เพราะฉินฟ่านปรามเอาไว้ ลู่เจี้ยนถึงได้ไม่พูดอะไร แต่สายตาที่เขามองมาที่ิอวี่นั้นเ็าอย่างมาก
“ขอแนะนำ นี่คือศิษย์ชั้นยอดที่รับเข้ามาปีนี้ของข้า เขาชื่อิอวี่ ที่ข้าเลือกเขาในครั้งนี้ ต้องมีเหตุผลแน่นอน”
ซ่งหยวนหยวนค่อยๆ พูดขึ้นมาว่า “ก่อนหน้านี้ในภารกิจสนามรบร้างโบราณ ิอวี่แสดงศักยภาพของเขาได้โดดเด่นมาก เขาสามารถขโมยไข่ัจากัทะเลทรายอสูราาขั้นที่สี่มาได้ ทำให้สายเลี่ยนเหยียนของเรามีหน้ามีตา ดังนั้น สายเลี่ยนเหยียนของเราจึงได้รับทรัพยากรในการฝึกมากขึ้นกว่าเดิม ผู้บริหารระดับสูงได้เพิ่มจำนวนยาจูหยวนตันจากเดิมที่เรา้าไปอีกร้อยละห้าเป็เวลาครึ่งปี”
ปกติแล้ว ศิษย์หลายคนจะสามารถแลกยาจูหยวนตันมาฝึกได้โดยใช้ค่าผลงานที่ได้รับ แต่เพราะมีคน้ายาจูหยวนตันจำนวนมากเกินไป ทุกๆ สิ้นเดือนยาจูหยวนตันจึงมักจะไม่เพียงพอต่อความ้า มันเป็อะไรที่เศร้าใจมากของเหล่าบรรดาศิษย์
จำนวนร้อยละห้าถึงแม้จะดูน้อย แต่มันก็ช่วยแก้ไขปัญหาเวลาถึงสิ้นเดือนได้
ถึงแม้ยาจูหยวนตันจะมีการกระจายไปให้ศิษย์ทุกคน แต่มันก็เป็การเพิ่มความสามารถให้กับสายเลี่ยนเหยียนในทางอ้อม
เมื่อได้ยินซ่งหยวนหยวนพูดแบบนี้ ิอวี่ก็ขมวดคิ้ว พูดตามตรงเลยว่า เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่านอกจากรางวัลค่าผลงานหนึ่งแสนแต้มที่เขาได้รับแล้ว ยังมีรางวัลอย่างอื่นแบบนี้อีก
พวกฉินฟ่านที่อยู่ตรงหน้าของซ่งหยวนหยวนต่างตะลึง
พวกเขาเป็ศิษย์ชั้นยอดขั้นสูง ปกติแล้วไม่ค่อยได้มาสนใจเื่ระดับล่างกว่าเท่าไร ดังนั้นพวกเขาถึงไม่รู้เื่ที่ิอวี่ขโมยไข่ัได้ ตอนนี้พอได้ยินซ่งหยวนหยวนพูดให้ฟังถึงได้รู้ต้นสายปลายเหตุ
มันทำให้สายตาของพวกฉินฟ่านที่มองมายังิอวี่นั้นดีขึ้นทันตา แต่มันก็เท่านั้น
เพราะต่อให้ัทะเลทรายจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม ด้วยความสามารถของลู่เจี้ยนกับหวังฮานแล้ว ต่อให้พวกเขาไม่สามารถเอาชนะซึ่งหน้าได้ แต่ก็มั่นใจว่าสามารถยื้อระยะกับัทะเลทรายและหนีเอาตัวรอดได้
หากทั้งสองคนร่วมมือกันโจมตี อาจจะสามารถสังหารัทะเลทรายได้เลย
ส่วนฉินฟ่านที่สวมชุดดำท่าทีเย็นะเื ... น่ากลัวกว่าัทะเลทรายอีก!
