วันรุ่งขึ้น
บ้านตระกูลเย่ด้านตะวันตก เย่ชิงหานอุ้มลูกสัตว์อสูรเดินเข้าไปยังลานพักที่ใหญ่โดดเด่นแห่งหนึ่ง
“ห้องเรียนสัตว์อสูร”
ตัวอักษรใหญ่สี่ตัวที่ดูราวกับมีชีวิตชีวาและกระฉับกระเฉงทรงพลังถูกสลักไว้บนป้ายของลานที่พักใหญ่แห่งนี้ ที่แห่งนี้ถือเป็สถานที่สำคัญของตระกูลเย่ เป็ที่สำหรับไว้ให้ลูกหลานตระกูลเย่มาศึกษาเรียนรู้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์อสูรและเคล็ดวิชาต่างๆ ที่ใช้ในการสู้รบ
เย่ชิงหานถอนหายใจออกมาหนักหน่วงครั้งหนึ่งเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ให้สงบลง ห้องเรียนสัตว์อสูรเป็สถานที่ที่ปรารถนามาเนิ่นนานแล้ว ตอนเป็เด็กได้แค่มองจากที่ไกลๆ หวังว่าสักวันตนเองจะมีโอกาสพาสัตว์อสูรเดินเข้าไปภายในอย่างเปิดเผยและภาคภูมิใจ
ก่อนหน้านี้เย่ชิงหานไม่มีสัตว์อสูรและไม่ได้รับความสำคัญจากทางตระกูล ดังนั้นแม้แต่หน้าประตูก็ยังไม่มีสิทธิ์เหยียบเท้าเข้าไป วันนี้เขามาแล้วมาพร้อมกับสัตว์อสูรแปลกประหลาดมหัศจรรย์ตัวหนึ่ง เขาสามารถเดินเข้าไปภายในได้อย่างเปิดเผยและภูมิใจแล้ว
“โอ้...นี่ไม่ใช่นายน้อยลำดับเจ็ดผู้สูงศักดิ์ของพวกเราหรอกรึ? วันนี้สามารถเข้ามาภายในนี้ได้? อ๋อ...ที่แท้ก็เรียกสุนัขขยะตัวหนึ่งออกมาได้นี่เอง ฮ่าๆ...”
เย่ชิงหานเพิ่งจะเดินผ่านเข้าประตูไป ข้างหูพลันแว่วเสียงที่แฝงความมุ่งร้ายดังขึ้นมา คิ้วของเขาขมวดขึ้นมาทันทีพร้อมกับหันไปมอง อ่อ...บุคคลผู้นี้เขาพอรู้จัก เป็พี่ชายของลูกหลานตระกูลคนหนึ่งที่เข้าร่วมพิธีปลุกพลังด้วยกัน เขาคือเย่ชิงเสลูกหลานของตระกูลที่เกิดจากภรรยาบ้านเล็ก เหมือนว่าจะเป็คนทางฝั่งครอบครัวลูกคนโตและยังเป็นายน้อยใหญ่ของจ้าวเมืองบริวารของตระกูลอีกด้วย เมื่อวานที่เข้าร่วมพิธีปลุกพลังและเรียกสัตว์อสูรคุณภาพระดับหกอินทรีเพลิงออกมาได้ก็คือน้องชายของเขา
“มันก็คือเย่ชิงหานผู้นั้น? ตามที่ได้ยินมา เมื่อวานปรากฏวงแหวนแสงที่มีระดับของสีสูงกว่าสีทองหนึ่งระดับ แต่กลับเรียกสัตว์อสูรคุณภาพระดับสี่สุนัขขยะตัวหนึ่งออกมา? ขยะก็คือขยะอยู่วันยังค่ำ โอกาสดีงามขนาดนี้กลับใช้ไปอย่างสูญเปล่า...”
“ถูกต้อง...ถ้าหากในตอนนั้นเป็ข้าที่ปรากฏวงแหวนแสงเก้าสี รับรองได้เลยว่าต้องสามารถเรียกอสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้เหมือนกับปรมาจารย์บรรพบุรุษเย่รั่วสุ่ยอย่างแน่นอน แต่เ้าเด็กนี่กลับเรียกสุนัขขยะคุณภาพระดับสี่ออกมาแทน”
“บิดาของเขาเย่เตาตอนที่ยังมีชีวิตองอาจน่าเกรงขามเป็อย่างมาก แต่มันกลับเป็ไอ้ขยะไร้ค่าคนหนึ่ง พ่อเป็พยัคฆ์แต่ลูกกลับกลายเป็สุนัขไปเสียนี่”
“น่าเสียดายจริงๆ!”
