การทดสอบเข้าสำนักปลาทองปีนี้ใช้เวลากว่าสิบวัน ผู้ที่สามารถผ่านการทดสอบเข้าสำนักมาได้ มีราวๆสองพันคนเท่านั้นเอง
ในปีนี้มีผู้ที่ผ่านการทดสอบเป็ศิษย์สายในเพียงคนเดียว… นั่นคือ… หลิวสุ่ยเยว่… อัจฉริยะที่สิบปีจะมีสักคน! หญิงสาวคือผู้ที่มากพร้อมไปด้วยพร์ เพียบพร้อมทั้งความงดงามและระดับพลังฝีมือ นางเป็ดั่งยอดหญิงผู้สูงส่งแห่งเมืองขุนเขา สมกับที่เป็ทายาทของ ตระกูลหลิว… ตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองแห่งนี้ คาดว่าอีกไม่นานชื่อเสียงของนางจะต้องโด่งดังไปทั่วทั้งเมืองปลาทองอย่างแน่นอน…
ณ จวนตระกูลหลิว ห้องประมุข…
“ฮ่าๆๆ ลูกเอ๋ย ทำได้ดีเหลือเกิน เ้าคือความภาคภูมิใจของพ่อ…” ประมุขตระกูลหลิว… หลิวหานเอ่ยชมลูกสาวเขารู้สึกภาคภูมิใจที่มีบุตรสาวเก่งกาจมากถึงเพียงนี้
“เป้าหมายต่อไปของลูกคืออะไรบอกพ่อได้หรือไม่…?” หลิวหานถามอย่างสนอกสนใจ
“เรียนท่านพ่อ ข้าอยากเข้าเป็ศิษย์หลักเ้าค่ะ…” หลิวสุ่ยเยว่บอกจุดประสงค์ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ดี! ดีมาก! พ่อพร้อมสนับสนุนลูก คนตระกูลหลิวนั้น… คิดการณ์ไกลเสมอ! หลายปีมานี้นอกจากจื่อหงแห่งตระกูลจื่อก็ไม่มีผู้ใดเทียบกับเ้าได้! ตระกูลหลิวรั้งอันดับหนึ่งในเมืองขุนเขาแห่งนี้มาเสมอยาวนานนับร้อยปี!”
ยี่สิบปีที่แล้ว… จื่อหงพี่หญิงใหญ่ของจื่อต้าหลง นับเป็อัจฉริยะที่สิบปีจะมีสักคนได้ถือกำเนิดขึ้นมาในตระกูลจื่อ ทำให้พลังอำนาจของตระกูลจื่อและตระกูลหลิวนั้นเท่าเทียมกัน! ยากจะเปรียบวัด! ทางฝั่งตระกูลหลิวหวาดหวั่นว่าต่อไปตระกูลจื่อจะกลืนกินทุกตระกูลในเมืองนี้และขึ้นเป็อันดับหนึ่งแทน!
แต่ยังดีที่หลิวสุ่ยเยว่เองนั้นก็เป็อัจฉริยะที่เก่งกาจไม่แตกต่างจากจื่อหงสักเท่าไหร่นัก… หากเวลาผ่านไป… พลังอำนาจโดยรวมของตระกูลหลิวก็ยังนับว่าเป็อันดับแรกอยู่ดี หลิวหานและผู้าุโในตระกูลจึงเบาใจขึ้นมาได้บ้าง
“จริงสิ! ข้าได้ยินมาว่าคุณชายรองของบ้านตระกูลจื่อเองก็เก่งกาจไม่แพ้กัน อายุเพียงสิบสามปี ก็อยู่ระดับลมปราณก่อเกิดขั้นที่สองระยะปลายแล้ว… เป็เื่จริงหรือไม่?” หลิวหานเอ่ยถาม
“เรียนท่านพ่อ เป็เื่จริงเ้าค่ะ” หลิวสุ่ยเยว่ตอบนางเองก็ทราบเื่นี้มาเหมือนกัน
“อืม… แต่ถึงยังไงเขาก็ยังเทียบกับจื่อหงและเ้าไม่ได้อยู่ดี… คงไม่มีอันใดต้องเป็ห่วงมากนัก” หลิวหานกลัวว่าหากจื่อต้าหลงเก่งกาจอย่างกับสัตว์ประหลาดเหมือนจื่อหงไปอีกคน นี่จะทำให้บ้านตระกูลจื่อนั้นสามารถชิงอันดับหนึ่งจากบ้านตระกูลหลิวไปได้!
