เสิ่นม่านโมโหกับท่าทางจริงจังของเขาจนหลุดขำ
แต่ช่างเถิด นางมาจากโลกยุคปัจจุบัน จะมาถือสาอะไรกับคนหัวโบราณคร่ำครึอย่างเขา?
เสิ่นม่านเก็บสูตรนมผงของตนเองไว้อย่างดี จากนั้นกำลังจะเข้าไปโม่ถั่วเหลือง ทว่าหนิงโม่กลับเรียกนางไว้
“เสิ่นม่านเหนียง หากเ้า้าลดความอ้วน ข้าจะช่วยเอง เ้าเลิกเชื่อเื่งมงายเหล่านี้เถิด จะทำร้ายร่างกายเปล่าๆ”
น้ำเสียงวางมาดนี้คือกำลังห่วงใยนางหรือ?
เสิ่นม่านหันกลับไป จากนั้นมองชายหนุ่มั้แ่หัวจรดเท้าอยู่หลายรอบ ก่อนจะเอ่ย
“เ้าอยากช่วยข้าหรือ? เ้ากำลังคิดว่าความอ้วนของข้ามันเกินบรรยาย ไม่สวยงามและผอมเพรียวเฉกเช่นสาวน้อยคนอื่น มองแล้วขัดหูขัดตาเ้าใช่หรือไม่?”
หนิงโม่ “...”
เห็นได้ชัดว่าเขาหวังดี แต่เหตุใดพออยู่ในมุมมองของหญิงสาวผู้นี้กลับกลายเป็ไร้ค่าเช่นนี้?
จบแล้ว เสิ่นม่านเย้ยหยันตนเอง
“นั่นปะไร พูดไม่ออกเลยสิ? เฮอะ พวกบุรุษ! ล้วนเป็สิ่งมีชีวิตที่ใช้เพียงดวงตา เ้าคงคิดว่าข้าผอมลงไม่ได้สินะ? ข้าจะบอกให้ ความอ้วนเป็เพียงเื่ชั่วคราว รอข้าผอมแล้วต้องสวยพริ้งแน่นอน ถึงเวลาความสวยของข้าจะเปล่งประกายจนพวกเ้าตาบอดแน่!”
เมื่อหนิงโม่ได้ยินเช่นนั้น เขาขมวดคิ้วเหมือนกำลังพินิจอะไรบางอย่าง
“เ้าหึงหวงหรือ?”
น่าประหลาด วันนี้คนเหล่านี้เป็อะไรไป? แต่ละคนถึงได้บอกว่านางหึงหวง? นางหึงหวงอะไรหรือ? ริษยาเหอยวนยางที่สวยกว่าตนเองหรือ?
เดิมทีเสิ่นม่านไม่อยากสนใจ แต่คนบางคนกลับไม่ยอมเลิกรา
“ความรู้สึกของเ้านั้นข้าเข้าใจ เป็เพราะวันนี้เห็นเหอยวนยางเข้าใกล้ข้า ในใจจึงเกิดความรู้สึกหึงหวง แต่ข้าไม่ได้ชอบเ้า แล้วข้าก็ไม่ได้ชอบเหอยวนยาง หวังว่าต่อไปเ้าจะรู้จักระงับอารมณ์ของตนเองให้ดี อย่าได้จินตนาการในสิ่งที่ไม่มีวันเป็จริงอีกเลย”
เมื่อเห็นว่าเสิ่นม่านไม่แยแส หนิงโม่ก็เสริมอีกประโยคหนึ่ง “นอกจากนี้ ถึงเ้าคิดลดความอ้วนเพื่อข้าก็เปล่าประโยชน์ ข้าไม่ชอบฝืน แม้ว่าเ้าผอมและสวยงามปานเทพธิดา ข้าก็ไม่ชอบเ้าอยู่ดี”
เสิ่นม่านถึงกับสีหน้าไร้ความรู้สึก: ตาสุนัขข้างไหนของเ้าที่คิดว่าข้าอยากลดความอ้วนเพื่อเ้า?
นางเดินเข้าหาหนิงโม่อย่างหนักใจและจ้องมองเขาอย่างละเอียด
วันนี้ผมดำขลับของหนิงโม่ถูกม้วนเก็บเพียงครึ่งเดียว ส่วนครึ่งล่างถูกปล่อยสยายปรกลงที่บ่าและหลัง สีผมแทบจะกลืนหายไปกับชุดสีดำ
คิ้วดำคมเข้ม ผิวพรรณขาวเนียนผุดผ่อง หางตาสองชั้นที่ชี้ขึ้นเล็กน้อย ทว่ากลับไร้ความคล้ายสตรี ยิ่งกว่านั้นคือั์ตาสีดำคู่นั้นที่เยือกเย็นดุจหยกและยากแท้หยั่งถึง
เอ๋ เหตุใดนับวันเ้านี่ถึงได้ดูหล่อเหลากว่าเดิม?
