ฉินอวี่รู้สึกเพียงว่าภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เปลี่ยนไปอย่างมาก หากจะบอกว่าเนินเป็ที่รกร้าง ในวิชาค่ายกลบังตาก็เป็ดินแดนแห่งความฝัน เช่นนั้นแล้วสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็คงเป็นรก
ก่อนที่เขาจะมองเห็นบริเวณโดยรอบได้ชัดเจน เขากลับได้กลิ่นเืที่แรงมากเป็อันดับแรก เมื่อเขาเห็นกองกระดูกที่อัดแน่นอยู่ตรงหน้า หัวใจของฉินอวี่ก็เต้นอย่างรวดเร็ว
พื้นที่แห่งนี้เป็พื้นที่สีม่วงอ่อน มีสายฟ้าแลบอยู่เหนือท้องฟ้าเป็ระยะๆ มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นในอากาศ ฉากที่อยู่โดยรอบเป็เหมือนสนามรบโบราณแห่งหนึ่ง ผืนแผ่นดินเต็มไปด้วยหลุมบ่อ กระดูกปรากฏอยู่ทุกหนแห่ง มีกระบี่ที่หักหล่นอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ในซากศพเหล่านี้มีร่างอสูรร้ายขนาดใหญ่อยู่เป็จำนวนมาก มองไปคล้ายูเาขนาดใหญ่ลูกหนึ่ง และมีบางส่วนซึ่งฉินอวี่ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเช่นกัน กองซากศพจำนวนมากเหล่านี้ส่วนมากแล้วเหลืออยู่เพียงกระดูกเท่านั้น แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เืเนื้อยังไม่เน่าเปื่อยสลายไป
เมื่อนึกถึงวานราที่ตายอยู่ในส่วนลึกของแดนสุสานอสูร ฉินอวี่ก็มั่นใจได้ว่าวานราจะต้องหนีออกไปจากที่แห่งนี้ สุดท้ายจึงไปสิ้นลมอยู่ตรงเนินเขา
“อสูรเจิ้นกู่?” ฉินอวี่หวนนึกถึงคำบนแผ่นศิลาที่ไม่สมบูรณ์และบนป้ายที่แตกหักอย่างถี่ถ้วน แผ่นศิลาที่สมบูรณ์จะต้องมีมากกว่าคำสามคำนี้แน่นอน แต่คิดแล้วคิดอีกก็ยังไม่พบเบาะแสอะไร เมื่อมองไปที่หลิงเหยาซึ่งกำลังเดินมาอย่างช้าๆ บนกองกระดูก ฉินอวี่จึงเดินตามไปอย่างต่อเนื่อง
ประมาณหนึ่งชั่วยามต่อมา
ฉินอวี่ยืนอยู่บนศีรษะของสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ และมองไปเบื้องหน้าด้วยความใ ถึงแม้ว่าเขาจะมีความรู้มากมายในชาติภพก่อนหน้านี้ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
เขากำลังมองเห็นกองกระดูกขนาดใหญ่ที่กองกันเป็ูเาั์ ในระยะที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ูเาแห่งนี้มีความสูงเกือบสามร้อยจ้าง เมื่อมองไปจากระยะไกลดูเหมือนดูเหมือนเป็เสาขนาดั์ที่กำลังแบกรับฟ้าดินอยู่ เหนือูเากระดูกขึ้นไปคือเปลวเพลิงสีม่วงขาวที่กำลังส่องแสงสว่างสาดส่องไปในพื้นที่ซึ่งเหมือนแดนนรกแห่งนี้
ในความคลุมเครือ สามารถมองเห็นได้ว่าเปลวไฟนี้มีสีม่วงเป็แกนและมีสีขาวเป็เปลวไฟ มีสายฟ้าแลบขึ้นเป็ระยะอยู่กลางเปลวเพลิงนั้น และรวมเข้าเป็หนึ่งเดียวสู่เปลวไฟสีม่วง ส่งเสียงฟ้าร้องเบาๆ ดังออกมา
“นี่... นี่มัน... อสุนีบาตคือหัวใจ อัคคีแห่งฟ้าดินคือเปลวเพลิง นี่คือเพลิงอสุนีหรือ?” ฉินอวี่มองขึ้นไปยังสายฟ้าที่อยู่บนท้องฟ้า และสูดลมหายใจเข้า เมื่อรู้สึกได้ถึงเสียงฟ้าร้องเบาๆ ในอากาศ ฉินอวี่ก็ประหลาดใจอย่างมาก
เพลิงอสุนี เป็สิ่งที่เขาเคยได้ยินมาจากตำราโบราณ แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้พบเห็นเพลิงอสุนีที่นี่!