เย่ชิงเสเพิ่งจะพูดจบบรรยากาศภายในห้องเรียนสัตว์อสูรเอะอะวุ่นวายขึ้นมาทันที ลูกหลานของตระกูลทุกคนที่อยู่ภายในต่างส่งสายตามองมาที่เย่ชิงหาน ในสายตาเ่าั้มีทั้งประหลาดใจ อิจฉา เสียดาย และดูถูกเหยียดหยามปะปนกันไป ไม่นานจากนั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เสียงเยาะเย้ยถากถาง เสียงตื่นเต้นประหลาดใจ เสียงทอดถอนใจต่างๆ นานาดังมาไม่ขาด
เย่ชิงหานยิ้มออกมาอย่างเฉยเมยทำเพียงแค่กวาดสายมองไปยังคนเ่าั้โดยไม่โต้ตอบใดๆ สถานการณ์เช่นนี้เขาคาดคะเนไว้ั้แ่เมื่อคืนวานเรียบร้อยแล้วว่าจะต้องพบเจอ ตอนนี้ฝั่งครอบครัวลูกตนโตมีอำนาจบารมีมาก ไม่ต้องพูดไปไกล แค่ภายในบ้านของเย่เจี้ยนที่มีสัตว์อสูรคุณภาพระดับเจ็ดถึงสามตัวคือ เย่เจี้ยนสัตว์อสูรคุณภาพระดับเจ็ดพยัคฆ์โลหิต เย่ชิงขวงสัตว์อสูรคุณภาพระดับเจ็ดหมีคลั่ง เย่ชิงเฟิงสัตว์อสูรคุณภาพระดับเจ็ดหมาป่าสีเทา แค่บ้านหลังเดียวมีสัตว์อสูรคุณภาพระดับเจ็ดถึงสามตัวที่เทียบได้กับผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบ นับแค่พลังฝีมือก็น่ากลัวมากพอแล้ว หากนับรวมที่ท่านปู่เย่เทียนหลงที่เร้นกายไปไม่สนใจกิจการภายในตระกูล เรียกได้ว่าอำนาจของตระกูลทั้งหมดตอนนี้ล้วนตกอยู่ในมือของเย่เจี้ยน ฝั่งครอบครัวลูกคนโตในตอนนี้เจริญรุ่งเรืองอย่างสุดขีดเหมือนตะวันที่ลอยอยู่กลางฟ้า
ใน่ที่บิดาเย่เตาเรียกสัตว์อสูรคุณภาพระดับแปดราชสีห์ัออกมาได้ พร์ทางด้านการฝึกพลังยุทธ์ก็ไม่เป็สองรองใคร อายุยี่สิบแปดปีเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ คนในตระกูลเกือบทั้งหมดต่างเชื่อมั่นและฝากความหวังไว้ที่เขา รัศมีความรุ่งโรจน์ของเย่เตาราวกับพระอาทิตย์ที่สว่างเจิดจ้าในตอนกลางวันและคล้ายดวงดาวที่เจิดจรัสในยามค่ำคืน กดทับฝั่งครอบครัวลูกคนโตจนโงหัวไม่ขึ้น
แต่สภาพของครอบครัวลูกคนรองในตอนนี้ บิดาเสียชีวิตทีู่เาสุสานทวยเทพ ได้ยินว่าในปีนั้นยังมีท่านลุงเล็กอีกคนที่เป็เหมือนกับตนเองเป็ไอ้ขยะไร้ค่า แต่ได้หายสาบสูญไปเมื่อหลายปีก่อน ตนเองสภาพในตอนนี้จึงเป็เด็กที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่ โดดเดี่ยวและลำบากยากแค้น ใครๆ ก็สามารถข่มเหงรังแกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน่ที่เย่เตามีชีวิตอยู่นั้นมีการกระทบกระทั่งกับฝั่งครอบครัวลูกคนโตค่อนข้างรุนแรงอยู่ตลอด สั่งสมความแค้นกันไว้มาก เวลานี้ไม่กดหัวฝั่งครอบครัวลูกคนรองก็แปลกแล้ว เมื่อสักครู่นี้ที่พูดฉีกหน้าพูดเยาะเย้ยถากถาง เย่ชิงหานเห็นได้ชัดว่าเป็คนของฝั่งครอบครัวลูกคนโต
ดังนั้นเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้เย่ชิงหานจึงไม่สะทกสะท้าน ไม่โกรธและไม่โต้ตอบ ทำเพียงยืนอยู่ข้างประตูใหญ่เงียบๆ สอดส่องสายตาสำรวจห้องภายในลานใหญ่แห่งนี้ เมื่อทุกคนเห็นว่าเขาไม่สนใจไม่โต้ตอบจึงหมดสนุกเลยไม่ได้หันมาสนใจเขาอีก ต่างพากันเปลี่ยนเื่พูดคุยถึงพิธีปลุกพลังเมื่อวานแทน
ห้องเรียนสัตว์อสูรแบ่งออกเป็สามห้องโถงใหญ่คือ ระดับเริ่มต้น ระดับกลาง และระดับสูง ตอนนี้ประตูของทั้งสามที่ยังคงปิดสนิทแสดงว่ายังไม่ถึงเวลา
อืม! ตนเองเพิ่งจะเรียกสัตว์อสูรออกมาน่าจะอยู่ชั้นเรียนระดับเริ่มต้น เย่ชิงหานลูบคลำเ้าอสูรน้อยที่อยู่ในอ้อมอก จิตใจอยู่ในอารมณ์ที่สงบราบเรียบดั่งสายน้ำ
ในขณะที่กำลังคิดว่าวันนี้จะได้เรียนอะไรในห้องเรียนอยู่นั้น สัญชาตญาณในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น อย่างไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัว มีมือขนาดใหญ่ตวัดเหวี่ยงมาจากด้านข้างตรงเข้ามายังใบหน้าของเขา
มีคนจู่โจม!
เย่ชิงหานเดือดดาลขึ้นมาในใจ พลังฝีมือที่ฝึกฝนมาหลายปีถึงแม้จะยังย่ำอยู่ระดับแรกของขอบเขตขั้นสูง แต่พื้นฐานนั้นแข็งแรงมั่นคง ในใจแม้จะทั้งโกรธทั้งเดือดดาล แต่ร่างกายกลับเบี่ยงหลบไปด้านข้างโดยอัตโนมัติตามสัญชาตญาณ
ปัง
มือที่โจมตีมานั้นรวดเร็วจนเกินไปและยังเป็การลอบโจมตีด้วย แม้ปฏิกิริยาตอบสนองของเย่ชิงหานจะไวมากแล้ว แต่ก็ยังโดนโจมตีเข้าที่ไหล่ พลังรุนแรงสายหนึ่งกระแทกมาจึงทำให้ล้มลงไป อีกทั้งต้องปกป้องเ้าอสูรน้อยที่อยู่ในอ้อมอกทำให้ร่างกายขาดความสมดุล โซซัดโซเซถอยหลังไปหลายก้าวจึงล้มก้นจ้ำเบ้าลงไป
จากนั้นน้ำเสียงที่หยิ่งยโสโอหังเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ไอ้ลูกพันธุ์ผสม เ้าอุ้มสุนัขพันธุ์ผสมตัวหนึ่งยืนโง่ขวางทางเข้าหน้าประตูทำไม?”
“เย่ชิงขวง...เ้าทำบ้าอะไร?”
