ในยุคาเหล่าปีศาจและทวยเทพล้วนห้ำหั่นกันเพื่อความเป็ใหญ่ โลหิตหลั่งไหลเป็สายธารา ตะวันสิ้นแสง จันทรามืดมิด
ท้ายที่สุดสรวง์ก็พังทลาย ไร้ซึ่งผืนพิภพ ธารดาราดับสูญ เหลือไว้เพียงเสี้ยวธุลี[บM1]
แต่เพราะเหตุนี้ ในธารดาราอันกว้างใหญ่จึงมีดินแดนเล็กๆ แห่งหนึ่งถือกำเนิดขึ้น มันถูกเรียกขานว่า ‘แผ่นดินเซียนฉยง’ ณ ที่แห่งนี้ไม่มีการบูชาเทพหรือปีศาจ ไม่เคารพฟ้าดิน กลับมุ่งบำเพ็ญวิถีเซียนหรือใฝ่หาเพียงชีวิตนิรันดร์
เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็ธรรมชาติของมนุษย์ มิอาจหลีกเลี่ยง
วัฏจักรฟ้าดิน จักรวาลมีกฎเกณฑ์ มิอาจต่อต้าน
วัฏจักรแห่งผลกรรม เวียนว่ายตายเกิด มิอาจเปลี่ยนแปลง
ท้องนภาา ธารดาราไร้ขอบเขต ชีวิตนิรันดร์นำวิถี
……
ณ ทวีปไท่เซวียน เมืองตงหลิง
เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ชายแดนของราชวงศ์ต้าถัง เป็เส้นแบ่งเขตแดนระหว่างราชวงศ์ต้าซ่ง ทางเหนือมีแม่น้ำต้าอวิ้นไหลผ่าน ทางใต้มีถนนกู๋หม่า เรียกได้ว่าเป็เส้นทางคมนาคมที่สะดวกและการค้าเจริญรุ่งเรือง
ยามนี้เป็่ต้นฤดูหนาว บนท้องถนนเต็มไปด้วยพ่อค้าจากทั่วทุกสารทิศที่เดินขวักไขว่และพูดคุยเสียงดังครึกครื้น ทั้งรถทั้งม้าวิ่งแล่นเต็มถนน ดูคึกคักไม่น้อย
สองฝั่งถนนเรียงรายด้วยร้านค้าตระการตา ป้ายโฆษณาจากกระจกเซวียนกวงส่องแสงระยิบระยับ บ้างฉายภาพอาวุธอุปกรณ์ บ้างฉายภาพสัตว์ิญญาและสมบัติวิเศษ ทั้งยังมีโอสถิญญา สมุนไพรหายาก และสมบัตินับไม่ถ้วน[บM2]
……
ณ สถาบันเซียนเต้า ชั้นปีที่หกห้องเก้า
ณ เวลานี้ชายชราคนหนึ่งกำลังบรรยายในชั้นเรียน ซึ่งบรรยายได้ลื่นไหลราวกับแม่น้ำมิขาดสาย... ด้านหลังของเขาคือกระจกเซวียนกวงขนาดใหญ่บานหนึ่งที่กำลังสะท้อนภาพโครงสร้างร่างกายมนุษย์ ประกอบกับหลักการบำเพ็ญตนและคำถามที่พบบ่อยๆ
วิชาพื้นฐานการบำเพ็ญเซียน...
บทความการนั่งสมาธิและการเข้าฌาน
ต้นกำเนิดของศาสตร์ฮวงจุ้ยเก้าตำหนักแปดทิศ...
ความสำคัญของสามิญญาเจ็ดจิตต่อการบำเพ็ญตน...
