เนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกเหมือนโลกหมุน นี่เธอคลอดลูกชายแบบไหนออกมากันแน่
ใจดำแต่ก็ชอบทำให้เธอซึ้งใจ
“สวัสดีค่ะ ห้องพักของเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวคือที่นี่ใช่ไหมคะ?” ด้านนอกเหมือนจะมีคนกำลังสอบถาม จากนั้นก็ได้ยินเสียงพยาบาลตอบ “ใช่ค่ะ ห้องนี้ค่ะ”
จากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
สิ่งที่ดังตามเสียงเคาะประตูมาก็คือเสียงหัวใจของเนี่ยเซิงเสี่ยว เพราะว่าเสียงนี้…
ตอนที่เนี่ยเซิงเสี่ยวลุกขึ้นไปเปิดประตู เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวก็ยื่นคอออกมาดูด้านนอก สำหรับเด็กเล็กๆ แล้ว เื่ที่มีความสุขที่สุดก็คือตอนที่กำลังป่วยแล้วมีคนมาเยี่ยม มันให้ความรู้สึกเซอร์ไพรส์ อยู่ในที่น่าเบื่ออย่างโรงพยาบาล ถึงจะมีไม้ขีดไฟแค่หนึ่งกล่อง ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถเล่นได้ทั้งวัน
หลังจากเห็นคนที่มาหาแล้ว เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวก็กะพริบตาปริบๆ รู้สึกคุ้นๆ กับคนคนนี้เหมือนเคยเจอมาก่อน แต่ว่าจำไม่ได้ว่าเป็ใคร
เขาหันหน้าไปทางเนี่ยเซิงเสี่ยว หวังว่าเธอจะช่วยอธิบายว่าคุณน้าคนสวยนี้คือใคร แต่กลับเห็นสีหน้าไม่ค่อยดีของเนี่ยเซิงเสี่ยวรวมถึงท่าทางปฏิเสธที่จะเข้าใกล้คนคนนี้ด้วย
ซึ่งน้อยมากที่เนี่ยเซิงเสี่ยวจะแสดงท่าทางแบบนี้ออกมา ขนาดเกลียดป้าเ้าของบ้านมากหรือคนดูแลตึกที่ขี้บ่น เธอก็ไม่เคยแสดงสีหน้ารำคาญแบบนี้ออกมาก่อนเลย ดังนั้นเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวจึงเริ่มแอบต่อว่าน้าคนนี้อยู่ในใจ
“สวัสดีจ้ะเหนี่ยวเหนี่ยว ยังจำน้าได้ไหม? ครั้งที่แล้วที่มาหาพวกหนูที่โรงเรียนอนุบาลพร้อมกับอาเหยียนไงจ้ะ” เจินเนี้ยนวางผลไม้กับของขวัญที่เตรียมมาให้ในมือลงพร้อมกับยิ้มทักทาย
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวนึกขึ้นได้ทันที “อ่อ ใช่แล้ว น้าคือแฟนเก่าของอาเหยียน!”