เงื่อนไขในการเกิดขึ้นของเปลวไฟชนิดนี้มีความรุนแรงมาก จะต้องเป็สถานที่ซึ่งมีพลังแห่งสายฟ้ารุนแรงที่สุดเท่านั้นจึงจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้อย่างน้อยนิด ส่วนจะกำหนดเฉพาะเจาะจงไปอย่างไร เป็สิ่งที่ฉินอวี่ก็ไม่อาจรู้ได้
อย่างไรก็ตาม ตามบันทึกโบราณ อสุนีบาตจัดเป็วัตถุพลังหยาง มีฤทธิ์พลังที่วุ่นวาย สามารถปรามอสูรปีศาจในโลกได้ และเพลิงอสุนีนั้นก็คือการเปลี่ยนแปลงขั้นสูงสุดของพลังแห่งอสุนีบาต
เดี๋ยวนะ...
หรือว่า... เพลิงอสุนีปรากฏขึ้นที่นี่เพื่อปราบปรามอสูรที่แข็งแกร่งบางตัว?
เมื่อนึกถึงคำที่อยู่บนแผ่นศิลา ฉินอวี่ก็รู้สึกขนลุกเป็กังวลอย่างมาก และเขามั่นใจยิ่งนักว่าต้องมีอสูรที่น่ากลัวอยู่ในที่แห่งนี้ และถูกสะกดไว้ด้วยเพลิงอสุนี
เมื่อมองไปที่หลิงเหยาซึ่งกำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ฉินอวี่ก็ะโลงไปทันที และไล่ตามอย่างสุดกำลัง
จะต้องเป็เสียงวิถีห้วงมรณะของอสูรร้ายที่ถูกสะกดไว้ซึ่งสะท้อนกับร่างแท้แห่งเต๋าโดยกำเนิดของหลิงเหยา หากอสูรตัวนี้ได้ดูดซับพลังจากร่างแห่งเต๋าของหลิงเหยา เกรงว่าแม้แต่เพลิงอสุนีก็คงยากที่จะสะกดมันไว้ได้ ถึงตอนนั้น ทั่วทั้งแดนัหลับใหลอย่างซิงเฉินแห่งเมืองนภาชิงเหลียนก็คงต้องจบสิ้น
“หลิงเหยา ฟื้นสิ!” ฉินอวี่คว้าตัวหลิงเหยา พร้ะโกนเสียงดัง แต่ทันทีที่เขาเหยียดมือออก เขาก็ถูกพลังปราณในร่างกายของหลิงเหยาผลักกระเด็นออกไปทันที
“ควรทำอย่างไรดี?” ฉินอวี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ด้วยระดับการฝึกฝนของเขาไม่มีทางหยุดหลิงเหยาได้เลย
หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย ฉินอวี่ก็รีบตรงไปที่ด้านหน้าของูเากระดูก
ในเมื่อมีเพลิงอสุนี แม้ว่าจะมีจอมอสูรที่ไร้เทียมทานถูกสะกดเอาไว้จริง แต่อสูรตนนี้ก็คงจะอยู่ในข้อจำกัดในทุกที่ ดังนั้น ฉินอวี่จะมีโอกาสที่จะเคลื่อนไหวได้
หนึ่งชั่วยามผ่านไป
ฉินอวี่ปีนขึ้นไปบนยอดเขากระดูก ซึ่งมีที่ราบว่างขนาดใหญ่อยู่บนยอดเขา
ใจกลางที่ราบว่างนั้นมีโครงกระดูกอยู่ห้าโครง ใจกลางโครงกระดูกนั้นมีเจดีย์ทองสัมฤทธิ์ขนาดเล็กที่สูงเท่าผู้ใหญ่หนึ่งคนอยู่ชิ้นหนึ่ง เจดีย์นั้นมองดูแล้วมีความแปลกเป็พิเศษ ประกอบด้วยการรวมตัวกันของรอยฝ่ามือทองสัมฤทธิ์อย่างหนาแน่น หากมองให้ดีจะพบว่ารอยฝ่ามือเหล่านี้ก็เกิดจากการรวมตัวของรอยฝ่ามือขนาดเล็กกว่าจำนวนนับไม่ถ้วน! รอยฝ่ามือเหล่านี้เปล่งแสงสีทองส่องสว่าง ราวกับระฆังทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่ปกคลุมทั่วพื้นที่!
