ท้องของถังเหล่ย
มันทะลุผ่านร่างกายของถังเหล่ย และส่วนหัวของมันก็เข้าใกล้จุดตันเถียนที่มีิญญายุทธ์ของถังเหล่ยมากขึ้น
งูหลามั์หาได้ลังเลไม่ มันอ้าปากกว้างและเขมือบตันเถียนของถังเหล่ยเข้าไป
ในขณะที่มันคิดจะออกจากร่างของถังเหล่ยนี้เอง ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น