เมื่อจ้านอู๋มิ่งออกจากตำหนักองค์หญิงเชียนเชียน ก็เห็นต้วนหลิวฉางคอยเขาอยู่ที่ตีนเขา คนผู้นี้มิใช่ใส่ใจจ้านอู๋มิ่งมากแต่อย่างไร แต่สนใจเื่ที่องค์หญิงเชียนเชียนสนทนากับจ้านอู๋มิ่งมากกว่า คง้าทราบข่าวสารเกี่ยวกับองค์หญิงเชียนเชียนจากจ้านอู๋มิ่ง เขากระจ่างแจ้งยิ่ง องค์หญิงเชียนเชียนน้อยครั้งนักที่จะรั้งแขกไว้สนทนาอย่างยาวนานหลังงานเลี้ยงยามราตรีเลิกราแล้ว
แต่เสียดายที่จ้านอู๋มิ่งต้องทำให้เขาผิดหวังแล้ว ย่อมไม่สามารถนำเื่ราวที่สนทนากับจู้เชียนเชียนมาเล่าให้ต้วนหลิวฉางฟังอย่างเด็ดขาด จ้านอู๋มิ่งโยกโย้ไปมา สุดท้ายต้วนหลิวฉางหมดปัญญา ได้แต่ถอนหายใจยาวๆ แล้วจากไป ศิษย์น้องเล็กผู้นี้ ตอแยด้วยยากเกินไปแล้ว
……
กิจการการค้าที่เฟื่องฟูที่สุดของเมืองวันสิ้นโลกใน่นี้คือการให้เช่านาวาปราณจิติญญา เนื่องจากในระยะนี้ กลุ่มอำนาจต่างๆ จากทั่วทุกสารทิศมาถึงเมืองวันสิ้นโลกจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนไปถึงสถานพำนักของคุนเผิง จะต้องแล่นเรือเดินทางผ่านมหาสมุทรกว้างนับพันลี้ หากไม่มีนาวาปราณจิติญญาเพื่อใช้สำหรับเดินทาง นอกจากจะบรรลุขอบเขตราชันาที่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ เมื่อล่วงล้ำเข้าสู่สถานพำนักของคุนเผิง ราชันาเองก็ยังหมดปัญญา เพราะสถานที่นั้นเพียงสามารถสำแดงพลังระดับราชันาระดับต้นเท่านั้น ถึงแม้จะเป็ราชันาระดับต้นก็สามารถเหินหาวท่องนภาได้เช่นกัน แต่ทว่าไม่สามารถดำรงอยู่ได้นานนัก ยามที่พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้หมดสิ้นลง จะต้องกลายเป็อาหารว่างของสัตว์อสูรในมหาสมุทรอย่างแน่นอน
สำหรับบางสำนักนิกายใหญ่ที่เปี่ยมอำนาจบารมี มิจำเป็ต้องเช่าแต่อย่างใด แต่ละสำนักนิกายล้วนมีสาขาย่อยของสำนักอยู่ในเมืองวันสิ้นโลก รายได้หลักของสำนักสาขาคือการค้าขายสมบัติล้ำค่าระดับจิติญญาและสมบัติวิเศษชนิดต่างๆ ในมหาสมุทรวันสิ้นโลก พวกเขาจะออกค้นหาสมบัติในมหาสมุทรเป็ครั้งคราว
ดังนั้น แต่ละสำนักใหญ่ล้วนมีนาวาปราณจิติญญาขนาดใหญ่ที่สามารถต้านทานคลื่นลมมรสุมในมหาสมุทรได้ ส่วนบริเวณที่ลึกเข้าไปในน่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลก แม้จะใช้นาวาปราณจิติญญาชั้นสูงสุดก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของสัตว์ั์ใต้ทะเลลึกได้ ดังนั้นเมืองวันสิ้นโลกส่วนใหญ่จึงเน้นไปที่นาวาปราณจิติญญาระดับสูงและกลางเป็หลัก
