ลำแสงสีเหลืองนวลสาดส่องกระทบม่านตาที่ยังคงปิดอยู่ ร่างบางกอบกุมผ้าห่มหนากระชับขึ้นหลบไอเย็นที่วนรอบตัวยามไร้อาภรณ์ความคิดหยุดนิ่งอย่างสงสัยแววตาปรือขึ้นมองจนเห็นดวงหน้าเล็ก ๆ อีกคนที่กำลังชะเง้อคอมองมายังเธอ หลิวเซียงเอ๋อร์รีบกระชับผ้าห่มปิดร่างบางอย่างเขินอายจนแก้มแดงระเรื่อ
“พระสนม...ดื่มนี่ซิเพค่ะ” น้ำเสียงห่วงใยพร้อมหยิบยืนถ้วยเล็กที่มีชาสมุนไพรส่งกลิ่นหอมอบอวลจนมือเธอรีบรับมายกดื่มรวดเดียวหมด
“แหวะ...นี่เ้าเอาชาอะไรให้ข้าดื่ม” รสชาติฝาดขมลิ้นผิดกับกลิ่นหอมนั่นช่างต่างกันยิ่งนัก
“สิ่งนี้คือสมุนไพรที่หมอหลวงทิ้งไว้บำรุงพระสนมให้พร้อมกับการตั้งครรภ์เพค่ะ”
‘ตั้งครรภ์ จริงซิฉันลืมนึกถึงเื่นี้ไปเลย’ หลิวเซียงเอ๋อร์ขยับตามองไปยังถ้วยสมุนไพรที่เหลืออยู่ก้นถ้วย
“ฝ่าาทรงออกไปนานแล้วหรือ” น้ำเสียงเรียบเอ่ยถามหาฮ่องเต้หนุ่ม ภายในใจเกิดความกระวนกระวายแปลก ๆ ผุดขึ้นวูบหนึ่งนึกถึงค่ำคืนที่ผ่านมาร่างแกร่งกอดรัดโกรธแค้นกอบกุมราวขุ่นข้องใจจนสตรีร่างบางเช่นเธอแทบไร้เรียวแรง ไหนยามตื่นลืมตามองยังไร้ร่างสูงของเขาบนเตียงเธออีกกลับยิ่งทำให้เธอรู้สึกหวั่นใจอย่างแปลกประหลาด
“ฮ่องเต้ทรงกลับไปเมื่อยามเหม่า(1) เพค่ะ” หลินเสียงผินหน้ามองดูร่างบางที่เต็มไปด้วยรอยซ้ำสีแดง เธอหยิบอาภรณ์สีขาวสะอาดยื่นห่มพร้อมประคองร่างไปยังห้องอาบน้ำที่ตระเตรียมน้ำอุ่นไว้สำหรับเธอ
ละอองหิมะขาวปลิวหล่นปะทะใบหน้าเธอที่ยามนี้ขาวซีด ร่างบางหอบกายเดินฝ่ามุ่งหน้าไปยังตำหนักหลันเป่า สถานที่ที่ฮ่องเต้หนุ่มใช้เป็ที่ทรงงานส่วนพระองค์ แม้จะอยู่ไม่ห่างไกลนักแต่ก็ทำให้ใบหน้าของเธอช่างเ็านัก สตรีร่างบางก้าวเดินอย่างระมัดระวังก่อนจะถูกขันทีคนสนิทยืนรั้งบังประตูไว้
“สนมหลิวทรงมีธุระอันใดกับฝ่าาโปรดชี้แจ้งกระหม่อมด้วยพ่ะยะค่ะ” เสียงเหิงกงกงแหบแห้งเอ่ยถาม
“เราเตรียมขนมมาให้ฝ่าาไว้ทานเล่นกับน้ำชา เท่านี้เราพอจะเข้าไปได้หรือยัง” เธอเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ ก่อนจะผินหน้ามองผ่านประตูตรงหน้า ร่างสูงที่นั่งนิ่งไร้แววตาสนใจเธอ
“เช่นนั้นเราฝากเหิงกงกงนำให้ฝ่าาด้วยแล้วกัน” เธอรีบยื่นถาดส่งให้เหิงกงกงที่ยังคงอืดอาด ร่างบางหันหลังก่อนจะก้าวเดิน
“ถ้านางอยากเข้าก็ให้นางเข้ามา” เสียงทุ้มเอ่ยดังออกมาจากด้านใน เธอหยุดหันกลับไปมองอย่างหงุดหงิด
‘มัวแต่เก๊กอยู่นี่เอง’ เสียงบ่นในใจ ทำให้เธอเผลอย่นจมูกอย่างคนอารมณ์เสียออกมา หากแต่เธอก็ยังคงหันกลับไปหยิบถาดขนมจากเหิงกงกงออกมาถือก่อนจะเดินเข้าหาเขา