“ท่านพ่อไม่ต้องเป็ห่วง… ลูกจะตั้งใจฝึกฝนวิชาเพื่อไม่ให้ท่านพ่อผิดหวังเ้าค่ะ” หลิวสุ่ยเยว่กล่าวอย่างมุ่งมั่นตั้งอกตั้งใจ
“ดี! งั้นลูกไปพักผ่อนก่อนเถอะ เพิ่งจะกลับมาถึงเหนื่อยๆ” ชายกลางคนพยักหน้าอย่างพึงพอใจในคำพูดของลูกสาวตน
……………………………….
หลังจากที่ได้รับเคล็ดวิชาัม่วงมา จื่อต้าหลงก็คิดว่าจะลองอ่านดูเล่นๆเพราะไหนๆก็ได้ตำรามาแล้ว เมื่อในมือถือตำรา… ด้วยความที่เด็กน้อยชอบอ่านหนังสือเป็ชีวิตจิตใจอยู่แล้ว… จึงอดเปิดขึ้นมาดูอย่างช่วยไม่ได้… หนังสือมันช่างเย้ายวนเหลือเกิน ยามที่เด็กน้อยถือมันในมือราวกับว่ามันกำลังส่งเสียงเรียกพร้อมกล่าวกับเขาว่า…. เปิดข้าสิ! เปิดข้าสิ! ไม่อยากรู้หรือว่าข้างในมีอะไร!
นี่ทำให้หนอนหนังสืออย่างเด็กน้อยถึงกับมือไม้สั่น… อยากรู้อยากเห็นว่าเคล็ดวิชาที่บิดาภาคภูมิใจมันเป็อย่างไร? จื่อต้าหลงลองยกหนังสือขึ้นมาดม กลับพบว่าหนังสือเล่มนี้ช่างมีกลิ่นหอมนัก เขาจึงสูดดมมันอย่างเต็มที่ หลังจากที่ได้กลิ่นของหนังสือเด็กน้อยก็เงยหน้ายิ้มตาลอย พร้อมกับชื่นใจที่ได้ดมตำราที่หอมขนาดนี้ เด็กน้อยอดใจไม่ไหวต้องเปิดมันขึ้นมาจนได้!
หลังจากที่ได้อ่านตำราเคล็ดวิชาัม่วงไปนับสิบรอบ… จื่อต้าหลงก็พบว่าวิชานี้ฝึกไม่ยากอย่างที่คิด…. เด็กน้อยจึงลองฝึกฝนมันดูอย่างไม่รีบร้อนนัก
บัดนี้จื่อต้าหลงใช้เวลาเพียงเจ็ดวัน… ก็สามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาัม่วงได้ถึงขั้นที่สามแล้ว เด็กน้อยได้ยินมาจากพ่อของเขาว่าหลายปีมานี้… ไม่มีใครสามารถฝึกฝนได้เกินขั้นที่สามมานานแล้ว มีเพียงพี่หญิงใหญ่จื่อหงเท่านั้นที่ฝึกฝนไปจนถึงขั้นที่สี่ได้ ทว่าตัวเขากลับใช้เวลาเพียงแค่เจ็ดวันก็สามารถฝึกฝนจนมาถึงขั้นที่สามได้แล้ว! หรือเขาจะเป็อัจฉริยะในรอบพันปีกันแน่?