ชายชราบรรยายอย่างละเอียดด้วยความตั้งใจ น่าเสียดายที่นักเรียนหลายสิบคนที่นั่งอยู่ด้านล่างกลับไม่มีกะจิตกะใจฟัง
นักเรียนส่วนใหญ่นี้มีอายุราวสิบเอ็ดถึงสิบสองปี สวมชุดคลุมยาวแบบเดียวกัน ถ้าพวกเขาไม่ได้แอบกระซิบคุย ก็นั่งหาวนอน แทบไม่มีใครเปิดตำราบนโต๊ะอ่าน
“เฮ้อ! ใฝ่หาวิถีเซียน ชีวิตนิรันดร์ช่างยากจะไขว่คว้า... เดิมทีพวกเ้าก็ไร้พร์อยู่แล้ว กลับไม่เพียรพยายาม ข้าล่ะหมดสิ้นหนทางจริงๆ !”
เห็นได้ชัดว่าชายชราเห็นภาพเช่นนี้จนชินตา เขาถอนหายใจพร้อมกล่าวไม่กี่ประโยคด้วยท่าทีคร้านจะตักเตือน แต่เขายังคงบรรยายพื้นฐานการบำเพ็ญเซียนต่อไป
ความจริงแล้วชั้นปีที่หกห้องเก้าคือชั้นที่กำลังจะเรียนจบ สถาบันเซียนเต้าอยู่ในสถานการณ์ตกต่ำมาตลอด มีนักเรียนขยันขันแข็งเพียงไม่กี่คน พวกเขาส่วนใหญ่ที่มานั่งเรียนที่นี่ก็เพื่อสำเร็จหลักสูตรวิถีเซียนเท่านั้น
ดังคำกล่าวที่ว่า บ้านเมืองมีกฎหมาย เซียนก็มีกฎการบำเพ็ญเซียนเช่นกัน
ในแผ่นดินเซียนฉยง วิถีเซียนอันรุ่งโรจน์นั้นต้องหมั่นเพียรเรียนรู้อยู่ตลอด ไม่ว่าเป็แคว้นหรือสถานที่ใด ทุกคนล้วนบำเพ็ญเซียนได้ เพียงแต่ต้องจบหลักสูตรวิถีเซียนก่อน ถึงจะมีป้ายประจำตัว บ้างก็บำเพ็ญตน บ้างก็เรียนศิลปะ บ้างก็ทำงาน... หลังจากเติบโตไปจึงจะไม่เป็คนต่ำต้อย
แน่นอนว่าทุกเื่ล้วนมีข้อยกเว้น และจั๋วอวิ๋นเซียนก็คือตัวประหลาดของชั้นปีที่หกห้องเก้า
จั๋วอวิ๋นเซียนเกิดในตระกูลเซียน สืบทอดสายเืสูงส่งมาจากบิดามารดา เขาไม่เพียงมีไหวพริบ ทั้งยังเป็คนฉลาดหลักแหลม และใฝ่เรียนรู้ั้แ่เด็ก อีกทั้งเขายังมีนิสัยอบอุ่น สุขุมรอบคอบกว่าคนอื่นๆ น่าเสียดายก็เพียงเขามีพร์ต่ำต้อย ยากต่อการบำเพ็ญตน
มนุษย์มีสามิญญาเจ็ดจิต ซึ่งเป็ตัวแทนของผู้นำแห่งสรรพชีวิตที่หมายถึงความสมบูรณ์แบบ
ทว่าวิถีฟ้าไม่สมบูรณ์ คิดจะกลายเป็ผู้บำเพ็ญเซียนอย่างแท้จริง ต้องปลุกสามิญญา หลอมรวมเจ็ดจิต ถึงจะสามารถเปิดพลังแฝงในร่างกายและก่อเกิดเป็รากฐานแห่งวิถีเซียน
นาม “จั๋วอวิ๋นเซียน” แสดงให้เห็นถึงความคาดหวังที่บิดามารดามีต่อเขา หวังว่าเด็กคนนี้จะบรรลุวิถีเป็เซียน ทว่าน่าเสียดายตอนจั๋วอวิ๋นเซียนอายุหกปี ตระกูลจั๋วได้ทดสอบพร์ของสามิญญาเจ็ดจิตแล้วพบว่าจั๋วอวิ๋นเซียนขาดไปหนึ่งิญญาั้แ่เกิด