จินเนี้ยนถูกคำว่า “แฟนเก่า” แทงใจดำจนหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
เนี่ยเซิงเสี่ยวกระแอมออกมาเบาๆ รู้สึกว่าบางทีนิสัยใจดำของลูกชายก็ไม่เลวเหมือนกัน อย่างน้อยก็ไม่ยอมให้คนอื่นมารังแกง่ายๆ
“อา ฮะๆ “ มือของเจินเนี้ยนชะงักไปเล็กน้อย คำพูดเมื่อครู่เธอจะถือว่าเป็คำพูดที่พูดไปเรื่อยของเด็ก ดังนั้นเธอจึงเอ่ยพร้อมรอยยิ้มต่อไป “ได้ยินมาว่าหนูชอบกินส้มจี๊ด นี่เป็ส้มจี๊ดจากทางบ้านเกิดของน้าเลยนะ น้าให้คนส่งมาให้โดยเฉพาะเลย หวานมากด้วย ลองชิมไหมจ๊ะ?” เจินเนี้ยนเพิ่งจะดึงตัวเองออกมาจากความโศกเศร้าได้ แต่หลังจากดึงสติกลับมาได้ทั้งหมดแล้วก็ยังคงคิดว่าคนที่เหมาะสมกับเธอที่สุดก็คือเหยียนจิ่งจื้ออยู่ดี
หรือจะพูดกลับกัน คนที่เหมาะสมกับเหยียนจิ่งจื้อที่สุดก็คือเธอ เธอไม่สนว่าเขาจะมีลูกชายโตขนาดนี้แล้ว แน่นอนว่าในเมื่อมีแล้ว ขอแค่มาคุยกันดีๆ เธอก็ยังสามารถยอมรับได้
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวมองส้มอยู่นาน ในตอนที่เจินเนี้ยนคิดว่าเขาจะรับไปถือไว้ด้วยท่าทางดีใจ เหนี่ยวเหนี่ยวกลับชี้ไปที่ด้านสีเขียวบนผลส้มก่อนจะพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ “ก้านมันจะต้องงอ แถมต้องเป็ก้านที่สดใหม่ ส้มลักษณะนี้ต่างหากที่จะหวาน นี่คือสิ่งที่น้าขอให้คนเอามาให้โดยเฉพาะจริงๆ หรือครับ?”
ไม่เพียงแค่เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวที่สงสัย เนี่ยเซิงเสี่ยวเองก็สงสัย จินเนี้ยนคนนี้ที่ชอบเอาความดีใส่ตัวเอง แต่ก่อนตอนที่ทำการทดลองด้วยกัน เธอยังเขียนแค่ชื่อของเธอคนเดียว ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่เธอซื้อส้มมาให้เหนี่ยวเหนี่ยวโดยเฉพาะ? นั่นเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้เลย
ในที่สุดเจินเนี้ยนก็ล้มเลิกการเอาใจเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยว แล้วคิดอย่างโมโหว่าเด็กนามสกุลเนี่ยคนนี้เหยียนจวิ้นก็คงไม่มีทางให้เขาเข้าตระกูลเหยียนหรอก เธอจึงไม่สนใจเขาแล้ว ตอนที่ลุกขึ้นยืน ท่าทางจึงดุขึ้นมานิดหน่อย “ไม่ชอบกินก็ไม่ต้องกิน”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวพยักหน้า ที่แท้คุณน้าก็ไม่ได้มีความอดทนอะไรมาก ถึงว่าเหยียนจิ่งจื้อถึงไม่เลือกเธอ
เจินเนี้ยนหันไปทางเนี่ยเซิงเสี่ยว “ออกไปกับฉัน มีเื่จะคุยด้วย”
เนี่ยเซิงเสี่ยวไม่ขยับ “คุณเจินไม่รู้จักฉันไม่ใช่หรือคะ? จะมามีธุระอะไรกับฉันได้ละ?” ตอนนี้เธอไม่อยากจะคุยกับหล่อนสักเท่าไร
