ซากกระดูกมนุษย์กองหนึ่งมองดูน่าสยดสยอง ในเมื่อสองมือเปื้อนเืไปแล้วค่อยล้างทีเดียว จางจื่ออี๋ไม่คิดอะไรให้มากความ เริ่มเขี่ยหาเศษซากที่ยังไม่ถูกย่อยต้องมีของสักอย่างที่สามารถให้เบาะแสได้สิน่า เชื่อว่า์ย่อมเข้าข้างคนดีเสมอ ยังมีสิ่งของอีกหนึ่งอย่างที่น้ำย่อยของงูไม่สามารถทำอะไรมันได้ เป็สิ่งของที่คุ้นตาและคุ้นเคยสำหรับนางอย่างยิ่ง ป้ายหยกแกะสลักรูปเทาเที่ย จางจื่ออี๋ควานหาเศษผ้าในตะกร้าไม้ไผ่นำมาเช็ดทำความสะอาดมือและป้ายหยก
เมื่อคราบเืถูกเช็ดออกไปจนหมดก็เผยให้เห็นเนื้อหยกที่แท้จริง แม้ว่านางจะไม่ใช่นักประเมินหยกตัวจริงแต่ก็พอแยกแยะคุณภาพสูงต่ำของมันได้ ป้ายหยกชิ้นแรกที่อยู่ในท้องของจางจื้อหลินผู้เป็บิดามีความใสไร้รอยตำหนิ ส่วนชิ้นที่อยู่ในท้องเ้าเหลือมมองด้วยตาเดียวก็รู้ว่าเป็ของเกรดต่ำ
เมื่อมีสิ่งของสองชิ้นให้เปรียบเทียบย่อมเป็การเพิ่มเบาะแสอย่างไม่น่าเชื่อ จางจื่ออี๋อนุมานได้ว่ากลุ่มคนกลุ่มหนึ่งอาจจะเป็องค์กรที่มีสมาชิกลำดับที่แตกต่างกัน ในทางทฤษฎีการแบ่งแยกตำแหน่งหน้าที่ผ่านป้ายแสดงตัวที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน แสดงให้เห็นว่าระบบการบริหารจัดกาทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรแห่งนี้ถูกวางแผนโดยผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ตัดข้อที่ว่าอีกฝ่ายจะเป็กลุ่มโจรูเาออกไป อย่าบอกว่าพวกโจรูเาก็เฉลียวฉลาดอย่าได้ดูถูก ข้อนี้นางไม่เถียง แต่ว่ามีเหตุผลที่นางตัดบุคคลกลุ่มนี้ออกไปจากรายชื่อผู้ต้องสงสัย ที่จะบอกก็คือที่หุบเขาอู่หลิงแห่งนี้ไม่เคยมีโจรูเาในนิยายไม่เคยกล่าวถึง และนางก็เชื่อสัญชาตญาณว่าที่มาของป้ายหยกนี้ต้องไม่ใช่กลุ่มโจรไก่กาอาราเล่
**เทาเที่ย องค์ชายพญาัคนที่ห้า จากเก้าลูกมักกร เทาเที่ย หนึ่ง ใน สี่ สัตว์ร้ายในตำนานลึกลับจีน เป็ศัตรูกับ สี่ สัตว์เทพ เต่าดำ เสือขาว ัฟ้า และหงส์ไฟ
เทาเที่ย มีใบหน้าเป็คนร่างกายเป็แพะ ดวงตาอยู่ใต้รักแร้ เขี้ยวพยัคฆ์กรงเล็บมนุษย์ ถูกใช้เป็ลวดลายที่พบได้บ่อยบนเครื่องสำริดโดยเฉพาะ "กระถางสามขาที่ชื่อ เทาเที่ย (饕餮) "
เทาเที่ยเป็สัตว์ประหลาดในจินตนาการชนิดหนึ่ง ใน “ซานห่ายจิง” (《山海经》) บรรยายลักษณะเด่นของเทาเที่ยเอาไว้ว่า “ร่างแพะ ั์ตาอยู่ใต้รักแร้ เขี้ยวพยัคฆ์กรงเล็บมนุษย์ มีหนึ่งเศียรใหญ่กับหนึ่งปากใหญ่ ตะกละอย่างยิ่ง เห็นอะไรเป็กิน เนื่องจากกินมากเกินไป สุดท้ายท้องอืดตาย"
เทาเที่ย (饕餮) สัตว์อสูร อสูรในด้านตัวร้าย มีตำนานกล่าวว่า ตอนที่หวงตี้ (黄帝 : จักรพรรดิเหลือง) รบกับชือโหยว (蚩尤)