ดังนั้น ถึงแม้พวกของฉินฟ่านจะยอมรับความสามารถขอบเขตอมฤตขั้นที่สองอย่างิอวี่ แต่จิตใต้สำนึกของพวกเขาก็ยังไม่ได้เห็นิอวี่อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาอยู่ดี
เขาสร้างผลงานเล็กๆ ในครั้งนี้ได้ก็จริง แต่คิดอยากจะตามพวกเขาไปที่เมืองสุขาวดี มันเหมือนจะสูงเกินความสามารถไปหน่อย
แต่ว่า ต่อให้ฉินฟ่านจะคิดแบบนี้ ก็ไม่มีทางพูดมันออกมาแน่นอน
เขายังคงท่าทีแบบเดิม จะทำลายบรรยากาศและความสามัคคีของคนในบ้านไม่ได้
“เมื่อเป็เช่นนี้ ข้าเองก็พอจะเข้าใจเจตนาและความหมายของอาจารย์แล้ว”
ฉินฟ่านยิ้ม ดวงตาของเขามองไปที่ิอวี่แล้วกำชับว่า “หวังว่าศิษย์น้องิอวี่จะฟังคำสั่งของข้าในการทำภารกิจนะ ไม่อย่างนั้น หากเกิดอะไรขึ้นมามันจะแย่”
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ฉินฟ่านนั้นคิดได้อย่างรอบคอบ เขาพูดแบบนี้ต่อหน้าิอวี่ ที่จริงก็เพื่อแสดงท่าทีของเขาออกมา หากหลังจากนี้ิอวี่ไม่เชื่อฟังแล้วเกิดอะไรขึ้นมา มันจะไม่เกี่ยวอะไรกับพวกฉินฟ่าน แต่เป็เพราะิอวี่ไม่เชื่อฟังพวกเขาเอง
ิอวี่แอบเบะปาก
เขาเองก็พอจะฟังออกว่าฉินฟ่านกำลังปัดความรับผิดชอบ แต่ก็ไม่ได้สนใจ เขามีวิหคัปีกมืดที่กำลังจะเลื่อนเป็ระดับาา มันมีความเร็วที่น่าทึ่ง หากิอวี่สู้ใครไม่ได้แล้วอยากจะหนีก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
ซ่งหยวนหยวนเองก็ฟังออก นางเลยพูดเตือนสติิอวี่ “ิอวี่ เชื่อฟังศิษย์พี่ใหญ่ด้วย พวกเ้าแลกเปลี่ยนความรู้ในการฝึกกันได้ ให้ศิษย์พี่ถ่ายทอดประสบการณ์ให้เ้า พวกเขาจะบอกเล่าสถานการณ์ของภารกิจในครั้งนี้ให้เ้าฟังอย่างละเอียดอีกที แล้วพวกเขาจะสอนเ้าเองว่าต้องทำอะไรบ้าง”
ความหมายของซ่งหยวนหยวน คือ้าให้ิอวี่สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับพวกฉินฟ่าน ทำแบบนี้แล้วพวกเขาก็จะทำภารกิจสำเร็จได้อย่างราบรื่น
“รับทราบขอรับ”
ทำไมิอวี่จะไม่เข้าใจ เขาตอบออกไปทันที
“อาจารย์ท่านวางใจเถอะ เราจะดูแลเขาเป็อย่างดี”
หวังฮานพูด ฉินฟ่านกับลู่เจี้ยนเองก็พยักหน้าตอบรับ
“อือ อย่ารอช้า พวกเ้าออกเดินทางกันตอนนี้เลย”
ซ่งหยวนหยวนเห็นว่ากำชับไปพอประมาณแล้ว ก็สั่งให้พวกเขาออกเดินทางกันทันที นางมองไปที่พวกฉินฟ่านกับิอวี่ด้วยสายตาที่ไม่ค่อยอยากแยกจากเท่าไร เพราะไปทำภารกิจอยู่ภายนอก อย่างไรซ่งหยวนหยวนก็รู้สึกไม่ค่อยวางใจ
ถึงแม้นางเองอยากจะแอบคุ้มกันพวกฉินฟ่าน แต่นางก็รู้ว่าต้องวางมือเท่านั้น ถึงจะให้เด็กๆ พวกนี้เติบโตจากประสบการณ์ได้อย่างแท้จริง
“อาจารย์ ถ้าอย่างนั้นเราขอตัวก่อน”
พวกฉินฟ่านยกมือคำนับ หันหลังแล้วเดินไปที่ประตูใหญ่เลย
ิอวี่เองก็ทำความเคารพอาจารย์ของเขาเหมือนกัน แต่ตอนที่กำลังจะไป ก็มีมือเล็กๆ กระดูกเรียวๆ ดึงรั้งเขาเอาไว้
ิอวี่หันมามอง เขาพบว่าเิหยูเยียนกำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าเศร้าๆ และดูตื่นเต้น รู้สึกว่าเหมือนเิหยูเยียนเอาอะไรมายัดไว้ในมือของเขา ...