นาวาปราณจิติญญาของสำนักบริบาลเดรัจฉานเป็นาวาระดับสูง บนลำเรือสลักเต็มไปด้วยลวดลายยันต์ค่ายกล ความสูงร่วมสิบวา ตัวนาวายาวกว่าร้อยวา อีกทั้งความกว้างร่วมสิบวา ดูแข็งแกร่งยิ่งใหญ่สุดจะเปรียบปาน
ท่าเรือน้ำลึกของเมืองวันสิ้นโลก ไม่เพียงมีนาวาลำใหญ่ของสำนักบริบาลเดรัจฉานลำนี้เท่านั้น เรือสูงตระหง่านหลายชั้นของสำนักิญญาเร้นลับและสำนักกระบี่ิญญาก็ออกจากท่าเดินทางในวันเดียวกัน เกี่ยวกับสถานพำนักของคุนเผิง มิมีผู้ใด้าพลาดโอกาสนี้ แต่เนื่องจากไม่กี่วันก่อนมหาสมุทรวันสิ้นโลกเกิดพายุบ้าคลั่งขึ้น แต่ละสำนักนิกายจึงมิได้ออกจากท่า วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ทุกคนจึงพากันออกทะเลแทบจะพร้อมกัน
เยว่หลิงซานก็อยู่บนเรือ เส้นทางเดินเรือจากเมืองวันสิ้นโลกถึงสถานพำนักของคุนเผิง ฐานบ่มเพาะไม่ถูกสะกดข่ม ดังนั้นตัวประหลาดเฒ่ามากมายของแต่ละสำนักนิกายจึงนำทางศิษย์ในสำนักไปส่งจนถึงด้านนอกสถานพำนักโดยตรง โดยมีเงื่อนไขว่านาวาปราณจิติญญาขนาดใหญ่จะรอศิษย์ของสำนักอยู่ด้านนอกสถานพำนักของคุนเผิง
ครั้งนี้ศิษย์ของสำนักบริบาลเดรัจฉานที่เข้าสู่สถานพำนักของคุนเผิงมีมากกว่าร้อยคน เรียกได้ว่าเป็คณะเดินทางที่ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว นำโดยเฉวียนหรูเซิน หนึ่งในสิบราชัน จะเห็นได้ว่าสำนักบริบาลเดรัจฉานให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการเดินทางไปสถานพำนักของคุนเผิงในครั้งนี้ การเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรภายในสถานพำนักของคุนเผิง มิมีผู้ใดกล้าชะล่าใจ
“ศิษย์น้องจ้าน” จ้านอู๋มิ่งกำลังมองน่านน้ำของมหาสมุทร ด้วยกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เสียงแ่เบาเสียงหนึ่งก็ดึงเขากลับคืนมาจากภวังค์
“ศิษย์พี่เฉวียน” จ้านอู๋มิ่งสะดุดใจวูบ ผู้มากลับเป็เฉวียนหรูเซิน ราชันสัตว์ร้าย
เฉวียนหรูเซินมาถึงคณะเดินทาง เขาล้วนทราบแล้ว บรรดาศิษย์พี่น้องในสำนักเคารพนับถือศิษย์พี่เฉวียนยิ่งนัก ดังนั้นเวลาที่เฉวียนหรูเซินกลับมาถึง ถึงแม้อันดับในสิบราชันของเขาจะลดลงมาแล้วหนึ่งอันดับ ก็ยังคงถูกบรรดาศิษย์พี่น้องห้อมล้อมดุจดาวล้อมเดือน เฉกเช่นวีรบุรุษเหมือนเดิม