“หม่อมฉันเตรียมของว่างให้ฝ่าา ท่านลองชิมดูหน่อยไหมเพค่ะ” น้ำเสียงออดอ้อนพลางให้สายตาคมราวตาเหยี่ยวหยุดมองมาที่เธอ
“เจิ้นยังไม่หิวเ้าเก็บไปก่อนเถอะ” เสียงทุ้มของเขามีร่องรอยราวสะกดกลั้นอารมณ์ จนทำให้เธอรู้สึกหวั่นใจยังไงชอบกล
ยามนี้เธอตั้งใจอยากที่จะขอกลับไปเยี่ยมบิดาตนที่จวนเสนาบดีแต่ดูท่าบุรุษตรงหน้าเธอยามนี้คงกล่าวได้ยาก ใบหน้าขึงขังของเขาช่างดูน่ากลัว เธอยืนบีบมือเล็ก ๆ ภายในอาภรณ์แขนยาวที่คลุมมือพอได้หลบสายตาคมนี้ ยังไม่ทันที่เธอจะเอื้อนเอ่ยใด ๆ ออกมาสตรีรูปงามอีกนางก็เดินเข้ามาพร้อมด้วยถาดขนมเช่นเธอ
“ถวายพระพรฝ่าา หนี่เหยียนนำขนมมาให้ฝ่าาได้ลองชิมเพค่ะ” เสียงเล็กแหลมออดอ้อน เรียวตาเล็กรี ผินมองปลายตามาที่เธอราวเยาะเย้ย
“สนมหลิว..ท่านอยู่นี่เองคิดว่าพาองค์ชายโจวเดินชมสวนเสียอีก” น้ำเสียงเน้นย้ำกลับกดลงไปที่อกแกร่ง ราวมีเหล็กแหลมทิ่มลงไป เธอมองหน้าจิ้งหนี่เหยียนด้วยอารมณ์โกรธ เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เธอเอ่ยถามมิได้สงสัยใด ๆ หากแค่ยั่วยุให้บุรุษตรงหน้าเธอได้ยิน
“ข้ามิได้มีหน้าที่ต้องนำทาง เหตุใดองค์ชายโจวต้องตามหาข้าด้วย ข้าว่าเ้าคงจำผิดเสียแล้ว” ดวงตาคู่งามสะท้อนความไม่พอใจออกมา เธอยืนจ้องอย่างมิหวันเกรง แต่ฮ่องเต้หนุ่มยามนี้กลับตาขวางใส่เธออย่างไม่สบอารมณ์
“เ้ามีเื่อันใดอีกหรือไม่ มิเช่นนั้นเ้ากลับตำหนักซูฮวาไปก่อนเถอะ” น้ำเสียงตัดผ้อมายังเธอก่อนจะลุกเดินไปหยิบหนังสือที่ชั้นอย่างไม่สนใจเธอ
“หม่อมฉันจะมาขอฝ่าากลับไปเยี่ยมท่านพ่อซักสองสามวัน” หลิวเซียงเอ๋อร์รีบเอ่ยบอกความตั้งใจมิเช่นนั้นแล้วคงจะไม่มีโอกาส เธออยากไปหาข้อมูลเพิ่มที่จวนเสนาบดีหลิว ด้วยเพราะวัดที่ไท่เฟยไปเป็วัดที่อยู่ในการดูแลของเสนาบดีหลิวเฟิ่งฉิน เสนาบดีกรมธรรมการ ที่คอยจัดการดูแลงานพิธีและวัดหลวงต่าง ๆ ในแคว้นเป่ยหลง หนานรั่วหานยืนจ้องมองเธอราวอยากจะบีบเค้นความจริงเสียให้ได้ หากมิเพราะองครักษ์ตนได้เอ่ยปรามไว้เกรงจะเสียการจึงได้แต่เก็บซ่อนความใคร่รู้และโกรธเคืองนี้ไว้
“เสนาบดีหลิวก็เขาวังหลวงบ่อย ๆ เหตุใดเ้าต้องกลับจวนเสนาบดีด้วย”
“หม่อมฉันมิได้กลับไปเยี่ยมเพียงท่านพ่อ แต่หม่อมฉันก็อยากพบท่านแม่ด้วยเช่นกัน” หลิวเซียงเอ๋อร์หาข้อต่อรองราวเตรียมไว้ เธอยังคงยืนกรานที่จะกลับไปจวนเสนาบดี จนทำให้หนานรั่วหานรู้สึกหวาดหวันว่าเธอจะมิได้เพียงไปพบบิดาตนตามที่กล่าว แต่กลัวว่าแท้จริงแล้วเธอจะเป็หนอนที่หลบซ่อนอยู่ในวังเขาจริง ๆ