ตอนที่ิอวี่กำลังจะเอ่ยปากถาม เิหยูเยียนกลับขยับมากระซิบข้างหูของิอวี่ว่า “ข้าเอาของมาให้เ้านิดหน่อย อย่าเพิ่งเปิดมันตอนนี้นะ คืนนี้ค่อยดู ... ”
ขอแค่ิอวี่ได้เห็นของที่นางให้ เขาก็จะรู้ทันทีว่านางรู้สึกอย่างไร
“หือ?”
ถึงแม้ิอวี่จะรู้สึกสงสัย แต่ก็ยังคงเลือกตอบว่า “ได้”
เขานำของที่เิหยูเยียนให้ใส่ไว้ในเกราะแขนเฮยจิน แล้วก็ยกมือคำนับให้กับทุกคน จากนั้นก็เดินไป
ทุกคนมองไปยังเิหยูเยียนที่กำลังหูแดง และอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน
เทพธิดาที่เ็าสงวนท่าทีตลอดเวลาในใจของพวกเขา กลับมีท่าทางเหมือนสาวน้อยขี้อายแบบนี้ ...
เิหยูเยียนไม่ได้สนใจคนอื่นเลย นางเพียงแค่มองดูแผ่นหลังของิอวี่จากไปด้วยความเหม่อลอย
จากกันคราวนี้ ยังไม่รู้เลยว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่
......
หลังจากที่ร่ำลาพวกของซ่งหยวนหยวนแล้ว ิอวี่ก็บินตามพวกฉินฟ่านไปบนท้องฟ้า
สายเลี่ยนเหยียนนั้นอยู่รอบนอกอาณาเขตของสำนักเทพอัคคี ทุกคนบินอยู่ประมาณครึ่งวัน ก็สามารถออกนอกเขตสายเลี่ยนเหยียน และเดินทางไปทางทิศเหนือได้แล้ว
อสูรสัตว์ปีกของพวกของฉินฟ่านนั้นมีความเร็วอย่างมาก เพราะอสูรสัตว์ปีกของพวกเขาไม่ใช่สัตว์ปีกทั่วไป แต่ล้วนเป็สัตว์ปีกที่มีระดับาาทั้งนั้น
อสูรสัตว์ปีกของฉินฟ่านคือเหยี่ยวดาวตก เป็อสูรสัตว์ปีกระดับาาขั้นที่สอง ส่วนลู่เจี้ยนกับหวังฮานขี่สัตว์ปีกประเภทเดียวกัน กาเหว่าสีรุ้งอสูรสัตว์ปีกระดับาาขั้นสอง
เหยี่ยวดาวตกลำตัวเป็สีน้ำเงินคราม ปีกแข็งเหมือนเหล็ก เมื่อแสงส่องลงมาทำให้ดูสง่างามอย่างมาก ร่างกายของมันไม่ได้ใหญ่มาก มีหัวเป็เหยี่ยว ดวงตาสีเหลืองคมคายกับขนสีน้ำเงินครามที่เด่นชัดทำให้ดูดุดัน และนิสัยของมันเองก็ค่อนข้างโหด ระดับการบินเลี้ยวของมันยังน่าทึ่งอย่างมากด้วย
ส่วนกาเหว่าสีรุ้งนั้นมีขนสีสันสดใสและเป็ระเบียบ ขนของกาเหว่าสีรุ้งตัวผู้จะมีสีแดง ส้ม และเหลือง ส่วนตัวเมียนั้นจะเป็สีเขียว น้ำเงิน และม่วง ไม่ว่าจะเป็ตัวผู้หรือว่าตัวเมีย มันล้วนแต่มีความอดทนที่แข็งแกร่งอย่างมาก การบินตรงของพวกมันนั้นเหนือกว่าสัตว์ปีกจำนวนมาก เมื่อกาเหว่าสีรุ้งคู่นี้บินผ่านไปที่ใดก็ตาม ก็จะให้ความรู้สึกเหมือนมีสายรุ้งปรากฏ เป็ภาพที่งดงามมาก
ไม่ว่าจะเป็เหยี่ยวดาวตกหรือว่ากาเหว่าสีรุ้ง ก็ล้วนแต่สร้างลมพายุได้
แค่ดูจากระดับและคุณภาพของอสูรสัตว์ปีก ทุกคนก็รู้ทันทีว่าเ้าของของพวกมันจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
เดิมที ความสวยงามภายนอกของวิหคัปีกมืดก็เหนือกว่าอสูรสัตว์ปีกทั่วไปมากแล้ว แต่เมื่อเทียบกับของฉินฟ่าน ลู่เจี้ยน และหวังฮาน ก็เหมือนว่าจะห่างชั้นมาก