ชั่วขณะที่เห็นเฉวียนหรูเซิน จ้านอู๋มิ่งมีความรู้สึกที่พิเศษสายหนึ่ง ดวงชะตาของคนผู้นี้แปลกอย่างยิ่ง ในสายตาของจ้านอู๋มิ่ง จำนวนตัวเลขชีวิตของเฉวียนหรูเซินดูเหมือนจะถูกเมฆหมอกกลุ่มหนึ่งบดบังอยู่ ด้วยฐานบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ ไม่สามารถดูให้กระจ่างได้เลย แต่จ้านอู๋มิ่งมั่นใจว่าดวงชะตาของเฉวียนหรูเซินเคยถูกยอดฝีมือเปลี่ยนแปลงมาก่อน จ้านอู๋มิ่งนึกถึงคำเตือนของจู้เชียนเชียนขึ้นมาแล้ว
“ศิษย์พี่กลับมาแล้ว อู๋มิ่งมิเคยมีโอกาสไปคารวะมาตลอด ขอให้ศิษย์พี่อย่าได้ถือสา”
“อืม ข้าเคยได้ยินอาจารย์อาฉินพูดว่าเ้าคือราชันแห่งอัจฉริยะในปีนี้ของแคว้นมหาจักรพรรดิชางเหยียน เวลาที่เปิดประตูสำนักทำพิธีใหญ่ รับศิษย์อย่างเป็ทางการ ประจวบกับศิษย์พี่ออกไปค้นหาประสบการณ์อยู่ด้านนอกพอดี มิสามารถกลับมาร่วมพิธีได้ทัน หวังว่าต่อไปพวกเราสามารถใกล้ชิดกันให้มากไว้” เฉวียนหรูเซินอ่อนโยนยิ่งนัก เฉกเช่นหัวหน้าศิษย์พี่ผู้หนึ่ง จ้านอู๋มิ่งมิอาจไม่ยอมรับเสน่ห์ของคนผู้นี้ ถ้าคนผู้นี้ซ่อนเร้นเจตนาสังหารตนไว้ เปลือกนอกยังคงสามารถมีสีหน้าชื่นชมยินดีถึงเพียงนี้ นับเป็คนที่เก่งมากผู้หนึ่ง มิควรประมาทอย่างเด็ดขาด
“ขอบคุณความใส่ใจของศิษย์พี่ ศิษย์พี่เป็ถึงหนึ่งในสิบราชันของแผ่นดินพั่วเหยียน บุคคลตัวอย่างของเหล่าอัจฉริยะนับมิถ้วนในใต้หล้า และเป็แบบอย่างที่ศิษย์น้องควรเรียนรู้เป็เยี่ยงอย่าง ต่อไปหวังว่าจะสามารถได้รับคำชี้แนะจากศิษย์พี่” จ้านอู๋มิ่งยิ้มๆ กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่เคารพนับถือ
“พวกเราเป็ศิษย์พี่น้องในสำนักเดียวกัน มิต้องเกรงใจกันขนาดนี้ การเดินทางครั้งนี้ เ้าฐานบ่มเพาะระดับต่ำที่สุด หลังจากเข้าไปในน่านน้ำมหาสมุทรแล้วอันตรายมีมากมายนัก ถึงเวลานั้นเ้าติดตามศิษย์พี่ไว้ให้ดี ศิษย์พี่จะได้คอยดูแลเ้า” เฉวียนหรูเซินยิ้มๆ สีหน้าช่างเอาใจใส่ยิ่ง
“ขอบคุณศิษย์พี่ อู๋มิ่งได้นัดหมายกับศิษย์พี่ตู้เยว่ิและพวกไว้เรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาพวกเขาจะคอยดูแลข้า” จ้านอู๋มิ่งรีบกล่าวขอบคุณ
“อ้อ ศิษย์น้องตู้เยว่ิ ถ้าเช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว แต่ว่าการเดินทางครั้งนี้อันตรายนัก ทุกสิ่งต้องระมัดระวังไว้ เ้าคืออัจฉริยะของสำนักบริบาลเดรัจฉานของเรา ข้ามิ้าเห็นเ้าได้รับาเ็ที่นี่” เฉวียนหรูเซินถอนใจโล่งอกคราหนึ่ง ยิ้มพลางตบไหล่ของจ้านอู๋มิ่ง
