ใกล้ถึงเทศกาลตรุษจีนแล้ว ในเมืองหลวงตรอกน้อยใหญ่ล้วนแขวนด้วยโคมไฟระย้าสีแดง
เด็กน้อยต่างก็ถือถังหูลู่ไว้ในมือ พวกเขาเ่าั้สวมเสื้อชุดใหม่พร้อมกับะโโลดเต้นไปมา จินเฟิงแบกห่อผ้าไว้บนไหล่แล้วกวาดตามองรอบทิศเพื่อหาร้านขายวัตถุดิบอาหาร
ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะได้มีเวลาพักผ่อน จินเฟิงหันมองรอบๆ อย่างนึกสงสัย
เขาไม่เคยสังเกตดูตรอกซอกซอยของประชาชนอย่างจริงจังมาก่อน
ผู้คนครึกครื้นและวุ่นวายอย่างหาใดเปรียบไม่ได้ การเฉลิมฉลองนั้นมีกลิ่นอายของความอบอุ่นดุจครอบครัวก็ไม่ปาน
กิจการของเยวี่ยชุนโหลวนั้นนับวันยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถึงเทศกาลตรุษจีนแเื่ก็เพิ่มขึ้นทำให้คนที่ซื้อวัตถุดิบไม่เพียงพอ ประจวบเหมาะกับ่นี้หร่านซวี่จือนั้นเมตตาให้วันหยุดแก่จินเฟิงหลายวัน ด้วยความขยันหมั่นเพียรของจินเฟิง เขาจึงอาสาที่จะช่วยเหลือเอง
จินเฟิงตามหาร้านที่แม่ครัวบอกจนเจอ เมื่อเดินเข้าไป เด็กหนุ่มก็หยิบรายการออกมา หลังจากที่ซื้อข้าวของที่้าเรียบร้อย เขาก็เก็บของและเดินออกไป
จากนั้นจินเฟิงก็ไปเดินดูที่อื่นๆ อีก เมื่อกลับไปอีกทีท้องฟ้าก็มืดค่ำมากแล้ว จึงเลือกเดินไปทางลัดในถนนอันแคบ เมื่อเดินไปได้ครึ่งทางก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง เขาจึงเริ่มชะลอฝีเท้าให้ช้าลง
เสียงลมแหวกที่บางเบาจนแทบจะไม่สามารถรับรู้ได้ส่งผ่านมา ฉับพลันนั้นจินเฟิงก็รีบหลบออกไปทันควัน
เข็มเงินนั้นทิ่มเข้าที่ผนังกำแพงด้านหลัง ้านั้นมีพิษอาบอยู่ มันส่งเสียงกัดกร่อนดัง “ซ่าๆ ”
“ใครกัน? ” จินเฟิงเอ่ยพร้อมกับเพ่งสายตาแหลมคม
ชายชุดดำสองคนะโลงมาจากหลังคาสองฝังของตรอกนั้น คล้อยกันนั้นก็พุ่งเข้ามาโจมตีจินเฟิงด้วยฝ่ามือที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกำลังภายใน จินเฟิงเหยียบบนผนังหินแล้วะโขึ้นกลางอากาศอย่างรวดเร็ว แล้วชักกระบี่ยาวที่ใช้ตอนฝึกฝนออกมาจากเอว จากนั้นเขาก็สามารถรับการโจมตีที่รุนแรงไว้ได้
ห่อผ้านั้นหล่นลงจากไหล่ไปกองกับพื้น ผักผลไม้ไม่น้อยกลิ้งหลุนๆ ออกมา
จินเฟิงเคลื่อนไหวเข้าใกล้หนึ่งในชายชุดดำ กระบี่ยาวแทงไปทางใบหน้าของอีกฝ่าย ขณะเดียวกันที่ฝ่ามือซ้ายก็รวบรวมกำลังภายในที่แข็งแกร่ง พร้อมที่จะปะทะออกไปทุกเมื่อ
ใครจะรู้ว่าชายชุดดำถอยหลังอย่างว่องไว ชั่วพริบตานั้นก็แยกร่างกลายเป็เงาหลายร่าง จากนั้นเงาพวกนั้นก็ค่อยๆ ชัดขึ้น จนแปรเปลี่ยนเป็ชายชุดดำที่เหมือนกัน และโจมตีจินเฟิงพร้อมกันทีเดียว