ถูกงูกัดครั้งหนึ่ง กลัวเชือกในบ่อน้ำไปสิบปีฉันใด ถูกหักหลังไปครั้งหนึ่ง กลัวเพื่อนสนิทไปสิบปีฉันนั้น
“อีกอย่าง คุณช่วยย้อมผมกลับไปเป็สีเดิมด้วยนะคะ อย่าทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีของก็อปปี้เลย” เป็ครั้งแรกที่เนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกว่าตัวเองก็มีด้านที่ปากร้ายแบบนี้ เพียงแต่ตอนนี้เธอควบคุมมันไม่ได้แล้ว
“เธอช่วยประมาณตัวเองหน่อยเถอะ” หน้าของเจินเนี้ยนเองก็หนาพอสมควร หลายปีที่ต้องคอยปิดบังเหยียนจิ่งจื้อว่าเป็แฟนของเขาอยู่ทุกวัน ทำให้หน้าของเธอหนาเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม แถมเธอยังหัวเราะออกมาเสียงเบา “เนี่ยเซิงเสี่ยว ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังปวดหัวกับเื่อะไรอยู่ ฉันมีวิธีนะ ถ้าเธออยากจะฟัง ออกไปข้างนอกแล้วฉันจะบอกเธอ แต่ถ้าไม่อยากฟัง ฉันก็ไม่บังคับนะ”
เจินเนี้ยนพูดจบก็เดินสะบัดผมออกไปด้วยท่าทางเย่อหยิ่งจนเหนี่ยวเหนี่ยวจามออกมา เขาลูบจมูกตัวเองแล้วมองเนี่ยเซิงเสี่ยวด้วยท่าทางน่าสงสาร “เสี่ยวเสี่ยว แม่จะต้องเอาพ่อกลับมานะ”
เนี่ยเซิงเสี่ยวเกือบจะหัวเราะออกมา “พูดอะไรของลูกน่ะ”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวทำท่าทางว่าตนเองไม่ได้ล้อเล่น “ถ้าหากแม่ทำไม่ได้ ผมจะโทรไปหาพ่อ แต่ถ้ายังไม่ได้อีก ผมจะช่วยเอง น้าคนนั้นผมจะจัดการให้เอง!” เขาตบอกเล็กๆ ของตัวเอง
ในขณะเดียวกันก็ถูกเนี่ยเซิงเสี่ยวตบหัวปุปุ “เป็เด็กอย่ายุ่งเื่ของผู้ใหญ่เลย ไปเล่นของเล่นลูกเถอะ”
“ถ้าอย่างนั้น แม่จะออกไปไหม?”
“แน่นอนว่าจะออกไปฟัง เพราะมันเป็เื่ที่เกี่ยวกับสุขภาพของเหนี่ยวเหนี่ยวนี่ เดี๋ยวแม่กลับมานะ” เนี่ยเซิงเสี่ยวพาเขาขึ้นไปนอนแล้วห่มผ้าให้ “เป็เด็กดีนะ ถึงเวลาที่ลูกต้องนอนแล้ว”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวกลับดึงเธอไว้ “แม่ครับ ผมกลัวแม่ถูกหลอก”
“แม่ดูเหมือนคนที่จะถูกหลอกง่ายๆ หรือ?” เนี่ยเซิงเสี่ยวถามเหนี่ยวเหนี่ยวก่อนจะออกไป
จากนั้นเหนี่ยวเหนี่ยวก็โทรไปที่ฮ่องกงทันที พร้อมถามชายหนุ่มปลายสาย “คุณว่าเสี่ยวเสี่ยวจะถูกหลอกง่ายๆ ไหม?”
ก่อนที่จะได้ฟังคำตอบ ผู้ชายที่อยู่ปลายสายก็หันไปกำชับกับผู้ช่วย “จัดตารางนัดให้แน่นขึ้นอีกหน่อย ฉันจะกลับก่อนเวลาที่กำหนด”
“คุณจะกลับมาให้เร็วหรือ?” เหนี่ยวเหนี่ยวถาม
“อืม”
“ทำไมครับ?”
