ในเมื่อไม่สามารถไปพบชิงผิงอ๋องได้ เช่นนั้นเหยาเชียนเชียนจึงทำได้เพียงหาอย่างอื่นทำ
นางอาศัยจังหวะที่อาเหยียนนอนกลางวันไปหว่านแหและเตรียมจับกุ้งโดยใช้วิธีการที่ได้เรียนรู้มาใหม่ ใน่สองสามวันที่ผ่านมาฝีมือการทำอาหารของนางพัฒนาอย่างก้าวะโ รอจับกุ้งสดๆ ขึ้นมาได้แล้วก็จะนำไปที่ห้องเครื่อง กุ้งเต้นนั้นนางเองก็ทำเป็แล้วเช่นกัน
“เรือเล็กลอยล่องท่ามกลางคลื่นน้ำสีมรกต บุปผาหอมหวนคลอเสียงนกร้อง เห็นเ้าสุขใจเช่นนี้ข้าก็วางใจได้แล้ว”
เหยาเชียนเชียนหันหน้ากลับไปมองตัวแข็งทื่อ นางคิดว่าตัวเองเกิดภาพหลอนเสียอีก ด้วยไม่คาดคิดว่าจะเป็คนผู้นี้จริงๆ นางหลบหนีมาถึงที่นี่แล้วเหตุใดอีกฝ่ายถึงยังสามารถตามมาหาถึงที่อย่างแม่นยำได้อีก?
“ไม่ได้พบองค์ชายสามนานเลยเพคะ” นางยืนขึ้นแสดงความเคารพอย่างจำใจ “ไม่ทราบว่าองค์ชายสามตั้งใจเสด็จมาถึงที่นี่มีธุระอันใดหรือเพคะ?”
สายตาของเป่ยเซวียนเฉิงราวกับติดอยู่บนร่างของนางก็ไม่ปาน เขาพินิจมองนางขึ้นๆ ลงๆ อย่างชัดเจน จนเหยาเชียนเชียนรู้สึกว่านางถูกคุกคามแล้ว เขาจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างเนิบนาบ
“เ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าตั้งใจมา แสดงว่าเ้ารู้หรือว่าข้าเป็ห่วงเ้า ดังนั้นเ้าจึงมารออยู่ก่อนแล้ว”
เป่ยเซวียนเฉิงยิ้มบาง “เช่นนั้นพวกเราก็ใจตรงกันน่ะสิ ดังเช่นในอดีต”
ในใจของเหยาเชียนเชียนเต็มไปด้วยคำถาม ยอดเขาแห่งนี้เป็ของนางทั้งหมด หากเขาไม่ได้ตั้งใจมาพบนาง เช่นนั้นเขาเพียงแค่ออกมาเดินเล่นเตร็ดเตร่นอกวังหลวงเท่านั้นหรือ?
นอกจากนี้ นางแค่นั่งยองอยู่ที่นี่เพื่อจับกุ้งให้ลูกชายของนางเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับใจตรงกับเขาแม้แต่น้อย
“องค์ชายสามเข้าพระทัยผิดแล้วเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่ว่างและไม่มีอะไรทำ ดังนั้นก็เลยอยากให้อาเหยียน...อยากหาความบันเทิงให้ตัวเองเท่านั้นเองเพคะ” เหยาเชียนเชียนกลืนชื่ออาเหยียนลงไปได้ทันท่วงที เขามาที่นี่อย่างลับๆ จะให้ผู้อื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาด
“หม่อมฉันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าองค์ชายสามจะเสด็จมาในวันนี้ ที่เรือนยังไม่ได้จัดเตรียมสำรับอาหาร ดังนั้นหม่อมฉันขอไม่รั้งพระองค์ไว้นานเพคะ”
นางไล่แขกอย่างตรงไปตรงมาทว่าเป่ยเซวียนเฉิงกลับไม่นึกโกรธ เรือนพักหลังนี้เป็ของเป่ยเหลียนโม่ การจัดเตรียมที่นี่ไว้ให้นางพักคงจะเป็ความคิดของคนผู้นั้นอย่างแน่นอน
