ติดแต่ว่าตอนกลับไปนางจะบอกกับหั่วอี้อย่างไร? หลิ่วจิ้งถูกขนาบด้วยความลำบากใจทั้งหน้าทั้งหลัง
“เห็นทีว่าฮูหยินคงลำบากใจยิ่ง”หลานตงมองความรู้สึกของหลิ่วจิ้งออก
“เ้าค่ะคุณชาย ข้าคิดอยากช่วยท่าน ทว่าสำหรับข้าแล้ว สร้อยข้อมือชุดนี้เป็เครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวที่ข้ามีแต่ข้าก็มองออกว่ามันมีความหมายที่ไม่ธรรมดากับคุณชายเพียงแต่ของนี้เป็สามีข้ามอบให้ หากขายให้คุณชายยามกลับไปข้าก็ไม่อาจอธิบายกับสามีได้จริงๆ”
หลิ่วจิ้งลังเลและเอ่ยถึงความกังวลของนางให้เขารู้นางรู้อยู่เต็มอกว่านี่เป็ของกำนัลชิ้นแรกที่หั่วอี้มอบให้นางย่อมเป็ของที่มีความหมายไม่ธรรมดาและนางเองก็รักใคร่สร้อยข้อมือเส้นนี้ไม่เบาเช่นกัน
“ฮูหยิน ไม่ได้นะเ้าคะ” อวี้จิ่นมองออกว่าหลิ่วจิ้งอยากขายสร้อยข้อมือให้เขาจึงรีบเอ่ยทัดทาน
ตอนนี้ฮูหยินและท่านแม่ทัพกำลังทำาเย็นกันอยู่หากท่านแม่ทัพรู้ว่าฮูหยินไม่ยินดียินร้ายกับน้ำใจของเขาระหว่างพวกเขาสองคนก็จะต้องเกิดสายน้ำกว้างที่ไม่อาจข้ามหากันได้
อวี้จิ่นเห็นว่าหลิ่วจิ้งยังคงมีท่าทีลังเล จึงโน้มตัวไปกระซิบข้างหูอีกฝ่ายโดยไม่สนใจว่าจะเสียมารยาท“ฮูหยิน โปรดตรึกตรองให้ดีนะเ้าคะ คืนวานท่านแม่ทัพถึงกับคิดจะสังหารท่านอย่าไปยั่วโทสะท่านแม่ทัพอีกเป็อันขาดเลยเ้าค่ะ”
อวี้จิ่นนึกว่าเสียงนางเบาพอจนไม่มีใครได้ยินนอกจากหลิ่วจิ้งแต่นางลืมไปว่าใต้หล้านี้ยังมีคนที่มีกำลังภายในล้ำลึกอยู่และหลานตงที่นั่งอยู่ตรงหน้าพวกนางก็คือคนชนิดนี้คำพูดแสนบางเบาของนางล้วนอยู่ในหูของหลานตงครบถ้วนกระบวนความ
เมื่อหลานตงได้ยินอวี้จิ่นเอ่ยถึง ‘ท่านแม่ทัพคิดจะสังหารท่าน’ คิ้วละเอียดเรียงตัวงามอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนของเขาก็เลิกขึ้นสัญชาตญาณบอกเขาว่าการจะได้สร้อยข้อมือเส้นนี้กลับคืนมาเป็เื่ที่ยากยิ่งกว่ายากเสียแล้ว
อวี้จิ่นกลับไม่รู้ว่าหากไม่เอ่ยถึงเื่เมื่อคืนนั้นยังดีแต่มาเอ่ยถึงเื่แทงใจดำหลิ่วจิ้งเอาในเวลานี้ ดวงตาของนางจึงเต็มไปด้วยภาพแววตาแดงก่ำของหั่วอี้ที่นางเห็นเมื่อคืนนางเชื่อว่าชั่วอึดใจนั้น ชีวิตของนางในสายตาของหั่วอี้ช่างบอบบางดั่งมดแมลงหรือยังไม่มากเท่านั้นด้วยซ้ำ