ผู้ที่มีสายเืตระกูลจื่อหากฝึกฝนเคล็ดวิชาัม่วงสำเร็จจะมีพลังสายตาที่ทรงพลังอำนาจสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น… ยิ่งฝึกฝนจนถึงขั้นสูงเท่าไหร่ก็จะยิ่งทรงพลังอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ! หากสำเร็จเคล็ดวิชาัม่วงต่อไปยามปะทะกับศัตรู… ก็จะสามารถรับมือได้ทันท่วงที จะเหมือนเห็นภาพเหตุการณ์ล่วงหน้าไปถึงขั้นวินาทีเลยทีเดียว! ยามเปิดใช้งานดวงตาจะมีแสงสว่างสีม่วงเรืองรอง ยิ่งฝึกถึงขั้นสูงมากเท่าไหร่ แสงสีม่วงจะยิ่งเข้มขึ้นขึ้นเรื่อยๆ
ยามเปิดใช้งานเคล็ดวิชาัม่วง ดวงตาจะเรืองแสงสีม่วงลี้ลับ แลดูดุดันดั่งพยัคฆ์ร้าย! อหังการ! ผู้ใดที่เห็นดวงตาสีม่วงที่ดูราวกับปีศาจนี้ ต่างก็ตัวสั่นด้วยความหวาดหวั่นกันทั้งสิ้น เพียงแค่ยืนจ้องเฉยๆ ศัตรูที่ขวัญอ่อนย่อมไม่กล้าเข้าใกล้ ต้องถอยห่างออกไปนับหมื่นลี้ กระทั่งคุกเข่าขอความเมตตาก็มีให้เห็นมาตลอด คนในตระกูลจื่อต่างขนานนามมันว่า ‘เนตรัม่วง’
หากฝึกฝนเคล็ดวิชาัม่วงสำเร็จจนถึงขั้นที่สาม จะสามารถมองเห็นอนาคตล่วงหน้าได้ถึง 3 วินาทีเลยทีเดียว! ทุกอย่างในััสายตาล้วนเชื่องช้าไปหมด มีเพียงตัวผู้ใช้เคล็ดวิชาเท่านั้นที่รวดเร็ว… และหากสามารถฝึกฝนไปจนถึงขั้นที่สิบได้ จะสามารถมองเห็นภาพอนาคตล่วงหน้าได้ถึง 10 วินาทีเลยทีเดียว! ่เวลาสิบวินาที ฟังดูเหมือนจะไม่นานเพียงสูดลมหายใจเข้าออกไม่กี่ครั้งก็ครบแล้ว ทว่า… สำหรับเหล่ายอดฝีมือ จอมยุทธผู้กล้าทั้งหลาย เวลาเพียงแค่ 1 วินาที มันสามารถตัดสินเป็ตายรู้ผลแพ้ ผลชนะได้แล้ว!
นี่ถ้าหากสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาัม่วงได้ถึงขั้นที่สิบ และสามารถมองเห็นภาพล่วงหน้าได้ถึง 10 วินาที มันจะน่าหวาดกลัวมากมายถึงเพียงไหน? ต่อให้ระดับพลังฝีมือห่างกันนับหมื่นลี้ ห่างไกลกันราวกับระยะทางของดวงตะวันถึงดวงจันทรา มันก็ยังสามารถต่อกรด้วยได้! ความสามารถระดับนี้ เรียกได้ว่าท้าทาย์ ทรงพลังอำนาจราวกับเทพเซียน แม้แต่มวรหมู่มาร ภูติผีปีศาจและเหล่าสัตว์อสูรยังต้องตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว! เมื่อจ้องไปที่ดวงตาของผู้กล้าตระกูลจื่อ! มันเหมือนไม่ใช่พลังของมนุษย์เลยด้วยซ้ำ! เป็สายตาที่ดุดันดั่งปีศาจร้ายจากขุมนรกก็มิปาน!
“เคล็ดวิชาัม่วงแข็งแกร่งมากเกินไป วิชานี้ไม่เอาเปรียบผู้อื่นมากเกินไปหน่อยหรอกหรือ? ทำไมตระกูลข้าถึงได้มีวิชาที่ทรงพลังอำนาจและขี้โกงมากถึงขนาดนี้กันนะ?” จื่อต้าหลงกล่าวพลางสงสัย
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตระกูลจื่อ ถึงเป็ใหญ่ในเมืองได้ เพราะอย่างน้อย สมาชิกทุกคนก็สามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาัม่วงได้ เหล่าผู้าุโส่วนใหญ่ในตระกูลก็ฝึกถึงขั้นสามกันแล้วทั้งนั้น” จื่อต้าหลงกล่าวพึมพำ ว่ากันว่าขณะใช้เคล็ดวิชาัม่วง ดวงตาจะเปลี่ยนเป็สีม่วง ยิ่งฝึกถึงขั้นสูงเท่าไหร่ สีม่วงก็จะยิ่งเข้มข้น คนที่จะฝึกได้ต้องมีสายเืตระกูลจื่อเท่านั้น!