ชื่อเสียงของเขาถูกทำลายไปแล้ว แต่เขายังไม่ยอมปล่อยนางไป เป่ยเซวียนเฉิงก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ในแววตาเต็มไปด้วยความเ็ป
“เชียนเชียน ที่นี่ไม่มีคนนอก ข้าขอพูดอย่างตรงไปตรงมาเลยแล้วกัน”
เหยาเชียนเชียนจำต้องถอยหลังไปครึ่งก้าวและพูดในใจว่า ‘ข้าไม่อยากฟัง ท่านอย่าพูดเลยดีกว่า’
“เื่นี้ทำให้เสด็จพ่อกริ้วมาก แม้ว่าน้องสี่จะให้คำสัตย์ว่าจะสืบสวน แต่ข้าเกรงว่าเขาจะสืบไม่พบสิ่งใด ทว่าข้ามีแผนการที่อาจจะช่วยเ้าแก้ปัญหานี้ได้”
เหยาเชียนเชียนเห็นแสงแวววาวในดวงตาของเขา กล่าวด้วยความสัตย์จริง นางหวังเป็อย่างยิ่งว่าจะมีใครสักคนเข้ามาะโเรียกนางในเวลานี้ จะเป็การะโเรียกกลับเรือนไปกินข้าวอะไรทำนองนั้นก็ได้
นางไม่อยากฟังจริงๆ นางอยู่ที่นี่ก็ใช้ชีวิตสุขสบายดี และไม่มีเื่ใดให้ต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย จนยามนี้ที่เขามาถึงได้มีเื่ให้นางกังวลขึ้นมาบ้างแล้ว
“ข้าไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับองค์ชายสาม ไหนเลยจะกล้ารบกวนพระองค์ให้ครุ่นคิดเื่เหล่านี้เพื่อหม่อมฉันได้ เชิญพระองค์เสด็จกลับไปเถิด หม่อมฉันเชื่อมั่นว่าท่านอ๋องจะต้องมีวิธีจัดการเพคะ”
เป่ยเซวียนเฉิงส่ายหน้าน้อยๆ เวลานี้เป่ยเหลียนโม่จัดเตรียมให้นางพักอยู่ที่นี่ คงไม่ใช่เพราะยังหวังว่าสักวันหนึ่งนางจะได้ตำแหน่งหวังเฟยกลับคืนมาและกลับไปอยู่ข้างกายเขาอีกครั้งหรอกกระมัง?
“เชียนเชียน ในอดีตข้าอาจจะเ็าต่อเ้าไปบ้าง แต่ด้วยสถานะนี้ของข้า หากใกล้ชิดเ้ามากไปก็เกรงว่าจะทำให้เ้าพลอยเดือดร้อนไปด้วย ข้ารู้ว่าน้องสี่นั้นแตกต่าง เขาได้รับความโปรดปรานจากเสด็จพ่อและมีร่างกายที่แข็งแรง ทว่าความคิดของเขานั้นลึกซึ้ง เขาอาจจะไม่ได้จริงใจต่อเ้าอย่างที่เ้าคิด”
เป่ยเซวียนเฉิงทอดถอนใจ ั์ตาของเขาที่ทอดมองไปยังเหยาเชียนเชียนเจือแววเศร้าหมองอยู่หลายส่วน
“ยามนี้เ้าอาจมองว่าเขาเอาใจใส่เื่ของเ้า แต่ในความคิดของเสด็จพ่อเื่นี้มีข้อสรุปที่แน่นอนและมีหลักฐานที่ชัดเจนแล้ว ไม่ว่าเขาจะพยายามมากเพียงใดก็เปล่าประโยชน์ และเมื่อเวลาผ่านไปเขาก็จะยอมแพ้ไปอย่างแน่นอน เ้าควรจะมองให้ชัดเสียั้แ่เนิ่นๆ และหันหลังกลับมาให้ทันท่วงทีต่างหาก”
เหยาเชียนเชียนรู้สึกเพียงว่ามันช่างน่าขัน เขาไม่เคยเข้าใจว่าเป่ยเหลียนโม่ทุ่มเทเพื่อนางมากเท่าไร ถือสิทธิ์ใดถึงได้บอกว่าเป่ยเหลียนโม่ไม่ดี แล้วถือสิทธิ์ใดถึงกล้าพูดได้อย่างมั่นใจว่าเป่ยเหลียนโม่จะทอดทิ้งนาง