แต่ว่าิอวี่ก็รู้สึกดีใจ เพราะถ้าเป็แบบนี้ พวกเขาก็จะเสียเวลาไม่มาก สามารถเดินทางไปถึงเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว
วิหคัปีกมืดเองก็มั่นใจว่าระดับความเร็วในการบินของมันสามารถตามอีกสามคนด้านหน้าได้อย่างไม่กินแรง
เพียงแต่ว่า หลังจากที่บินมาได้ระยะเวลาหนึ่ง ิอวี่ก็เริ่มรู้สึกเบื่อ
ั้แ่เริ่มออกเดินทางตอนนี้ก็ผ่านไปประมาณสี่ชั่วยามแล้ว ฉินฟ่าน ลู่เจี้ยน และหวังฮานพูดคุยหัวเราะกันเป็ระยะอยู่ด้านหน้า พูดเื่ฝึกบ้าง เื่การใช้ชีวิตบ้าง คุยเื่ทั่วไประหว่างเพื่อน คุยกันทุกอย่าง แต่พวกเขาสามคนพูดคุยกันแค่คนที่อยู่แถวเดียวของพวกเขา ไม่ได้คิดอยากจะมาพูดคุยอะไรกับิอวี่เลย
ิอวี่รู้สึกว่าเขาทำแบบนี้มันไม่ค่อยดีเท่าไร ก็อย่างที่ซ่งหยวนหยวนกำชับ เขาควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกฉินฟ่าน ถึงจะสามารถทำภารกิจได้อย่างราบรื่น
ิอวี่เห็นด้านหน้าเหมือนหยุดพูดคุยกันชั่วขณะ ก็ฉวยจังหวะพูดขึ้นมาว่า “ศิษย์พี่ฉินฟ่าน ศิษย์พี่ลู่เจี้ยน แล้วก็ศิษย์พี่หวังฮาน ข้าอยากจะถามสักหน่อยว่า การทำภารกิจในครั้งนี้ต้องระวังอะไรบ้างหรือ? ข้ากลัวว่าหากทำอะไรไม่ดีไป จะทำให้พวกท่านเสียเื่น่ะ”
ลู่เจี้ยนกำลังคุยกับหวังฮานอย่างสนุก กลับถูกิอวี่ขัดก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ เขาหันมามองิอวี่แล้วพูดด้วยความหงุดหงิดว่า “ภารกิจในครั้งนี้เ้าไม่ต้องระวังอะไรทั้งนั้น เ้าติดตามเราอยู่ด้านหลังก็พอแล้ว”
ิอวี่ขมวดคิ้วหนักมาก คำตอบของลู่เจี้ยนพูดเหมือนไม่ได้พูดเลย
“ศิษย์พี่ลู่เจี้ยน ขอข้ารู้หน่อยได้ไหมว่าคนที่จับตัวสาวชาวเผ่าิญญาไปมีความสามารถระดับไหน?” ิอวี่ถามอีก
แต่ครั้งนี้ลู่เจี้ยนกลับไม่สนใจ หันกลับไปคุยกับหวังฮานเหมือนเดิม ท่าทางหงุดหงิดนั่นเปลี่ยนเป็รอยยิ้ม เหมือนว่าเขาไม่ได้ยินที่ิอวี่พูดเลย
“ศิษย์พี่?”
ิอวี่เอ่ยปากอีกครั้งด้วยความสงสัย เขามองไปที่ลู่เจี้ยน แล้วก็มองไปที่ฉินฟ่านกับหวังฮาน ก็พบว่าพวกเขาเหมือนจะไม่ได้ยินที่เขาพูดเลย
กลับกัน เหมือนว่าพวกเขาอยากจะเร่งเดินทาง จึงสั่งให้อสูรสัตว์ปีกนั้นบินเร็วขึ้นไปอีก ทำให้ิอวี่จำใจต้องสั่งให้วิหคัปีกมืดรีบตามไป
“เหอะๆ ”
เดิมทีิอวี่ก็คิดว่าอยากจะเข้าหาเพื่อสร้างสัมพันธ์กับศิษย์ชั้นยอดขั้นสูงทั้งสามคน แต่ก็พบว่าเขาคิดไปเองคนเดียว
พูดไปแล้วิอวี่ก็รู้สึกว่าตลกตัวเองเหมือนกัน เขาในฐานะหนึ่งในผู้ร่วมภารกิจ แต่กลับไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับภารกิจ ต้องไปหาเบาะแสเอาเองถึงจะรู้รายละเอียดที่มากขึ้นกว่านี้