“เพราะว่าเสี่ยวเสี่ยวของพวกเราถูกหลอกง่ายมากน่ะสิ”
โดยเฉพาะถ้ามันเกี่ยวกับคนที่เธอใส่ใจ เดิมทีเหยียนจิ่งจื้อยังอยากจะพูดประโยคนี้เข้าไปด้วย แต่เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวคงจะฟังไม่เข้าใจ
เขาที่เป็ลูกชายของเหยียนจวิ้น เป็จิติญญาของเฉินตง เคยถูกลักพาตัวหรือสร้างเื่ลักพาตัวปลอมๆ ขึ้นมาไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง ทุกครั้งเนี่ยเซิงเสี่ยวก็จะติดกับอย่างง่ายดาย
ตอนนั้นเหยียนจิ่งจื้อจัดปาร์ตี้ มีเพื่อนคนหนึ่งสร้างเื่สมมติมาถามเนี่ยเซิงเสี่ยวว่า “ถ้าหากมีคนบอกว่าเหยียนจิ่งจื้อถูกโยนลงไปในบ่อไฟ เธอจะะโลงไปช่วยไหม?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวลังเล ทั้งๆ ที่เื่นี้ชัดเจนมากว่าเป็เื่โกหกแต่เธอยังลังเล! ตอนนั้นเหยียนจิ่งจื้อคิดว่าจะทำยังไงกับภรรยาซื่อบื้อคนนี้ดี ถึงเขาจะถูกลักพาตัวไป แต่ก็คงไม่ทำเื่ยุ่งยากอย่างการโยนลงบ่อไฟหรอก แค่โดนแทงหนึ่งที ไม่ก็ยิงสักทีก็จบแล้ว
พูดให้ง่ายขึ้นก็คือ ความคิดของเธอธรรมดาถึงแค่ขั้นที่ว่า แค่พิจารณาถึงความปลอดภัยของเขาแค่นั้นเอง
ความจริงแล้วสำหรับวิธีอื่นที่เจินเนี้ยนพูดถึง เนี่ยเซิงเสี่ยวไม่ได้ตั้งความหวังอะไรมาก ที่เธอตามหล่อนออกมาก็แค่อยากจะดูว่าเพื่อนเก่าของเธอยังมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรอีก เธอจะถือเอาเื่นี้มาเป็เื่ตลกในตอนที่เธอกำลังเครียดเื่ตัวเลือกของเหยียนจิ่งจื้อแล้วกัน
เธอไม่ใช่ผู้หญิงใสซื่อที่จะถูกหลอกง่ายๆ โดยไม่พิจารณาถึงสถานการณ์ก่อนเหมือนในอดีตอีกแล้ว แถมเธอยังมีความสามารถในการป้องกันจิตใจสำหรับไว้รับมือกับเจินเนี้ยนอีกด้วย
แต่ในตอนที่หล่อนหยิบรายงานการตรวจชุดหนึ่งมาให้เธอ สมมติฐานที่อยู่บนนั้นน่าเหลือเชื่อถือมากจนเหมือนจะไม่สามารถละเลยได้
“ก่อนอื่น เธอดูก็รู้ถึงความน่าเชื่อถือของผลการตรวจชุดนี้ บนนั้นมีตราประทับของศูนย์โลหิตยืนยันว่ามีคนที่มีไขกระดูกที่เข้ากับเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวอยู่”
เนี่ยเซิงเสี่ยวถือรายงานเอาไว้ทั้งยังสามารถสงบนิ่งอยู่ได้ พร้อมยังสามารถพูดกลับไปเสียงเรียบ “ฉันไม่เชื่อ”
แต่เจินเนี้ยนก็เอ่ยปากออกมาอีก “เื่ที่สอง ฉันมีแรงผลักดันที่จะช่วยเธอ นั่นก็คือจิ่งจื้อ ฉันเคยพูดไปแล้วนี่ว่าฉันรักเขามานาน ไม่น้อยกว่าเธอ แถมยังนานกว่า ลึกซึ้งกว่า หากสามารถช่วยพวกเธอแก้ปัญหาได้ สำหรับเขาแล้วก็ไม่ใช่เื่ที่จะต้องกังวล”
แรงผลักดันนี้ไม่มีปัญหาอะไรเลย เนี่ยเซิงเสี่ยวกำลังยืนอยู่ชายขอบของความสงบนิ่ง
“อีกอย่างนะ เธอควรจะรู้ว่าพวกเธอสองคนไม่มีทางมีชีวิตที่มีความสุขได้อย่างเปิดเผยหรอก เธอทำให้ภรรยาสุดที่รักของลุงเหยียนจวิ้นตาย นั่นเป็ภรรยาที่เขารักมากเท่าชีวิตของเขาเลยนะ นอกจากลุงจะตายแล้ว นั่นแหละ ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่มีทางได้อยู่กับจิ่งจื้อหรอก”
พูดจบเจินเนี้ยนก็หัวเราะ “หรือเธอจะบอกว่า เธอสนใจแค่ความสุขที่จะได้อยู่กับจิ่งจื้อโดยที่ไม่สนใจความปลอดภัยของครอบครัวเนี่ยอย่างนั้นหรือ?”