เขาวิ่งโร่มาถึงบ้านผู้อื่นเพื่อกล่าวถึงผู้อื่นในทางที่ไม่ดี ช่างได้ใจและไร้มารยาทยิ่งนัก แล้วยังโอ้อวดอย่างไร้ยางอายว่านางจะต้องพึ่งพาเขาจึงจะหวนกลับขึ้นฝั่งได้ เขาไปเอาความมั่นใจและความกล้าหาญนี้มาจากผู้ใดกัน
ไม่รู้ว่ายามนั้นเ้าของร่างเดิมสนใจอะไรในตัวชายผู้นี้ เขาไม่มีจุดใดที่ทำให้นางรู้สึกชื่นชอบได้เลยจริงๆ
หญิงสาวดูรำคาญใจและเกิดโทสะเมื่อได้ยินถ้อยคำเ่าั้ นางมีสีหน้าไม่พอใจนักจนสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ถึงกระนั้นเป่ยเซวียนเฉิงก็ยังไม่หยุด เขาก้าวเข้ามาข้างหน้าหมายจะคว้ามือนาง
เหยาเชียนเชียนสะบัดออกอย่างไม่เกรงใจ และกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าเล็กน้อยว่า
“สิ่งที่องค์ชายสามกล่าวเมื่อครู่ ในสายตาของพระองค์เื่นี้ถูกตัดสินเป็ที่แน่นอนและมีหลักฐานชัดเจนแล้ว เช่นนั้นในพระทัยขององค์ชายสามก็คิดว่าเื่นี้เป็ฝีมือของหม่อมฉันจริงๆ ใช่หรือไม่?”
มือของเป่ยเซวียนเฉิงที่ยกขึ้นค้างอยู่กลางอากาศ จากนั้นจึงหลุบตาลงและกล่าวเสียงแ่ว่า “ข้าเชื่อเ้าแล้วจะมีประโยชน์อันใด ต้องทำให้เสด็จพ่อทรงเชื่อเ้าต่างหาก ทว่ายามนี้เสด็จพ่อกำลังกริ้ว หากไม่ใช้วิธีการของข้าก็เกรงว่าชีวิตนี้ของเ้าคงไม่มีหวังจะได้กลับนครหลวงแล้ว”
เหยาเชียนเชียนพยักหน้า กระทั่งยังหัวเราะเล็กน้อยอีกด้วย
“ดี เช่นนั้นหม่อมฉันก็อยากลองฟังวิธีขององค์ชายสามสักหน่อย”
เป่ยเซวียนเฉิงรู้ว่ายามนี้นางกำลังโกรธ ทว่าเขามีวิธีที่สามารถแก้ไขสภาวะที่ยากลำบากของนางได้ และเมื่อกลับไปยังนครหลวงได้แล้วนางจะต้องขอบคุณเขา
“เื่นี้มีการสืบสวนเสียจนไม่อาจสืบสวนเพิ่มเติมได้อีกแล้ว หาก้าแก้ไขทำได้เพียงย้ายโทสะของเสด็จพ่อไปยังที่อื่น”
เขาก้าวไปข้างหน้าและกล่าวด้วยเสียงอันแ่เบาว่า “คนที่คอยปรนนิบัติข้างกายเสด็จแม่มีไม่มากนัก พวกเขามีโอกาสใกล้ชิดเสด็จแม่มากกว่าสาวใช้ของเ้า ดังนั้นหากเปลี่ยนเป็หนึ่งในคนกลุ่มนั้น และค้นเอาดอกยี่โถขาวจำนวนหนึ่งออกมาอีกครั้ง เช่นนั้นความผิดที่เ้าถูกใส่ร้ายก็จะถูกชำระล้างไปได้”
เหยาเชียนเชียนถลึงตามองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ เขากล่าวมาเสียยืดยาว สุดท้ายวิธีการที่ดีก็คือการให้ผู้อื่นมาแบกรับความผิดนี้แทนนาง
ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดนางมีเป่ยเหลียนโม่ปกป้องอยู่ยังรักษาชีวิตไว้ได้อย่างฉิวเฉียด หากเื่นี้ถูกผลักไปให้ข้าหลวงสักคนจริงๆ คนผู้นั้นจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
“นี่คือวิธีดีๆ ที่องค์ชายสามบอกหรือ?”