จากนั้นัสายฟ้าสีม่วงเข้มที่มีความยาวหลายจ้างได้พันรอบเจดีย์นั้นทันที หัวัจมเข้าไปในเพลิงอสุนี กล่าวได้ว่า แก่นของเพลิงอสุนีคือัสายฟ้าตัวน้อยนี้!
เมื่อมองผ่านรอยฝ่ามือทองสัมฤทธิ์และัสายฟ้าสีม่วง ฉินอวี่มองเห็นร่างที่ปรากฏขึ้นในเจดีย์ทองสัมฤทธิ์ได้อย่างเลือนราง
เมื่อฉินอวี่จ้องไปที่เจดีย์ทองสัมฤทธิ์ขนาดเล็ก ฉินอวี่ก็ขนลุกไปทั่วร่างในทันที เขามองไปยังเงาร่างนั้นด้วยความหวาดกลัว ราวกับว่าเขาสามารถรู้สึกได้ถึงสายตาสองสายที่กำลังจ้องมองเขาผ่านรอยมือทองสัมฤทธิ์
ใบหน้าของฉินอวี่ซีดเผือด ในใจของเขาฉินอวี่รู้สึกใเป็อย่างยิ่ง
คนผู้นี้เป็ผู้แข็งแกร่งระดับไหนกัน? ถูกสะกดเอาไว้ที่นี่เป็เวลาหลายปี ยังมีชีวิตอยู่อีกหรือ?
ฉินอวี่เหลือบมองโครงกระดูกทั้งห้าและใขึ้นอย่างมาก และเกรงว่าทั้งห้าคนนี้ ล้วนแต่ถูกเสียงสะท้อนจากเสียงวิถีห้วงมรณะ และจุดจบของหลิงเหยาก็อาจจะเป็เหมือนคนทั้งห้าคนนี้
ฉินอวี่หันศีรษะมองไปที่หลิงเหยาซึ่งยังคงอยู่ห่างออกไปหนึ่งพันจ้าง เปลือกตาของเขาลดลงเล็กน้อย จิตใจสงบลง ทันใดนั้น เขาก็มองเห็นรอยเท้าขนาดั์ที่อยู่ตรงหน้า รอยเท้าขนาดนี้เดินตรงไปที่ระฆังทองสัมฤทธิ์ขนาดเล็กนั้นทีละก้าวๆ
เมื่อมองไปยังฝีเท้าเบื้องหน้า ฉินอวี่ก็นึกไปถึงวานราที่ตายไปแล้ว และปล่อยใจล่องลอยไปกับความคิดเ่าั้ เขารู้สึกอย่างคลุมเครือว่ารอยเท้านั้นน่าจะเป็ของวานราที่ทิ้งเอาไว้ เมื่อมองจากรอยเท้าที่ลึกลงไปแล้ว ขณะที่วานราตัวนั้นกำลังมุ่งหน้าไปยังเจดีย์ทองสัมฤทธิ์ดูเหมือนมันจะถูกแรงกดดันบางอย่างที่ยิ่งใหญ่บังคับไว้
แต่...
เมื่อยืนอยู่ตรงนี้ ฉินอวี่รู้สึกถึงความกดดันนั้นเพียงเล็กน้อย หรือแทบจะไม่มีอยู่เลย
หรือเป็เพราะระดับการฝึกฝน?
จะเป็ไปได้หรือไม่ว่า ยิ่งมีระดับการฝึกฝนที่สูงขึ้น แรงกดดันที่เกิดขึ้นก็จะหนักหน่วงตามไปด้วย? วานราตัวนั้นอยู่ในระดับเขตแดนเต๋า ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทำอะไรได้เลยเมื่ออยู่ที่นี่!
หากเป็เช่นนี้...
ฉินอวี่คิดอย่างรวดเร็วในใจ และมองไปที่หลิงเหยาจากด้านหลัง รู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ในใจ ระดับการฝึกฝนของหลิงเหยาสูงส่งกว่าเขาอยู่มาก จึงไม่มีทางขัดขวางไว้ได้อย่างแน่นอน ดังนั้น สิ่งเดียวที่เขาจะสามารถช่วยหลิงเหยาได้คือการทำลายเจดีย์ทองสัมฤทธิ์นั่นเสีย!