จินเฟิงสะดุ้งในใจจึงยังไม่ทันหลบออก แต่กลับได้ยินเสียง “โครม” ดังขึ้น เงาดำร่างหนึ่งร่อนลงมากลางอากาศ ชายชุดดำเ่าั้กระเด็นกระดอนออกไปในพริบตาและกระแทกเข้ากับกำแพงที่อยู่ไม่ไกลออกไป ไม่นานนักก็กระอักเืและสิ้นใจไป
ชายขอบผ้าสีดำที่ปักลวดลายด้วยด้ายสีทองของหร่านซวี่จือปลิวสะพัดไปมา ใบหน้าหล่อเหลาเย็นะเืดุจน้ำแข็ง เขากำลังโบกพัดอย่างเชื่องช้าราวกับมีรังสีพิฆาตปนที่น่าหวาดกลัวปนอยู่ด้วย ั์ตานั้นเป็ดั่งดุจดวงดาวแห่งความหนาวเหน็บได้ปรายตามองจินเฟิงแวบหนึ่ง
“เหตุใดเพลานี้แล้วยังไม่กลับมาอีก? ” หร่านซวี่จือเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเป็อย่างมาก ฟังออกว่ามีความโมโหปนอยู่ในนั้น
จินเฟิงไม่ส่งเสียง ใบหน้าของเขาแดงก่ำเล็กน้อย สองมือนั้นก็กำชายเสื้อไว้แน่น
“จากนี้หากไม่ยอมกลับบ้านในเวลาที่กำหนด ข้าจะทำโทษเ้า” หร่านซวี่จือเอ่ย “กลับไปกับข้า” พูดจบก็หันหลังแล้วเตรียมพาจินเฟิงกลับบ้าน
จินเฟิงพยักหน้า ชำเลืองมองชายชุดดำไม่กี่คนที่กระอักเืตายอยู่บนพื้นนั้น ขณะที่กำลังจะก้าวเท้าเดิน ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นศพข้างเท้าของหร่านซวี่จือนั้นมีความเคลื่อนไหว
ม่านตาของจินเฟิงหดเล็กลงและเท้าของเขาก็ขยับโดยไม่ทันคิด แล้วพุ่งไปข้างหน้า จากนั้นเขาก็คว้าชายเสื้อของหร่านซวี่จือไว้ ขณะที่หร่านซวี่จือกำลังตะลึงก็ผลักเขาไปอีกทาง และแทบจะในขณะเดียวกัน ชายชุดดำที่เหมือนตายไปแล้วก็ใช้แรงเฮือกสุดท้ายยกมือขึ้นมือแล้วขว้างลูกดอกบินออกไป ลูกดอกนั้นแทงเข้าตรงไหล่ซ้ายของจินเฟิงอย่างจัง
หร่านซวี่จือเดือดดาล เขาใช้มือข้างหนึ่งรับจินเฟิงที่กำลังจะหมดสติไว้แล้วปล่อยฝ่ามือออกไปเต็มแรง พลังจากฝ่ามือนั้นทำเอาชายชุดดำที่ลอบโจมตีถึงกับกระดูกแหลกสลายทั่วร่าง
เืสดๆ ไหลซึมเสื้อผ้าของจินเฟิง พิษกระจายอย่างรวดเร็ว หร่านซวี่จือใช้สองนิ้วดึงพลังออกมาแล้วสกัดจุดให้จินเฟิงอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดยั้งการแผ่ซ่านของพิษ จากนั้นก็ใช้มือที่สั่นเทาก็อุ้มจินเฟิงขึ้นมาแล้วใช้วิชาตัวเบาเหาะเหินกลับไปที่เยวี่ยชุนโหลวด้วยความเร่งรีบ
หร่านซวี่จือคือเ้าสำนักชิงหยาเก๋อที่มียาที่ล้ำค่าหายากที่สุดในโลกใบนี้ เมื่อเข้าไปในห้องนอน เขาจับชีพจรแล้วตรวจดูร่างกายของจินเฟิงอยู่นาน ผ่านไปสักครู่ นอกจากความร้อนที่แผ่ออกมาจากทั่วร่างกายแล้วก็ไม่มีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น
เป็ไปได้อย่างไรกัน?
หร่านซวี่จือพะวงในใจ หรือว่าลูกดอกพิษนั้นไม่มีพิษ? หรือยาพิษนั่นเป็ชนิดที่ซ่อนอาการไว้?