เมื่อชือโหยวถูกปะา เศียรตกพื้นกลายเป็ หัวของมารร้ายซื่อโหยวก็กลายเป็ "เทาเที่ย 饕餮 " เล่าขานกันว่า ในตอนที่หวงตี้ขึ้นเป็หัวหน้าเผ่าโหย่วสฺยงนั้น ชือโหยวได้ยกทัพไประรานและผนวกเผ่าอื่นอย่างเหิมเกริม โดยที่เผ่าชือโหยวเป็เผ่าที่ถนัดในการรบทัพจับศึกและสร้างอาวุธ
ในตอนนั้นอิทธิพลอำนาจของเผ่าเสินหนง (神农 : เทพกสิกร) ซึ่งเป็กษัตริย์ผู้นำของทุกชนเผ่าแต่เดิม และเป็เผ่าที่ได้รับสืบทอดนาม “เหยียนตี้” (炎帝 : จักรพรรดิแห่งไฟ) ได้เสื่อมโทรมลง หัวหน้าเผ่าย่อยภายในสหชนเผ่าเทพกสิกรต่างทำารบพุ่งแย่งชิงอำนาจผนวกกลืนกันเองเป็ที่ชุลมุน หัวหน้าสหชนเผ่าเทพกสิกรจนปัญญาจะจัดการชือโหยวได้
จึงขอความช่วยเหลือไปยังหวงตี้ หวงตี้จึงยกทัพไปรบกับชือโหยวที่จัวลู่ (涿鹿) การศึกเป็ไปอย่างดุเดือด แล้วในที่สุดหวงตี้ก็เป็ฝ่ายชนะในศึกนี้ ทั้งยังจับตัวชือโหยวมาปะาได้สำเร็จ เหล่าหัวหน้าเผ่าทั้งหลายจึงพร้อมใจกันยกหวงตี้ขึ้นเป็กษัตริย์ปกครองพวกตนทั้งหมดทุกชนเผ่าแทนที่เผ่า "เสินหนง "
ส่วนหัว ชือโหยว (蚩尤) ที่กลายเป็ เทาเที่ย (饕餮) จังหวะที่ กลบฝังซื่อโหยวก็ได้มุดดินหนีเข้าไปใน ป่าท้อสิบหลี่ "ชี่ลี่เถาฮัว 十里桃花 " แล้วก็ฟื้นตัวกลายเป็สัตว์ร้ายที่มีอำนาจมากที่สุดใน 4 สัตว์อสูรทรงอิทธิพลที่สุดร่วมกับ ฉยงฉี 穷奇 ฮุ่นตุ้น 混沌 ถาวอู้ 梼杌 ในนั้นไป
ในสื่อจี้(《史记》)"เอกสารของไท่ฉื่อกง" เนื้อหาว่าด้วยความเป็มาของโลกดังที่ชาวจีนรับรู้ในยุคสมัยนั้น กินเวลา 2,500 ปีั้แ่รัชกาลจักรพรรดิหฺวัง (黃帝) ไปจนถึงรัชกาลจักรพรรดิฮั่นอู่ (漢武帝) กล่าวว่า เทาเที่ย คือบุตรไม่เอาถ่านของจิ้นอฺวิ๋นซื่อ(缙云氏)**
**[บทความหลักจาก : สัตว์ในตำนานจีนจากป่าท้อสิบหลี่ : เทาเที่ย (饕餮) สำนักพิมพ์สุรีย์พร
เรียบเรียงโดย : หมื่นเทพเทวะ]
ในสมองของจางจื่ออี๋ผุดตำนานเื่เล่าเกี่ยวกับสัตว์อสูรในตำนานตนนี้ พร้อมกับต่อชิ้นส่วนข้อมูลที่กระจัดกระจายอยู่ในนั้น เพื่อตีใจความสำคัญออกมาให้ได้ เนื้อหานิยายตำนานแห่งหลางเหยาได้มีการกล่าวถึงภูมิหลังของอ๋องผู้สำเร็จราชการเอาไว้ เส้นทางแห่งอำนาจโดดเดี่ยวไร้ญาติสนิท บิดามารดาสิ้นชีพในเหตุการณ์ก่อฏครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ต้าฉู่ ผู้ก่อการฏก็คือองค์รัชทายาทในขณะนั้น เื่นี้ไม่ค่อยมีผู้ใดอยากกล่าวถึงเท่าใดนักและในนิยายก็ไม่ได้ลงรายละเอียดมากมาย ส่วนมากเนื้อหาจะมุ่งเน้นเส้นทางการฝ่าฟันของพระเอกและนางเอก เป็การเล่าจากมุมมองของบุคคลทั้งสอง ซึ่งเกือบทั้งเื่กว่าที่พระเอกกับนางเอกจะก้าวเข้าสู่อำนาจก็เหมือนคนหูหนวกตาบอด เื่วงในเช่นเื่ของเชื้อพระวงศ์ส่วนน้อยมากที่จะได้รู้ข้อเท็จจริง