เสิ่นม่านย้อนนึกถึงฉากในวันนั้นที่ห้องของหนิงโม่ ฉับพลันภาพที่ทั้งสอง ‘เปิดอก’ คุยกันก็ปรากฏในหัว พาให้ใบหน้าของนางร้อนผ่าวและบังคับสายตาให้เบนไปทางอื่น จากนั้นตบบ่าของเขา
“พ่อหนุ่ม อาการหลงตนเองคือโรคชนิดหนึ่ง ต้องรีบรักษา หากช้าไปจะกลายเป็โรคร้ายแรงนะ”
สมองของหนิงโม่หยุดทำงานไปเสี้ยววินาที ผู้หญิงคนนี้พูดถึงอะไร?
นอกจากนี้ เมื่อครู่ที่นางขยับเข้าใกล้เพราะอยากฉวยโอกาสล่วงเกินเขาหรือ? แล้วเหตุใดครั้งนี้เขาจึงปล่อยให้นางเข้าใกล้มากถึงเพียงนั้น?
ขณะที่หนิงโม่ตั้งคำถามกับตนเอง เสิ่นม่านก็ปิดประตูครัวเรียบร้อย
การทำนมผง จะว่าไปก็ทั้งซับซ้อนและเรียบง่าย เพียงใช้นมถั่วเหลืองผสมกับนมวัวให้เป็เนื้อเดียวกัน และต้องรับประกันเื่ของรสชาติดั้งเดิมและสารอาหาร ซึ่งจำเป็ต้องใช้นวัตกรรมขั้นสูงมาช่วยจึงจะทำได้
อย่างไรก็ตาม โซนครัวของเสิ่นม่านรวบรวมเครื่องมืออุปกรณ์ทั่วโลกไว้เกือบทั้งหมด ครอบคลุมั้แ่มีดขนาดเล็กหลากหลายรูปแบบ ไปจนถึงเครื่องจักรขนาดใหญ่ทุกชนิด ตราบใดที่ระบบไม่เออเร่อร์ อุปกรณ์เหล่านี้ก็ยังสามารถใช้งานได้ในพื้นที่ของนาง
นางปิดประตูขังตนเองและง่วนทำงานจนถึงดึกดื่น เสิ่นม่านได้สรรค์สร้างนมผมรุ่นแรกออกมา หลังจากลองชิมก็พบว่ารสชาติใช้ได้ รอเพียงให้เด็กๆ ชิมในวันรุ่งขึ้น
เมื่อกลับเข้าห้อง เสิ่นม่านก็ถอดเสื้อตัวนอกออกและยืนส่องตนเองที่คันฉ่องข้างเตียง
ท่ามกลางแสงเทียนวูบไหวภายในห้อง คันฉ่องสะท้อนให้เห็นใบหน้าอวบอิ่มของนาง เสิ่นม่านถอนหายใจยาว นางหยิกแก้มที่เต็มไปด้วยเนื้อและชั้นไขมันหนาที่มีอยู่ทั่วร่าง จากนั้นพึมพำกับตนเองอยู่หน้าคันฉ่อง
“เครื่องหน้าถือว่าไม่อัปลักษณ์ จมูกก็ไม่แบน ไม่รู้ว่าหลังจากลดความอ้วนแล้วจะเป็เช่นไร”
เมื่อมองตัวเองในคันฉ่อง นางเหม่อลอยสักพัก สุดท้ายก็เรียกระบบออกมา
นางจำได้ว่าในคลังของโซนการแพทย์ยังมียาลดความอ้วนแบบเร่งรัดที่สามารถเอาออกมากินได้
หึๆ รอวันรุ่งขึ้นนางก็จะตื่นขึ้นมาหุ่นดี คนแรกที่ต้องใเหมือนถูกสายฟ้าฟาดต้องเป็เ้าหนิงโม่สุนัขหล่อเหลาตัวนั้น!
ขณะที่คิด นางก็รีบนำยาลดความอ้วนออกมาโยนใส่ปากและกระดกน้ำตามทันที จากนั้นรอเพียงปาฏิหาริย์ที่จะเกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้น กระทั่งผลข้างเคียงของยาที่ระบุข้างกระปุกก็ไม่ทันได้ดูด้วยซ้ำ
เมื่อตื่นขึ้นมา เสิ่นม่านรู้สึกเพียงว่าร่างกายของตนเหมือนถูกรัดจนแทบหายใจไม่ออก พอลืมตาขึ้นก็ยิ่งรู้สึกถึงความหนักอึ้งของร่างกาย
นางลุกขึ้นนั่งและเหลือบมองคันฉ่อง แล้วถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นส่งเสียงกรีดร้องลั่นสะท้านฟ้าอย่างอนาถ
“กรี๊ด!!!”