ประสบการณ์ร้ายเมื่อคืนจุดไฟโทสะของหลิ่วจิ้งขึ้นมา หั่วอี้ในเมื่อท่านไม่มีมนุษยธรรมกับข้า ก็อย่าโทษที่ข้าไม่รักษาน้ำใจท่านนางแย้มยิ้มงดงาม ดั่งลมวสันต์โชยผ่านหัวใจของหลานตง นำพาความหวังมาสู่เขา
หลิ่วจิ้งยิ้มพลางเอ่ยกับหลานตงว่า “คุณชายหลาน สุภาพชนไม่่ชิงของรักผู้ใดสำหรับคุณชายหลานแล้วสร้อยข้อมือนี้เป็ของล้ำค่า แต่สำหรับข้ากลับเป็เพียงเครื่องประดับชิ้นหนึ่งเท่านั้นคนหนึ่งสำคัญคนหนึ่งไม่สำคัญ เื่นี้ข้ารู้อยู่แก่ใจเชิญคุณชายว่าราคามาเถิดเ้าค่ะ”
“ฮูหยินเ้าคะ” อวี้จิ่นร้องอย่างใฮูหยินโดนวางยาจนหน้ามืดตามัวเสียแล้ว ยอมขายสร้อยข้อมือให้ก็ยังแล้วไปยังให้คนซื้อเป็คนเสนอราคาอีก ใครเขาทำการค้ากันเช่นนี้
หลิ่วจิ้งหันหน้าไปถลึงตาใส่อวี้จิ่นเป็การบอกให้นางอย่ามากเื่อีก
อวี้จิ่นร้อนใจไปก็เปล่าประโยชน์ เมื่อจนด้วยเกล้าแล้วจึงได้แต่ยืนดูพวกเขา
หลานตงแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เขาได้ยินข่าวดีนี้มาอย่างฉับพลันเกินไป และเกินจากที่เขาคาดเอาไว้มาก
“ฮูหยินพูดจริงหรือขอรับ ขอฮูหยินไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนอีกครั้งท่านและข้าได้พบกันโดยบังเอิญ หาวันหน้าฮูหยินเปลี่ยนใจอยากตามหาข้าก็จะหาไม่พบแล้ว”
“ว่าราคาเถิด” หลิ่วจิ้งเอ่ยอย่างหนักแน่นนางจะต้องตั้งตัวเป็ปรปักษ์กับหั่วอี้ บุรุษที่เห็นนางไร้ตัวตนนางไม่เอาก็ไม่เห็นเป็ไร และยิ่งจะไม่ไปสอพลอประจบเขา คนไร้หัวใจพรรค์นั้นนางไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะสนใจสร้อยข้อมือเล็กๆ เส้นนี้ แม้แต่คนก็ยังไม่สนใจมาสนใจสิ่งของไร้ชีวิตแล้วจะมีความหมายใด
“ขอบคุณฮูหยิน”แม้จะมีคำพูดนับพันนับหมื่นแต่หลานตงกลับทำได้เพียงกลั่นออกมาเป็เป็ตัวอักษรสี่ตัวง่ายๆนี้เท่านั้น
“ฮูหยินโปรดขยับหูเข้ามา” หลานตงโน้มตัวไปที่ข้างหูหลิ่วจิ้งใช้เสียงบางเบาที่สุดเอ่ยว่า “ขอบคุณที่ฮูหยินยอมตัดใจจากของรักเพื่อเป็การตอบแทนที่ฮูหยินช่วยเหลือข้าจะซื้อสร้อยข้อมือเส้นนี้ของฮูหยินด้วยราคาหนึ่งพันตำลึงทองนี่เป็ของประกันที่สามารถไปเบิกเงินที่ห้างเงินตราใหญ่ๆ ได้ทุกเมื่อทุกแห่ง”