จินเฟิงที่อยู่บนเตียงสะลึมสะลือและหายใจอย่างยากลำบาก
เขารู้จักพิษนี้เพราะชาติที่แล้วก็เคยโดนพิษนี้หนึ่งหนซึ่งแทบจะไม่ได้ต่างอะไรจากยาพิษขนานแรงแต่อย่างใด ผู้ที่ได้รับพิษจะเืไหลออกทางทวารทั้งเจ็ดและสิ้นใจทันที
แต่พิษนี้มีสิ่งที่แตกต่างจากพิษร้ายแรงอยู่อย่างเดียว ซึ่งก็คือ มันเป็พิษที่เป็ธาตุหยาง
จินเฟิงคือพวกกระดูกเย็นโดยกำเนิด เป็ร่างกายที่จัดอยู่ในธาตุหยิน โชคดีที่ทั้งสองธาตุนั้นผสานรวมกันได้ ทำให้ร่างกายสามารถผสานกับยาพิษได้ ถือเป็การช่วยชีวิตจินเฟิง แต่ที่โชคไม่ดีคือแม้ว่าพิษจะถูกผสานรวมกัน แต่ความร้ายแรงของมันยังคงอยู่ พิษนั้นจะทิ่มแทงเข้าสู่ทุกส่วนในร่างกาย รวมไปถึงความปรารถนาทางร่างกาย
หร่านซวี่จือที่อยู่ในฐานะของเ้าสำนักชิงหยาเก๋อ แม้ว่าจะเป็แพทย์ที่อัจฉริยะและหลักแหลมเพียงใด แต่กลับไม่รู้ถึงผลลัพธ์ของพิษชนิดนี้กับผู้ที่มีกระดูกเย็น และไม่ได้ส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนักในสถานการณ์เช่นนี้ จึงย่อมไม่สามารถเห็นถึงความผิดปกติ แต่เวลาเนิ่นนานไปร่างกายก็จะค่อยๆ เกิดความทุกข์ทรมาน
ชาติที่แล้วตอนที่จินเฟิงถูกพิษนี้ยังเป็่วัยหนุ่ม ฉะนั้นจึงสามารถใช้วิธีของผู้ใหญ่ในการจัดการปัญหา แต่ครั้งนี้เขาอายุยังเล็กนักและหร่านซวี่จือก็ยังอยู่ จะให้เขาไปหาคณิกาได้อย่างไร
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ จินเฟิงรู้สึกว่าครั้งนี้จะรุนแรงกว่าครั้งที่แล้วเสียอีก อีกฟากหนึ่งหร่านซวี่จือที่กำลังลูบคลำร่างกายของตนเองอยู่นั้น ่ล่างของตนก็แทบจะะเิออกเสียให้ได้
จินเฟิงหนีบขาของตนไว้เพราะกลัวว่าหร่านซวี่จือจะพบความผิดปกติ
หร่านซวี่จือตรวจอยู่นานครึ่งค่อนวันก็ไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ เขาจึงคิดว่าต้องทำการรักษาาแก่อนจึงถอดเสื้อของจินเฟิงออก หลังจากที่ดึงลูกดอกที่ปักอยู่ในตัวเขาออกมาก็เริ่มทำความสะอาดาแฉกรรจ์นั้น
จินเฟิงหดตัวไปไกล ขณะที่หร่านซวี่จือใช้ผ้าเปียกเช็ดนั้นก็ทำให้เช็ดไม่สะดวก จึงไม่ใส่ใจแม้จินเฟิงจะต่อต้านเพียงใด จากนั้นจัดการล็อกเขาไว้ในอ้อมอกแล้วกดศีรษะของเขาให้อยู่ข้างลำคอของตน พลางเสียงดุ “อยู่นิ่งๆ หน่อย! ”
ขณะที่พูดก็ใช้ผ้าที่ชุบเหล้ากดเข้าที่าแตรงไหล่ของจินเฟิง ขาสองข้างของจินเฟิงคร่อมอยู่บนตัวของหร่านซวี่จือ เขาเ็ปจนตัวสั่นอย่างรุนแรง และความใคร่นั้นก็ถูกความเ็ปนี้สยบลงไปบ้างเล็กน้อย
ผ้าเปียกนั้นเช็ดจุดที่แผลลึกที่สุดอยู่หลายครั้งทำให้จินเฟิงเ็ปจนทนไม่ไหว เด็กหนุ่มจึงงับเข้าที่ข้างลำคอของหร่านซวี่จือ
หร่านซวี่จือขมวดคิ้วแน่นแต่ก็ไม่ได้ตวาดเขา หากแต่นิ่งเงียบไว้และไม่ได้หยุดความเคลื่อนไหวของมือ
ในที่สุดาแก็ถูกทำความสะอาดเรียบร้อย หร่านซวี่จือหยิบยาขนานที่ดีที่สุดออกมาแล้วโรยผงยาบนาแของจินเฟิงอย่างระมัดระวัง
จินเฟิงซบอยู่บนตัวของหร่านซวี่จือราวกับปลาตาย หลังจากที่ผ่านพ้นความเ็ปไปได้ สติทั้งหมดก็เริ่มค่อยๆ กลับคืนมา รวมไปถึงกลิ่นที่วนเวียนอยู่ตรงจมูกและความร้อนระอุในปาก
คนที่อยู่ด้านล่างนั้นเคลื่อนไหวอ่อนโยนอย่างที่หาสิ่งใดเปรียบไม่ได้ ผ้าไหมเย็นเคลื่อนผ่านใบหน้า และกลิ่นหอมนั้นก็ทะลุทะลวงเข้าที่ปลายประสาทของจินเฟิงอย่างรุนแรง
หร่านซวี่จือขยับตัวและรับรู้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ พลันขมวดคิ้ว “บนตัวเ้ามีอะไรอยู่? มันทิ่มโดนข้าแล้ว”
จินเฟิงใบหน้าแดงระเรื่อทันใดและนึกขึ้นได้ เขาเอ่ยอึกๆ อักๆ “มัน…มันคือหยก! ”