“ฝ่าา..ทรงให้สนมหลิวได้กลับไปเยี่ยมบ้านเสียเถิดเพค่ะ...ดูท่าสนมหลิวอยู่ในวังหลวงนี้จะเหงานะเพค่ะ” น้ำเสียงขับกล่อมยั่วยุให้ใจเขาแทบลุกเป็ไฟที่พร้อมจะแผดเผาได้ทุกสิ่งอย่าง
“เช่นนั้นเ้าก็กลับไปอยู่จวนเสนาบดีเสียให้สบายใจเ้าเถิด..เหิงกงกงเตรียมเกี้ยวส่งสนมหลิวกลับจวนเสนาบดี” หนานรั่วหานตะคอกน้ำเสียงราวโกรธขึงออกมาจนเหิงกงกงที่อยู่ด้านหน้าประตูต้องรีบวิ่งมาโค้งรับคำสั่งแทบไม่ทัน แววตาเธอสั่นไหวในยามนี้ดูเหมือนจะมีน้ำใส ๆ เอ่ออออยู่ขอบตาแดงกล่ำ
‘หึ...ได้เราแล้วก็คิดจะเขี่ยทิ้ง ได้ คิดว่าเราจะแคร์หรอฉันไม่ได้เป็สาวหัวโบราณซะเมื่อไหร่กัน’ หลิวเซียงเอ๋อร์ตัดพ้ออยู่ภายในดวงหน้าเล็กหันเชิดอย่างไม่สนใจ
“ขอบพระทัยฝ่าา” กล่าวจบร่างบางก็หันหลังออกจากห้องนั้นทันที แววตาดุขึงกลับจ้องมองเธอจนลับตา มือหนากำแน่น ฟันกรามขบกันจนเส้นเืปูดจนเห็นได้ชัด จิ้งหนี่เหยียนผินมองเขาก่อนยกยิ้มอย่างพอใจ
“ฝ่าา...”
“ออกไป!!” ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยออกมา มือหนาก็ยกชี้ไปทางประตูทางเข้า ร่างอรชรสะบัดชุดพลางกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจนักแต่ก็ยอมกลับตำหนักตนอย่างว่าง่าย หนานรั่วหานสะบัดตัวหันไปนั่งลงตามเดิมพร้อมยกมือเท้าศีรษะอย่างไม่สบอารมณ์
“ฝ่าา..ให้กระหม่อมติดตามนางไปไหมพ่ะยะค่ะ” ไป่ฟางหลงที่ยามนี้เยื้องกายออกมาจากซอกมุมด้านข้าง
“ติดตามดูนางไว้” เขาสั่งด้วยน้ำเสียงหนักแน่นหากแต่ภายในใจกลับไม่เป็เช่นนั้น ภาพนางยามที่เขาจ้องมองยังคงติดตาตรึง กลิ่นกายหอมยังเจือจางวนอยู่รอบ
รถม้าเคลื่อนตัวออกจากวังหลวงอย่างทันทีที่เธอเตรียมตัวเสร็จ อารมณ์เศร้าหมองยังคงครุกรุ่นอยู่ในใจเธอ บังเหียนม้าถูกกระชากดึกให้อาชาสองตัวก้าวขาออกเดินทาง วงล้อหมุนเคลื่อนออกผ่านตูวังหลวงอย่างช้า ๆ ในใจเธอยามนี้กลับว้าวุ่น แม้เธอจะรู้สึกดีที่เขาได้มอบความชอบมาให้ แต่ดูเหมือนชะตาเธอก็ยังคงมิได้เปลี่ยนไป ความชมชอบกลับหายไปในเพียงชั่วคืน น้ำเสียงอบอุ่นถูกกลืนกลายเป็ขึงขังร่างบางนั่งนิ่งเหม่อมองออกไปทอดมองสองข้างทาง หลินเสียงรู้ดียามนี้บ่าวตนคงมีเื่ไม่สบายใจจึงหยิบยกชารินยื่นส่งให้เธอ ก่อนจะจับยกส่งให้บุรุษอีกคนที่ร่วมเดินทาง เฉินฮั่วยกมือรับก่อนจะปลายตามองเธอราวห่วงใย
(1) ยามเหม่า = 05.00-06.59น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้