แม้จะใช้เพลิงอสุนีก็ไม่อาจทำลายได้ ทำได้เพียงระงับไว้เท่านั้น เขาจะทำลายล้างได้อย่างไร?
“เดี๋ยวนะ เพลิงอสุนีนี้... ก็คือพลังสูงสุดของฟ้าดินชนิดหนึ่งใช่หรือไม่? และยังเป็วัตถุพลังหยาง?” ฉินอวี่จ้องไปที่ัสายฟ้าตัวเล็กๆ ก่อนจะหวนนึกถึงเมล็ดพันธุ์คืนชีพ
“เมล็ดพันธุ์คืนชีพต้องดูดซับพลังสูงสุดแห่งฟ้าดิน ก่อนที่จะสามารถคืนชีพกลับมาเกิดได้... แต่พลังสูงสุดแห่งฟ้าดินนั้นหาได้ยากยิ่ง หากจะได้พบเจอคงต้องอาศัยความโชคดีอย่างมาก หากไม่เก็บสะสมไว้ในครั้งนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหนในอนาคต” ฉินอวี่ลังเล
วานราตัวนั้นคงตายไปหลังจากัักับเพลิงอสุนี แล้วหากคนที่มีระดับการฝึกฝนอย่างตนเองจะต้องพบเจอบทสรุปเช่นไร?
ฉินอวี่หันศีรษะและมองลงมาอีกครั้ง จึงพบว่าหลิงเหยากำลังปีนขึ้นไปบนูเากระดูกแล้ว!
เขาไม่มีเวลามากพอที่จะคิดอีกแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ฉินอวี่ก็กัดฟันและก้าวไปข้างหน้าอย่างลองเชิง และเมื่อเขายิ่งเข้าไปใกล้เจดีย์ทองสัมฤทธิ์มากขึ้นเท่าใด ภาพในเจดีย์นั้นก็เริ่มปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ
ในท้ายที่สุด ฉินอวี่ก็ขนลุกไปทั้งตัว เขาค่อนข้างจะมั่นใจอย่างมากว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจ้องมองเขา
ในขณะนั้น ฉินอวี่ก็รู้สึกได้ถึงความกดดันที่เพิ่มขึ้นในทันที และความรวดเร็วของเขาก็เริ่มมีความยากมากขึ้นเรื่อยๆ
ครึ่งชั่วยามต่อมา
เจดีย์ขนาดเล็กอยู่ห่างจากฉินอวี่ไปไม่ถึงสิบจ้าง และหลิงเหยาก็ได้ปีนขึ้นไปบนูเากระดูกแล้ว
ัสายฟ้าที่มีหัวเป็แก่นเปลวเพลิง และภาพลวงตาที่มีพลังกดดันนั้นดูเหมือนจะมีปฏิกิริยาขึ้นมา ลืมตาขึ้นอย่างดุเดือด ดวงตาของันั้นจ้องไปยังหลิงเหยา และส่งเสียงร้องของัออกมา เสียงของความผันผวนได้ปรากฏขึ้นในจิตใจของฉินอวี่ “หยุด...”
ในเวลาเดียวกัน ภาพลวงตาก็เริ่มเป็จริงขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ และกลายเป็ดั่งเงาร่างในชุดคลุมสีดำร่างหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่กลางเจดีย์ มองเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายคู่หนึ่งกำลังจ้องมองหลิงเหยาอย่างช้าๆ ด้วยความตื่นเต้น
ตามที่ฉินอวี่ได้คาดเอาไว้ ยิ่งระดับการฝึกฝนสูงมากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งกดดันมากขึ้นเท่านั้น ฝีเท้าของหลิงเหยาเริ่มช้าลงอย่างเห็นได้ชัด และมีความเร็วที่ช้ากว่าฉินอวี่อยู่มาก
ฉินอวี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองไปที่ัสายฟ้า และกระซิบเบาๆ “ผู้าุโ ข้าไม่อาจขัดขวางได้!”
“ยืมมือ... ของเ้า ัั... เืของอสูร อย่าปล่อยให้... เขาได้ดูดซับพลังแก่นเซียนเป็อันขาด... ปัญหาใหญ่!” ความผันผวนได้ดังขึ้นอีกครั้ง
ฉินอวี่ใ และรู้สึกประหลาดใจเป็อย่างมาก
มีเือสูรอยู่ในเจดีย์หรือ? เืหยดหนึ่งสามารถระงับไว้ด้วยเพลิงอสุนีหรือ?
อสูรตนนี้น่ากลัวระดับไหนกันนะ?