์! มารดาเถิด! ทำไมใบหน้าจึงบวมฉึ่งราวกับหัวหมูเช่นนี้!
แล้วก็ชุดบนตัวที่เมื่อวานยังหลวมอยู่เล็กน้อย วันนี้กลับรัดตัวจนแน่นไปเสียแล้ว ร่างกายของนางพองราวกับหมั่นโถว!
เสิ่นม่านไม่สามารถยอมรับสภาพของตนได้ นางรีบเรียกระบบออกมาและตรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แล้วยาลดความอ้วนที่คุยกันไว้ล่ะ?
ผลปรากฏว่า หากไม่ดูคงจะดีกว่า เพราะหลังจากตรวจดู นางก็อยากสลบหนีความจริงไปเสียเดี๋ยวนั้น!
ยาลดความอ้วนหมดอายุไปนานมากแล้ว ตอนนี้นางน้ำหนักเพิ่มจากเดิมมากกว่ายี่สิบชั่ง! ขอบคุณผลข้างเคียงของยาลดความอ้วนแบบเร่งรัด!
ส่วนผลข้างเคียงนี้จะคงอยู่อย่างน้อยก็ราวห้าวัน
การที่เสิ่นม่านแหกปากกรีดร้องเมื่อครู่ จึงดึงดูดเด็กน้อยสามคนที่ห้องปีกตะวันตกมากรูกันที่ประตูห้อง เมื่อเด็กๆ เห็นเสิ่นม่านก็ถึงกับตกตะลึง
เสี่ยวตงทำลายความเงียบอย่างกล้าๆ กลัวๆ “ท่านอา เอ่อ… เหตุใดเพียงแค่ข้ามคืน ท่าน… ถึงได้อ้วนขึ้นเช่นนี้?”
เสิ่นม่านถูกเด็กทั้งสามจ้องจนใบหน้าร้อนผ่าว ตอนนี้นางอยากจะมุดรูหนีและอำลาโลกใบนี้อย่างถาวร!
กระนั้น วันนี้นางก็ยังต้องไปตั้งแผงขายเต้าฮวย แล้วยังต้องเตรียมนมถั่วเหลืองสดใหม่ให้แก่สกุลจางอีก นางทำได้เพียงขยับร่างกายที่หนักผิดปกติเหมือนหมีโง่ตัวอ้วน แล้วจัดการเปลี่ยนชุดให้ตนเอง
ไม่เชื่อเทคโนโลยีด้านมืดแบบเห็นผลรวดเร็วอะไรเทือกนี้แล้ว หากยังเชื่ออีกข้าขอเป็สุนัข
่อาหารเช้า หนิงโม่คือคนสุดท้ายที่ปรากฏตัว ตอนที่เขาสังเกตเห็นเสิ่นม่านที่วันนี้ดูหลังหนาดั่งเสือเอวหนาดั่งหมี ถึงกับตกตะลึงไปสักพัก ฉับพลันนั้นก็เม้มริมฝีปาก
“บอกแล้วว่าอย่าเชื่อคำนักพรตเ่าั้ คราวนี้เจอยันต์ตีกลับแล้วเป็อย่างไรเล่า?”
ไปไกลๆ เลยไป! เลิกพูดถึงยันต์บ้าบอกกับมารดาเสียที!
เสิ่นม่านเต็มไปด้วยความอัดอั้นและกลับไปทำงานในครัว ่บ่ายยังคงไปตั้งแผงที่ตำบล
หนิงโม่มองดูเงาด้านหลังของนางที่ทำงานเงียบๆ เขาเกิดความคาดคะเนบางอย่างในใจ จากนั้นตัดสินใจให้เด็กๆ หยุดเรียนหนึ่งวันและพาพวกเขาไปขายเต้าฮวยที่ตำบล
ทันทีที่มาถึงตำบล แผงของเสิ่นม่านเพิ่งจะตั้งเสร็จ การค้าขายก็เริ่มคึกคักอย่างผิดปกติ ขณะที่กำลังยุ่งเป็พัลวัน ในบรรดากลุ่มคนก็ปรากฏใบหน้าคุ้นเคย
“เถ้าแก่ เอาเต้าฮวยให้ข้าสักชาม ค้างจ่ายไว้ก่อน!”
กลุ่มอันธพาลล้อมแผงร้านค้าของนางไว้ ลูกค้าที่รอซื้อเต้าฮวยเองก็รู้จักคนกลุ่มนี้ จึงถอยออกห่างอย่างรู้ตัว
เสิ่นม่านเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นคนสิบกว่าคนนี้ นางพลันเลิกคิ้วขึ้น
โอ้ นี่มันคนรู้จักไม่ใช่หรือ?
-----