เหยาเชียนเชียนโมโหจนหลุดหัวเราะออกมา “ตัวหม่อมฉันเป็ทุกข์จากการที่ไม่ได้รับความเป็ธรรมและได้ลิ้มรสความยากลำบากนั้นแล้ว ทว่ายามนี้กลับต้องผลักความทุกข์ทรมานนี้ไปให้ผู้อื่น หากเป็คนที่ยังมีมโนธรรมในจิตใจแม้เพียงเล็กน้อยจะสามารถกระทำเื่นี้ได้ลงหรือ?”
นางหันใบหน้าหนี ด้วยไม่อยากเห็นคนผู้นี้อีกแล้ว
“องค์ชายสามเชิญเสด็จกลับไปเถิดเพคะ” นางกล่าวเสียงเย็น “ขอบพระทัยองค์ชายสามที่เป็ห่วงหม่อมฉัน เพียงแต่วิธีนี้โหดร้ายยิ่งนัก เป่าหวาทนทุกข์ทรมานเพราะเหตุการณ์นี้อยู่หลายวัน ส่วนหม่อมฉันก็ถูกถอดยศปลดเป็สามัญชน ดังนั้นอย่าได้ดึงผู้อื่นเข้ามาพัวพันอีกเลยเพคะ”
เป่ยเซวียนเฉิงส่ายหน้า เดิมทีนางยังคงคาดหวังในตัวเป่ยเหลียนโม่อยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นนางจึงรู้สึกไม่พอใจกับข้อเสนอของเขาเป็อย่างยิ่ง ทว่านางไม่รู้เลยว่าวิธีนี้เป็วิธีสุดท้ายที่สามารถทำได้แล้ว
อวี๋เฟยและแม่นมเฒ่าสองคนที่อยู่ข้างกายนางลงมือทำเื่นี้โดยที่เทพไม่รู้ผีไม่เห็น และไม่มีร่องรอยหลักฐานใดหลงเหลืออยู่เลย แม้ยามนี้เป่ยเหลียนโม่จะสามารถคาดเดาได้แล้วว่าเป็ฝีมือของอวี๋เฟย แต่เขาจะไม่สามารถหาหลักฐานได้พบอย่างแน่นอน
องครักษ์เงาในบัญชาของเขาห้าวหาญก็จริง แต่นั่นสามารถรับรองว่าจะช่วยนางล้างมลทินได้อย่างแน่นอนแล้วหรือ?
ยามนี้เื่ยังไม่สิ้นสุดลงโดยสมบูรณ์ เวลานี้การผลักคนหนึ่งไปรับโทษแทนเป็วิธีการที่เป็ไปได้มากที่สุด หากรอพลิกคดีอีกครั้งในวันหน้า พระทัยของฮ่องเต้ได้ตัดสินนางไปแล้ว การพิจารณาคดีใหม่อีกครั้งจะต้องยุ่งยากมากกว่าเก่าอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
“เ้าเชื่อข้านะเชียนเชียน ข้าจะไม่มีวันทำร้ายเ้า” เป่ยเซวียนเฉิงขมวดคิ้ว ท่าทางเหมือนกำลังร้อนใจอยู่ไม่น้อย “แค่ข้าหลวงเพียงคนเดียว หากเ้าทนไม่ได้ ข้าสามารถหานักโทษสักคนมาก็ได้ นั่นเป็โทษที่สมควรได้รับ...”
“โทษที่สมควรได้รับ?”