จ้านอู๋มิ่งได้แต่ยิ้มๆ ลอบถอนหายใจคราหนึ่ง ยามที่ฝ่ามือเฉวียนหรูเซินตบลงบนไหล่ของเขา พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีจิติญญาปฐมภูมิสายหนึ่งแฝงอยู่บนร่างตน ในใจจ้านอู๋มิ่งรู้สึกอับจนปัญญายิ่งนัก ดูเหมือนจู้เชียนเชียนจะกล่าวถูกต้องแล้วจริงๆ พอนึกว่าจะต้องต่อสู้กับสิบราชันาที่แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินที่สถานพำนักคุนเผิงแล้ว จ้านอู๋มิ่งอดที่จะศีรษะพองโตมิได้
“ศิษย์พี่เฉวียนก็อยู่ด้วยหรือ ศิษย์น้องต้วนหลิวฉางขอน้อมพบศิษย์พี่” ขณะจ้านอู๋มิ่งกำลังสนทนากับเฉวียนหรูเซิน ต้วนหลิวฉางก็แทรกเข้ามาร่วมวงดั่งภูตผีก็ปาน พอเห็นเฉวียนหรูเซิน พลันสีหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็เคารพนับถือสุดชีวิตขึ้นมา
“เ้ามาหาศิษย์น้องจ้านหรือ?” เฉวียนหรูเซินผงกศีรษะ ถามขึ้นยิ้มๆ
“หากศิษย์พี่มีธุระกับศิษย์น้อง เช่นนั้นรอให้สายอีกหน่อย ข้าค่อยมาหาเขาก็ได้” ต้วนหลิวฉางรีบพูด
“มิมีเื่ใด ข้าเพียงแค่สนทนาเื่ทั่วไปกับศิษย์น้องไม่กี่คำ พวกเ้ามีธุระก็คุยกันก่อน ข้าขอตัว” เฉวียนหรูเซินพูดเสียงเรียบๆ
“ศิษย์พี่ต้วนมีเื่ใดหรือ?” จ้านอู๋มิ่งเห็นต้วนหลิวฉาง บนใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
“มิมีเื่ก็มิสามารถจะมาหาเ้าอย่างนั้นหรือ!” ต้วนหลิวฉางค้อนจ้านอู๋มิ่งคราหนึ่ง เขาพูดไม่ออกกับศิษย์น้องคนนี้แล้วจริงๆ วันนั้นสนทนากับองค์หญิงเชียนเชียนนานขนาดนั้น แต่ไม่ว่าจะถามอย่างไรก็มิยอมบอกสักคำ ปากแข็งอะไรเยี่ยงนี้
แต่เขาก็รู้ว่าหากติดตามจ้านอู๋มิ่งไว้ ต่อไปจะมีโอกาสได้พบกับองค์หญิงเชียนเชียนมากขึ้นอย่างแน่นอน เห็นได้ชัดเจนยิ่งนักว่าองค์หญิงเชียนเชียนมองจ้านอู๋มิ่งแตกต่างออกไป ค่ำคืนนั้นเขาเห็นองค์หญิงเชียนเชียนออกมาส่งจ้านอู๋มิ่งถึงประตูด้วยสายตาของเขาเอง ช่างเป็เกียรติสูงส่งอะไรเช่นนี้ นี่คือเื่ที่เขาใฝ่ฝันหาเลยทีเดียว
แต่วันนี้สาเหตุที่เขามาตามหาจ้านอู๋มิ่งกลับทำให้เขารู้สึกห่อเหี่ยวยิ่งนัก มิรู้ว่าเขากลับกลายเป็คนส่งสาส์นระหว่างองค์หญิงเชียนเชียนกับจ้านอู๋มิ่งไปั้แ่เมื่อใด
เห็นเฉวียนหรูเซินจากไปแล้ว จ้านอู๋มิ่งมองต้วนหลิวฉางแล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ต้วน ดูท่าทางของเ้าแล้ว มีเื่ราวน่ายินดีหรือ?”