เย่ชิงหานผุดลุกขึ้น กวาดสายตามองไปยังประตูใหญ่ ที่หน้าประตูใหญ่ชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีจูงมือเด็กชายอายุห้าถึงหกปีคนหนึ่งยืนอยู่อย่างหยิ่งทะนง ชายหนุ่มอายุยี่สิบปีก็คือนายน้อยใหญ่ของตระกูล...เย่ชิงขวง ส่วนเด็กชายอายุห้าถึงหกปีที่อุ้มลูกหมาป่าสีเทาอยู่ข้างๆ คือน้องชายของเย่ชิงขวง...เย่ชิงเฟิง
“ข้าทำอะไรน่ะหรือ? ควรเป็ข้าที่จะต้องถามเ้ามากกว่าว่ามายืนขวางทางที่หน้าประตูทำพระแสงอะไร? ทำไม...คิดว่าเรียกสุนัขพันธุ์ผสมออกมาได้ตัวหนึ่งแล้วคิดว่าตัวเองสุดยอดแล้วอย่างนั้นหรือ? หรือจะให้ข้าเรียกอสูรหมีคลั่งออกมาเล่นกับสุนัขพันธ์ผสมของเ้าดูไหมเล่า?” เย่ชิงขวงพูดออกมาอย่างเฉยชาแม้แต่สายตาก็ยังไม่มองมาที่เย่ชิงหาน
“ฮ่าๆ นายน้อยขวง! อย่าพูดให้ตลกเลย กะอีแค่สุนัขพันธุ์ผสมตัวหนึ่งแค่หมีคลั่งของท่านผายลมออกมาก็ทำให้มันใกลัวจนตายแล้ว!”
“ถูกต้อง ไอ้ขยะนี่ดันมายืนขวางทางนายน้อยขวง สั่งสอนมันไปสักทีก็ถือว่าให้เกียรติมันมากพอแล้ว”
เย่ชิงขวงเพิ่งจะพูดจบ ทุกคนภายในลานใหญ่ต่างพากันหัวเราะขึ้นอย่างสนุกสนาน วิจารณ์กันเกรียวกราว
“เ้า...” เย่ชิงหานโกรธเดือดดาลอย่างที่สุด สองมือกำหมัดแน่ เมื่อสักครู่ก็เห็นๆ อยู่ว่าเขายืนอยู่ด้านข้างประตูจึงเป็ไปไม่ได้ที่จะขวางทางเข้าออกของผู้คน เห็นได้ชัดว่าเป็เย่ชิงขวงจงใจหาเื่อย่างไม่มีเหตุผลถือโอกาสรังแกเขา หลังจากสูดหายใจลึกเข้าไปสองครั้งเขาบอกกับตัวเองว่าต้องอดกลั้นไว้ ตอนนี้พลังฝีมือยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำการใดๆ ได้ จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยยิ้มที่เ็า “คนกระทำผิดฟ้าย่อมมองเห็น และข้าก็ไม่ได้ยืนขวางประตู คนที่มีตาล้วนมองเห็น เ้าอยากจะรังแกผู้ที่ด้อยกว่า ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด”
เย่ชิงขวงบิดคอไปมาเหล่ตามองมาที่เย่ชิงหานก่อนจะพูดขึ้นด้วยยิ้มที่เ็า “ปากคอเราะร้ายไม่เบานี่ รังแกผู้ที่ด้อยกว่า? ข้าจะรังแกผู้ที่ด้อยกว่าแล้วเ้าจะทำไม? เ้าจะกัดข้าอย่างนั้นรึ?”
เย่ชิงขวงยักไหล่พร้อมทั้งหัวเราะออกมาอย่างไม่แยแส เหล่ตามองเย่ชิงหาน คิดในใจว่าหากวันนี้ไม่ทำให้เกิดเื่ราวมากกว่านี้จะไม่ยอมเลิกรา แต่ไม่คาดคิดว่าตนเพิ่งจะพูดจบ ทันใดนั้น สีหน้าเย่ชิงขวงก็เปลี่ยนไปโดยทันที เขารีบผลักเย่ชิงเฟิงให้ไปอยู่อีกข้างหนึ่ง ส่วนตนเองรีบหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็วพร้อมกับต่อยหมัดออกไป
ปัง
หลังจากเสียงดังสนั่นจบลง เย่ชิงขวงถอยหลังโซเซไปห้าหกก้าวก่อนที่จะทรงตัวได้ ใบหน้าซีดเผือด สายตาเพ่งมองไปยังประตูใหญ่
คนส่วนมากที่อยู่ในลานใหญ่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งเสียงที่ดังสนั่นนั้นหยุดลงถึงได้เข้าใจโดยฉับพลัน สายตาของทุกคนมองไปยังทิศทางเดียวกันกับเย่ชิงขวง
“ที่แท้ก็เป็นาง ข้าก็คิดอยู่ว่าเป็ใครที่กล้าโจมตีใส่นายน้อยขวง”
“เหอะๆ แม่นางอู่รีบเดินทางกลับจากนครแห่งเทพเพื่อฉลองงานเทศกาลัเพลิงที่ตระกูล ข้าเห็นนางั้แ่เมื่อวานแล้ว”
“อ๋อ...ที่แท้ก็แม่นางอู่นี่เอง คราวนี้มีเื่สนุกให้ดูอีกแล้วสิ”
“แม่นางอู่ใส่ชุดเย้ายวนเกินไปแล้ว ข้าทนไม่ไหวแล้ว เืกำเดาจะไหลแล้ว!”