ใช่แล้ว ถึงแม้จั๋วอวิ๋นเซียนจะแสดงออกถึงความชาญฉลาดมาั้แ่เด็ก พฤติกรรมต่างๆ ล้วนไม่ต่างจากคนปกติ กระนั้นเขากลับพิการแต่กำเนิด ต่อให้ฝืนบำเพ็ญตนก็ยากจะประสบความสำเร็จได้ แม้กระทั่งร่างกายก็อ่อนแอ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเกิดในตระกูลวิถีเซียนและมีสมุนไพริญญามากมายบำรุงกาย บางทีเขาอาจจะเสียชีวิตไปนานแล้ว
……
ชายชราสังเกตเห็นจั๋วอวิ๋นเซียน เพราะทั้งห้องมีเพียงเขาที่ยังคงตั้งใจฟังบรรยาย
หากไม่พูดถึงชาติกำเนิดและภูมิหลัง สำหรับนักเรียนที่ขยันหมั่นเพียร ชายชราทั้งชื่นชอบทั้งเสียดาย
จั๋วอวิ๋นเซียนเรียนที่สถาบันเซียนเต้ามาหกปีแล้ว ไม่เคยขาดลามาสาย บางครั้งในวันหยุดเขาจะอยู่ที่ห้องตำราของสถาบันเพื่ออ่านตำราต่างๆ ได้ยินมาว่าตำราที่ตระกูลจั๋วเก็บไว้ล้วนผ่านตาเขามาแล้วทุกอักษร
ชายชราเชื่อว่าถ้าจั๋วอวิ๋นเซียนมีสามิญญาเจ็ดจิตสมบูรณ์ ในอนาคตต้องกลายเป็บุตรแห่ง์ของราชวงศ์ต้าถังแน่ บางที... นี่อาจจะเป็สิ่งที่คนโบราณมักกล่าวว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ์มักอิจฉาผู้มีความสามารถ!
……
“จั๋วอวิ๋นเซียน ทุกสิ่งที่เรียนมาใน่หกปีล้วนเป็วิถีเซียน ตอนนี้เ้าลองว่ามาสิ เหตุใดถึงต้องบำเพ็ญวิถีเซียน?”
เมื่อได้ยินคำถามของชายชรา จั๋วอวิ๋นเซียนตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ นักเรียนในห้องก็ค่อยๆ เงียบเสียงลง
เหตุใดต้องบำเพ็ญเซียน? คำถามที่ง่ายเช่นนี้ยังต้องถามอีกหรือ?
มีนักเรียนไม่น้อยที่เบะปากมองบน การบำเพ็ญวิถีเซียนก็เพื่อชีวิตนิรันดร์ไม่ใช่หรือ? ก็เพื่อให้อยู่เหนือผู้อื่นและเป็ที่เคารพนับถือไม่ใช่หรือ? ใครจะไม่อยากมีชีวิตอยู่นานๆ เล่า? ใครจะไม่อยากมีชีวิตอย่างสุขสบาย?
จั๋วอวิ๋นเซียนครุ่นคิดเล็กน้อย เขาไม่ได้รีบร้อนตอบกลับ คำถามของชายชราดูเหมือนง่าย แต่แท้จริงกลับชี้ไปที่รากฐานของการบำเพ็ญเซียน ชี้ให้เห็นถึงจิตใจ
ต่างคนต่างใฝ่หาสิ่งที่แตกต่างกัน เป้าหมายการบำเพ็ญเซียนของพวกเขาไม่เหมือนกัน ความเข้าใจในวิถีเซียนจึงไม่เหมือนกัน
เมื่อคิดได้ดังนั้น จั๋วอวิ๋นเซียนจัดระเบียบเสื้อ แล้วลุกขึ้นตอบด้วยความเคารพ “ศิษย์คิดว่าเซียนคือความเชื่ออย่างหนึ่ง ชีวิตนิรันดร์ อิสรเสรี ไร้สิ่งเหนี่ยวรั้ง นี่คือวิถีเซียนของข้า”
“ฮ่าๆ ขำจะตายอยู่แล้ว!”