เหยาเชียนเชียนพูดขัดจังหวะเขา “เช่นนั้นโทษของเขาเกี่ยวข้องกับเื่นี้ถึงครึ่งหรือ? องค์ชายสามคิดว่าข้าไม่ควรทนรอท่านอ๋อง แต่พระองค์เคยคิดบ้างหรือไม่ว่าท่านอ๋องมีสิ่งใดที่ควรค่าให้หม่อมฉันรอ เขากับพระองค์มีสิ่งใดที่แตกต่างกัน?”
เป่ยเซวียนเฉิงชะงักไปเมื่อได้ยินคำกล่าวนั้น ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างเขากับเป่ยเหลียนโม่ก็คือเขาไม่มีร่างกายที่มีสุขภาพแข็งแรงเหมือนอีกฝ่าย หากเขาแข็งแรงเหมือนอย่างคนทั่วไป เสด็จพ่อก็คงไม่ลำเอียงรักเป่ยเหลียนโม่เช่นนี้
“ท่านอ๋องซื่อตรงและกล้าหาญ เขาไม่มีทางทำเื่โเี้เ่าั้อย่างแน่นอน ยกตัวอย่างเช่นเื่นี้ ท่านอ๋องเป็ห่วงหม่อมฉัน หม่อมฉันรู้ดีว่าเขาร้อนใจมากเพียงใด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยคิดถึงวิธีสกปรกโสมมเช่นนี้เลย เบื้องหน้าบอกว่าเพื่อช่วยเหลือหม่อมฉัน แต่ในความเป็จริงแล้วพระองค์กลับผลักหม่อมฉันลงสู่บ่อเืของการใส่ร้ายผู้อื่น”
“เชียนเชียน…” เป่ยเซวียนเฉิงเปล่งเสียงออกมาอย่างอดไม่ได้ แต่เพียงเขาก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวก็ถูกเหยาเชียนเชียนตำหนิเสียก่อน
“องค์ชายสามโปรดสำรวมด้วยเพคะ เมื่อเทียบกับท่านอ๋อง ความจริงแล้วองค์ชายสามไม่ได้เชื่อหม่อมฉันเลยใช่หรือไม่?”
หญิงสาวกล่าวต่ออีกว่า “ท่านอ๋องเชื่อใจหม่อมฉัน ดังนั้นเขาจึงพยายามหาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหม่อมฉันอย่างสุดชีวิต แต่องค์ชายสามที่บอกว่าเชื่อหม่อมฉันกลับเสนอให้ผลักความผิดไปให้ผู้อื่น ในใจของพระองค์ยังคงสงสัยในตัวหม่อมฉัน ไม่เช่นนั้นเหตุใดพระองค์ถึงมั่นใจได้ว่าท่านอ๋องจะไม่พบหลักฐาน และจะไม่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้หม่อมฉันได้?”
เป่ยเซวียนเฉิงกำมือแน่น เขาไม่สามารถพูดได้ว่าเขารู้เื่นี้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง เพราะฉะนั้นถึงได้รู้ว่าเป่ยเหลียนโม่จะไม่มีหลักฐานใดให้ตรวจสอบได้ ยามนี้ไม่มีหนทางอื่นเลย นอกเสียจากว่าจะให้เสด็จแม่ไปสารภาพผิดด้วยตัวเอง
หากนางไม่ยอมรับวิธีนี้ของเขา เช่นนั้นนางก็คงไม่สามารถกลับเข้าสู่นครหลวงได้แล้วจริงๆ
“เหตุใดเ้าถึงไม่เข้าใจข้าบ้าง” เป่ยเซวียนเฉิงจับมือเหยาเชียนเชียนไว้แน่น “ทั้งๆ ที่ข้ารู้จักกับเ้าและรู้ใจของเ้าก่อน ทว่าน้องสี่อยู่กับเ้าเพียงไม่กี่วัน เ้าก็เชื่อใจเขาถึงเพียงนี้แล้ว เ้าลืมเื่ราวในอดีตเ่าั้ไปหมดแล้วหรือ?”