กล่าวถึงรัชทายาทผู้ก่อฏหมายสังหารบิดาก้าวขึ้นสู่อำนาจ ก็ตามสูตรตัวร้ายแสนชั่ว ค่ำคืนสีเืเหล่าองค์ชายเชื้อพระวงศ์คนสำคัญต่างถูกกวาดล้างภายในคืนเดียว และหนึ่งในนั้นก็รวมจวนฉู่อ๋องที่เป็รากฐานของต้าฉู่คือเป้าหมายที่ต้องกำจัดให้สิ้นซาก
แซ่ฉู่ แคว้นต้าฉู่ องค์ปฐมฮ่องเต้ทรงบัญญัติกฎมนเทียนบาลเอาไว้ข้อหนึ่ง สายสกุลฉู่ของข้าคือผู้ปกครอง สายสกุลฉู่ของน้องชายข้าคือผู้ปกป้อง กล่าวคือ ลูกหลานรุ่นต่อมาฮ่องเต้ต้องปฏิบัติตามห้ามคิดกำจัดสายเืของน้องชายพระองค์ หากมันผู้ใดกล้าขัดขืนอนุญาตให้ฉู่อ๋องที่เราแต่งตั้งลากคอลูกหลานอกตัญญูลงจากบัลลังก์แล้วเปลี่ยนคนใหม่เสีย กลับกันหากฉู่อ๋องหมายปองในราชบัลลังก์อนุญาตให้ปะาได้ในทันทีแล้วเปลี่ยนคนใหม่เช่นกัน
สองพี่น้องสกุลฉู่ที่ร่วมก่อตั้งแคว้นหนึ่งให้เป็บึกแผ่น กว่าจะเดินมาถึงยุคสมัยที่สงบสุข ย่อมยากเข็นผ่านเื่ราวมามากมาย ลูกหลานดีบ้าง ชั่วร้ายบ้าง แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ค่อยๆ เรียนรู้และบ่มเพาะความคิดให้ทำหน้าที่ในส่วนของตนเองให้ดีที่สุด
แหม... มองตาเดียวก็รู้ว่าพี่น้องสายเืเดียวกัน เล่นใช้มีดจ่อคอกันเช่นนี้ใครยึกยักก่อนโดนแทงตายไม่รู้เื่ด้วนนะ คงเป็ประมานนี้แหละ เด็ดขาด ใจถึง พึ่งได้
เอาล่ะ...กลับเข้ามาเื่รัชทายาทฏกันต่อ ประวัติของคนผู้นี้เล่าสามวันก็ไม่จบง่ายๆ พูดตรงหน่อยก็คือ ไอ้สารเลวนี่แหละ ไอ้สารเลวที่ดันมีอำนาจมากกว่าชาวบ้านชาวเมืองเขา ภายนอกห่มหนังแกะเนื้อในอสรพิษเืเย็น อีกก้าวเดียวรัชทายาทฏก็จะลงดาบสังหารบิดาบังเกิดเกล้า ท้ายที่สุดก็ต้องตายด้วยน้ำมือท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการ
เื่ราวดูเหมือนจะจบลงเท่านี้ ร่างของรัชทายาทฏถูกแยกชิ้นส่วนนับหมื่นชิ้น หากจะบอกว่าเกิดการลักขื่อเปลี่ยนเสามันจะเป็ไปได้หรือ
หากว่าเป็เช่นนั้นจริง รัชทายาทฏผู้นี้เมื่อหัวหลุดจากบ่ากลายเป็เทาเที่ยหนีหายไป สุดท้ายก็เข้าไปยังดินแดนเซียนถือกำเนิดใหม่เป็กลายเป็สัตว์ร้ายที่มีอำนาจมากที่สุด นี่คือความหมายที่ป้ายหยกนี้้าจะสื่อเช่นนั้นหรือ
คิดว่าซ่อนตัว ซ่องสุมกำลัง ได้อย่างแเีแล้วเช่นนั้นหรือ
ถ้าอยากทำการใหญ่ให้สำเร็จก็ไม่ควรมาข้องเกี่ยวกับประชาชนผู้บริสุทธิ์
เ้าสัตว์เดรัจฉาน เ้ากินใครไม่กิน มาอ้าปากกว้างกินชีวิตบิดาของข้า เตรียมใจสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้เสียเถิด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้