“ใช่แล้วใช่แล้ว ใครๆ ก็โอ้อวดเป็ทั้งนั้น!”
“คนที่ััพลังิญญาไม่ได้ด้วยซ้ำ ยังมีหน้ามาบอกว่าอิสระไร้กังวล หลุดพ้นพันธนาการ ดีแต่พูดเท่านั้น เหอะๆๆ!”
……
นักเรียนในห้องต่างไม่เห็นด้วย ในสายตาของพวกเขา แค่มีชีวิตนิรันดร์ก็เพียงพอแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดถากถางของเพื่อนในห้อง จั๋วอวิ๋นเซียนก้มหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้โกรธและเถียงกลับ มีเพียงความเงียบงัน
เขารู้ว่าสามิญญาของเขาไม่สมบูรณ์ แต่เขาไม่เคยละทิ้งความใฝ่ฝันต่อวิถีเซียน เขายังคงบำเพ็ญตน นั่งสมาธิเข้าฌานทุกวัน นี่คือความปรารถนาอย่างหนึ่งเหมือนความหลงใหลที่เรามีต่อสิ่งสวยงาม
ความจริงแล้วเด็กที่เกิดบนแผ่นดินเซียนฉยง ล้วนมีเป้าหมายในการบำเพ็ญเซียนที่แสนบริสุทธิ์ เพียงแต่การเติบโตตามกาลเวลา แล้วมีผลประโยชน์เข้ามาข้องเกี่ยวเมื่อใด เมื่อนั้นความคิดของทุกคนจะค่อยๆ เปลี่ยนไปจนไร้ซึ่งความบริสุทธิ์
“จั๋วอวิ๋นเซียน ปณิธานของเ้าไม่เลวเลย!”
ใบหน้าของชายชราแฝงด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างพอใจกับคำตอบของจั๋วอวิ๋นเซียน สำหรับวาจาถากถางของนักเรียนคนอื่น ชายชราหาได้สนใจไม่
มีนักเรียนไม่น้อยที่สีหน้าเปลี่ยนไป บ้างก็ดูถูก บ้างก็อิจฉา... เห็นกันอยู่ว่าจั๋วอวิ๋นเซียนเทียบกับพวกเขาไม่ได้ แต่กลับได้รับคำชมจากชายชรา ช่างน่าขันยิ่งนัก!
จากนั้นชายชราถามอีกครั้ง “จั๋วอวิ๋นเซียน ปกติเ้าอ่านตำรามาไม่น้อย เ้าเข้าใจวิถีเซียนโบราณมากน้อยเพียงใด?”
วิถีเซียนโบราณ!
นักเรียนในห้องตะลึงอย่างห้ามไม่ได้ พวกเขารู้เพียงการบำเพ็ญวิถีเซียน ไม่เคยได้ยินวิถีเซียนโบราณ ถึงอย่างไรมันก็เป็แค่วิถีการบำเพ็ญเซียนที่ล้าสมัยไปแล้ว จะทำความเข้าใจมันไปทำไม?
จั๋วอวิ๋นเซียนคิดทบทวนตำราที่เคยอ่าน ก่อนกล่าวว่า “เดิมทีวิถีเซียนมีต้นกำเนิดจากวิถีทั้งสามพันวิถี มองเห็นแต่จับต้องไม่ได้ แต่วิถีเซียนโบราณคือสิ่งที่ลึกลับซับซ้อน หลอมปราณเป็จิต หลอมจิตเป็ิญญา หลอมิญญาหวนคืนสู่ความว่างเปล่า หลอมความว่างเปล่ารวมเป็วิถี วิถีกลับคืนสู่ธรรมชาติจนกลายเป็เซียน... นี่ก็คือสาเหตุที่วิถีเรียบง่าย”
“วิถีเรียบง่าย เป็คำที่ดีมาก! เ้าสรุปสี่คำนี้ได้กระชับยิ่งนัก”
ชายชราพยักหน้าเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าแจ่มใสยิ่ง