และัสายฟ้า้ากำจัดหยดเือสูรด้วยมือของตนเอง เช่นนั้นแล้ว... เมล็ดพันธุ์คืนชีพจะสามารถดูดซับพลังอสุนีบาตได้จริงหรือไม่?
ขณะที่ฉินอวี่กำลังลังเล หลิงเหยาก็เร่งความเร็วขึ้นอย่างมาก และเร่งตามไปอย่างแข็งขัน
ฉินอวี่ใขึ้นเล็กน้อย เมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันอันทรงพลังของเือสูร ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
“เร็วเข้า!” เสียงของัสายฟ้าแหลมคมดังขึ้นอย่างถี่กระชั้น
จิตใจของฉินอวี่เต้นเร็วขึ้น และตอนนี้ไม่มีเวลาพอที่เขาจะลังเล เขามีชะตากรรมที่้าเผชิญอยู่เพียงสองทาง ทางที่หนึ่งคือกำจัดเือสูร และเขาก็ต้องตายเช่นกัน หนทางที่สองคือการกำจัดเือสูร และให้เมล็ดพันธุ์คืนชีพดูดซับพลังของอสุนีบาต เมื่อเป็เช่นนี้ ก็จะสามารถช่วยหลิงเหยาได้
“เมล็ดพันธุ์คืนชีพ ขึ้นอยู่กับเ้าแล้วล่ะ!” ฉินอวี่กล่าวในใจ และเร่งฝีเท้าของเขา
แต่หลิงเหยามีความเร็วยิ่งกว่า ทั้งสองคนเดินตามกันไป มุ่งหน้าเข้าไปหาเจดีย์แห่งนั้น
“ไม่ได้การแล้ว!” ฉินอวี่ผงะ เขาพบว่าหลิงเหยาได้เข้ามายืนเคียงกับเขาแล้ว เขาเหยียดมือขวาออกอย่างรุนแรง และในขณะที่เขาัััสายฟ้า ฉินอวี่ก็ััได้ถึงพลังปราณโบราณอันดุร้ายที่หลั่งไหลออกมาอย่างรุนแรงกำลังเคลื่อนเข้าสู่ร่างกาย พลังที่แข็งแกร่งเคลื่อนผ่านร่างกายของฉินอวี่ จุดตันเถียนที่ช่องท้องส่วนล่างนั้นมีความร้อนเอ่อล้นออกมา แต่ฉินอวี่ก็ไม่มีเวลามากพอจะตรวจสอบสิ่งนี้ในตอนนี้
ในทันใดนั้น
เจดีย์ทองสัมฤทธิ์นั้นได้เกิดะเิขึ้นอย่างดุเดือด และมีรอยมือนับไม่ถ้วนได้ถูกทำลายลงทันที ในจำนวนนั้น มีหนึ่งฝ่ามือได้เข้ามากระทบกับฝ่ามือขวาของฉินอวี่
ภาพลวงตานั้นก็พุ่งเข้าหาหลิงเหยาอย่างดุเดือด
ในขณะนี้ ฉินอวี่ได้ยกมือซ้ายขึ้นและะโด้วยความโกรธ “ไม่!!!”
ภาพลวงตานั้นโจมตีมือข้างซ้ายของฉินอวี่อย่างกะทันหัน
“ปัง!”
“ตูม บึ้ม!”
“ไม่!”
เสียงะโที่รุนแรงดังขึ้นพร้อมกับเสียงฟ้าร้องในหูของฉินอวี่ จนอวัยวะภายในแทบจะเคลื่อนที่ หลังจากกระอักเืออกมา ฉินอวี่ก็หมดสติไปในทันที
ขณะที่เขากำลังหมดสติไป ฉินอวี่ได้ยินเสียงการแตกกระจายดังขึ้นเป็พักๆ และดูเหมือนร่างกายของเขาจะถูกกระแทกอย่างรุนแรง ได้ยินแม้เสียงของลมที่ปะทะเข้ามา...
ในเวลาเดียวกันนี้
เสียงครวญของซิงเฉินทั้งสี่ดังขึ้นในเมืองนภาแต่ละแห่ง ผู้แข็งแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนได้ยินเสียงนี้ สิ่งที่ทำให้พวกเขาต่างใคือเสียงะโร้องที่ดังตามขึ้นมาพร้อมเสียงครวญของซิงเฉินทั้งสี่
ที่ดูเหมือนไม่เต็มใจ และดูเหมือนไม่พอใจ