“เ้าทายถูกแล้ว” สีหน้าต้วนหลิวฉางดูประหลาดใจ ลอบคิดในใจ ไอ้หนูนี่ร้ายกาจ มิเพียงแต่สามารถช่วยดูจำนวนตัวเลขชีวิตให้ผู้อื่น เื่น่ายินดีก็สามารถคาดเดาออกมาได้ คงไม่เก่งกาจขนาดนั้นหรอกกระมัง
“รีบกล่าวมาเถอะ ข้ากำลังยุ่งมาก” จ้านอู๋มิ่งยิ้มอย่างเ้าเล่ห์
“เ้ายังกำลังยุ่งอย่างนั้นหรือ เ้านี่ช่างขาดคุณธรรมที่สุดแล้ว รายรับทั้งเดือนของศิษย์พี่มอบให้เ้าหมดสิ้นแล้ว ทำให้เ้าได้อยู่ใกล้ชิดกับองค์หญิงเชียนเชียนแล้ว ข้าศิษย์พี่ตากลมอยู่ด้านนอก ช่วยเฝ้าต้นทางให้เ้าอยู่ครึ่งค่อนคืน” สีหน้าต้วนหลิวฉางเต็มไปด้วยการตัดพ้อต่อว่า
“ได้ ก็แค่หินอัคคีิญญาห้าก้อนเท่านั้น เหตุใดต้องน้อยใจถึงเพียงนั้นด้วย ข้ามิใช่พาเ้าได้ไปฟังองค์หญิงเชียนเชียนบรรเลงดนตรีให้ฟังบทหนึ่งหรอกหรือ? นอกจากนี้อาหารในงานเลี้ยงก็อุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก หาไปรับประทานที่ภัตตาคารจ้าวสมุทร์ มูลค่าอย่างน้อยก็ต้องหนึ่งพันแปดร้อยตำลึงทองกระมัง? นอกจากนี้เ้ายังได้คบหากับสหายดีๆ อีกหลายคนมิใช่หรือ?” จ้านอู๋มิ่งพลันรู้สึกศีรษะพองโต เขาไม่้าให้ต้วนหลิวฉางคอยย้ำถึงเื่นี้อยู่ร่ำไป คำพูดใดพอถึงปากศิษย์พี่ต้วนก็ล้วนเปลี่ยนไปแล้ว
ต้วนหลิวฉางยักไหล่ หินอัคคีิญญาห้าก้อนนั้นเขาก็รู้สึกว่าจ่ายไปคุ้มค่า แต่ว่าเขาจนปัญญาที่จะไม่รู้สึกอิจฉาศิษย์น้องเล็กคนนี้ นั่นคือโอกาสที่ได้อยู่เพียงลำพังกับองค์หญิงเชียนเชียนในห้องเดียวกัน แถมยังอยู่ด้วยกันนานกว่าครึ่งค่อนคืน ไฉนบุปผาแสนดีดอกหนึ่งต้องปักลงในมูลวัวอย่างศิษย์น้องที่ไม่มีเอกลักษณ์ ไร้รสนิยมเช่นนี้ด้วยเล่า
“เื่ดีๆ ก็เป็ข่าวดีของเ้า!” ต้วนหลิวฉางรู้สึกคับข้องใจ ตนเองหล่อเหลากว่าศิษย์น้องจ้าน บุคลิกก็สง่างามและสุภาพอ่อนโยน พร์เด่นล้ำเหนือธรรมดา เ้าดูศิษย์น้องจ้านแม้แต่คำพูดจะชมเชยสักคำในงานเลี้ยงอาหารค่ำก็พูดไม่เป็ องค์หญิงเชียนเชียนไฉนจึงได้ไปสนใจคนชนิดนี้ด้วยเล่า
“นี่คือสิ่งของที่สาวใช้ขององค์หญิงเชียนเชียน้าให้ข้าส่งต่อให้เ้า บอกว่าองค์หญิงเชียนเชียนกำชับมา นางมิสะดวกที่จะพบเ้าโดยตรง ดังนั้นจึงต้องให้ข้าส่งต่อ ได้รับใช้องค์หญิงเชียนเชียน นับเป็เื่ที่ดีอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็แสดงว่าองค์หญิงเชียนเชียนเชื่อใจข้า แต่ว่าไฉนจึงช่างไร้เหตุผลนัก ข้าหล่อเหลากว่าเ้า ข้าดูคงแก่เรียน มีความรู้ด้านวรรณกรรมมากกว่าเ้า ทั้งยังเป็ราชันาอีกด้วย แต่เ้าเป็แค่ปรมาจารย์นักยุทธ์เท่านั้น อีกทั้งยังมิรู้จักยกย่องผู้คน ไฉนองค์หญิงเชียนเชียนจึงสนใจเ้า มิใช่ข้า แล้วเ้าเล่า ช่างไร้เหตุผลจริงๆ!” ต้วนหลิวฉางตัดพ้อพลางส่งแหวนจักรวาลในมือให้จ้านอู๋มิ่ง
จ้านอู๋มิ่งตะลึง องค์หญิงเชียนเชียนกลับให้ต้วนหลิวฉางส่งของต่อมาให้ตน ได้ยินคำพูดแสนหึงหวงของต้วนหลิวฉางแล้ว จ้านอู๋มิ่งอดที่จะหัวเราะไม่ได้ กล่าวว่า “ศิษย์พี่ เวลานี้เ้าได้รับความไว้วางใจจากองค์หญิงเชียนเชียนแล้ว ถ้าสิ่งของนี้ล้ำค่านัก นั่นก็แสดงว่านางไว้เนื้อเชื่อใจเ้าอย่างยิ่ง หากสิ่งของในนี้เป็ของที่ไม่มีราคาค่างวดใด นั่นก็แสดงว่านางมิได้รู้สึกอันใดกับข้าเลย แต่มิว่าอย่างไร ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็เื่ดีสำหรับศิษย์พี่มิใช่หรือ?”