แม่นางอู่? เย่ชิงหานมองไปประตูใหญ่พร้อมกับทุกคนด้วยสายตาที่งุนงง สิ่งที่มองเห็นเป็อันดับแรกคือท่อนขาขาวผ่องสวยเรียวยาว "สาวงามระดับพระกาฬ" เย่ชิงหานอุทานออกมาเบาๆ ในใจ เมื่อลากสายตามองสูงขึ้นไปตามท่อนขาขาวเรียวสวยได้รูปนั้น มองเห็นกางเกงหนังขาสั้นรัดรูปสีแดงสดใส เลยขึ้นไป้าปรากฏเอวบางเล็กรับกับหน้าท้องที่ราบเรียบ ร่างท่อนบนเลยเอวขึ้นไปเป็เสื้อหนังรัดรูปสีแดงเย้ายวน ทรวงอกทั้งสองข้างนูนสูงตระหง่านราวกับจะมีบางสิ่งดันทะลุเสื้อหนังออกมา มองสูงขึ้นไปอีกเป็ใบหน้าที่ขาวบริสุทธิ์ผุดผ่องสวยสดงดงาม
‘ใบหน้าสวยดั่งนางฟ้ารูปร่างเย้ายวนดั่งนางมาร...นี่มันอาเจ้แสนสวยชัดๆ! ดูสิใส่เสื้อแบบนี้ใครจะไปอดใจไหว อืม...แม่นางอู่? เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นางมารน้อยเย่ชิงอู่?’
ในหัวของเย่ชิงหานปรากฏข้อมูลของคนๆ หนึ่งลอยโผล่ขึ้นมา เย่ชิงอู่คือหลานสาวของผู้าุโสูงสุดท่านหนึ่งของตระกูลเย่...เย่ชิงหนิว ปีนี้นางอายุยี่สิบห้าปี หากพูดว่าเย่ชิงขวงเป็ลูกหลานผู้มีพร์ของตระกูล ถ้าอย่างนั้นเย่ชิงอู่ก็เป็หญิงสาวที่มีพร์ของเขตปกครองเทพา สัตว์อสูรที่เย่ชิงอู่เรียกออกมาได้คุณภาพไม่สูงเท่าไรอยู่ในระดับเดียวกันกับเย่ชิงขวง สัตว์อสูรคุณภาพระดับเจ็ดจิ้งจอกหิมะ
แต่ว่าพร์ในการฝึกพลังยุทธ์ของนางอาจจะพูดได้ว่าโดดเด่นกว่าเย่เตาเลยก็ว่าได้ อายุยี่สิบห้าปีพลังฝีมือระดับแรกของขอบเขตนักรบ หากรวมร่างกับสัตว์อสูรพลังฝีมือจะเทียบได้กับระดับสามของขอบเขตนักรบ ปีที่แล้วถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่หกของทำเนียบผู้มีพลังฝีมือระดับชั้นปฐี อันดับดีกว่าเสว่อู๋เหินจากตระกูลเสว่อยู่มาก ต้องเข้าใจว่ายิ่งระดับพลังฝีมือสูงขึ้นการฝึกพลังปราณรบก็ยิ่งยากขึ้นตาม ผู้คนจำนวนมากทั้งชีวิตวนเวียนอยู่แค่ระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ ก็ดูอย่างท่านลุงใหญ่ของเย่ชิงหาน เย่เจี้ยน ที่ตอนนี้อายุจะสี่สิบแล้ว ฝึกฝนพลังยุทธ์มานานกว่าสามสิบปีเพิ่งจะบรรลุระดับแรกของขอบเขตาาจักดิพรรดิ แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วว่าพร์ในการฝึกพลังยุทธ์ของเย่ชิงอู่นั้นน่ากลัวเพียงใด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้