เหยาเชียนเชียนพยายามสะบัดมือออกสองครั้งก็สลัดไม่ออก เื่เช่นนี้จะแบ่งมาก่อนมาหลังได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น หากจะให้พูดจริงๆ คนแรกที่นางเห็นเมื่อมาที่นี่ก็คือเป่ยเหลียนโม่ อดีตของเ้าของร่างเดิมกับเขาจึงค่อยๆ กลายเป็ความทรงจำที่ลึกซึ้งทีละน้อย ส่วนนางก็ไม่มีความทรงจำที่สวยงามร่วมกับเป่ยเซวียนเฉิงั้แ่แรก
“หม่อมฉันเคยกล่าวไปแล้วเพคะ วาสนาของหม่อมฉันกับองค์ชายสามสิ้นสุดลงแล้ว องค์ชายสามโปรดอย่ายึดติดกับอดีตอีกต่อไปเลย เมื่อลืมสิ่งเ่าั้ไปแล้วก็ย่อมมีทิวทัศน์อันสวยงามอยู่ข้างหน้า หากเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับมันเพียงอย่างเดียวรังแต่จะทำให้เกิดความรำคาญใจ และไม่เป็ผลดีต่อทั้งตัวเองและผู้อื่นเลยเพคะ”
เป่ยเซวียนเฉิงจับข้อมือเหยาเชียนเชียนไว้แน่น นางพูดออกมาง่ายดายเหลือเกิน เขาไม่เชื่อว่าเพียงแค่นางบอกว่าลืมแล้วจะสามารถลืมมันได้ทันที และไม่เชื่อว่าเพียงแค่่เวลาสั้นๆ นี้ที่ได้อยู่กับเป่ยเหลียนโม่จะสามารถลบล้างไมตรีอันยาวนานหลายปีของพวกเขาได้
และแม้ว่านางจะสามารถลืมมันได้ แต่เขากลับทำไม่ได้
นางอย่าได้คิดจะทอดทิ้งเขาไว้คนเดียว ปล่อยให้เขาจมอยู่ในอดีตอันโดดเดี่ยวและหนาวเหน็บทั้งยังคับแค้นใจกับตัวเอง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องกลับมาอยู่เคียงข้างเขาต่อไป!
“ข้าตัดสินใจเื่นี้แล้ว ข้ามาที่นี่วันนี้เพียงเพื่อทักทายเ้าเท่านั้น ยามนี้เ้าไม่ยอมรับข้อเสนอก็ไม่เป็ไร เมื่อเ้ากลับไปถึงนครหลวงได้อย่างปลอดภัยแล้วเ้าก็จะรู้เองว่าผู้ใดที่จริงใจกับเ้า”
ไม่ ไม่!
เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะจากไป เหยาเชียนเชียนจึงใช้มืออีกข้างคว้าเขาไว้ทันที เหตุใดถึงยังกล่าววาจาไร้เหตุผลเช่นนี้อยู่อีก เขากำลังจะทำร้ายผู้อื่นโดยอ้างว่าหวังดีต่อนาง เหตุใดถึงไม่อนุญาตให้นางได้แสดงความคิดเห็น และไม่สนใจว่านางจะเห็นด้วยหรือไม่
“พระองค์อย่าเพิ่งไปเพคะ องค์ชายสามได้โปรดรับฟังหม่อมฉันสักคำเถิดเพคะ…”
ขณะที่เหยาเชียนเชียนพูด นางรู้สึกเพียงความอุ่นร้อนบนหลังมือ เหมือนว่าฝ่ามือของเป่ยเซวียนเฉิงกำลังกอบกุมลงมาและลูบไล้มันอยู่ เหยาเชียนเชียนพลันขนลุกชัน นางสะบัดมือทั้งสองข้างออกราวกับมีกระแสไฟแล่นเข้าสู่ร่างกาย
เดิมทีนางถูกบีบให้ไปยืนที่ริมทะเลสาบอยู่ก่อนแล้ว คราวนี้เมื่อนางก้าวถอยหลังจึงรู้สึกว่าเท้าของนางััได้เพียงความว่างเปล่า และหลังจากนั้นนางก็หงายหลังตกลงไป
“เชียนเชียน!”