ต้วนหลิวฉางตะลึง พลันยิ้มแย้ม รู้สึกเบิกบานใจ ดูเหมือนจะเป็เช่นนี้จริงๆ เขาเริ่มอยากรู้แล้วว่าสิ่งของที่อยู่ข้างในคือสิ่งใด รีบพูดว่า “รีบๆ ดู ข้างในคือสิ่งของใด เป็ของล้ำค่าหรือไม่?”
จ้านอู๋มิ่งแผ่ประสาทััตรวจสอบดู ภายในแหวนจักรวาลเป็นาวาปราณจิติญญาขนาดเล็กลำหนึ่ง กลับเป็วัตถุจิติญญาระดับสูง สิ่งของนี้สำหรับเขาแล้วมีประโยชน์อย่างยิ่ง ในใจจ้านอู๋มิ่งรู้สึกอบอุ่น จู้เชียนเชียนกังวลเื่ความปลอดภัยของเขา ลอบเตรียมทางหนีให้เขาเงียบๆ ทางหนึ่ง แม้จะต้องอยู่ตัวคนเดียว ก็ยังมีนาวาปราณจิติญญา สามารถเดินทางกลับมาได้
“เป็อย่างไร เป็สิ่งของใด?” ต้วนหลิวฉางถามอย่างร้อนรน
“ล้ำค่ามาก แต่องค์หญิงเชียนเชียนมิได้บอกเ้า ข้าก็มิสามารถพูดได้ สิ่งของนี้เป็สิ่งที่ข้าขอยืมนางในวันนั้น มิใช่สิ่งของที่นางมอบให้ จะต้องนำไปคืนภายหลัง” จ้านอู๋มิ่งแสร้งทำเป็จริงใจ
“สิ่งของที่ล้ำค่า และยังต้องนำไปคืน?” ดวงตาต้วนหลิวฉางเปล่งประกายแล้ว คล้ายดั่งโล่งอก สบตากับจ้านอู๋มิ่งแล้วหัวเราะ
นาวาปราณจิติญญาชั้นสูงขององค์หญิงเชียนเชียนหากประมูลซื้อกันในสถานที่ประมูล เกรงว่าจะต้องขายหินอัคคีิญญาระดับกลางไปหลายพันก้อน แม้จะใช้สมบัติทั้งหมดของจ้านอู๋มิ่งก็ยังไม่เพียงพอที่จะซื้อนาวาลำนี้ เวลานี้สถานที่พำนักของคุนเผิงปรากฏขึ้น เกรงว่ามูลค่าของเรือลำนี้จะยิ่งสูงมากขึ้นกว่าเดิม
นาวาปราณจิติญญาระดับยิ่งสูง อัตราความเร็วในมหาสมุทรก็ยิ่งเร็วมาก ขอเพียงบรรจุหินอัคคีิญญาในรางใส่หินอัคคีิญญาบนเรือให้เพียงพอ ความเร็วยังรวดเร็วกว่าการเหาะเหินของราชันาเสียอีก
ในน่านน้ำมหาสมุทรบริเวณสถานพำนักของคุนเผิง มีนาวาปราณจิติญญาวัตถุระดับสูงลำหนึ่งก็สามารถช่วยชีวิตได้ ขอเพียงหินอัคคีิญญามีมากเพียงพอ นาวาปราณจิติญญาชนิดนี้มิเพียงสามารถแล่นในน่านน้ำมหาสมุทรเท่านั้น ยังสามารถเหินบินที่ระดับความสูงไม่มากนักได้ แต่แล่นในมหาสมุทรประหยัดหินอัคคีิญญาได้มากกว่า เพราะมิต้องลอยตัวอยู่กลางอากาศ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้