หลานตงว่าพลางล้วงกำไลข้อมือวงหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ เสียง ‘แกรก’ ดังหนหนึ่งมันก็ถูกสวมที่ข้อมือของหลิ่วจิ้งแล้ว
“ยามไปเบิกเงินจะต้องใช้ร่วมกับรหัส นี่คือวิธีที่จะได้รหัส”หลานตงกระซิบที่ข้างหูของหลิ่วจิ้งด้วยเสียงที่ไม่อาจเบาไปกว่านี้ได้
“ต้องจำเอาไว้” หลานตงพูดจบก็มองหลิ่วจิ้งอย่างถี่ถ้วน
หลิ่วจิ้งพยักหน้าหงึกหงักเหมือนเครื่องจักรกล นางเป็คนที่มีความสามารถมองผ่านตาจำไม่ลืมมาแต่เล็กรหัสเหล่านี้มองดูยาก แต่กลับหาวิธีจดจำได้แต่ที่นางนิ่งอึ้งไปก็คือราคาที่หลานตงเอ่ยออกมาต่างหาก หนึ่งพันตำลึงทองเชียวนะไม่ใช่เงินแต่เป็ทองคำเป็ทองคำเหลืองอร่ามเป็ประกายที่ทำให้แสบตาจนตาบอดได้แบบนั้น เมื่อมีเงินก้อนนี้วันคืนที่นางจะได้แก้แค้นก็ใกล้เข้ามาอีกนิดแล้ว
หลิ่วจิ้งรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อนางเอานิ้วแตะน้ำชาบนโต๊ะแล้วเขียนอักษรสองตัว ‘ทอง พัน’ แล้วมองไปที่หลานตง
หลานตงมองอักษรที่นางเขียน พยักหน้าน้อยๆให้นางเป็การบอกว่าไม่ผิดแต่อย่างใด ลมวูบหนึ่งพัดให้คราบน้ำชาแห้งเหือดไปหมดคล้ายไม่เคยเกิดเื่ใดขึ้นมาก่อน
หลิ่วจิ้งยังอยากเอ่ยบางสิ่ง แต่กลับถูกหลานตงยับยั้งเอาไว้“ฮูหยินโปรดรับเอาไว้เถิดขอรับ สำหรับข้าแล้วสิ่งของเหล่านี้เป็สิ่งไร้ชีวิตแต่สร้อยข้อมือเส้นนี้กลับเป็สมบัติที่หาค่ามิได้ ไม่ว่าเงินทองมากมายอีกสักเท่าใดก็ไม่อาจทัดเทียบไม่จำเป็ต้องหารือเื่นี้กันอีก ฮูหยินยอมเ็ปตัดใจจากของรักข้าย่อมต้องมอบของกำนัลชิ้นงามแก่ท่าน”
“ไม่ทราบว่าฮูหยิน้าใช้วิธีอื่นไปเบิกเงินก้อนนี้หรือไม่เพราะอย่างไรพวกเราก็เพิ่งได้พบกันหากฮูหยินรู้สึกเคลือบแคลงว่าของประกันชิ้นนี้จะเบิกเงินได้หรือไม่ข้าก็สามารถเข้าใจได้”หลานตงเอ่ยความกังวลในใจของอวี้จิ่นออกมาอย่างเข้าใจความคิดผู้คน
อวี้จิ่นเห็นว่าหลิ่วจิ้งตั้งใจขายสร้อยข้อมือเป็แน่แท้แล้วก็เกิดร้อนใจขึ้นมาอีกว่าจะได้รับเงินอย่างราบรื่นหรือไม่หากของประกันที่คนผู้นี้ให้มาไม่อาจเบิกเงินได้ และเขาก็เอาสร้อยข้อมือหนีไปก่อนแล้วเช่นนั้นหลิ่วจิ้งก็มิใช่ว่าสูญเงินเสียของไปทั้งคู่หรอกหรือ