สำนักปลาทองเปิดให้ศิษย์ใหม่ได้เข้าไปเลือกวิชาในหอตำราหนึ่งวิชา จื่อต้าหลงมัวแต่ฝึกเคล็ดวิชาัม่วง เลยยังไม่ได้เข้าไปใช้สิทธิในส่วนนี้เลย เด็กน้อยคิดว่าเขาควรเข้าไปดูสักหน่อย ไหนๆก็เข้าสำนักมาแล้ว มีของฟรีจะไม่เอาได้อย่างไร? นึกได้ดังนั้นเด็กน้อยจึงรีบเร่งเดินทางไปยังหอคัมภีร์ทันที! หอคัมภีร์แบ่งเป็หลายชั้น ชั้นแรกสำหรับศิษย์สายนอก ชั้นที่สองสำหรับศิษย์สายใน ชั้นที่สามสำหรับศิษย์หลัก
จื่อต้าหลงเดินส่ายอาดๆไปที่หอคัมภีร์ ซึ่งเป็ตึกสูงมีขนาดกว้างใหญ่ เด็กน้อยยื่นป้ายประจำตัวให้ผู้าุโเฝ้าหอดู “เ้าเข้าดูได้แค่ชั้นแรกเท่านั้น และเลือกได้เพียงหนึ่งวิชา” ผู้าุโกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ
“ขอรับ ศิษย์รับทราบแล้ว” จากนั้นจื่อต้าหลงจึงได้เดินเข้าไปเลือกวิชาที่ชั้นแรก เด็กน้อยไล่อ่านตำราไปทีละเล่มอย่างมีความสุข ด้วยความที่เป็หนอนหนังสือเลยอ่านอยู่นานแต่ก็ยังไม่ได้วิชาที่้าเสียที หลังจากเลือกอยู่นานจึงตัดสินใจได้ เด็กน้อยเลือกวิชาหล่อหลอมกายาเพื่อเอามาฝึกร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้น วิชานี้มีชื่อเรียกว่า เกราะกายา มีทั้งหมดสิบขั้น เป็วิชาระดับสูง ในชั้นที่หนึ่งมีแค่สามขั้นแรกเท่านั้น ถ้าอยากได้ส่วนที่เหลือ ต้องเข้าเป็ศิษย์สายในให้ได้ก่อนเพราะมันอยู่ชั้นที่สอง
จื่อต้าหลงยื่นเคล็ดวิชาให้ผู้าุโเฝ้าหอคัมภีร์ดู ชายชราชำเลืองมองมาที่เด็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “เ้าจะเลือกวิชานี้จริงรึ? ดูไปแล้วร่างกายเ้าบอบบางเยี่ยงอิสตรีแท้ๆ”
“เพราะอย่างนั้น ศิษย์ถึงได้เลือกวิชานี้ยังไงล่ะขอรับ” เด็กน้อยตอบโดยทั่วไปคนปกติเข้ามาก็มักเลือกวิชาสายโจมตีกันทั้งนั้น มีเพียงส่วนน้อยจนแทบจะไม่มีเลยที่เลือกฝึกวิชากายา เพราะมันฝึกโครตยากอีกทั้งยังดูเหมือนวิชาของคนโง่ มีประโยชน์เหมือนกระสอบทรายเวลาต่อสู้แค่ทนมือทนเท้าขึ้นมาหน่อย เหมาะสมให้ผู้อื่นอัดเล่นเท่านั้น หากไม่มีวิชาจู่โจมที่ร้ายกาจจะสามารถเอาชัยจากคู่ต่อสู้ได้อย่างไร?
“งั้นก็ตามใจเ้า อย่าเสียใจทีหลังล่ะ” ผู้าุโหอตำรากล่าวจบก็โบกมือไล่เด็กน้อยออกไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้