“ไม่จำเป็ ข้าเชื่อใจคุณชายหลาน” หลิ่วจิ้งเอ่ยเบาๆคำหนึ่งถือเป็การตอกตะปูปิดฝาโลง
นางตัดสินใจจะวางเดิมพันสักตั้งเดิมพันความเชื่อใจที่นางมีต่อหลานตงหากแพ้นางก็จะสูญเสียแค่สร้อยข้อมือเส้นหนึ่งเท่านั้น แม้จะบอกว่าราคาของมันไม่ธรรมดาก็ตาม
“ฟั่นเฟือน ฟั่นเฟือนโดยแท้ หนึ่งพันตำลึงทองแลกกับสร้อยข้อมือหนึ่งเส้นนี่หรือ”ความสนใจของหลิ่วจิ้งยังคงอยู่กับเื่นี้ นางอดเสียดายเงินแทนหลานตงมิได้
“ฮูหยิน นี่คือที่อยู่ของข้าในเมืองหลวง หากวันหน้าฮูหยินมีเื่ใด้าให้ช่วยสามารถไปหาข้าได้ทุกเมื่อ” หลานตงให้ที่อยู่ของเขากับหลิ่วจิ้ง
หลิ่วจิ้งหยิบขึ้นมาดู เห็นว่าเป็ ‘สำนักแพทย์หลาน’
“คุณชายเป็หมอ” หลิ่วจิ้งมองที่อยู่พลางเอ่ยปากถาม
หลานตงยิ้มพยักหน้าให้หลิ่วจิ้ง กล่าวว่า“หลานตงขอขอบคุณฮูหยินอีกครั้งที่ตัดใจจากของรัก ข้ารบกวนเวลาฮูหยินมามากแล้วโปรดให้หลานตงขอตัวลา วันหน้าหากฮูหยินมีเื่ใด้าหาหลานตงหลานตงจะต้องยื่นมือช่วยเหลือเป็แน่ขอรับ”
หลานตงพูดจบก็ลุกขึ้นเรียกเสี่ยวเอ้อร์มาเก็บเงินแล้วจากไป
“ฮูหยิน” หลานตงก้าวเท้าหน้าออกพอขยับเท้าหลังตามอวี้จิ่นก็เดินมาข้างๆ หลิ่วจิ้งพลางอุทานใส่อีกฝ่ายด้วยความโกรธแม้แต่นางก็ยังร้อนใจแทนฮูหยิน ไม่รู้ว่าพอกลับไปท่านแม่ทัพจะจัดการเช่นใดกับเื่นี้บ้าง?
หลิ่วจิ้งจะมีแก่ใจไปสนความขุ่นเคืองของอวี้จิ่นที่ใดนางยังคงดื่มด่ำอยู่กับลาภลอยนี้ ยังคงปรับตัวรับไม่ทัน ในเวลาเพียงสั้นๆด้วยสร้อยข้อมือเส้นเดียวก็ได้ทองคำถึงหนึ่งพันตำลึงมา
หากมิใช่เพราะนางไร้แรงกำลังปกป้องตนเอง นางก็สามารถย้ายออกไปซื้อจวนใหม่อยู่เองได้แล้ว
พักใหญ่จากนั้น นางถึงได้ยินเสียงบ่นของอวี้จิ่น
เฮ้อ เวรกรรมแท้ๆ เหตุใดสาวใช้แต่ละคนถึงได้จุกจิกกวนใจขนาดนี้นางนึกไม่ถึงว่ายามอวี้จิ่นร่ำรี้ร่ำไรขึ้นมากลับสาหัสยิ่งกว่าอิ๋งเหอเสียอีก“อวี้จิ่น เ้าวางใจเถิด ข้าย่อมมีวิธีรับมือกับเื่นี้”
หลิ่วจิ้งบอกไปคำหนึ่งให้อวี้จิ่นสงบใจลงเสีย
_____________________________
